Orange is the new black เป็นซีรีส์ออริจินัล สร้างโดย Netflix ที่มีที่มาจากหนังสือเล่าประสบการณ์ชีวิตจริงในเรือนจำชองผู้เขียนหนังสือ Orange Is the New Black: My Year in a Women’s Prison Piper Kerman ที่เขียนหนังสือเล่าประสบการณ์ 1 ปีภายในเรือนจำ  สู่การดัดแปลงลงจอซีรีส์ Netflix ที่บอกเล่าเรื่อรางของ Piper Chapman ตัวละครที่มีที่มาจากผู้เขียน ที่ต้องถูกจองจำในเรือนจำ ลิทซ์ฟิล[ Litchfield ] เป็นเวลา 13 เดือน หรือ 1 ปีกว่าๆ  ว่าเธอต้องพบเจอกับอะไรบ้างในเรือนจำ ชีวิตแต่ล่ะวันของเธอเป็นอย่างไร ในเรือนจำจริงๆแล้วมันเป็นอย่างไร และมันได้เปลี่ยนเธออย่างไรบ้าง หลังจากออกอากาศได้เพียง 1 ซีซั่น ซีรีส์เรื่องนี้ก็ดังผลุแตกมากๆ มีแฟนๆทั่วโลกเยอะสุดๆ และกระแสก็ยังแรงขึ้นดีขึ้นเรื่อยๆ จนถึงตอนนี่ได้มีการสั่งทำถึงซีซั่นที่ 7 ในปีนี้ฉายซีซั่นที่ 5 ที่นี่มาดูเหตุผลกันว่าทำไมซีรีส์เรื่องนี้มันถึงเป็นซีรีส์ที่ครบรสสุดๆกัน  และทำไมมันถึงมีดังสุดๆด้วย

1.เรื่องราว เนื้อเรื่องดี สนุก และประทับใจ
“ การดำเนินเรื่องที่ไม่น่าเบื่อ บทดี สนุก ประทับใจและทำให้อยากดูอีกเรื่อยๆ.”

1 ในเหตุผลที่ทำให้ซีรีส์เรื่องหนึ่งเป็นซีรีส์ดีๆ นั้นก็คือการที่มีบทที่ดี เนื้อเรื่องที่สนุกและน่าติดตาม การดำเนินเรื่องราวในซีรีส์เรื่องนี้ ในหนึ่งตอนจะมีฉากย้อนอดีต ( Flashback ) คั่นกับการดำเนินเรื่องในปัจจุบัน และมีจุดโฟกัส จุดสำคัญของแต่ล่ะตอน ซึ่งก็คือ ตัวละครที่เป็นศูนย์กลางแต่ล่ะตอน ในแต่ล่ะตอนจะดำเนินเรื่องผ่านตัวละครต่างๆที่มีจุดศูนย์กลางแตกต่างกันไป อย่างเช่น ตอนที่ 1 จะเป็นเรื่องราวที่เน้นความสำคัญไปที่ตัวละคร Piper ที่พึ่งเข้ามาในเรือนจำเป็นครั้งแรก และก่อนหน้าที่เธอจะเข้ามาในเรือนจำ เธอไปทำอะไรถึงต้องมาอยู่ที่นี้และเธอเป็นคนยังไงมาก่อน  แล้วตอนต่อไปก็จะมีการเปลี่ยนจุดโฟกัสไปที่ตัวละครอื่น นักโทษคนอื่นที่อยู่ในเรือนจำ เพื่อตีแผ่ นำเสนอมุมมองเรื่องราวให้กว้างขึ้น ให้มองเห็นภาพของเรือนจำ ชีวิตในเรือนจำมากขึ้น ไม่ใช่เพียงแค่ตัวละครหลักเพียงคนเดียว แต่ตัวละครหลักนั้นก็เปรียบเสมือนผู้ชมอย่างเราๆ ที่พึ่งดูซีรีส์เป็นครั้งแรก เราไม่รู้เลยว่าใครเป็นใคร ว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้าง ว่าที่เรือนจำมันมีอะไรบ้าง โดนผ่านมุมมองของตัวละคร Piper ด้วยการดำเนินเรื่องแบบนี้ทำให้ทุกๆตอนของซีรีส์เรื่องนี่มันสดใหม่อยู่ตลอดเวลา ไม่ซ้ำซากและจำเจ อีกอย่างก็คือ การดำเนินเรื่องแบบนี้ทำให้ผู้ชมอย่างเราอยากรับชมต่อไปอีกเรื่อยๆ ด้วยความอยากรู้อยากเห็นว่า ตัวละครนี้ผ่านอะไรมา ทำอะไรมาถึงมาอยู่ในเรือนจำกัน ดราม่ายอดเยี่ยม แถมประทับใจมากๆด้วยนะ ต้องลองดู อีกอย่างหนึ่งก็คือ ความตลกร้ายของเรื่องนี้ ซีรีส์ดำเนินเรื่องราวที่มีทุกอารมณ์ สนุก ตลก เศร้า มีความสุข และการดำเนินเรื่องราวแบบนี้แหละที่ทำให้ซีรีส์นี่มีเรื่องราวที่มีความสมจริงสูง ทำให้เราอินได้อย่างง่ายดาย แถมแต่ล่ะซีซั่นจะมีธีม มีประเด็นหลักที่นำเสนอแตกต่างกันไป อย่างเช่น ซีซั่น 1 นำเสนอเกี่ยวกับการปรับตัวใช้ชีวิตในเรือนจำครั้งแรก ซีซั่น 2 การใช้ชีวิตในคุกอย่างไรให้ปลอดภัย ไม่ก่อปัญหา และอยู่อย่างสงบสุข ซีซั่น 3 การใช้ชีวิตยู่ในเรือนจำอย่างมีศรัทธา เชื่อมั่น และไม่สูญเสียตัวตนของตัวเอง  เป็นต้น

2.ตัวละครมีเอกลักษณ์ มีมิติ มีสเน่ห์มากและสมจริง
“ ทุกๆตัวละครมีเรื่องราวของตัวเอง มีเอกลักษณ์ และสมจริงสุดๆ.”

อย่างที่กล่าวไป ที่การดำเนินเรื่องจะมีการให้ความสำคัญตัวละครหลายๆตัวละครเพื่อนำเสนอมุมมองให้กว้างขึ้น และให้เห็นว่าชีวิตในเรือนจำของแต่ล่ะคน แต่ล่ะตัวละครเป็นอย่างไรบ้าง และแตกต่างกันอย่างไร บางคนอาจจะปรับตัวอยู่ในเรือนจำได้ชิลๆ บางคนอาจจะลำบากในการปรับตัว แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือทุกๆตัวละครมีเรื่องราวของตัวเอง ทุกๆคนล้วนมีอดีต และการที่ซีรีส์นำเสนอเรื่องนี้ ทำให้ทุกๆตัวละครมีมิติมากขึ้น สมจริง เหมือนมนุษย์จริงๆ ทุกคนมีบาดแผล ทุกคนมีเหตุผลในการกระทำ และเรื่องราวของทุกๆตัวละครในเรื่องที่ทำให้พวกเธอต้องมาจบลงที่เรือนจำเหมือนๆกัน นั้นมีทั้งเรื่องราวที่ แสนเศร้าสุดสะเทือนใจ น่าเห็นใจ , เรื่องราวที่สมควรแล้วแหละที่มาอยู่ที่นี่ และอีกหลากหลายเรื่องราวที่จะถูกเล่าผ่านทุกๆตัวละคร นักโทษในเรือนจำแห่งนี้ นอกจากนี้แล้วทุกๆตัวละครล้วนมีเอกลักษณ์โดดเด่นของตัวเอง หรือบางครั้งอาจจะเหมือนเห็นตัวเองในเรื่อง สำหรับผู้เขียน นี่บางทีนึกว่าเห็นตัวเองในเรื่องผ่านตัวละคร Piper คือถ้าเป็นเราต้องพูดหรือทำอะไรอย่างนี้แน่ๆ และตัวละครโปรดในเรื่องที่เอาใจช่วย ที่อยากรู้ว่าพวกเธอทำอะไรกันมาหลายคน ทุกๆตัวละครมีสเน่ห์ของตัวเอง รับรองว่าพอชมซีรีส์เรื่องนี้แล้ว ต้องตกหลุมรักตัวละครในเรื่องแน่นอน และอาจจะมีเกลียดตัวละครบางตัวสุดๆไปเลย และท้ายที่สุด อย่าลืมกันว่า ตัวละครเหล่านี่เป็นตัวละครสีเทา พวกเขาไม่มีใครที่แสนดีหรือเลวร้ายไปซะทั้งหมด อย่าพึ่งรีบตัดสินก่อนที่จะรู้เรื่องราวทั้งหมด เพราะนี่มันเรือนจำ ไม่มีตัวละครแสนดี อย่างนางเอกงี่เง่า , พระเอกแสนดี , เพื่อนรักสุดซื่อสัตย์ หรือตัวร้ายที่ร้ายแบบบ้าๆ อย่างในละครแน่นอน นี่คือซีรีส์ที่นำเสนอตัวละครออกมาได้สมจริงมากกว่าละครเยอะ

3.มุมมองที่แตกต่าง ทำให้มองเห็นเรื่องราวที่แตกต่าง

“ ต่างมุมมอง ต่างเรื่องราว และทุกคนต่างเป็นตัวเอกของเรื่องราวของตัวเอง.”

ด้วยการดำเนินเรื่องที่เปลี่ยนจุดโฟกัสของตัวละคร ให้มีความหลากหลายทำให้เราได้รับชมเรื่องราวที่แตกต่างมากขึ้น อย่างในมุมมองของตัวละคร Piper อาจจะมองว่าคนกลุ่มลาตินา ( Latina ) ดูเป็นกลุ่มคนแรงๆ ไม่เป็นมิตร น่ากลัว เป็นตัวร้ายในเรื่องราวของเธอ แต่พอเปลี่ยนมุมมองมาเป็นเรื่องราวของตัวละครในกลุ่มลาตินา Piper ก็เป็น คนที่ไม่น่าอยู่ใกล้ นิสัยเสีย ไม่ได้ดีไปซะทั้งหมด ด้วยการเปลี่ยนการเล่าเรื่องราวผ่านหลากหลายมุมมอง ทำให้เราได้รับรู้เรื่องราวต่างๆได้หลากหลาย ไม่ซ้ำซากกัน หรือบางครั้งก็ได้รู้ว่าตัวละครนี้มุมมองต่อเรื่องราวในเรือนจำแต่ล่ะเรื่องอย่างไรบ้าง ทำให้เห็นภาพรวมได้ชัดเจนอยู่ขึ้น และสนุกมากๆในการรับรู้ว่าแต่ล่ะตัวละครมีมุมมองอย่างไร เรื่องราวนี้ในมุมมองอื่นนั้นเป็นอย่างไร

อีกอย่างหนึ่งก็คือการนำเสนอมุมมองของสังคมที่แตกต่างกัน ทั้งมุมมองการใช้ชีวิตของกลุ่มคนขาว , กลุ่มคนผิวสี , กลุ่มคนละติน , กลุ่มสาวชรา และคนกลุ่มน้อย คนเอเชีย ที่นำเสนอแนวคิด การใช้ชีวิต มุมมองที่มีต่อเรื่องต่างๆ นำเสนอว่าสังคม วัฒนธรรม แง่คิดของพวกเขาเป็นอย่างไรบ้าง

4.สร้างจากเรื่องจริง จากหนังสือ

“ เนื้อหาบางส่วน ตัวละครในเรื่องมีที่มาจากเรื่องจริงและคนจริง   

                อย่างที่กล่าวถึงที่มาว่าซีรีส์เรื่องนี้สร้างมาจากหนังสือ เล่าประสบการณ์จริงของ Piper Kerman ทำให้ซีรีส์มีเค้าโครงบางส่วนมาจากเรื่องจริง และตัวละครส่วนหนึ่งจากในเรื่องก็มีที่มาจากคนจริงๆ จากนักโทษจริงๆในเรือนจำ พอมาเป็นซีรีส์ก็ได้มีการดัดแปลงเนื้อหาบางส่วน มีเพิ่มเติมเพื่อนำเสนอเรื่องราวให้หลากหลาย ครอบคลุม ลงรายละเอียดมากขึ้น และมีการดัดแปลงเพิ่มเติมให้มีความสนุกมากขึ้น แต่ในซีซั่น 1 เรื่องราวส่วนมากล้วนมีที่มาจากเรื่องจริง จากผู้คนที่ Piper Kerman ได้พบเจอในเรือนจำ อย่าง สาวข้ามเพศ Transgender ที่เธอพบเจอในเรือนจำ , คนคุมครัว หรือ แม่ชี เป็นต้น ตัวละครเหล่านี่มีที่มาจากบุคคลจริงๆ และการที่ซีรีส์มีเค้าโครง มาจากเรื่องจริง ทำให้ซีรีส์นี่ดูสมจริงและทำให้เราอินกับมันได้ไม่ยากเลย ถ้าใครสนใจสามารถสั่งซื้อหนังสือมาลองอ่านได้ มี Audio Book ด้วย เป็นหนังสือที่ดี ที่สมควรได้รับการเผยแพร่มากๆ

5.นักแสดงเล่นดีทุกคน ตั้งแต่ตัวหลักยันตัวประกอบ
“ นักแสดงเล่นดีทุกคน เล่นสมจริง เล่นดี มีการันตีรางวัลด้วย.”

                พูดถึงการแสดงกันบ้าง นักแสดงทุกคนอาจจะไม่ใช่นักแสดงที่มีชื่อกัน แต่ทุกๆคนสามารถแสดงกันได้ดีเป็นอย่างมาก สมบทบาทสุดๆ เล่นถึงไม่ขาดไม่เกิน และนักแสดงหลายคนโด่งดังจากซีรีส์เรื่องนี้ แล้วไปได้ไกลในสายอาชีพการแสดงรุ่งๆกันทั้งนั้นเลย อย่างนักแสดงหลักที่รับบท Piper ของเรา  Taylor Schilling ที่เล่นดีมากจนได้รับการเสนอชื่อในรางวัล Golden Globes , USA ด้วย และตอนนี้ก็มีผลงานการแสดงดังๆจ่อคิวอีกเพียบ หรือนักแสดงคนอื่นที่ต้องเล่นบทบาทเป็นเลสเบี้ยน ก็สามารถเล่นให้เราเชื่อว่าเป็นเลสเบี้ยนจริงๆ ตอนที่รู้ว่าไม่ใช่เลสเบี้ยนนี่ตกใจมาก เพราะเล่นสมจริงสุดๆ เหล่านักแสดงหลักเล่นดีกันทุกคน อีกคนหนึ่งที่ต้องพูดถึงจริงๆก็คือ Uzo Aduba ที่ได้รับรางวัล Emmy ในสาขานักแสดงรับเชิญที่โดดเด่น เธอรับบทบาทเป็นหนึ่งในนักโทษในเรือนจำ ในบทบาท Suzana ที่เล่นได้ดี การแสดงยอดเยี่ยมมากๆ พร้อมกับเรื่องราวในการทำอาชีพนักแสดงที่น่าประทับใจสุดๆ บทบาทที่เธอรับ เป็นบทที่ยากมากๆ ท้ายสุดๆ แต่เธอก็เล่นออกมาได้สมจริง เห็นแล้วต้องประทับใจในการแสดงของเธอแน่นอน อีกอย่าง การแสดงซีรีส์เรื่องนี้ทำให้เธอยังคงตามฝันในการเป็นนักแสดงต่อไป ก่อนที่จะเล่นซีรีส์เรื่องนี้ อาชีพการแสดงของเธอไม่ค่อยจะสู้ดีนัก เธอจะล้มเลิกในความฝันที่อยากเป็นนักแสดงแล้วด้วยซ้ำ เพราะเธอพยายามทำมาหลายปีแต่ก็ยังไม่มีแววจะรุ่ง อีกอย่างหนึ่งในตอนแรก เธอเล่นเป็นเพียงแค่บทบาทรับเชิญ สมทบเท่านั้น แต่การแสดงของเธอจับใจทุกๆคนจนทำให้เธอได้รับรางวัลนี้ และต่อมาได้รับการโปรโมทให้เป็นนักแสดงหลักของซีรีส์เรื่องนี้ นอกจากนี้ตัวประกอบ ตัวละครเสริมในเรื่อง ทุกๆคนก็เล่นได้ดีสมจริงมากๆอีกด้วย แม้ตัวละครเหล่านั้นจะโผล่มาแค่เล็กๆน้อยๆ แต่การแสดงของเธอก็ดีไม่แพ้ตัวละครหลักเลยแหละ

6.ได้เรียนรู้หลายสิ่งหลายอย่างจากซีรีส์เรื่องนี้

“ ทุกๆเรื่องราวมีข้อคิด มีหลายสิ่งให้เรียนรู้จากซีรีส์นี่มาก.”

                สิ่งหนึ่งสำคัญที่ทำให้ประทับใจกับซีรีส์เรื่องนี้มากๆก็คือ ข้อคิด มุมมองการใช้ชีวิตดีๆจากซีรีส์เรื่องนี้ หลายอย่างมาก นอกจากจะดูเพื่อความสนุก ผ่อนคลาย เพื่อดูดราม่าเข้มข้นแล้ว ยังมีข้อคิดดีๆ หลายอย่างอีกด้วย ยกตัวอย่างเช่น บทสนทนาของ Piper Chapman และ Yoga Jones ซึ่งก็คือนักโทษคนแรกที่ให้คำแนะนำ Piper เรื่องการใช้ชีวิตในเรือนจำอย่างเป็นมิตร

Jones : “ เธอเป็นอย่างไรบ้าง แช็ปแมน เธอโอเคหรือเปล่า? .”

Piper  : “ ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะตอบคำถามนั้นยังไงดี. ทุกๆอย่างตอนนี้ดูเหนือจริงมากๆ”

Jones : “ เธอรู้มั้ยว่า มันดาลา ( Mandala ) คืออะไร?.”

Piper  : “ มันคือภาพศิลปะกลมๆของพุทธศาสนา.”

Jones : “ พระทิเบตสร้างมันจากทรายแห้ง ให้เป็นรูปร่างที่ใหญ่โตและรูปแบบที่สวยงาม และเมื่อพวกเขาสร้างมันเสร็จแล้ว หลังจากการใช้เวลาสร้าง วันแล้ววันเหล่า สัปดาห์หลายสัปดาห์ หลังจากเวลานานพวกเขาก็ทำลายมันทิ้งทั้งหมด.”

Piper : “ ว้าว นั้นมันสุดยอดมากๆ..”
Jones : “ พยายามมองว่า ประสบการณ์ของเธอที่นี้เป็นเหมือน มันดาลา แช็ปแมน
“ ตั้งใจสร้างสิ่งที่สวยงามและมีความหมายมากที่สุดให้มากที่สุดที่เธอทำได้ และเมื่อเธอสร้างมากเสร็จแล้ว เก็บความทรงจำนั้นไว้ และให้รู้ตัวว่าสิ่งเหล่านั้นเป็นแค่เรื