[CR] Khao yai the adventures

สวัสดีจ้าาาาาาา อมยิ้ม31
ขอบอกก่อนเลยนะคะ ว่านี่เป็นรีวิวแรกของเราเลย ตื่นเต้นมากกกก ถ้าเราเขียนผิดอะไรก็ขออภัยด้วยนะคะ

กำหนดการของทริปเขาใหญ่ นี้คือวันที่ 29-30 เมษายน ซึ่งเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ค่ะ

สถานที่ที่เราไปคร่าวๆก็คือ
Day1 : bonanza exotic zoo, สวนสนุก scenical world
Day2 : อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่, ฟาร์มโชคชัย, ไร่ข้าวโพดสุวรรณ, dairy home

วันแรก

เราได้นัดกับเพื่อนๆที่มหาลัยเวลา11โมงเพื่อเดินทางมุ่งไปสู่เขาใหญ่ โดยการเดินทางครั้งนี้ได้ขับรถไปกันเอง4คน โดยใช้ google map นำทางไปยังที่พัก เพื่อไปเก็บข้าวของและล้างหน้าล้างตา

หลังจากนั้น เราก็ได้มุ่งหน้าไปยัง bonanza exotic zoo
ที่bonanza exotic zoo เป็นสวนสัตว์ที่เราชอบมาก เพราะมีความเป็นธรรมชาติสูงงง


หลังจากเราได้ซื้อตั๋วกันเสร็จแล้ว เราก็เดินเข้าไปเจอกับอัลปาก้า ม้าแคระ แกะ ยีราฟ กวาง เสือขาว ถนนด้านในเต็มไปด้วยต้นไม้สองข้างทาง ทำให้อากาศไม่ร้อนมาก เดินดูสัตว์ได้สบายๆเลยค่ะ


เมื่อเราเดินไปเรื่อยๆเราได้เจอกับ Cafe ให้นั่งพัก จิบเครื่องดื่ม กินไอติม อย่างสบายใจ เสร็จแล้วอย่าลืมเข้าไปในกรงนกใหญ่กันนะคะ  

เอ้ะ.....!!! ก่อนเข้าอย่าลืมซื้ออาหารไปให้เจ้านกด้วยนะคะ โดยอาหารจะเป็นมะละกอสุกใส่จาน โดยนกจะบินลงมาทานที่จานโดยไม่เกรงกลัวต่อเจ้ามนุษย์เลยจ้าาา ต่อมาเราก็ได้เดินไปดูจระเข้เผือก ซึ่งเราไม่เคยเห็นจระเข้สีนี้มาก่อน มันนอนนิ่งมาก......
จนเพื่อนเราถึงกับพูดขึ้นมาว่า
.
.
.
นี่มันนอนหลับหรือมันตายไปแล้ว 5555555555

พอเดินวนครบรอบจะกลับมาสู่ทางเดิมค่ะ พอพวกเราถ่ายรูปเสร็จได้รูปที่พอใจในการจะไปลงsocialแล้วนั้น เราก็ตัดสินใจบ๊ายบายสวนสัตว์แล้วมุ่งหน้าไปยังจุดหมายต่อไปกันค่ะ

ค่าเข้าชม bonanza exotic zoo
อายุ 0-4 ปี : ฟรี
อายุ 5-10 ปี : 50 บาท
อายุ 11-59 ปี : 100 บาท
อายุ 60 ปีขึ้นไป : 50 บาท

โดยสวนสัตว์จะเปิดทำการทุกวัน
วันจันทร์ถึงศุกร์ เวลา 10.00-17.00น.
วันเสาร์ถึงอาทิตย์ เวลา 09.00-17.00น.

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่
http://thebonanzakhaoyai.com/

จุดหมายต่อไปของเราคือ… คือออ!!!! สวนสนุก scenical world ค่ะ

เราใช้เวลาเดินทางจากสวนสัตว์ไปสวนสนุกเป็นเวลาประมาณ 20 นาที ระยะทาง13 กิโลเมตร

ถึงแล้วจ้าาาาาาาาา ความสนุกที่เรารอคอย!!!!

เราเดินเข้ามาได้เจอกับโซนนี้เป็นโซนแรก คือ โซน Midwest !
โดยมีร้านค้ามากมายให้ได้ช้อปกัน มีเครื่องเล่นหวาดเสียวและเครื่องเล่นสำหรับเด็กด้วยค่ะ (โซนนี้ไม่เสียค่าเข้า แต่ถ้าใครอยากเล่นเครื่องไหนก็ไปจ่ายหน้าเครื่องเล่นได้เลยค่ะ)


ต่อมาเป็นโซน life park เป็นโซนที่มี 20 เครื่องเล่น ระดับความเสียวก็ตั้งแต่น้อยไปมากเลยค่ะ (โซนนี้ค่าเข้า 200 บาท มีคูปองแลกเครื่องดื่มมูลค่า 50 บาท อีกทั้งยังได้นั่งรถไฟฟรีรอบสวนสนุกได้หนึ่งรอบ) พวกเราโชคดีเจอโปรโมชั่นสำหรับเข้าเล่นเครื่องเล่น 14 token ในราคา 840 บาท แต่ในแต่ละเครื่องเล่นใช้จำนวนtokenแตกต่างกันไป


เรามาเริ่มกันที่ typhoon tower


โดยก่อนจะเล่นเจ้าหน้าที่จะให้เราถอดรองเท้า พอเราไปนั่งใจเราก็เริ่มหวิวๆแล้วคะท่านผู้ชมมมม และแล้วเครื่องเล่นก็ค่อยๆหมุนเป็นวงกลม โดยความเร็วมันเร็วขึ้น เร็วขึ้นและเร็วขึ้น ความร็สึกเราตอนนั้นมีความหวิวแรงมาก เหมือนเราไปอยู่ในพายุไต้ฝุ่นอย่างไงอย่างั้น เหมือนเราจะหลุดออกไปแล้วจริงๆ เหมือนเรากับเพื่อนเราจะไม่รอดแล้ว T___T แล้วเครื่องเล่นก็หมุนช้าลง ช้าลง และช้าลง จนเครื่องเล่นหยุดหมุน แต่หัวเราไม่หยุดหมุนส้ากที ถึงกับก้าวลงจากเครื่องเล่นไม่ถูกกันทีเดียวเลยค่ะ.......

ยังค่ะ ยังหมุนไม่พอ ร็สึกยังต้องการให้หัวหมุนอีก ไปหมุนกันต่อที่ไอเครื่องนี้กันเลย ไอเราก็ไม่รู้หรอกว่ามันชื่ออะไร


แต่ความทรงจำที่มีต่อมัน........มากค่ะ ไม่อยากจะจำมันเลย
มันเป็นเครื่องที่ชวนให้เราอยากจะอาเจียนมากค่ะyuck

พอละ พอจริงๆ หัวหมุนกันมากพอแล้ว ขอไปเล่นเครื่องเล่นที่ชิลๆสบายๆดีกว่า
มันเป็นที่นั่งละสไลด์ลง 1 token เล่นได้สองรอบ โดยเราจะต้องหยิบบอร์ดขึ้นไปเอง ตัวพื้นจะเปียกน้ำเพื่อให้มันลื่นๆหน่อย เราก็นั่งบนบอร์ดแล้วเจ้าหน้าที่เขาจะดันเราลงมา ฟู้ววววว~~~~~
~~~
~~~
ลมเย็นมากค่ะ ไอน้ำไอเนิ้มกระเด็นเต็มหน้าชุ่มมากกก สนุกสนานกันไปตามท้องเรื่อง


เล่นเสร็จก็ไปนั่งรถไฟชิลๆ ชมบรรยากาศรอบๆสวนสนุก ถ่ายรูป เพลิดเพลินกันไป ระหว่างนั่งรถไฟนั้นก็เห็นโชว์ของสวนสนุกที่จัดโชว์ให้คนได้ดูกันจ้า


หลังจากนั้นก็ได้กลับไปพักผ่อนที่โรงแรม เพื่อเตรียมตัวรับกิจกรรมของวันพรุ่งนี้ค่ะ
โดยเราได้พักที่ ออโรร่า รีสอร์ท เขาใหญ่


บ้านที่เราเข้าพักมีความเป็นส่วนตัว สะดวกสบาย สามารถนำรถจอดที่หน้าบ้านได้เลย ตัวบ้านมีสองชั้น ทุกอย่างพร้อมมากกกกกก
อีกทั้งยังมีระเบียงให้เราดูดาวด้วยนะขุ่นผู้โช้มมมมม


เป็นอันว่าจบทริปวันแรกของเราอย่างมีความสุข อมยิ้ม16


เช้าวันต่อมา

วันที่สอง

นัดรวมกันเวลา 9โมง วันนี้จะเป็นทริปที่เราอยู่กับธรรมชาติกันทั้งวัน
มุ่งหน้าจากโรมแรมไปอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ใช้เวลาประมาณ 40 นาที ระยะทาง 26 กิโลเมตร


ขับรถเปิดกระจก สูดอากาศบริสุทธิ์ พักผ่อนชิลๆ ดูสัตว์ ชมธรรมชาติ ชมนก ชมไม้
แล้วแวะเดินเข้าไปดูน้ำตกเหวสุวัตซักนิด ประมาณ1กิโลได้ ไหนๆก็เป็นทางผ่าน เดินเล่นชมวิวเพลินๆกันซะหน่อย
น้ำตกสุวัตจะมีสายน้ำไหลลงมาจากหน้าผาสูงประมาณ 20 เมตร จะมีจุดชมวิวในส่วนที่อยู่บนหน้าผา และบริเวณด้านล่างของน้ำตกที่เป็นแอ่งน้ำลำธาร โดยสามารถลงเล่นน้ำได้ค่ะ แต่ในฤดูฝนจะมีน้ำไหลแรง อันตราย ดั้งนั้นควรงดเล่นน้ำกันนะคะเพื่อความปลอดภัยของตัวคุณเอง


หลังจากนั้นเราก็ได้ไปยังฟาร์มโชคชัย

มอ มอ มออออออ~

เสียงร้องของวัวลอยเข้ามาในหัวเมื่อเราคิดถึงคำว่า
.
.
“ฟาร์มโชคชัย”


เมื่อเราถึงฟาร์มโชคชัย ได้สัมผัสถึงกลิ่นไอวัว กลิ่นฟาง กลิ่นหญ้า และการดำเนินชีวิตของสัตว์ต่างๆ

เราได้ซื้อตั๋วเข้าชมที่ห้องจำหน่ายตั๋ว หลังจากนั้นเราได้เข้าสู่ฟาร์มโชคชัย โดยเจ้าหน้าที่จะพาเราไปรับชมวีดีโอประวัติความเป็นมาของฟาร์มโชคชัย หลังจากนั้นเราก็จะได้เข้าไปยังด้านในตัวฟาร์มกันค่ะ

ภายในฟาร์มจะมีกิจกรรมต่างๆให้ทำมากมาย อาทิเช่น การรีดนมวัว ให้อาหารแกะ ดูการผลิตไอศครีมของฟาร์มโชคชัย หรือ ไอศครีม umm! milk รับชมการแสดงของสัตว์ต่างๆ เช่น การแสดงของสุนัขที่ต้อนแกะเข้าสู่คอก การแสดงของวัว และยังมีสนาม ATV ให้สำหรับคนที่รักการทำกิจกรรม adventure ด้วยค่ะ


เมื่อเราได้รับชมฟาร์มจนครบ บริเวณทางออกนั้น ยังมีร้านขายของที่ระลึก ไว้ให้เราสามารถซื้อกลับไปฝากครอบครัวได้อีกด้วยนะคะ

อ้อ….ลืมบอกไป ฟาร์มโชคชัยยังมีร้านอาหารไว้ให้รับประทานกันด้วยค่ะ โดยจะเน้นเป็นอาหารประเภท สเต็ก ขอบอก รสชาติดีมากเลยค่ะ555555


ราคาบัตรเข้าชมฟาร์มโชคชัย
ผู้ใหญ่ : 300 บาท
เด็ก (ส่วนสูง 90-140 เซนติเมตร) : 150 บาท

รอบการเข้าชมฟาร์ม
-วันอังคาร-ศุกร์ เปิดให้เข้าชมรอบ 10.00 น. และ 14.00 น.
-วันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เปิดให้เข้าชม
    รอบเช้า 10.00 / 10.20 / 10.40 / 11.00 / 11.20 / 11.40 น.
    รอบบ่าย 13.00 / 13.20 /13.40 / 14.00 / 14.20 / 14.40 น.
ในกรณีที่วันจันทร์เป็นวันหยุดนักขัตฤกษ์ จะเปิดทำการปกติ และจะหยุดทำการในวันถัดไป

หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อได้ทาง
http://www.farmchokchai.com/

และหลังจากนั้นพวกเราได้แวะไร่ข้าวโพดสุวรรณ ถ้าเห็นข้าวโพดใหญ่ยักษ์นั้นแสดงว่า
คุณ…..ถึงไร่ข้าวโพดสุวรรณแล้ว!!!!



ไร่ข้าวโพดสุวรรณเป็นแหล่งช้อปปิ้งซื้อของฝากยอดนิยมของผู้ที่มายังเขาใหญ่ มีข้าวโพดราคาถูกและสดใหม่ มีไร่ให้เยี่ยมชม โดยมีผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากข้าวโพดมากมาย เช่น น้ำนมข้าวโพด ไอศกรีมข้าวโพดเจลาโต้ อีกทั้งยังมีผลิตภัณฑ์แปรรูปและของทานเล่นอื่นๆอีกด้วย

เวลาเปิดบริการ : 08.00-18.00น.

ก่อนกลับ กองทัพต้องเดินด้วยท้อง พวกเราเลยหาอะไรรองท้องที่ dairy home (แดรี่ โฮม)

แดรี่ โฮม มีทั้งอาหารไทย สเต็ก และจุดเด่นของร้านก็คือ ไอศครีมโฮมเมดจ้าาาา รสชาติอร่อยมาก ถูกปากเราและเพื่อนๆมาก โดยจุดเด่นของไอติมนี้คือ….ถ้วยเซรามิค ทางร้านมีถ้วยไอศรีมอยู่หลายแบบหลายลายให้เราเลือกตามความชอบใจเลยค่ะ น่ารักทั้งนั้นเลย ขอบอกกกlove


บรรยากาศภายในร้านตกแต่งได้น่ารัก มีมุมให้เราถ่ายรูปอยู่หลายโซน เริ่มจากมุมทานอาหารด้านในที่ตกแต่งด้วยสไตล์คันทรี่ มีมุมจำหน่ายของที่ระลึก ที่จำหน่ายนมสดจากแดรี่โฮม ภายนอกร้านกว้างขวางสบายตาดี อากาศปลอดโปร่ง และมีพื้นที่นั่งเล่นสำหรับทั้งผู้ใหญ่และเด็กๆ โดยมีบ้านไม้ให้เด็กเล่น สนุกสนานกันไป แอบอิจฉาเด็กน้อยที่ปีนขึ้นไปเล่น เห็นแล้วอยากจะย้อนวัยตัวเองอีกครั้ง แต่พอไปยืนก็สูงกว่าทางขึ้นซะแล้วค่ะ อดค่ะ……


เรียบร้อยค่ะ พอเรารับประทานเสร็จ อิ่มท้อง อิ่มใจ
ก็ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องกลับไปยังกรุงเทพฯ

ทริปนี้เป็นทริปที่ประทับใจมากๆ อยากจะให้เพื่อนๆพี่ๆน้องๆทุกคนได้มาเที่ยวเขาใหญ่สักครั้งในชีวิตนะคะ เที่ยวได้ทุกเพศทุกวัยจริงๆ

จบการรีวิวแต่เพียงเท่านี้ ถ้าผิดพลาดประการใดก็ขออภัยด้วยนะคะอมยิ้ม17
ชื่อสินค้า:   เขาใหญ่
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่