Talk with me : ดู King arthur ( Legend of the sword ) จบแล้วมาคุยกัน

กระทู้สนทนา
เมื่อ 2 – 3 ปีที่แล้ว ได้มีโอกาสซื้อหนังสือเรื่อง คิงอาเทอร์ ฉบับแปลมาอ่าน เพราะคุ้นหูกับชื่อนี้มานานมากเลยเกิดความสนใจขึ้นมา แต่อ่านจบเพียงเล่มเดียวเท่านั้น เนื่องจากเอาเวลาส่วนใหญ่ไปทำอย่างอื่นเสียมากกว่า จนช่วงนี้มีเวลาว่างเลยคิดว่าจะหาหนังดูสักเรื่อง และได้ไปสะดุดตาเข้ากับเรื่อง King arthur : Legend of the sword บวกกับเพื่อนชวนอีกแรง จึงตัดสินใจไปดูเรื่องนี้โดยไม่ได้คาดหวังอะไร

    เมื่อไม่คาดหวัง มักสมหวัง

    หลังดูรอบแรกจบ บอกกับตัวเองได้เลยว่ามันเป็นหนังที่โคตรดี มันเอาเราอยู่ สามารถตรึงเราได้ มีอาการเหมือนตกอยู่ในภวังค์หลังออกจากโรง(ส่วนตัวเป็นบ่อยหลังได้ดูหนังที่ถูกใจ)  รู้สึกไม่อิ่ม เก็บรายละเอียดไม่ครบ และอยากเสพอีก คิงอาเทอร์จึงเป็นหนังเรื่องแรกที่ได้ดูในโรงถึงสองรอบ ดังนั้น จึงอยากหาคนมาร่วมแชร์และพูดคุยเกี่ยวกับหนังเรื่องนี้กัน

    ถ้าพูดถึงจุดเด่นที่สุดของหนังเรื่องนี้ ส่วนตัวชอบการเลือกเสียงและเพลงประกอบของหนังเรื่องนี้มาก ไม่ว่าจะเป็นตอนอูเทอร์ขี่ม้าออกไปรบ หรือตอนพวกเมจพาอาเทอร์กลับลังลับพวกกบฏ การใส่เพลงแบบนั้นเพิ่มให้ฉากดูมีเสน่ห์ ทรงพลังน่าค้นหามากขึ้น และเร้าอารมณ์ให้รู้สึกฮึกเฮิมได้หน่อยๆ เพราะถ้าลองตัดเรื่องเพลงออกไปก็อาจมีสิทธิ์หลับคาโรงได้

    เทคนิคการเล่าเรื่องของเรื่องนี้ก็ถือว่าทำได้ไม่เลว ถ้านับเวลาตั้งแต่ต้นเรื่องจนจบเรื่องจะเห็นได้ว่าเป็นการเล่าเรื่องของอาเทอร์ตั้งแต่เด็กจนกระทั่งได้ครองเมืองคาเมล็อต ซึ่งน่าจะเป็นเนื้อหาที่ยาวนานและเยอะพอสมควร แต่ทีมสร้างกลับบีบอัดเนื้อเรื่องทั้งหมดให้เหลือเพียง 2-3 ชั่วโมงได้โดยไม่เสียรสชาติเนื้อหา เห็นได้จากฉากเล่าชีวิตในวัยเด็กจนโตในซ่องโสเภณีของอาเทอร์ใช้เวลาไม่กี่นาที แต่คนดูก็สามารถเข้าใจได้ว่าตัวเอกนั้นใช้ชีวิตวัยเด็กจนเติบโตมาได้อย่างไร และเทคนิคการดำเนินเรื่องไปพร้อมกับการให้ตัวละครเป็นคนเล่าเรื่องก็เปิดโอกาสให้ได้หยอดมุขตลกเพื่อไม่ให้อารมณ์หนังหนักจนเกินไป

    ส่วนฉากอาเทอร์นำตัวบลูออกจากเกสท์เฮ้าเพื่อกลับไปปขึ้นเรือถือเป็นฉากที่ประทับใจมากที่สุด เทคนิคและจังหวะการเล่าสามารถดึงอารมณ์ได้ดีและกระตุกอารมณ์ให้รู้สึกสะเทือนใจ รับรู้ได้ถึงจุดหักเหของตัวเอก ส่วนฉากอื่นๆก็ทำออกมาได้อย่างนุ่มนวล แต่เต็มไปด้วยพลัง ตรึงตาตรึงใจจนทำให้นึกถึงเรื่อง The lord of the ring ขึ้นมา ถ้าใครเป็นแฟนหนังเรื่องนี้อยู่ ก็คิดว่าคงชอบคิงอาเทอร์ได้ไม่ยากเช่นกัน

    พอพูดถึงเทคนิคแล้ว เนื้อหาก็เป็นส่วนหนึ่งที่น่าชำแหละ หลักๆแล้ว เรื่องนี้จะพูดถึงความชอบธรรมในการครองบังลังก์ที่เกี่ยวโยงไปถึงดาบเอสคาริเบอร์ เป็นการปะทะกันระหว่างอาเทอร์และวอร์ติแกน ถึงแม้ว่าเรื่องนี้วอร์ติแกนจะเป็นตัวร้าย แต่คิดว่าเป็นตัวละครที่น่าสงสารที่สุด เห็นได้ว่ากว่าจะได้อำนาจมา เขาจะต้องทนทุกข์ทรมานและสูญเสียไปเท่าไร สุดท้ายกลับไม่ได้อะไรเลยเพียงเพราะเขาไม่ใช่ผู้ถูกเลือกจากดาบ ส่วนอาเทอร์เป็นตัวละครที่ดูมีมิติและชีวิตชีวา เหตุผลหนึ่งอาจเกิดจากหนังดำเนินเรื่องโดยเล่าตามตัวละครอาเทอร์เป็นหลัก แต่น่าแปลกใจว่าทั้งๆที่เขาโตมากับซ่องโสเภณี แต่ทำไมกลับหลีกเลี่ยงความรุนแรงในการแก้ปัญหาในตอนแรกๆ ทั้งที่ตอนเด็กเขาโดนแกล้งและน่าจะอยู่ท่ามกลางความรุนแรงมาโดยตลอด

    หลังจากฉากบลูกำพร้าพ่อ ทำให้เราได้เห็นความเปลี่ยนแปลงของอาเทอร์  แสดงให้เห็นว่าเพื่อผลประโยชน์สุขของส่วนร่วม เราจำเป็นที่จะต้องเสียสละบางส่วน และบางครั้งความรุนแรงก็เป็นวิธีการที่จำเป็นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ มีคำพูดหลายคำของตัวละครที่ทำให้ฉุกใจคิด เหมือนกับว่านักเขียนบทต้องการโยนคำพูดให้ตัวละครเพื่อสื่อนัยยะอะไรบางอย่าง(ซึ่งส่วนตัวก็ยังไม่บรรลุถึงขั้นนั้น)

     อย่างกับที่บอกไปตอนแรก เรื่องนี้พูดถึงความชอบธรรมเป็นหลัก มอร์ติแกนที่ไม่ได้รับเลือก(โดยดาบ)ก็เหมือนกับไม่ได้รับอำนาจอย่างแท้จริง ถึงจะยอมทำทุกหนทางจนเข้าวิถีแห่งความมืดก็ตาม มันก็เป็นสิ่งที่น่าคิดเล่นๆว่าถ้าหากไม่มีเรื่องของดาบมาเกี่ยวข้อง วอร์ติแกนจะเป็นผู้ปกครองที่ดีได้ไหม? ในทางกลับกัน พวกกบฏ ศัตรูตัวร้ายของบังลังก์ได้รับการยอมรับหลังจากอาเทอร์ได้ครองดาบและเป็นหัวหน้าพวกกบฎ แสดงให้เห็นคนดีและผู้ชอบธรรมในคราบผู้ร้าย จุดสังเกตนี้ทำให้รู้ว่าคำว่า “กบฏ” จะดีหรือร้ายอยู่ที่มุมมอง

    ดังนั้น ส่วนตัวจึงคิดว่า King arthur : Legend of the sword เป็นหนังที่สนุกและชวนให้หลงใหลได้อีกเรื่องหนึ่ง สามารถดูได้ทั้งแบบเอามันส์และแบบครุ่นคิดจนโรคจิต พอดูแล้วจึงทำให้สนใจในตำนานคิงอาเทอร์มากขึ้นจนต้องกลับไปหาหนังสือมาอ่านให้จบ และสำหรับหนังเรื่องนี้ก็คงมีภาคต่อตามมา เพราะมีหลายส่วนที่ยังไม่ได้พูดถึงและสามารถขยายได้อีก อย่างตัวเมอร์ลินเองก็ถูกพูดถึงเพียงนิดๆหน่อยๆ ถ้าหากใครที่เป็นแฟนพันธุ์แท้อยู่แล้วได้ดูเรื่องนี้ก็คงรู้สึกฟินอย่างสุดๆ ส่วนใครที่ไม่เคยรู้จักตำนานนี้มาก่อนก็น่าจะเข้าใจได้ง่าย และสามารถกลับไปหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ไม่ยาก เพราะคิงอาเทอร์ถือเป็นตำนานที่ดังและปรากฎอยู่นานแล้ว ส่วนทำไมผู้สร้างถึงหยิบนำมาทำในเวลานี้ ก็เป็นสิ่งที่น่าเก็บไปคิดต่อ...



ปล. สงสัยตอนท้ายเรื่องที่ใช้งูเข้าไปโจมตีวังว่าทำไมเมจต้องปล่อยให้งูตัวเล็กกัดอาเทอร์ หรือว่างูตัวเล็กกับตัวใหญ่จะเป็นแม่ลูกกัน?
ปล2. อยากให้คนที่มีความรู้เรื่องเกี่ยวกับคิงอาเทอร์ได้มาแชร์และพูดคุยกันสนุกๆฮะ

- Eagle_eye -
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่