กรรมของแมว ๑๖ พ.ค.๖๐

เรื่องสั้น

กรรมของแมว

เพทาย

วันนั้นเป็นวันอาทิตย์ ผมลงจากรถโดยสารปรับอากาศสาย ๑๖ ที่ป้ายเลยสี่แยกมาบุญครองไปหน่อย แล้วก็เดินลัดเลาะเข้าไปในอาณาเขตสยามสแควร์ เพื่อจะไปทำบุญที่วัดปทุมวนาราม ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พอจะขึ้นสะพานลอยคนเดิน มองเห็นตู้โทรศัพท์เรียงเป็นแถว จึงนึกขึ้นมาได้ถึงแมวสองตัว ที่ส่งไปทำหมันแถวตลาดห้วยขวาง ตัวแรกป่วยมาสองสามวันแล้ว จึงยังไม่ได้รับกลับบ้าน ขอฝากไว้ให้เขาดูแลด้วย ตัวหลังเพิ่งป่วยเมื่อคืนนี้เอง เป็นโรคเดียวกันคือท้องเสีย ไม่รู้ว่าจะเป็นตายร้ายดีประการใด

เมื่อหยอดเหรียญลงไปในตู้โทรศัพท์ และมีเสียงกริ่งเรียกดังอยู่ในหูโทรศัพท์ของผมแล้ว ก็ยืนรอคนมารับสาย ระหว่างรอก็นึกลำดับเหตุการณ์ที่ผ่านมาไม่นานนี้

เมื่อแม่แมวสองตัวคือ นังสีเทา กับนังอ้วน พาลูกมาอยู่ในบ้านผมนั้น ครอบครัวของนัง สีเทา อยู่ในสวนหน้าบ้าน ลูกของมันก็ค่อยลืมตาขึ้น แล้วก็โตวันโตคืน วิ่งเล่นอยู่ทั่วบริเวณ จนต้นไม้ในกระถางหงิกงอหักพับไปตาม ๆ กัน แต่ไม่ไปทางหลังบ้าน

ครอบครัวของนังอ้วน อยู่ใต้เตียงที่วางสัมภารกหลังบ้าน ซุกอยู่ในกล่องเปล่าใบหนึ่ง มันไม่ยอมให้ใครแตะต้องตัวทั้งแม่ทั้งลูก มันจะออกมาจากรังเพื่อกินอาหาร ที่ผมให้เป็นประจำ แล้วก็กลับเข้าที่ นอนให้นมลูก

จนกระทั่งลูกทั้งสองตระกูลเติบโตขึ้นมาไล่เรี่ยกัน และผมให้อาหารทางหน้าบ้าน เพื่อจะล่อให้มันออกไปกินนอกบ้าน มันก็ไม่ยอมออก แต่กินอาหารจานเดียวกันได้ จนกระทั่งลูกแมวอายุได้ประมาณห้าเดือน แม่ทั้งสองก็ทิ้งลูกมันไว้ให้ผมเลี้ยง ทั้งคู่ไม่ได้ย่างกรายเข้ามาในบ้านผมอีกเลย คอยอาศัยกินอาหารข้างนอกบ้านรวมกับแมวพเนจรตัวอื่น ๆ

ขณะนั้นผมจะสังเกตได้แล้ว ว่าลูกทั้งหมดของมัน ตัวไหนเป็นตัวผู้ ตัวไหนเป็นตัวเมีย ผมก็ตั้งชื่อให้มันสำหรับผมจะเรียกเอง พวกหน้าบ้านหกตัวเหลือสี่ตัว เจ้าตัวโตชื่อกระดิ่งก็เกิดป่วย นอนแบ็บไม่ยอมกินข้าวกินปลา กินแต่น้ำ หลานผมคนหนึ่ง ทำนายว่าตายแน่ ๆ แต่เขาเคยเอายาพาราเซตามอน บดกรอกให้แมวกินเมื่อนานมาแล้ว จำไม่ได้ว่าผลเป็นอย่างไร คราวนี้ผมจึงลองดูบ้าง ปรากฏว่าวันรุ่งขึ้นเจ้ากระดิ่งคางบวมตุ่ย คล้ายคนเป็นโรคต่อมทอลซินอักเสบ ผมก็ใจไม่ค่อยดีว่า มันเป็นของมันเองหรือเป็นเพราะยาของผม

แต่วันต่อมาอาการบวมก็ลดลง และเดินมาดม ๆ อาหารเม็ดได้ ผมก็ดีใจเที่ยวหาอาหารแมวที่เป็นซองข้างในเละ ๆ มาให้มันกิน มันก็กินได้นิดหน่อย ที่เหลือเจ้าตัวอื่นช่วยกินหมด

อีกสองสามวันต่อมา พอเจ้ากระดิ่งทุเลาลงพอจะกินอาหารเม็ดได้ เจ้าตัวรองชื่อ พุงลายก็นอนซมบ้าง แต่เจ้าตัวนี้ไม่สบายแล้วก็ออกจากบ้านหายเงียบไปเลย เจ้าตัวที่สามชื่อนมเย็นก็พลอยออกจากบ้านไปด้วย สองสามวันแรกยังมากินอาหารที่นอกบ้าน แต่แล้วก็หายเงียบหาไม่เจออีกตัวหนึ่ง เหลือแต่เจ้าตัวที่สี่ชื่อเจ้าปะซึ่งเป็นตัวเมีย จึงได้ส่งไปให้ผู้มีใจเมตตาที่ห้วยขวาง ช่วยพาไปทำหมันให้ และต้องนอนพักรอให้แผลหายอีกเจ็ดวัน แต่เพิ่งอยู่ได้ไม่กี่วัน ก็ได้รับแจ้งว่าป่วยเหมือนเจ้าตัวแรก ตั้งแต่เมื่อคืนนี้

ส่วนพวกหลังบ้าน เมื่อมันไปกินอาหารรวมกับพวกหน้าบ้านแล้ว ก็จะกลับมาเล่นหรือนอนที่หลังบ้านตามเดิม เจ้าตัวที่สองชื่อเจ้าเลอะเทอะ ออกไปนอกบ้านแล้วก็หายไปเลย ไม่ทราบว่าเป็นสุขหรือทุกข์อย่างไร เจ้าตัวที่สามชื่อมอมแมม ได้ส่งไปทำหมันก่อนเจ้าปะ ยังไม่ถึงเวลากลับบ้าน แล้วเจ้าตัวโตที่ชื่อเจ้าสั้น ก็ออกนอกบ้านหายไปอีกตัวหนึ่ง

คงเหลือแต่เจ้ากระดิ่งซึ่งหายป่วย อยู่คู่กับเจ้าซ่า ซึ่งเป็นแมวเลี้ยงที่แก่คราวพ่อคราวลุงของเจ้าพวกนี้เท่านั้น

เมื่อเจ้ามอมแมมไปอยู่ที่บ้านห้วยขวางได้ห้าวัน หลังจากทำหมันแล้ว ก็ได้รับโทรศัพท์จากเจ้าของบ้าน ว่า มันไม่สบาย ไม่กินอาหารและท้องเสียต้องพาไปหาหมอที่คลีนิค วันที่หกเมื่อผมเอาเจ้าปะไปฝากอีกจึงถือโอกาสเยี่ยมมอมแมมด้วย เขาว่าอาการดีขึ้นบ้าง แต่ยังต้องไปหาหมอให้ฉีดยาและให้น้ำเกลืออีกครั้ง และนัดว่าอีกเจ็ดวันค่อยมารับกลับพร้อมกับเจ้าปะด้วย ผมจึงให้เงินไว้จำนวนหนึ่งสำหรับค่าหมอคลีนิค และค่าทำหมัน ขาดเหลือค่อยว่ากันวันหลัง

แต่อีกสองวันต่อมา ผมก็ได้รับโทรศัพท์จากเจ้าของบ้านว่า เจ้าปะไม่สบายมีอาการเหมือนเจ้ามอมแมม ต้องพาไปคลีนิคด่วน ผมก็ใจหายขอร้องให้ช่วยดูแลรักษากันต่อไปตามสมควร แล้วผมก็ภาวนาให้มันทั้งสองตัว หายป่วยกลับบ้านได้โดยเร็ว เพราะไม่รู้จะทำอะไรให้ดีไปกว่านั้น

ความจริงผมไม่ค่อยเต็มใจที่จะพาแมวทั้งสองตัวไปทำหมัน เพราะตัวผมเองก็เกลียดการผ่าตัดอย่างยิ่ง ด้วยเคยถูกผ่าตัดเล็กน้อยมาสองครั้งแล้วในชีวิต การที่เอาแมวที่มันอยู่ของมันดี ๆ ไปทำให้มันเจ็บตัวนั้น มันก็คงไม่เต็มใจนัก และการทำหมันนั้นก็ไม่ใช่เพื่อประโยชน์ของมัน แต่เป็นประโยชน์สำหรับผม ที่จะได้ไม่ต้องเลี้ยงลูกมันเพิ่มขึ้นในภายหน้า แต่มีผู้แนะนำให้เห็นประโยชน์หลายประการและหลายคน ทั้งมีตัวอย่างให้ดูด้วยว่า หลังจากนั้นแล้ว แมวก็จะมีสุขภาพดี น่ารัก น่าเอ็นดู ผมจึงตัดสินใจพามันไปทำบ้าง โดยปลอบใจตนเองว่า มันจะได้อยู่เป็นเพื่อนกันไปอีกนาน จนกว่าผมจะตายก่อนมัน แต่ก็ยังไม่แน่ใจว่าจะเป็นการทำบุญหรือทำบาปกันแน่

เสียงกริ่งโทรศัพท์ดังอยู่ในหูผมครู่หนึ่ง ก็มีเสียงยกสาย ผมก็บอกชื่อตนเอง แต่ยังไม่ทันจะพูดว่ากระไร ก็มีเสียงลอดออกมาว่า

“ เจ้าปะไปเสียแต่เมื่อคืนแล้วค่ะ “

ผมนิ่งอยู่ชั่วอึดใจ หนึ่ง ใจหายเหมือนได้ข่าวว่าญาติตาย เสียงเจ้าของบ้านทางโน้นเล่าความถึงการพามันไปรักษาที่คลีนิค แต่อาการไม่ดีขึ้น เพียงคืนเดียวก็อยู่ไม่ถึงเช้า เธอแสดงความเสียใจอย่างยิ่งที่เกิดเรื่องเช่นนี้ เพราะไม่เคยมีมาก่อนเลย ช่วยเหลือพาแมวไปทำหมันมานานก็เรียบร้อยดีทุกตัว ผมก็ปลอบเธอว่า ผมไม่คิดอะไรเพียงแต่เสียใจในเคราะห์กรรมของมันเท่านั้น ส่วนเจ้ามอมแมมนั้นอาการดีขึ้น เธอบอกว่าจะต้องฉีดยาให้อีกเข็มหนึ่ง แล้วให้มารับกลับในวันพุธหน้า

ผมเดินซึมเข้าไปในวัดปทุมวนารามตามความตั้งใจเดิม นั่งรับศีลและฟังปาฐกถาธรรมจนจบ แล้วก็เอาเงินใส่กล่องรับบริจาค พร้อมกับอธิฐานส่งส่วนบุญให้กับเจ้าปะ ขอให้พ้นเวรพ้นกรรมเสียที เกิดใหม่ขอให้ได้ชีวิตที่ดีกว่านี้

เช้าวันรุ่งขึ้นผมก็ออกไปใส่บาตรอีกองค์หนึ่ง อุทิศส่วนกุศลให้แก่แมวที่เคยมากินข้าวของผมและตายจากไปแล้ว คือ นังทองดำ นังน้ำเงิน เจ้ากุฏิ เจ้าหูขาว เจ้าเดี่ยว รวมกับลูกแมวที่ยังไม่ลืมตา ตระกูลของเจ้าบุญรอดอีกหกตัว และสองตระกูลหลังนี้ ที่เพื่อนข้างบ้านบอกว่าได้เก็บศพใส่ถุงดำทิ้งถังขยะไปสามตัว และยังเหม็นเน่าอยู่ที่ใต้ถุนเตี้ย ๆ อีก ไม่รู้ว่ามันเป็นโรคอะไร ถึงได้ตายในเวลาใกล้เคียงกันถึงห้าตัว รวมทั้งสิ้นเป็นสิบหกตัวด้วยกัน

ขอจงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีเวรต่อกันเลย ไม่ว่าจะไปเกิดเป็นอะไรก็ตาม

วันต่อมาผมจึงค่อยมีความสบายใจขึ้น และนั่งรถเมล์ไปรับนังมอมแมมขึ้นรถแท็กซี่กลับจากบ้านห้วยขวาง พอหิ้วตะกร้าเข้าบ้านแล้วเปิดฝาออก มันก็ออกมายืนงงอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็ก้าวออกเดินด้วยอาการเป๋ ๆ ปัด ๆ คงเป็นเพราะต้องนอนคุดอยู่ในกรงสิบกว่าวัน จึงทำให้แข้งขาอ่อนแรงไป บ้าง

เมื่อผมเอาอาหารเม็ดมาใส่จานให้มันกิน มันก็ไม่กินแต่เที่ยวเดินไปดมที่โน่นที่นี่ เป็นการสำรวจพื้นที่ มันคงจะจำบ้านเก่าไม่ค่อยได้กระมัง เดินสำรวจเรื่อยไปจนเข้าไปในดงไม้เลื้อยข้างบ้านแล้วก็หายเงียบ ผมคิดว่ามันคงจะเข้าไปถ่าย ก็นั่งรออยู่แต่มันก็ไม่ออกมา ร้องเรียกมอมแมมหลายครั้งก็ยังเงียบ ไม่ยอมร้องตอบ จึงเดินไปดูก็เห็นเพียงลูกตาสีเหลืองจ้องเขม็ง มันแอบอยู่ลึกเกินกว่าที่ผมจะเอื้อมมือเข้าไปได้ จึงคิดในใจว่าแล้วแต่ใจของมันเถิด ถ้าจะเกลียดขี้หน้าผม จะไปอยู่ที่ไหนก็ไม่ว่า

แต่ถ้าพรุ่งนี้มันออกมากินอาหารเม็ดตามเดิม ผมก็คงจะเลี้ยงมันต่อไป เพื่อใช้หนี้ที่ทำให้มันเจ็บตัว พร้อมกับเจ้ากระดิ่ง และเจ้าซ่า จนกว่าจะตายจากกันไปข้างหนึ่ง สุดแต่เวรกรรม ไม่ของผม ก็ของแมวนั่นแหละ.

##########
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่