เมื่อวันศุกร์นี้ดิฉันฟังลุงตู่พูดในรายการศาสตร์พระราชา
ลุงตู่บอกว่า...
"...ไม่มีการรักษาผืนดินให้ดีขึ้น ผลผลิตก็ออกมาน้อย หรือเมื่อเกิดภัยธรรมชาติ ก็เสียหายมาก มีการใช้สารเคมี ทำให้ดินเสีย ดินเสื่อม เหล่านี้นำไปสู่การมีหนี้สิน และทำให้เกิดภาระผูกพัน กลายเป็นจากเจ้าของนา เจ้าของไร่ เป็นต้องเช่าที่ดินจากนายทุน เมื่อรายได้ไม่เพียงพอ ไม่พอใช้ ก็ต้องกู้ยืมเพิ่ม พอกพูนบนหนี้สินเดิม ทั้งหนี้ในระบบ นอกระบบ จนไม่สามารถจะปลดตัวเองจากพันธสัญญากับเจ้าของที่ดิน หรือเจ้าของโรงสีได้ ก็จะวนเวียนไปมาแบบนี้.."
"..ที่ผ่านมานั้น หลายพื้นที่ จากการสำรวจ มีการใช้ทั้งปุ๋ยเคมี ยาฆ่าแมลง มีการเร่งปลูกข้าว เร่งปลูกพืชคุณภาพต่ำ เน้นให้ได้ปริมาณมากเอาไว้ ปลูกหลายๆ ครั้งเพื่อจะนำออกมาขายให้ได้มากที่สุด คุณภาพก็ไม่ดี ขายก็ลำบาก ราคาก็ต่ำ ทำให้มีปัญหาต้องหาที่เก็บไว้อีก เมื่อจะนำออกมาขาย ขายภาครัฐ รัฐก็ระบายออกให้ได้ยาก หรือขายเองก็ราคาต่ำมาก สิ่งเหล่านี้ทำให้ทุกอย่างเกิดความเสียหาย เราต้องใช้เวลาในการซ่อมแซมให้กลับมาให้ได้โดยเร็ว ถ้าหากเราทำให้เสียหายเช่นนี้อีกต่อไป เราจะแก้ไขปัญหาอีกไม่ได้ เพราะฉะนั้นเมื่อเราเห็นปัญหาแล้ว เราก็ต้องพยายามแก้ไขปัญหากันต่อไปอย่างเต็มที่ ทั้งปัญหาเฉพาะหน้า และการปรับเปลี่ยน เพิ่มคุณภาพ ของการเพาะปลูกในระยะยาวอีกด้วย..."
"...สำหรับข้าวจะมีการดำเนินการ 3 โครงการหลัก ได้แก่ 1. โครงการส่งเสริมเกษตรแปลงใหญ่ 2.การใช้เมล็ดพันธุ์ข้าวหอมมะลิคุณภาพดี และ 3.โครงการส่งเสริมการผลิตข้าวอินทรีย์ โดยมีระยะเวลาการดำเนินงาน 5 ปี งบประมาณรวม 25,871.14 ล้านบาท ทั้งนี้ ได้มีการเร่งรัดให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้มีการส่งเสริมเกษตรแปลงใหญ่โดยเพิ่มพื้นที่เป็น 750 แปลง เนื้อที่เพิ่มขึ้นอีก 0.75 ล้านไร่ พร้อมทั้งส่งเสริมการใช้เมล็ดพันธุ์ข้าวหอมมะลิคุณภาพดีใน 21 จังหวัด รวมพื้นที่ 300,000 ไร่ และขยายพื้นที่ปลูกข้าวอินทรีย์ให้ได้ 1 ล้านไร่ภายใน 3 ปี ครอบคลุมเกษตรกรจำนวนกว่า 66,000 ราย.."
🌾🌾🌾🌾🌾🌾🌾🌾🌾🌾🌾🌾🌾🌾🌾
ชาวนาไทยยุคลุงตู่...เริ่มเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นแล้วค่ะ
เริ่มทำเกษตรอินทรีย์ปลอดสารเคมีกันแล้ว
เช่น..ชาวนาจากอยุธยา...ชาวนาอยุธยากลุ่มนี้เชื่ออย่างหนักแน่นว่า การเลิกใช้สารเคมีในนาข้าว เพื่อลดต้นทุนและเพิ่มผลผลิตนั้น ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วในหลายๆ พื้นที่ ได้ผลจริง จนต้นทุนลดลงมากกว่าครึ่ง และยังมีสุขภาพดีที่หาไม่ได้จากการทำนาเคมี
แต่ละปีประเทศไทยผลิตข้าวได้ประมาณ 24 ถึง 25 ล้านตัน ผลผลิตทั้งหมดแบ่งบริโภคภายในประเทศประมาณ 10 ล้านตัน และส่งออกอีก 6 ถึง 10 ล้านตันต่อปี
แม้ประเทศไทยได้ชื่อว่าเป็นประเทศผู้ผลิตและผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ 1 ใน 3 ของโลก สร้างรายได้ให้ประเทศสูงถึง 154,000 ล้านบาทต่อไป แต่ที่สวนทางกัน คือ ชาวนาไทยยังคงเผชิญกับความยากจนอยู่ ตกอยู่ในวังวนปัญหาหนี้สิน ปัจจัยการผลิตนับวันจะสูงขึ้นเรื่อยๆ แล้วชาวนาจะอยู่รอดได้อย่างไร ?
ติดตามภาพการให้สัมภาษณ์ของชาวนาจากเว็บไซต์ค่ะ
https://www.isranews.org/isranews/56199-famer-56199.html
คุณชัดเจน ชาวนาจังหวัดพิจิตร ที่ลุงตู่ชมเมื่อวันศุกร์ ก็ทำนาแบบ
เกษตรอินทรีย์ค่ะ น่าชื่นชมชาวนายุคนี้นะคะ
https://m.facebook.com/permalink.php?story_fbid=768581226572323&id=173903359373449
ชาวนาไทยสู้ๆค่ะ ลุงตู่รักชาวนา จะพยายามให้ชาวนาอยู่ได้อย่างมั่นคงในอาชีพ
ขอยกนิ้วให้ชาวนาทุกคน....
((มาลาริน)) ^_^ ชาวนาไทยยุคลุงตู่ กล้าคิดกล้าเปลี่ยน! หาทางรอดลดต้นทุนทำนา เพิ่มผลผลิตให้มากขึ้นโดยการทำเกษตรอินทรีย์
ลุงตู่บอกว่า...
"...ไม่มีการรักษาผืนดินให้ดีขึ้น ผลผลิตก็ออกมาน้อย หรือเมื่อเกิดภัยธรรมชาติ ก็เสียหายมาก มีการใช้สารเคมี ทำให้ดินเสีย ดินเสื่อม เหล่านี้นำไปสู่การมีหนี้สิน และทำให้เกิดภาระผูกพัน กลายเป็นจากเจ้าของนา เจ้าของไร่ เป็นต้องเช่าที่ดินจากนายทุน เมื่อรายได้ไม่เพียงพอ ไม่พอใช้ ก็ต้องกู้ยืมเพิ่ม พอกพูนบนหนี้สินเดิม ทั้งหนี้ในระบบ นอกระบบ จนไม่สามารถจะปลดตัวเองจากพันธสัญญากับเจ้าของที่ดิน หรือเจ้าของโรงสีได้ ก็จะวนเวียนไปมาแบบนี้.."
"..ที่ผ่านมานั้น หลายพื้นที่ จากการสำรวจ มีการใช้ทั้งปุ๋ยเคมี ยาฆ่าแมลง มีการเร่งปลูกข้าว เร่งปลูกพืชคุณภาพต่ำ เน้นให้ได้ปริมาณมากเอาไว้ ปลูกหลายๆ ครั้งเพื่อจะนำออกมาขายให้ได้มากที่สุด คุณภาพก็ไม่ดี ขายก็ลำบาก ราคาก็ต่ำ ทำให้มีปัญหาต้องหาที่เก็บไว้อีก เมื่อจะนำออกมาขาย ขายภาครัฐ รัฐก็ระบายออกให้ได้ยาก หรือขายเองก็ราคาต่ำมาก สิ่งเหล่านี้ทำให้ทุกอย่างเกิดความเสียหาย เราต้องใช้เวลาในการซ่อมแซมให้กลับมาให้ได้โดยเร็ว ถ้าหากเราทำให้เสียหายเช่นนี้อีกต่อไป เราจะแก้ไขปัญหาอีกไม่ได้ เพราะฉะนั้นเมื่อเราเห็นปัญหาแล้ว เราก็ต้องพยายามแก้ไขปัญหากันต่อไปอย่างเต็มที่ ทั้งปัญหาเฉพาะหน้า และการปรับเปลี่ยน เพิ่มคุณภาพ ของการเพาะปลูกในระยะยาวอีกด้วย..."
"...สำหรับข้าวจะมีการดำเนินการ 3 โครงการหลัก ได้แก่ 1. โครงการส่งเสริมเกษตรแปลงใหญ่ 2.การใช้เมล็ดพันธุ์ข้าวหอมมะลิคุณภาพดี และ 3.โครงการส่งเสริมการผลิตข้าวอินทรีย์ โดยมีระยะเวลาการดำเนินงาน 5 ปี งบประมาณรวม 25,871.14 ล้านบาท ทั้งนี้ ได้มีการเร่งรัดให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้มีการส่งเสริมเกษตรแปลงใหญ่โดยเพิ่มพื้นที่เป็น 750 แปลง เนื้อที่เพิ่มขึ้นอีก 0.75 ล้านไร่ พร้อมทั้งส่งเสริมการใช้เมล็ดพันธุ์ข้าวหอมมะลิคุณภาพดีใน 21 จังหวัด รวมพื้นที่ 300,000 ไร่ และขยายพื้นที่ปลูกข้าวอินทรีย์ให้ได้ 1 ล้านไร่ภายใน 3 ปี ครอบคลุมเกษตรกรจำนวนกว่า 66,000 ราย.."
🌾🌾🌾🌾🌾🌾🌾🌾🌾🌾🌾🌾🌾🌾🌾
ชาวนาไทยยุคลุงตู่...เริ่มเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นแล้วค่ะ
เริ่มทำเกษตรอินทรีย์ปลอดสารเคมีกันแล้ว
เช่น..ชาวนาจากอยุธยา...ชาวนาอยุธยากลุ่มนี้เชื่ออย่างหนักแน่นว่า การเลิกใช้สารเคมีในนาข้าว เพื่อลดต้นทุนและเพิ่มผลผลิตนั้น ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วในหลายๆ พื้นที่ ได้ผลจริง จนต้นทุนลดลงมากกว่าครึ่ง และยังมีสุขภาพดีที่หาไม่ได้จากการทำนาเคมี
แต่ละปีประเทศไทยผลิตข้าวได้ประมาณ 24 ถึง 25 ล้านตัน ผลผลิตทั้งหมดแบ่งบริโภคภายในประเทศประมาณ 10 ล้านตัน และส่งออกอีก 6 ถึง 10 ล้านตันต่อปี
แม้ประเทศไทยได้ชื่อว่าเป็นประเทศผู้ผลิตและผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ 1 ใน 3 ของโลก สร้างรายได้ให้ประเทศสูงถึง 154,000 ล้านบาทต่อไป แต่ที่สวนทางกัน คือ ชาวนาไทยยังคงเผชิญกับความยากจนอยู่ ตกอยู่ในวังวนปัญหาหนี้สิน ปัจจัยการผลิตนับวันจะสูงขึ้นเรื่อยๆ แล้วชาวนาจะอยู่รอดได้อย่างไร ?
ติดตามภาพการให้สัมภาษณ์ของชาวนาจากเว็บไซต์ค่ะ
https://www.isranews.org/isranews/56199-famer-56199.html
คุณชัดเจน ชาวนาจังหวัดพิจิตร ที่ลุงตู่ชมเมื่อวันศุกร์ ก็ทำนาแบบ
เกษตรอินทรีย์ค่ะ น่าชื่นชมชาวนายุคนี้นะคะ
https://m.facebook.com/permalink.php?story_fbid=768581226572323&id=173903359373449
ชาวนาไทยสู้ๆค่ะ ลุงตู่รักชาวนา จะพยายามให้ชาวนาอยู่ได้อย่างมั่นคงในอาชีพ
ขอยกนิ้วให้ชาวนาทุกคน....