สวัสดีค่ะ ยืม Account เพื่อนมาโพสนะคะ ขอเล่าประสบการณ์ไปเที่ยวสวิสนะคะเผื่อเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ จะเล่าแบบรวบรัดเพราะพิมพ์ไม่ค่อยเก่งค่ะ
เราเดินทางวันที่ 5 – 14 พ.ค. 60 นั่งการบินไทย ผังที่นั่งเป้น 3-3-3 เสริฟอาหาร 2 มื้อ บินตรงนั่งยาวไปประมาณ 12 ชม.ใครปวดฉี่บ่อยก็เลือกนั่งริมทางเดินนะคะสะดวกดี สภาพอากาศที่ไป หนาวมากกกก (ปกติเป็นคนขี้หนาวแค่เดินห้างก็หนาวแล้วค่ะ)
** ก่อนเราไปก็พยายามหาข้อมูลจากในเน็ต จากคนที่รีวิวไว้ จากเพจสวิส จากบริษัททัวร์ จากหนังสือเที่ยว ต้องขอขอบคุณมากๆค่ะ
การเตรียมเสื้อผ้า หลักๆก็เตรียมพวกลองจอน เลกกิ้ง เราเน้นเปลี่ยนชั้นใน พวกเสื้อกันหนาวชั้นนอกเอาไป 3 ตัว แต่แนะนำให้เอาเสื้อกันหนาวที่อบอุ่นที่สุดไปด้วยนะคะ เพราะมันหนาวจนต้องใส่แบบหนาสุดเกือบทุกวันค่ะ ส่วนกางเกงก็ยีนส์ใส่ซ้ำๆ 2-3 วันค่อยเปลี่ยน ประหยัดพื้นที่กระเป๋าไม่ต้องขนไปเยอะ เพราะไม่ค่อยอาบน้ำอ่ะ เราอาบแค่ 2-3 ครั้งเองอ่ะ *-* เสื้อกันหนาวแนะนำให้เป็นแบบกันน้ำกันฝนด้วยจะดีมากค่ะ เราใส่รองเท้าผ้าใบไปคู่เดียวแต่ก่อนไปซื้อสเปรย์กันน้ำมาพ่นหลายรอบมาก เอาอยู่ค่ะ ทั้งลุยฝน ลุยหิมะ กันได้100% ค่ะ ถ้าใครอยากเล่นหิมะก็หากางเกงกันน้ำใส่มาก็ดีค่ะ เพราะถ้าเราใส่ยีนส์นั่งหิมะมันจะเปียกได้ค่ะ หรือไม่ก็พกพลาสติกมารองก้นเวลานั่งก็ได้ค่ะ จะได้นั่งได้นานๆ วันไหนที่ต้องขึ้นเขา ขอให้จัดเต็มเลยค่ะ ถุงมือ แว่นกันแดด สำคัญมาก
โรงแรมเราจองผ่าน booking จองทั้งหมด 3 โรงแรม คืนละ 2900 – 5000 เป็นโรงแรม 2-3 ดาว แต่ละที่ไม่มียาสระผม แปรงสีฟัน ที่โกนหนวด มีแค่สบู่ให้เท่านั้น ซึ่งเป็นทั้งสบู่ละแชมพู การสระผมแบบไม่มีครีมนวดผม มันแห้ง ชี้ ฟู พวกผู้ชายคงไม่เข้าใจ T-T เซ็งอ่ะ ยังไงเตรียมไปให้พร้อมดีกว่าค่ะ
อาหารการกินเค้าว่าแพงมาก ซึ่งเราก็เตรียมพร้อมโดยเอาโจ๊กคัพ อาหารสำเร้จรูปพร้อมกิน พวกเครื่องกระป๋อง มาม่า ข้าวสวย ซึ่งทำให้ประหยัดไปได้เยอะเพราะเราไม่ได้กินอาหารเช้าของโรงแรม เพราะถ้ากินที่โรงแรมตกมื้อละ 14 ฟรังค์/คน (35x14= 490 บาท) ยอมกินโจ๊กคัพดีกว่าเนอะ ตอนวันหลังๆเริ่มเบื่ออาหารสำเร็จรูปที่พกไป เราก็เข้าซูเปอร์ Coop / Migros เราจะซื้อผักสลัดที่เป็นถุงๆ ถุงละ 2-3 ฟรังค์กินได้หลายมื้อ ใส่ในมาม่าก็ได้ และก็ซื้อพวกไก่ย่าง ไส้กรอก อาหารร้อนๆสำเร็จรูปมากินที่ห้อง เราพกกล่องซุเปอร์แวร์ไปด้วยสะดวกดี อีกอย่างให้พกน้ำสลัดรสชาดที่เราชอบไปด้วยนะ เพราะที่นั่นมันจะมีแต่รสเค็มๆ
ส่วนน้ำดื่มตอนลงเครื่องเราก็เอาขวดน้ำของการบินไทยแจกลงมาด้วยขวดเล็กดี เอาไว้เติมตามน้ำพุดื่มได้ เย็นเจี๊ยบเลยค่ะ เราเอาหมูฝอย หมูทอดไปกินด้วย ตม.ไม่น่ากลัว สบายมาก
** ตามกฎหมายอาหาร-ของแห้ง ที่เป็นเนื้อ-หมู ที่ไม่ได้ผลิตในยุโรป เป็นของห้ามนําเข้า ถ้าสุ่มตรวจเจอ จะถูกทิ้งค่ะ
การเดินทางเราซื้อบัตรสวิสพาส 8 วัน สะดวกดีค่ะ เค้าจะใช้เจ้าหน้าที่เดินตรวจตั๋วบนรถไฟค่ะ บางครั้งก็เจอตรวจ บางครั้งก็ไม่เจอ ถ้าเค้ามาตรวจก็แค่ยื่นบัตรสวิสพาสและพาสปอร์ตค่ะ แต่นั่งรถเมล์ไม่มีใครตรวจค่ะ คนที่นี่ใช้ความไว้เนื้อเชื่อใจกันสุดๆค่ะ สามารถซื้ออาหารไปกินบนรถไฟได้นะคะ รถไฟจะมีชั้น 1 กันชั้น 2 ต้องนั่งให้ถูกตู้นะคะ นั่งผิดถูกปรับเงินค่ะแต่สามารถเดินทะลุกันได้หมดค่ะ
Internet เราซื้อซิม AIS 2Fly ไปค่ะ แพ็คเก็จ SIM2Fly 50 บ. พร้อมสมัครแพ็กเกจ 849 บ.
(Non-Stop data roaming ความเร็วสูงสุด 3 GB ใช้ได้ 15 วัน) สัญญาณดีมากค่ะ ตอนแรกว่าจะประหยัดซื้อซิมเดียวแล้วใช้ด้วยกัน แต่แฟนบอกว่าบางทีหลงกัน จะได้ Line หากันได้ ( 9 วันใช้ไปแค่ 1.5 Gb. เองค่ะ) บางโรงแรม wifi ก็แย่ค่ะ เราซื้อที่สนามบินสุวรรณภูมิ คิวยาวมากกกกก.... ถ้าใครจะซื้อเตรียมซื้อล่วงหน้าจะดีกว่าค่ะ
สิ่งที่ต้องเตรียมไปเพิ่มเติม ร่ม ครีมกันแดด เสื้อกันฝน ปากกา แลกเงินแบ้งร้อยฟรังไปดีกว่าอย่าเอาแบ้งค์พันไป เพราะทอนยากกกค่ะ
เนื่องจากดูพยากรณ์อากาศล่วงหน้าแล้วมีฝนตกหลายวัน จึงวางแผนการเดินทางแบบหลวมๆ ประมาณว่าถ้าเมืองนี้ฝนตกฉันจะย้ายไปเที่ยวเมืองอื่นแทนก็ได้ฟะ อีกอย่างการเที่ยวของเราจะไปไม่กี่เมืองนะคะเนื่องจากขี้ปวดเมื่อย และจะเลือกไปเฉพาะที่อยากไปจริงๆเท่านั้นค่ะ บางที่ถ้าชอบมากๆก็มีไปซ้ำด้วยค่ะ รีวิวนี้จะไม่เรียงวันในการเดินทางนะคะ เพราะจำอะไรไม่ค่อยได้ค่ะ จะเล่าที่จำได้เท่านั้นค่ะ
*****************************************************************************************
เริ่มกันเลย วันแรกที่ไปถึงเป็นช่วงเช้า นั่งรถไฟจากสนามบินไปสถานีรถไฟซูริค (15 นาที) พอไปถึงสถานีรถไฟก็หาตู้ Locker ฝากกระเป๋าค่ะ อ้อ... อย่าลืมไปซื้อของกินที่ซูเปอร์ เพื่อแตกเงินก่อนนะคะ วันนี้อากาศแจ่มใสมาก ไปเที่ยวน้ำตก Rhein fall ค่ะ
ชื่นชมความสวยงามซักพักก็ ไปเที่ยวต่อที่ป้อม มูนอท (Munot) ไม่ไกลกันนั่งรถเมล์ไปได้ค่ะ
ต้องเดินขึ้นบันไดมา เหนื่อยมากค่ะ ด้านข้างรั้วก็จะเป็นไร่องุ่น จากบันได เราจะเดินขึ่นไปด้านบนป้อมกันค่ะ แวะหอบเป็นพักๆค่ะ
พอหันหลังไปก็จะเจอวิวแบบนี้ค่ะ ยัง ยังไม่สุดค่ะ ไปต่อ
พอขึ้นมาบนป้อมจะเจอวิวนี้เลยค่ะ พร้อมเหงื่อซึมๆค่ะ พอหายเหนื่อยก็หนาวต่อ T-T บนป้อมมีห้องน้ำค่ะ และก็มีน้ำพุเย็นๆให้ดื่มค่ะ
ขากลับก็เดินลงบันไดกลับทางเดิมได้เลยค่ะ เดินชมเมืองไปเรื่อยๆจนถึงสถานีรถรถเมล์แล้วต่อรถไฟกลับซูริคค่ะ
*******************************************************************************************
นี่คือด้านหน้าของสถานีรถไฟซูริคค่ะ ใหญ่โตมาก เราแวะไปเอากระเป๋าแล้วต่อรถเมล์เข้าโรงแรมค่ะ พักโรงแรมที่ซูริค 1 คืนแล้วตอนเช้าย้ายไปเมือง Interlaken กัน
ออกเดินทางแต่เช้าตรู่ ไปที่ Interlaken นอนที่นี่ 3 คืน ระหว่างเดินทางซื้อโกโก้ร้อนดื่มบนรถไฟ (เรื่องเศร้า : ฝาเลนส์หายจ้า
)
พอถึง Interlaken west ก็ลงและลากเป๋าไปโรงแรมกันเลย
เป็นโรงแรมที่ประทับใจที่สุดในปริปค่ะ
วันที่มาถึงที่นี่อากาศไม่ดีหนาวมาก มีฝนตกฝอยๆตลอด ไม่มีแดด อากาศขมุกขมัว เราเลยวางแผนไปเที่ยวถ้ำกัน นั่งรถเมล์ไปถ้ำนักบุญ St. Beatus Caves นั่งไปไม่กี่นาทีก็ถึง ระหว่างทางวิวก็งดงามมาก เดี๋ยวเราจะขึ้นไปบนเขาด้านบน ซึ่งมีน้ำตกไหลออกมาจากถ้ำ ยิ่งใหญ่มากค่ะ
ทางเดินขึ้นมาก็ไม่ได้ลำบากมากนัก เดินได้สบายๆไม่ชันมาก
มุมมองจากด้านบน ด้านหน้านี้คือทะเลสาบ Thun ฝนเริ่มหยุดละ
แล้วเราก็ซื้อตั๋วเข้าไปดูในถ้ำ ในถ้ำจะมีน้ำตกไหลแรงมาก น่ากลัว น้ำเชี่ยวมาก ให้เดินเกาะกลุ่มกันไว้ ระยะทางไปและกลับประมาณ 1.6 กิโล จะมีไกด์พาชมค่ะ ใครขี้เกียจเดินก็ไม่ต้องเข้าถ้ำก็ได้ค่ะ แค่ขึ้นมาชมวิวข้างบนก็พอฟรีค่ะ
หลังจากดูถ้ำเสร็จ ฝนก็หยุดพอดี เราก็เลยไปต่อกันที่ยอดเขา Niederhorn นั่งรถเมล์ไปต่อแค่ไม่กี่นาทีก็ถึงสถานีรถราง Beatenberg station
เนื่องจากวันนี้พยากรณ์อากาศว่าฝนตกทั้งวัน ดังนั้นที่ยอดเขานี้เลยไม่มีคนมา ยกเว้นเรา…
พอถึงรถรางก็โชว์สวิสพาสขึ้นฟรี ต้องโหนท่านี้ด้วยนะ ไม่งั้นเค้าไม่ให้ขึ้น
ทั้งขบวนมีกันแค่ 2 คนขึ้นมาสุดรถรางก็จะเจอวิวแบบนี้
หลังจากดื่มด่ำบรรญากาศจุดนี้เต็มที่แล้ว เราก็เสี่ยงซื้อตั๋วขึ้นกระเช้าไปต่อยอดเขากันดูซิว่ามันจะมีอะไร
.
.
.
บนยอดเขามีหิมะนุ่มๆนั่นเองงง ไม่มีคนเลยค่ะ
ดังนั้นยอดเขานี้เป็นของเรา เย่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
เล่นกันอยู่แค่ 2 คน บางทีก็แอบเหงาเหมือนกันนะ
[CR] เที่ยว สวิส เดือน พ.ค. สนุกจังเลย
เราเดินทางวันที่ 5 – 14 พ.ค. 60 นั่งการบินไทย ผังที่นั่งเป้น 3-3-3 เสริฟอาหาร 2 มื้อ บินตรงนั่งยาวไปประมาณ 12 ชม.ใครปวดฉี่บ่อยก็เลือกนั่งริมทางเดินนะคะสะดวกดี สภาพอากาศที่ไป หนาวมากกกก (ปกติเป็นคนขี้หนาวแค่เดินห้างก็หนาวแล้วค่ะ)
** ก่อนเราไปก็พยายามหาข้อมูลจากในเน็ต จากคนที่รีวิวไว้ จากเพจสวิส จากบริษัททัวร์ จากหนังสือเที่ยว ต้องขอขอบคุณมากๆค่ะ
การเตรียมเสื้อผ้า หลักๆก็เตรียมพวกลองจอน เลกกิ้ง เราเน้นเปลี่ยนชั้นใน พวกเสื้อกันหนาวชั้นนอกเอาไป 3 ตัว แต่แนะนำให้เอาเสื้อกันหนาวที่อบอุ่นที่สุดไปด้วยนะคะ เพราะมันหนาวจนต้องใส่แบบหนาสุดเกือบทุกวันค่ะ ส่วนกางเกงก็ยีนส์ใส่ซ้ำๆ 2-3 วันค่อยเปลี่ยน ประหยัดพื้นที่กระเป๋าไม่ต้องขนไปเยอะ เพราะไม่ค่อยอาบน้ำอ่ะ เราอาบแค่ 2-3 ครั้งเองอ่ะ *-* เสื้อกันหนาวแนะนำให้เป็นแบบกันน้ำกันฝนด้วยจะดีมากค่ะ เราใส่รองเท้าผ้าใบไปคู่เดียวแต่ก่อนไปซื้อสเปรย์กันน้ำมาพ่นหลายรอบมาก เอาอยู่ค่ะ ทั้งลุยฝน ลุยหิมะ กันได้100% ค่ะ ถ้าใครอยากเล่นหิมะก็หากางเกงกันน้ำใส่มาก็ดีค่ะ เพราะถ้าเราใส่ยีนส์นั่งหิมะมันจะเปียกได้ค่ะ หรือไม่ก็พกพลาสติกมารองก้นเวลานั่งก็ได้ค่ะ จะได้นั่งได้นานๆ วันไหนที่ต้องขึ้นเขา ขอให้จัดเต็มเลยค่ะ ถุงมือ แว่นกันแดด สำคัญมาก
โรงแรมเราจองผ่าน booking จองทั้งหมด 3 โรงแรม คืนละ 2900 – 5000 เป็นโรงแรม 2-3 ดาว แต่ละที่ไม่มียาสระผม แปรงสีฟัน ที่โกนหนวด มีแค่สบู่ให้เท่านั้น ซึ่งเป็นทั้งสบู่ละแชมพู การสระผมแบบไม่มีครีมนวดผม มันแห้ง ชี้ ฟู พวกผู้ชายคงไม่เข้าใจ T-T เซ็งอ่ะ ยังไงเตรียมไปให้พร้อมดีกว่าค่ะ
อาหารการกินเค้าว่าแพงมาก ซึ่งเราก็เตรียมพร้อมโดยเอาโจ๊กคัพ อาหารสำเร้จรูปพร้อมกิน พวกเครื่องกระป๋อง มาม่า ข้าวสวย ซึ่งทำให้ประหยัดไปได้เยอะเพราะเราไม่ได้กินอาหารเช้าของโรงแรม เพราะถ้ากินที่โรงแรมตกมื้อละ 14 ฟรังค์/คน (35x14= 490 บาท) ยอมกินโจ๊กคัพดีกว่าเนอะ ตอนวันหลังๆเริ่มเบื่ออาหารสำเร็จรูปที่พกไป เราก็เข้าซูเปอร์ Coop / Migros เราจะซื้อผักสลัดที่เป็นถุงๆ ถุงละ 2-3 ฟรังค์กินได้หลายมื้อ ใส่ในมาม่าก็ได้ และก็ซื้อพวกไก่ย่าง ไส้กรอก อาหารร้อนๆสำเร็จรูปมากินที่ห้อง เราพกกล่องซุเปอร์แวร์ไปด้วยสะดวกดี อีกอย่างให้พกน้ำสลัดรสชาดที่เราชอบไปด้วยนะ เพราะที่นั่นมันจะมีแต่รสเค็มๆ
ส่วนน้ำดื่มตอนลงเครื่องเราก็เอาขวดน้ำของการบินไทยแจกลงมาด้วยขวดเล็กดี เอาไว้เติมตามน้ำพุดื่มได้ เย็นเจี๊ยบเลยค่ะ เราเอาหมูฝอย หมูทอดไปกินด้วย ตม.ไม่น่ากลัว สบายมาก
** ตามกฎหมายอาหาร-ของแห้ง ที่เป็นเนื้อ-หมู ที่ไม่ได้ผลิตในยุโรป เป็นของห้ามนําเข้า ถ้าสุ่มตรวจเจอ จะถูกทิ้งค่ะ
การเดินทางเราซื้อบัตรสวิสพาส 8 วัน สะดวกดีค่ะ เค้าจะใช้เจ้าหน้าที่เดินตรวจตั๋วบนรถไฟค่ะ บางครั้งก็เจอตรวจ บางครั้งก็ไม่เจอ ถ้าเค้ามาตรวจก็แค่ยื่นบัตรสวิสพาสและพาสปอร์ตค่ะ แต่นั่งรถเมล์ไม่มีใครตรวจค่ะ คนที่นี่ใช้ความไว้เนื้อเชื่อใจกันสุดๆค่ะ สามารถซื้ออาหารไปกินบนรถไฟได้นะคะ รถไฟจะมีชั้น 1 กันชั้น 2 ต้องนั่งให้ถูกตู้นะคะ นั่งผิดถูกปรับเงินค่ะแต่สามารถเดินทะลุกันได้หมดค่ะ
Internet เราซื้อซิม AIS 2Fly ไปค่ะ แพ็คเก็จ SIM2Fly 50 บ. พร้อมสมัครแพ็กเกจ 849 บ.
(Non-Stop data roaming ความเร็วสูงสุด 3 GB ใช้ได้ 15 วัน) สัญญาณดีมากค่ะ ตอนแรกว่าจะประหยัดซื้อซิมเดียวแล้วใช้ด้วยกัน แต่แฟนบอกว่าบางทีหลงกัน จะได้ Line หากันได้ ( 9 วันใช้ไปแค่ 1.5 Gb. เองค่ะ) บางโรงแรม wifi ก็แย่ค่ะ เราซื้อที่สนามบินสุวรรณภูมิ คิวยาวมากกกกก.... ถ้าใครจะซื้อเตรียมซื้อล่วงหน้าจะดีกว่าค่ะ
สิ่งที่ต้องเตรียมไปเพิ่มเติม ร่ม ครีมกันแดด เสื้อกันฝน ปากกา แลกเงินแบ้งร้อยฟรังไปดีกว่าอย่าเอาแบ้งค์พันไป เพราะทอนยากกกค่ะ
เนื่องจากดูพยากรณ์อากาศล่วงหน้าแล้วมีฝนตกหลายวัน จึงวางแผนการเดินทางแบบหลวมๆ ประมาณว่าถ้าเมืองนี้ฝนตกฉันจะย้ายไปเที่ยวเมืองอื่นแทนก็ได้ฟะ อีกอย่างการเที่ยวของเราจะไปไม่กี่เมืองนะคะเนื่องจากขี้ปวดเมื่อย และจะเลือกไปเฉพาะที่อยากไปจริงๆเท่านั้นค่ะ บางที่ถ้าชอบมากๆก็มีไปซ้ำด้วยค่ะ รีวิวนี้จะไม่เรียงวันในการเดินทางนะคะ เพราะจำอะไรไม่ค่อยได้ค่ะ จะเล่าที่จำได้เท่านั้นค่ะ
เริ่มกันเลย วันแรกที่ไปถึงเป็นช่วงเช้า นั่งรถไฟจากสนามบินไปสถานีรถไฟซูริค (15 นาที) พอไปถึงสถานีรถไฟก็หาตู้ Locker ฝากกระเป๋าค่ะ อ้อ... อย่าลืมไปซื้อของกินที่ซูเปอร์ เพื่อแตกเงินก่อนนะคะ วันนี้อากาศแจ่มใสมาก ไปเที่ยวน้ำตก Rhein fall ค่ะ
ชื่นชมความสวยงามซักพักก็ ไปเที่ยวต่อที่ป้อม มูนอท (Munot) ไม่ไกลกันนั่งรถเมล์ไปได้ค่ะ
ต้องเดินขึ้นบันไดมา เหนื่อยมากค่ะ ด้านข้างรั้วก็จะเป็นไร่องุ่น จากบันได เราจะเดินขึ่นไปด้านบนป้อมกันค่ะ แวะหอบเป็นพักๆค่ะ
พอหันหลังไปก็จะเจอวิวแบบนี้ค่ะ ยัง ยังไม่สุดค่ะ ไปต่อ
พอขึ้นมาบนป้อมจะเจอวิวนี้เลยค่ะ พร้อมเหงื่อซึมๆค่ะ พอหายเหนื่อยก็หนาวต่อ T-T บนป้อมมีห้องน้ำค่ะ และก็มีน้ำพุเย็นๆให้ดื่มค่ะ
ขากลับก็เดินลงบันไดกลับทางเดิมได้เลยค่ะ เดินชมเมืองไปเรื่อยๆจนถึงสถานีรถรถเมล์แล้วต่อรถไฟกลับซูริคค่ะ
*******************************************************************************************
นี่คือด้านหน้าของสถานีรถไฟซูริคค่ะ ใหญ่โตมาก เราแวะไปเอากระเป๋าแล้วต่อรถเมล์เข้าโรงแรมค่ะ พักโรงแรมที่ซูริค 1 คืนแล้วตอนเช้าย้ายไปเมือง Interlaken กัน
ออกเดินทางแต่เช้าตรู่ ไปที่ Interlaken นอนที่นี่ 3 คืน ระหว่างเดินทางซื้อโกโก้ร้อนดื่มบนรถไฟ (เรื่องเศร้า : ฝาเลนส์หายจ้า )พอถึง Interlaken west ก็ลงและลากเป๋าไปโรงแรมกันเลย
เป็นโรงแรมที่ประทับใจที่สุดในปริปค่ะ
วันที่มาถึงที่นี่อากาศไม่ดีหนาวมาก มีฝนตกฝอยๆตลอด ไม่มีแดด อากาศขมุกขมัว เราเลยวางแผนไปเที่ยวถ้ำกัน นั่งรถเมล์ไปถ้ำนักบุญ St. Beatus Caves นั่งไปไม่กี่นาทีก็ถึง ระหว่างทางวิวก็งดงามมาก เดี๋ยวเราจะขึ้นไปบนเขาด้านบน ซึ่งมีน้ำตกไหลออกมาจากถ้ำ ยิ่งใหญ่มากค่ะ
ทางเดินขึ้นมาก็ไม่ได้ลำบากมากนัก เดินได้สบายๆไม่ชันมาก
มุมมองจากด้านบน ด้านหน้านี้คือทะเลสาบ Thun ฝนเริ่มหยุดละ
แล้วเราก็ซื้อตั๋วเข้าไปดูในถ้ำ ในถ้ำจะมีน้ำตกไหลแรงมาก น่ากลัว น้ำเชี่ยวมาก ให้เดินเกาะกลุ่มกันไว้ ระยะทางไปและกลับประมาณ 1.6 กิโล จะมีไกด์พาชมค่ะ ใครขี้เกียจเดินก็ไม่ต้องเข้าถ้ำก็ได้ค่ะ แค่ขึ้นมาชมวิวข้างบนก็พอฟรีค่ะ
หลังจากดูถ้ำเสร็จ ฝนก็หยุดพอดี เราก็เลยไปต่อกันที่ยอดเขา Niederhorn นั่งรถเมล์ไปต่อแค่ไม่กี่นาทีก็ถึงสถานีรถราง Beatenberg station
เนื่องจากวันนี้พยากรณ์อากาศว่าฝนตกทั้งวัน ดังนั้นที่ยอดเขานี้เลยไม่มีคนมา ยกเว้นเรา…
พอถึงรถรางก็โชว์สวิสพาสขึ้นฟรี ต้องโหนท่านี้ด้วยนะ ไม่งั้นเค้าไม่ให้ขึ้น
ทั้งขบวนมีกันแค่ 2 คนขึ้นมาสุดรถรางก็จะเจอวิวแบบนี้
หลังจากดื่มด่ำบรรญากาศจุดนี้เต็มที่แล้ว เราก็เสี่ยงซื้อตั๋วขึ้นกระเช้าไปต่อยอดเขากันดูซิว่ามันจะมีอะไร
.
.
.
บนยอดเขามีหิมะนุ่มๆนั่นเองงง ไม่มีคนเลยค่ะ
ดังนั้นยอดเขานี้เป็นของเรา เย่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
เล่นกันอยู่แค่ 2 คน บางทีก็แอบเหงาเหมือนกันนะ