คำสอนของยายให้เอาชนะผี

*หมายเหตุ  เรื่องเล่านี้  "ไม่ใช่การเล่าของเรา" เราได้ขออนุญาตโดยตรงเพื่อนำมาลงในพันทิปให้คนนอกกลุ่มได้อ่านกัน
เป็นเรื่องเล่าของพี่คนหนึ่ง   ที่เล่าลงในกลุ่มเฟสกลุ่ม  เรื่องเล่าจากหลุมฝังศพ"ค่ะ"



สวัสดีเราเป็นสาวประเภท2นะ
เราไม่ได้อยากดังหรือเป็นเน็ตไอดอลใดๆ
เราแค่อยากจะเล่าเรื่องลี้ลับให้เธออ่าน
สำหรับวันนี้ เราอยากจะเล่าประวัติของเรา

ต้องบอกว่าสมัยก่อน เราเป็นคนหนึ่งที่กลัวสิ่งที่เรียกว่า "ผี" มากๆ ..มากแค่ไหนน่ะหรอ ก็ถึงขั้นกรี๊ดกร๊าดสติหลุดน่ะ
เราเป็นคนพังงา พิกัด ขอไม่ระบุ มันไม่สำคัญอะไร
ยายกับตาเรามีลูกหลานหลายคน ในรูปที่เราเอามาลงเนี่ย หลานๆและลูกพี่ลูกน้องเรานะ แต่ว่าเราต้องอยู่กับยายตั้งแต่เด็ก เพราะว่าพ่อเราเอาแล้วทิ้ง เราเคยเห็นรูปพ่อเหมือนกัน แต่นานมากแล้ว ซึ่งเราก็ไม่ได้ไปสนใจตามหาพ่อ รู้แค่ว่าพ่ออยู่ระนอง พอเราประมาณ7-8ขวบ แม่เราก็ไปได้กับพ่อบุญธรรม เป็นชาวอเมริกันฮาวาย เจอกันที่ภูเก็ต แล้วก็เสร็จกันที่นั่นอ่ะล่ะ


ทีนี้พ่อบุญธรรมเรา เขาก็มีน้องกับแม่เรา เขาจะพาเราไปอยู่ด้วยกันที่ฮาวาย แต่ตอนนั้นเราก็เริ่มโตเป็นควายละ เราคุยภาษาฝรั่งไม่เป็น เราก็ไม่ยอมไป เพราะเอาจริงๆเราก็ไม่ได้สนิทกับแม่เท่าไหร่ เพราะอยู่กับยายมากกว่าแม่ เขาก็เลยทิ้งเราไว้ที่พังงา แล้วก็ส่งเงินมาให้แทน ปีนึงก็กลับมาสักครั้ง
ตอนเราอยู่กับยายน่ะ เราไม่กล้าเผยตัวตนหรอก ว่าเรามีความอยากเป็นหญิง เพราะยายชอบบอกใครต่อใครด้วยความคาดหวังว่า ถ้าเราโตไป จะส่งเสียให้เราได้เป็น ทหาร ตำรวจ ทนาย ครู อันนั้นเราก็อึดอัดนะ เพราะต้องเก็บตัวตนตลอดเวลาอยู่ในหมู่บ้าน
ครูที่โรงเรียนสมัยนั้นถามเรา

"เอ้า ด.ช.ป๋อง (ชื่อเดิมเรา) โตขึ้นอยากเป็นอะไร"

"เป็นผู้หญิงค่ะ"

ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ กั๊กๆๆๆๆ ไอ้ป๋อง จะเป็นผู้หญิง
เพื่อนก็หัวเราะกันครืน ทุบโต๊ะกันตึงตัง
เพราะคิดว่าเราตอบเล่นมุกใส่ครู วรรณา เราก็ได้แต่ยิ้มเจื่อนๆแล้วตอบไปว่า

"เซอร์ เยส เซอร์ อยากเป็นทหารครับ ฮู้ย่าส์สสส"

ตะเบ๊ะขึงขังแล้วนั่งลง ถอนหายใจ ไม่คิดว่ากูอยากเป็นนางสาวไทยบ้างไง๊
ตอนนั้นเราเริ่มรู้ตัวแล้วว่า เราเป็นคนมีสัมผัสของกระเทยเห็นผี ในวันหนึ่งที่ฝนพรำๆ มืดๆค่ำๆเราช่วยยายตำน้ำพริก อยู่ที่ริมหน้าต่าง เธอคิดถึงฉันบ้าง ไหมน้อเธอ บะบะบ้าแล้ว นั่นมันเพลงพี่เสก ตำๆอยู่โป่กๆๆๆ กระเทยหัวโปกนั่งโขกน้ำพริก
จังหวะนั้นใกล้ๆบ้านยายห่างออกไป50มตร จะมีบ้านอยู่หลังนึง ลักษณะจะเป็นโรงนาเก็บของ ของยายเรานี่ล่ะ เคยมีคนลือให้เราได้ฟังว่า ยายน่ะ เก็บศพตาเอาไว้ในนั้น เราก็ไม่เคยเข้าไปใกล้หรอกนะ ตอนนั้นกลัว แต่วันนั้น เราเห็น เหมือนมีเงาใครเดินไปเดินมา วูบๆวาบๆในโรงเก็บของ เราก็แต๋วแตกทิ้งสาก

"วั๊ยยยย ตายแล้ว"

ยายเดินมาพอดี เราหันไปสบตา ยิ้มให้เขินๆ

"อะไร วั้ยอะไรไอ้ป๋อง ร้องเป็นตัวเมียเลยนะมืง"

เราไม่ตอบอะไร หยิบสากตำต่อ หลังจากหนนั้นมา เวลายายใช้เราไปเอาของในโรงเก็บของ เราก็จะอิดออด บ่ายเบี่ยงได้ก็จะทำ จนโดนยายตี เพราะยายบอกว่าเราดื้อ ใช้งานไม่ได้
จนเราต้องบอกยายว่าเรากลัวผีตา
ต่อมาเราได้ไปเรียนต่อ มัธยม โรงเรียนในตัวเมืองพังงา เราก็ไปเช่าห้องอยู่คนเดียว เพราะแม่ส่งเงินมาให้ตลอด โดยมีน้าสาวที่มาได้สามีอยู่ที่นั่น คอยช่วยสอดส่องดูแลเราเป็นบางที
เราก็เหมือยกระเทยที่ได้โบยบิน เรามีเพื่อนเป็นหญิง เป็นเทยหลายคน เราไม่ต้องปกปิดตัวตนละตอนอยู่ที่นั่น เราทาแป้งเด็กหน้าขาววอก ทาปากด้วยอุทัยทิพย์ให้แดง ความแรดและวิญญาณแห่งหญิงสาวที่ถูกกักขังมันได้สำแดงเดช
จนน้าสาวรู้ เราก็ขอร้องไม่ให้น้าบอกยาย เพราะคนสมัยเก่า เขารับอะไรแบบนี้ได้ยาก



เราเปลี่ยนชื่อตัวเองเสียใหม่จาก "ไอ้ป๋อง" เป็น "น้องป๋องแป๋ง"
แต่เพื่อนๆเรามันก็เรียก "อีป๋อง"มากกว่าเรียก ป๋องแป๋ง และเราก็เป็นกระเทยหัวโปกที่กลัวผีได้อย่างกรี๊ดแตกมาก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผีที่คิดไปเอง
ต่อมา ยายมาธุระในเมืองพังงา แกก็แวะมาหาเราที่ห้องโดยไม่บอกไม่กล่าว งานเข้า เพราะเรากำลังสุมหัวชมรมเทยพอดี ยายมาเคาะห้อง เราก็นึกว่าเพื่อน เปิดทันทีเพราะคิดว่าเป็นเพื่อนอีกคน ที่นัดไว้

"อ้าววว ว่าไงอีอาร์ม มาช้าจังนะคะ หะหะเห้ย ยาย"

มีความเป็นสุญญากาศเกิดขึ้นตอนนั้น เหมือนโลกหยุดหมุน กล้องถ่ายทำ หมุนไปรอบตัว ยายมองเราหัวจรดเท้า อึ้งๆ เพราะตอนนั้น ก็นะ มุ้งมิ้งอุทัยทิพย์เลยล่ะแล้วยายก็เดินกลับเลย ยายไม่โทรคุยโทรหาเรา ไม่รับสายเราอยู่หลายเดือน จนปิดเทอม เรากลับบ้าน
เราแต่งตัวเป็นชายกลับบ้าน ยายถาม

"มืงเป็นใช่มั้ย"

"ป่าวครับ"

"เป็น ก็เป็น ตามใจมืง ยายไม่ว่า เอาต่ะ ตามสบายมืง"

เราก็เลยเปิดตัวละ คนทั่วทั่งหมู่บ้านรู้ว่าเราเป็นเทย บางคนเขาก็ขำๆ บางคนเฉยๆ บางคนก็หัวเราะ ล้อเลียน ยิ่งพวกเพื่อนๆที่เรียนประถมมาด้วยกัน เจอกันทีนึง มันก็จะแซว

"เอ้า ว่าไงไอ้ป๋อง ทำตามความฝันแล้วใช่มั้ย โตไปเป็นสาว ฮ่าๆๆๆๆๆ"

"แม่มืงเออ"

"อ้าวๆ อีกระเทยป๋อง เดี๋ยวกูเตะเลย"

"เตะมาก็เตะกลับ แน่จริงมาเลย กระเทยก็เตะเป็นนะโว้ย"

พอทำท่าจะบานปลาย เพื่อนๆก็แยกบ้านใครบ้านมัน แต่เราก็พัฒนารูปลักษณ์ตัวเองมาตลอด เราบอกกับแม่เรื่องนี้ โชคดีว่าพ่อบุญธรรมเรา เขาเข้าใจเรื่องพวกนี้ดี เพราะฝรั่งเขาจะมีมุมมองต่างจากคนไทย พ่อเลี้ยงก็เป็นคนสนับสนุนงบประมาณให้เรา ทำตามที่ใจต้องการ
วกมาที่เรื่องการเห็นผี ว่าด้วยเรื่อง เรากลัวผีมาก แต่ยายเราก็จะพูดทุกครั้งว่า

"มืงตั้งสติไอ้ป๋อง มองดี พิจารณาดีๆ"

"ผีนะจ้ะยาย พิจารณาอะไรจ้ะ"

"ผี มันก็คือวิญญาณของคนที่ไม่มีร่างกายอยู่ มืงมองดูแขนมืงซี เอ้า ยกมันขึ้นมา มองหน้าตัวเองในกระจกซีวะ"

ยกแขนขึ้นมอง มองหน้าตัวเองในกระจก

"ก็แขนฉัน หน้าฉันไงยาย ทำไม"

"มืงรู้ไหม เราทุกคนก็คือผี"

"จะผีได้ไง เราก็คือคนนี่ยาย"

"แล้วมืงว่าผีกับคนต่างกันตรงไหน"

"ผีเหาะได้ หายตัวได้ แหกอกได้ โผล่ตรงไหนก้ได้จ่ะ"

"ไม่ใช่ มืงคิดใหม่ เอาจุดที่ทำให้คนกลายเป็นผีสิ"

เรานั่งคิดเหมือนอิคคิวซัง แต่ไม่ต้องแตะน้ำลายทาหัวเพราะกลัวเกลื้อนจะขึ้นหัว แต่ก็บอกไปได้ตามที่สมองคิด

"คน พอตาย ก็กลายเป็นผี เป็นผีก็ไม่มีร่างกาย ผีไม่มีกายเนื้อ แต่คนมีกายเนื้อ"

"เออ นั่นล่ะ มืงเห็นหมาเน่าที่นอนตายบนถนนไม๊"

"เห็นจ่ะ"

"มืงกลัวหมาเน่าไม๊"

"ไม่กลัวจ่ะ แต่ไม่เข้าใกล้ เพราะมันเหม็นและเน่า"

"มืงเคยเห็นศพคนตายไม๊"

"เคยจ่ะ"

"มืงกลัวไม๊"

"กลัวจ่ะ"

"อ้าว ไม่กลัวซากหมาเน่า แล้วทำไมกลัวศพคน"

"ก็เป็นศพคน เป็นผีได้นี่จ๊ะ"

" ไอ้ป๋องเอ๊ย มืงรู้ไม๊ หมา มันก็เป็นผีได้นะ เพราะมันมี
ดวงวิญญาณเหมือนกัน"

"......................นิ่ง"

"ใครจะไปรู้ เวลามืงเดินกลางค่ำกลางคืน มืงเห็นหมาวิ่งอยู่ มืงรู้หรอว่ามันเป็นผีหมา หรือหมาจริงๆ มืงเคยวิ่งหนีหมาที่วิ่งตอนกลางคืนไม๊"

" ไม่จ่ะ"

"เห็นไม๊ มืงไม่กลัวผีหมา แล้วทำไมต้องกลัวผีคน มันก็มีแต่วิญญาณ มันมาบีบคอมืงไม่ได้หรอก ถ้ามันไม่เข้าสิงคนอื่นมา มันได้แต่หลอกให้มืงกลัวนั่นล่ะ"

"แล้วถ้ามันมาหลอก จะให้ฉันทำยังไงล่ะจ้ะ"

"มืงก็ลองหวดกับส้นเท้า มันดูสักทีสองทีเข้าสิ โอกาสดีๆที่จะได้ลองเตะผี มันหาไม่ง่ายนะโว้ย มืงก็เคยเห็นใช่มั้ย สมัยยายไล่ผีปอบ แล้วมืงตามไปดู ยายตบหน้ามันเล่นกับน่องไก่น่ะ"

"แต่มันมาเละๆ ลิ้นจุกปาก แหกอก ควักไส้ ทำไงละจ้ะ"

"มืงก็มองให้มันเป็นหมาเน่าตัวนึงสิวะ มันทำได้แต่หลอกเป็นภาพ เป็นกลิ่นเป็นเสียงแล่ะไอ้ผีเนี่ย มันจับมืงไม่ได้ ถ้ามันหน้ามาใกล้ๆ ก็ตบใส่มันสักที "

จากการคุยกับยายครั้งนั้น เราก็เหมือนกระเทยที่มีดวงตาเห็นธรรม เออ เนอะ ศพคน ศพหมา เวลาเน่ามันก็ไม่ต่าง ผีไม่มีร่างกาย มาได้แค่เสียง กลิ่น ภาพ เป็นโฮโลแกรมล้ำๆให้เราดู

เอาซี่ หลังจากนั้นมา เวลาเราเจอผี แรกๆเราก็กลัวนะ เพราะตกใจและไม่ทันตั้งตัว แต่พอสติมา ดวงตาเห็นธรรมคืนมา
เราก็โดดตบโดดเตะใส่มันเหมือนกัน
สร้างความกล้าเพื่อเอาชนะความกลัว ลองเข้าไปใกล้ๆ แล่บลิ้นใส่กูหรอ อ้อ อีผีดอกส์สสส อย่ามั่นหน้ามากนัก
หน้ากูน่ากลัวกว่าเยอะ (ตอนนั้น)
แล้วมันก็ได้ผลทุกครั้ง
ที่สำคัญ ยายบอก หมั่นสร้างความดี สร้างบุญบารมีด้วยนะ สติ ปัญญา บารมี 3สิ่งนี้ ผีตนไหนเราก็เอาชนะได้
เราไม่ได้กลัวผีหรอกจริงแล้ว
เราแค่ขาดสติ
เราแค่ตกใจ
เราแค่ไม่คุ้นเคยกับมัน

...แต่เราไม่หวั่น แม้วันผีมามาก
ฉันอาจจะตกใจ แต่เราจะเป็นเทยไทย ที่แว้งกลับมาตบกะโหลกพวกผีให้ยุบ โทษฐานหลอกไร้สาระ
แต่อย่าคิดนะว่าฉันไม่เชื่อเรื่องผี...เลยเขียนเรื่องนี้ขึ้นมา
เราเชื่อที่สุด คิดเป็นเปอร์เซ็นประมาณ ระยะทางจากโลกไประบบสุริยะ แทรพพิสท์-1 ได้เลย ว่ามันมีจริงๆ
แต่เราไม่กลัว

และเราไม่ไปท้าทายกับพวกเทวดา หรือผีโบราณ ผีชั้นสูงนะ
พวกนั้นเขาสายแข็ง และบันดาลอะไรได้หลายอย่าง
เออ... ยาวละ เล่าให้ฟังเฉยๆ  จุ๊ฟๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่