King Arthur: Legend of the Sword (Guy Ritchie, 2017) คะแนน C
By Form Corleone
" ถ้าใครชอบหนังที่มีภาพเหมือนเรากำลังเล่นเกมส์หรือตัวอย่างโฆษณาสุดมันหนังเรื่องนี้น่าจะตอบโจทย์ได้ดี " ใครที่ชื่นชอบงานสไตล์ของ 'Guy Ritchie' อาทิเช่น Sherlock Holmes1-2, The Man from U.N.C.L.E. น่าจะจุใจกับผลงานเรื่องนี้เพราะตัวหนังเต็มไปด้วยเทคนิคภาพสไตล์ผู้กำกับท่านนี้ แต่ผิดที่มันเยอะเกินไปจนซ้ำซากในหลายๆฉาก จนรู้สึกคลื่นไส้เพราะตัวหนังแทบไม่สนใจบทภาพยนตร์หรือเรื่องราวที่ควรจะเป็นเลยแม้แต่น้อย ทั้งๆที่ตัวหนังเต็มไปด้วยเนื้อหาที่สามารถสอดแทรกประเด็นต่างๆไว้ได้ค่อนข้างเยอะอยู่พอตัว แต่หนังกับเลือกใช้เทคนิคเพื่อตอบสนองความมันส์อย่างบ้าคลั่งโดยไม่แคร์คนดูทุกประเภท ถึงอย่างนั้น การกำกับหรือลูกเล่นของ 'King Arthur' ก็ยังคงอยู่ในระดับน่าพอใช้หรือดูได้ผ่านๆเพลินๆแต่จำไม่ได้เลยสักฉากว่ามันสนุกยังไง ภาพรวมจึงออกไปในแนวทางหนังชวนซื้อหรือชวนขายผลิตภัณฑ์สินค้าสักแบรนด์หนึ่ง แม้จะมีเอกลักษณ์ให้น่าซื้อขนาดไหน แต่ช่วงเวลาของหนังชวนซื้อเรื่องนี้มันยาวนานถึง 2 ชั่วโมง ทำให้สินค้าตัวนี้ถูกลดค่าไปเรื่อยๆ และไม่ถูกใจในท้ายสุด จนรู้สึกเบื่อในที่สุด รวมถึงการลำดับภาพหรือความลื่นไหลที่ไม่ชวนน่าติดตามอีกด้วย และดูไม่ได้แคร์ในเหตุการณ์ต่างๆที่กำลังนำเสนออยู่เลยด้วยซ้ำไป
อย่างไรเสีย ถ้าใครต้องการความมันส์ระดับเกมส์คอนโซลหรืองานด้านภาพกราฟฟิคดีไซน์ หนังเรื่องนี้น่าจะส่งมอบความบันเทิงได้ไม่ยาก แต่ถ้าใครไม่สันทัดงานภาพแบบนั้นหรืออยากได้ประเด็นสาระจากพล็อตเรื่อง งานนี้คงไม่ได้ส่งเสริมอะไรเท่าไหร่ นอกเสียจากความอยากทำอยากใส่อะไรจนล้นของตัวผู้กำกับเอง จึงมีแต่ความโดดเด่นของงานภาพฉากแอ็คชั่นที่เป็นจุดขาย สิ่งที่รองลงมาคงเป็นซาวด์ดนตรีประกอบที่ชวนเร้าใจอยู่เหมือนกัน นอกเหนือจากนั้นแทบจะมองหาจุดดีไม่ได้เลย ดังนั้นแล้ว 'King Arthur: Legend of the Sword' จึงเป็นงานที่อยู่ในระดับที่พอใช้ได้หรือระดับกลางๆ ไม่ได้แย่จนรู้สึกอยากออกจากโรง ยังพอทนดูได้จนจบเรื่อง สิ่งที่น่าคิดคือถ้าหนังเรื่องนี้ไม่ได้อยู่ในมือของ 'Guy Ritchie' รูปแบบจะออกมาเป็นแบบไหน หรือถ้ายังยึดแนวทางแบบเดิมแต่เปลี่ยนผู้กำกับ สไตล์ของตัวเรื่องอาจจะไม่เด่นเท่างานนี้ก็ได้ เพราะตลอดทั้งเรื่องมันเป็นลายเซ็นของ 'Guy Ritchie' โดยแท้จริง น่าเสียดายที่พี่แกเล่นใหญ่แบบไม่แคร์ใครจริงๆ
ขอให้มีความสุขกับการดูหนังครับ
ตัวอย่างหนัง
ฝากกด like page ด้วยนะครับ
Page:
https://www.facebook.com/MoviesDelightClub/
Blog:
http://moviesdelightclub.blogspot.com/
King Arthur: Legend of the Sword (Guy Ritchie, 2017) เขียนโดย Form Corleone
By Form Corleone
" ถ้าใครชอบหนังที่มีภาพเหมือนเรากำลังเล่นเกมส์หรือตัวอย่างโฆษณาสุดมันหนังเรื่องนี้น่าจะตอบโจทย์ได้ดี " ใครที่ชื่นชอบงานสไตล์ของ 'Guy Ritchie' อาทิเช่น Sherlock Holmes1-2, The Man from U.N.C.L.E. น่าจะจุใจกับผลงานเรื่องนี้เพราะตัวหนังเต็มไปด้วยเทคนิคภาพสไตล์ผู้กำกับท่านนี้ แต่ผิดที่มันเยอะเกินไปจนซ้ำซากในหลายๆฉาก จนรู้สึกคลื่นไส้เพราะตัวหนังแทบไม่สนใจบทภาพยนตร์หรือเรื่องราวที่ควรจะเป็นเลยแม้แต่น้อย ทั้งๆที่ตัวหนังเต็มไปด้วยเนื้อหาที่สามารถสอดแทรกประเด็นต่างๆไว้ได้ค่อนข้างเยอะอยู่พอตัว แต่หนังกับเลือกใช้เทคนิคเพื่อตอบสนองความมันส์อย่างบ้าคลั่งโดยไม่แคร์คนดูทุกประเภท ถึงอย่างนั้น การกำกับหรือลูกเล่นของ 'King Arthur' ก็ยังคงอยู่ในระดับน่าพอใช้หรือดูได้ผ่านๆเพลินๆแต่จำไม่ได้เลยสักฉากว่ามันสนุกยังไง ภาพรวมจึงออกไปในแนวทางหนังชวนซื้อหรือชวนขายผลิตภัณฑ์สินค้าสักแบรนด์หนึ่ง แม้จะมีเอกลักษณ์ให้น่าซื้อขนาดไหน แต่ช่วงเวลาของหนังชวนซื้อเรื่องนี้มันยาวนานถึง 2 ชั่วโมง ทำให้สินค้าตัวนี้ถูกลดค่าไปเรื่อยๆ และไม่ถูกใจในท้ายสุด จนรู้สึกเบื่อในที่สุด รวมถึงการลำดับภาพหรือความลื่นไหลที่ไม่ชวนน่าติดตามอีกด้วย และดูไม่ได้แคร์ในเหตุการณ์ต่างๆที่กำลังนำเสนออยู่เลยด้วยซ้ำไป
อย่างไรเสีย ถ้าใครต้องการความมันส์ระดับเกมส์คอนโซลหรืองานด้านภาพกราฟฟิคดีไซน์ หนังเรื่องนี้น่าจะส่งมอบความบันเทิงได้ไม่ยาก แต่ถ้าใครไม่สันทัดงานภาพแบบนั้นหรืออยากได้ประเด็นสาระจากพล็อตเรื่อง งานนี้คงไม่ได้ส่งเสริมอะไรเท่าไหร่ นอกเสียจากความอยากทำอยากใส่อะไรจนล้นของตัวผู้กำกับเอง จึงมีแต่ความโดดเด่นของงานภาพฉากแอ็คชั่นที่เป็นจุดขาย สิ่งที่รองลงมาคงเป็นซาวด์ดนตรีประกอบที่ชวนเร้าใจอยู่เหมือนกัน นอกเหนือจากนั้นแทบจะมองหาจุดดีไม่ได้เลย ดังนั้นแล้ว 'King Arthur: Legend of the Sword' จึงเป็นงานที่อยู่ในระดับที่พอใช้ได้หรือระดับกลางๆ ไม่ได้แย่จนรู้สึกอยากออกจากโรง ยังพอทนดูได้จนจบเรื่อง สิ่งที่น่าคิดคือถ้าหนังเรื่องนี้ไม่ได้อยู่ในมือของ 'Guy Ritchie' รูปแบบจะออกมาเป็นแบบไหน หรือถ้ายังยึดแนวทางแบบเดิมแต่เปลี่ยนผู้กำกับ สไตล์ของตัวเรื่องอาจจะไม่เด่นเท่างานนี้ก็ได้ เพราะตลอดทั้งเรื่องมันเป็นลายเซ็นของ 'Guy Ritchie' โดยแท้จริง น่าเสียดายที่พี่แกเล่นใหญ่แบบไม่แคร์ใครจริงๆ
ขอให้มีความสุขกับการดูหนังครับ
ตัวอย่างหนัง
ฝากกด like page ด้วยนะครับ
Page: https://www.facebook.com/MoviesDelightClub/
Blog: http://moviesdelightclub.blogspot.com/