เมื่อลูกค้าขู่จะไม่มาอีกถ้าปล่อยให้มีพวกรักร่วมเพศเข้ามาใช้บริการ มาดูกันว่าทางร้านตอบยังไง คนญี่ปุ่นถึงได้แชร์กันกระจายทั่วทวิตเตอร์
เครดิตจากเพจ ภาษาญี่ปุ่นที่โรงเรียนไม่สอน โพสต์ภาพข้อความเล่าเรื่องซูเปอร์แห่งหนึ่งของญี่ปุ่นได้รับจดหมายเคลมว่า "เจอผู้ชายเดินจูงมือกัน น่าขยะแขยง ร้านควรป้องกันไม่ให้พวกรักร่วมเพศเข้าร้าน" ขณะที่คำตอบของทางร้านนั้นได้ใจชาวเน็ตญี่ปุ่นแชร์กันกระจาย
" พวกซูเปอร์ของญี่ปุ่นจะชอบมีกระดาษให้ลูกค้าเขียนความคิดเห็น ข้อติชม หรือสินค้าที่อยากได้ค่ะ เหตุการณ์นี้ก็เกิดจากกระดาษใบนี้แหละที่มีลูกค้าคนนึงเขียนมาสรุปความได้
'ชอบมาที่ร้านบ่อย ของถูกและดี แต่เมื่อวานดันไปเห็นผู้ชายเดินจับมือกันลงมาจากรถที่ลานจอดรถ น่าจะเป็นพวกรักร่วมเพศ เดี๋ยวนี้มีเยอะเนอะ เห็นแล้วขยะแขยง ทางร้านน่าจะหาทางไม่ให้คนพวกนี้เข้าร้านนะ พวกรักร่วมเพศนี่มันควรจะหลบๆ ซ่อนๆ อยู่กับบ้านซะ ถ้าที่ร้านไม่ทำอะไรจะไม่มาอีกแล้ว และจะประจานลงเน็ตด้วย'
ตามปกติจดหมายพวกนี้ผู้จัดการร้าน (店長 てんちょう) จะเป็นคนตอบค่ะ แต่งวดนี้จดหมายกลับตอบจากผู้จัดการโปรเจกท์ (室長 しつちょう) อันมีชื่อว่า 'โปรเจกท์พัฒนาการดำรงชีวิตอย่างเป็นตัวของตัวเองที่สว่างสดใส' ของบริษัทแม่ ซึ่งตอบกลับมาว่า
"จะขอกล่าวจากบทสรุปนะครับ ไม่ต้องมาร้านของเราอีก"
"บริษัทของเราให้บริการกับลูกค้าทุกท่านเหมือนๆ กัน โดยไม่เกี่ยวว่าจะเป็นผู้รักร่วมเพศหรือรักต่างเพศ เราไม่มีความคิดว่าลูกค้าคือพระเจ้าแม้แต่คนเดียวครับ ลูกค้าทุกท่านล้วนแต่เป็นลูกค้าที่สำคัญทั้งนั้น
ท่านที่ดูถูกลูกค้าของเรา บริษัทของเราจึงไม่อาจต้อนรับท่านในฐานะลูกค้าได้ เพราะฉะนั้น กรุณาอย่ามาร้านของเราอีกเป็นครั้งที่สอง"
"นอกจากนี้ บริษัทของเรายังมีพนักงานที่เป็น LGBT ทำงานอยู่หลายคน แต่พวกเราไม่มีความเห็นว่า น่าขยะแขยง ลาออกไปซะ แม้แต่นิดเดียวครับ เราไม่ได้ตั้งใจจะปฏิเสธวิธีคิดหรือความรู้สึกของท่าน แต่ขอความกรุณาเลิกกระทำการที่เป็นการเหยียบย่ำวิถีชีวิตของชาว LGBT ครับ เราขอท่านเพียงเท่านี้ครับ"
ข้อความที่แสดงออกชัดเจนว่ามีสิ่งสำคัญกว่าการต้อนรับลูกค้าไม่ดีเพื่อเงิน ทำให้ชาวญี่ปุ่นแชร์และยินดี เห็นด้วยกับข้อความนี้กันใหญ่ในทวิตเตอร์เลยล่ะค่ะ
ส่วนคนที่โพสต์เรื่องนี้ลงเน็ตก็เขียนปิดท้ายด้วยว่า ' この会社で働いててよかった ' หรือ ' ดีจริงๆ ที่ได้ทำงานที่บริษัทแห่งนี้ '
ในสังคมญี่ปุ่น การเป็น LGBT หรือ Lesbian , Gay , Bi-sexual และ Transgender นั้น ยังไม่ได้รับการยอมรับเท่าที่ควรค่ะ แต่ถึงในระดับตัวบุคคลจะยังมีคนนิสัยแบบคนที่กล้าเขียนข้อความแบบนี้ส่งให้ผู้อื่นอยู่ ในระดับสังคมหรือองค์กร ก็มีความพยายามที่จะให้ความเท่าเทียมในสังคมเพิ่มขึ้นค่ะ
อย่างน้อยๆ ที่ญี่ปุ่นก็มีชิบุย่าที่จดทะเบียน Partnership หรือ 'จดทะเบียนคู่ชีวิต' สำหรับคนรักร่วมเพศได้ค่ะ ถึงจะไม่ได้มีสิทธิ์เท่ากับการจดทะเบียนสมรส แต่ก็ถือว่าเป็นก้าวย่างที่ดีเลยล่ะ !
สำหรับภาษาญี่ปุ่นวันละหลายคำ ก็ยังมีคำว่า
L Lesbian ญี่ปุ่นมักจะเรียกว่า レズ
G Gay ก็คือ ゲイ
ในขณะที่คนไทยและญี่ปุ่นอาจจะคุ้นกับคำว่า ホモ หรือ โฮโม
คำนี้บางคนอาจจะคิดว่าหมายถึง ชายรักชาย
แต่จริงๆ มันมาจากคำว่า Homosexual ซึ่งแปลว่า 'รักร่วมเพศ' โดยไม่จำเป็นต้องเกี่ยงว่าเป็นชายหรือหญิงค่า
อันที่จริงคนญี่ปุ่นที่เข้าใจว่า ホモ หมายถึง ชายรักชาย ก็เยอะน้า "
เครดิต คมชัดลึก ออนไลน์
เมื่อมีลูกค้าเคลมทางร้านว่า “ ขยะแขยงเกย์ ” ทางร้านจึงได้ตอบกลับไปว่า...
เมื่อลูกค้าขู่จะไม่มาอีกถ้าปล่อยให้มีพวกรักร่วมเพศเข้ามาใช้บริการ มาดูกันว่าทางร้านตอบยังไง คนญี่ปุ่นถึงได้แชร์กันกระจายทั่วทวิตเตอร์
เครดิตจากเพจ ภาษาญี่ปุ่นที่โรงเรียนไม่สอน โพสต์ภาพข้อความเล่าเรื่องซูเปอร์แห่งหนึ่งของญี่ปุ่นได้รับจดหมายเคลมว่า "เจอผู้ชายเดินจูงมือกัน น่าขยะแขยง ร้านควรป้องกันไม่ให้พวกรักร่วมเพศเข้าร้าน" ขณะที่คำตอบของทางร้านนั้นได้ใจชาวเน็ตญี่ปุ่นแชร์กันกระจาย
" พวกซูเปอร์ของญี่ปุ่นจะชอบมีกระดาษให้ลูกค้าเขียนความคิดเห็น ข้อติชม หรือสินค้าที่อยากได้ค่ะ เหตุการณ์นี้ก็เกิดจากกระดาษใบนี้แหละที่มีลูกค้าคนนึงเขียนมาสรุปความได้
'ชอบมาที่ร้านบ่อย ของถูกและดี แต่เมื่อวานดันไปเห็นผู้ชายเดินจับมือกันลงมาจากรถที่ลานจอดรถ น่าจะเป็นพวกรักร่วมเพศ เดี๋ยวนี้มีเยอะเนอะ เห็นแล้วขยะแขยง ทางร้านน่าจะหาทางไม่ให้คนพวกนี้เข้าร้านนะ พวกรักร่วมเพศนี่มันควรจะหลบๆ ซ่อนๆ อยู่กับบ้านซะ ถ้าที่ร้านไม่ทำอะไรจะไม่มาอีกแล้ว และจะประจานลงเน็ตด้วย'
ตามปกติจดหมายพวกนี้ผู้จัดการร้าน (店長 てんちょう) จะเป็นคนตอบค่ะ แต่งวดนี้จดหมายกลับตอบจากผู้จัดการโปรเจกท์ (室長 しつちょう) อันมีชื่อว่า 'โปรเจกท์พัฒนาการดำรงชีวิตอย่างเป็นตัวของตัวเองที่สว่างสดใส' ของบริษัทแม่ ซึ่งตอบกลับมาว่า
"จะขอกล่าวจากบทสรุปนะครับ ไม่ต้องมาร้านของเราอีก"
"บริษัทของเราให้บริการกับลูกค้าทุกท่านเหมือนๆ กัน โดยไม่เกี่ยวว่าจะเป็นผู้รักร่วมเพศหรือรักต่างเพศ เราไม่มีความคิดว่าลูกค้าคือพระเจ้าแม้แต่คนเดียวครับ ลูกค้าทุกท่านล้วนแต่เป็นลูกค้าที่สำคัญทั้งนั้น
ท่านที่ดูถูกลูกค้าของเรา บริษัทของเราจึงไม่อาจต้อนรับท่านในฐานะลูกค้าได้ เพราะฉะนั้น กรุณาอย่ามาร้านของเราอีกเป็นครั้งที่สอง"
"นอกจากนี้ บริษัทของเรายังมีพนักงานที่เป็น LGBT ทำงานอยู่หลายคน แต่พวกเราไม่มีความเห็นว่า น่าขยะแขยง ลาออกไปซะ แม้แต่นิดเดียวครับ เราไม่ได้ตั้งใจจะปฏิเสธวิธีคิดหรือความรู้สึกของท่าน แต่ขอความกรุณาเลิกกระทำการที่เป็นการเหยียบย่ำวิถีชีวิตของชาว LGBT ครับ เราขอท่านเพียงเท่านี้ครับ"
ข้อความที่แสดงออกชัดเจนว่ามีสิ่งสำคัญกว่าการต้อนรับลูกค้าไม่ดีเพื่อเงิน ทำให้ชาวญี่ปุ่นแชร์และยินดี เห็นด้วยกับข้อความนี้กันใหญ่ในทวิตเตอร์เลยล่ะค่ะ
ส่วนคนที่โพสต์เรื่องนี้ลงเน็ตก็เขียนปิดท้ายด้วยว่า ' この会社で働いててよかった ' หรือ ' ดีจริงๆ ที่ได้ทำงานที่บริษัทแห่งนี้ '
ในสังคมญี่ปุ่น การเป็น LGBT หรือ Lesbian , Gay , Bi-sexual และ Transgender นั้น ยังไม่ได้รับการยอมรับเท่าที่ควรค่ะ แต่ถึงในระดับตัวบุคคลจะยังมีคนนิสัยแบบคนที่กล้าเขียนข้อความแบบนี้ส่งให้ผู้อื่นอยู่ ในระดับสังคมหรือองค์กร ก็มีความพยายามที่จะให้ความเท่าเทียมในสังคมเพิ่มขึ้นค่ะ
อย่างน้อยๆ ที่ญี่ปุ่นก็มีชิบุย่าที่จดทะเบียน Partnership หรือ 'จดทะเบียนคู่ชีวิต' สำหรับคนรักร่วมเพศได้ค่ะ ถึงจะไม่ได้มีสิทธิ์เท่ากับการจดทะเบียนสมรส แต่ก็ถือว่าเป็นก้าวย่างที่ดีเลยล่ะ !
สำหรับภาษาญี่ปุ่นวันละหลายคำ ก็ยังมีคำว่า
L Lesbian ญี่ปุ่นมักจะเรียกว่า レズ
G Gay ก็คือ ゲイ
ในขณะที่คนไทยและญี่ปุ่นอาจจะคุ้นกับคำว่า ホモ หรือ โฮโม
คำนี้บางคนอาจจะคิดว่าหมายถึง ชายรักชาย
แต่จริงๆ มันมาจากคำว่า Homosexual ซึ่งแปลว่า 'รักร่วมเพศ' โดยไม่จำเป็นต้องเกี่ยงว่าเป็นชายหรือหญิงค่า
อันที่จริงคนญี่ปุ่นที่เข้าใจว่า ホモ หมายถึง ชายรักชาย ก็เยอะน้า "
เครดิต คมชัดลึก ออนไลน์