แม้ว่าจะเริ่มเข้าหน้าฝน เดี๋ยวก็ตก เดี๋ยวหยุด แต่ทะเลก็ยังคงเป็นคำตอบของใครหลายๆคน ที่อยากจะไปผ่อนคลายในช่วงที่อากาศยังคงร้อนอบอ้าวในช่วงนี้อยู่ สำหรับทะเลที่สวยใส สงบ และเดินทางไม่ไกล คงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด สำหรับวันหยุดสุดสัปดาห์ วันนี้เราMinku อยากจะขอรีวิวแบบบ้านๆ กับอีกหนึ่งทางเลือก ในวันหยุด ให้เพื่อนได้ลองพิจารณากับ กับ "เกาะมันนอก" ทะเลระยองที่ห่างจากกรุงเทพเพียง180กิโลกว่าๆ ใช้เวลาเดินทางเพียง2-3ชั่วโมง ก็สามารถมาสัมผัสกับชายหาดที่ขาวสะอาด น้ำใสสีน้ำเงินคราม ไม่แพ้ทะเลฝั่งอันดามัน
ซึ่งเวลา 2วัน1คืน ก็เพียงพอแล้ว สำหรับการมาเยี่ยมเยือน เพื่อพักผ่อนหย่อนใจ ในช่วงวันหยุดจ้า

ว่าแล้วเราก็มาเริ่มเดินทางกันเลยยย......

เราเริ่มเดินทางออกจากกรุงเทพ เพื่อมุ่งไปสู่อำเภอแกลง จังหวัดระยอง โดยใช้เส้นทางถนนบรูพาวิถี แล้วเลี้ยวเข้าเส้น344 เลี่ยงเมืองชล เพื่อมุ่งหน้าไประยอง เส้นทางบริเวณบ้านบึงนั้น ถนนยังคงอยู่ระหว่างการก่อสร้าง(แบบไม่มีกำหนดเสร็จ ) อาจจะทำให้เดินทางได้ล่าช้า และมีอุปสรรคบ้าง ขอให้เพื่อนๆใช้ความระมัดระวังด้วยน้า...
ซึ่งถ้าผ่านเขตบ้านบึงไปแล้ว ทางส่วนใหญ่ในเขตชลบุรีนั้น ถนนจะดีตลอด จะสามารถทำเวลาได้ดีทีเดียว(ถ้ารถไม่ติดน้า) เราออกจากกรุงเทพตอน7โมงครึ่ง ไปถึงอำเภอ แกลง จังหวัดระยองประมาณ9โมงกว่าๆ แบบว่ากลัวรถติด เลยถึงก่อนเวลาขึ้นเรือไปเกาะมันนอกเวลาบ่ายโมงตรงซะเยอะเลยยยย ซึ่งเมื่อมาถึงทางแยกที่เลี้ยวเข้าถนนสุขุมวิทแล้ว ให้เลี้ยวขวาไปทางระยอง และเลี้ยวซ้ายเข้าทางซอยหนองชุมแสง เพื่อไปเข้าเส้น3164 เพื่อมุ่งหน้าไปท่าเรือแหลมตาลค่าาาาาา

เนื่องจากเรามาถึงก่อนเวลาค่อนข้างมาก จากเดิมที่ตั้งใจว่าจะทานข้าวกลางวันที่โจโจ้ ซีฟู้ด ระหว่างทางที่ไปท่าเรือ เลยต้องมาแวะที่ร้าน "สวนสองครูรีสอร์ท" ที่อยู่ข้างๆกันก่อน ที่นี่เป็นทั้งร้านกาแฟ และรีสอร์ท ซึ่งตกแต่งแนวVintage ผสมผสานกับธรรมชาติ ทำให้ดูร่มรื่นน่าผักผ่อนมากค่า
ว่าแล้ว ก็จัดไปหลายรูปเหมือนกัน มีมุมน่ารักให้ถ่ายรุปอยู่หลายมุมเลย
เผลอนั่งที่นี่ซะเพลิน ว่าแล้วเราก็เดินทางไปกันต่อค่า หลังจากที่รอแล้วรอเล่าร้านโจโจ้ซีฟู้ดก็ไม่ยอมเปิดซะที เราก็เลยขอไปตายเอาดาบหน้า เดินทางไปหาอะไรทานที่แถวท่าเรือแหลมตาลกันแทน ระหว่างทางจะผ่านร้านปรีชาซีฟู้ด เราเลยแวะจัดกันที่นี่เลย วิวร้านที่นี่มองทะลุไปเห็นทะเลได้ด้วยน้าเราสั่งต้มยำกุ้งน้ำข้น ปลาหมึกทอดกระเทียมพริกไทย และข้าวผัดปูมาทาน ด้วยความหิวจัดเลยจัดจนลืมถ่ายรูปมาเลยค่า อิอิ
(ก่อนทานต้องวอร์มพุงนิ้ดนึง ฮุฮุ)  โดยรวมอาหารที่นี่ รสชาติโอเคเลย ราคาก็ไม่แพง โดยเฉพาะข้าวผัดปูโอมากค่า แต่ปลาหมึดทอดกระเทียมเค็มไปนิ๊ด ยังไงเพื่อนที่ผ่านมาก็มาทานที่นี่ก็ได้น้าค้า
หลังจากอิ่มแล้ว เราก็เดินทางกันต่อ จากร้านปรีชาซีฟู้ด ไปไม่ไกลประมาณ600เมตร เราก็จะมาถึงที่หมายของเราแล้วค่า ที่นี่เลยสำนักงานของ "Koh Munnork Private Island" ที่จอดรถของที่นี่ เป็นในร่มทั้งหมด ซึ่งจะเป็นแบบที่มีหลังคาเป็นตะข่ายกรองแสง กับแบบในช่องที่คล้ายๆกับตามโรงแรมอย่างว่าเลยค่า...
เราเลือกจอดแบบในช่องดีกว่า เพราะน่าจะกันแดดกันฝนได้ดีกว่าจอดรถได้แล้ว ก็เข้าไปเช็คอินที่สำนักงานข้างใน เพื่อรับTagมาติดกระเป๋ากันเล้ย จากนั้น เราก็เติมเดินทางไปขึ้นเรือที่ท่าเรือ ซึ่งอยู่ห่างจากสำนักงานอยู่พอสมควรค่า เรือออกบ่ายโมงตรงน้าค้าจากท่าเรือเราจะเห็นหมู่เกาะมัน ซึ่งประกอบไปด้วย เกาะมันใน(ที่นี่เป็นศุนย์อนุบาลเต่าทะเลค่า) เกาะมันกลาง(มีชายหาดที่เงียบสงบ และเป็นธรรมชาติ รวมทั้งมีที่พักอยู่ที่เดียวคือ มันตราคีรีรีสอร์ท) และเกาะมันนอกที่อยู่ไกลที่สุด(เป็นเกาะที่มีแนวชายหาดที่ขาว และสวยที่สุดในหมู่เกาะมัน ที่นี่ก็มีที่พักแห่งเดียวคือ Munnork Private Island Resort ซึ่งจุดหมายของเราในครั้งนี้) เราใช้เวลาเดินทางจากท่าเรือไปถึงเกาะมันนอก ประมาณ1ชั่วโมง ก็มาถึงเกาะมันนอก เห็นเกาะมันนอกแล้ว ทรายขาวๆ น้ำใสๆอย่างที่คิดไว้เลยยยย ซึ่งพอใกล้ถึงแล้วก็จะมีเรือของทางรีสอร์ทมารับค่า ถึงฝั่งเราก็จะได้เจอกับรีสอร์ทส่วนตัว บนหาดทรายขาวละเอียดของเกาะมันนอก ฟินมากค่าาาาาาาก่อนจะไปถ่ายรูป รับบรรยากาศ เราก็ต้องมาเช็คอินกันก่อน ที่นี่พนักงานหลายคนเป็นชาวต่างชาติ(น่าจะชาวฟิลิปปินส์นะคะ เพราะพูดภาษาอังกฤษกันคล่องมาก) อาจจะพูดฟังภาษาไทยไม่ชัดนิดหนึ่งนะคะ แต่ไม่เป็นปัญหาค่า สื่อสารกันได้อยู่ ห้องพักที่เราเลือกจองในครั้งนี้ เราจองโดยตรงกับทางรีสอร์ท เป็นห้องแบบSeaview อยู่ติดทะเลค่ะ ห้องกว้างพอประมาณ มีห้องนั่งเล่น ระเบียง ห้องน้ำที่แยกระหว่างที่ขับถ่าย กับที่อาบน้ำ รวมทั้งที่อาบน้ำกลางแจ้งค่าหลังเก็บของเข้าที่พักกันเสร็จแล้ว เราก็ออกไปเก็บภาพความประทับใจกันค่าาาาแดดร้อนแค่ไหนเราก็ไม่หวั่นค่าาา หลังจากถ่ายรูปกันเต็มที่แล้ว เราก็ลงทะเลดำน้ำกันเลยค่า แต่ว่าวันที่เราไปคลื่นค่อนข้างแรงซักนิด ทำให้ไม่ค่อยได้ภาพใต้น้ำสวยซักเท่าไหร่ ไม่เป็นไรยังมีวันพรุ่งนี้อีกวันค่อยแก้ตัวใหม่ หวังว่าจะคลื่นเบาลงน้า เพี้ยงงงง
เล่นน้ำกันเต็มที่แล้ว ก็เริ่มค่ำ เรามาดื่มดำบรรยากันยามเย็น ยามค่ำคืนของที่นี่กันบ้างอิอิ (ขอนางแบบไซส์เด็กโพสท่านิดน้า)
หลังจากดื่มดำบรรยากาศยามเย็นแล้ว เราก็มาดินเนอร์กัน สำหรับอาหารเย็นของที่นี่นั้น มีรวมอยู่ในPackageที่จองไว้เรียบร้อยแล้ว
นำน้ำที่อยู่ที่ห้องติดมาด้วยจะดีที่สุด จะได้ไม่เสียเพิ่มค่า
บรรยากาศตอนดินเนอร์ค่า โรแมนติดมากกกกกกอิ่มแล้ว ก็กลับเข้านอน รอลุยต่อวันพรุ่งนี้............
วันที่สอง จากที่เราหวังจะลุยดำน้ำแบบเต็มที่วันนี้ ปรากฎว่า ฝนกระหน่ำซัมเมอร์เซลส์ตั้งแต่เช้าเลยค่าาาาา
แต่เรายังไม่หมดหวัง รอหวังว่าหลังทานอาหารเช้าแล้วจะดีขึ้น อาหารที่นี้มีให้เลือก3Set เป็น ชุดข้าวต้ม ชุดAmerican breakfast และชุดไข่กระทะ
เราเลือกชุดAmerican breakfast กับชุดข้าวต้มค่า
หลังทานอาหารเช้าเสร็จ เป็นไปตามที่เราบนบานไว้ ฝนหยุด ท้องฟ้ากลับมาใสอีกครั้ง ยิ่งไปกว่านั้น คลื่นสงบมากค่าาาา น้ำใสกิ้งเห็นตัวปลาได้เลยยย เย้
ว่าแล้ว ไม่รอช้า ไปดำน้ำกันเลยยยยยยยยย
กล้องที่ใช้ถ่ายใต้น้ำในทริปนี้ เป็นกล้องEKEN H9 Ultra HD 4K ราคาสองพันกว่าบาทเท่านั้น คุณภาพของภาพอาจจะสู้Go proไม่ได้ แต่พอใช้งาน สนุกๆได้ค่า
โดยรวมแล้ว การดำน้ำแบบสน็อคเกิ้ลที่นี่นั้น สามารถดำได้เลยต้องแต่หน้าหาด โดยน้ำจัดว่าใสมากค่ะ ปลาน้อยใหญ่หลายสายพันธุ์ มีให้เห็นมากมาย ทั้งปลาเจ้าประจำอย่าปลาสลิดหิน รวมไปถึงปลานกแก้ว ปลาปักเป้า รวมทั้งปลาสวยงานอื่นๆก็มีให้เห็นเป็นนวนมาก แต่เสียดายไม่มีปลาการ์ตูน เนื่องจากไม่ค่อยดอกไม้ทะเลในบริเวณนี้ ฮือๆ เสียใจ
ปล ที่นี่ไม่มีสน็อคเกิ้น กับชูชีพให้ยืมนะค้า (หรืออาจจะมีก็ได้ แต่ตอนเราไปยืมเค้าบอกไม่มีอ่าาาา) ถือเป็นข้อด้อยอีกจุดค่า
เสร็จจากดำน้ำจนตัวดำแล้ว เราก็เก็บข้าวของ เพื่อรอทานข้าวเที่ยง และCheck outเพื่อเดินทางกลับกัน
อาหารกลางวันที่นี่ก็รวมอยู่ในเซ็ทแล้วเช่นกัน