เนื่องในวัน วิสาขบูชา เลยอยากมาแบ่งปันประสบการณ์ Review สถานปฏิบัติธรรม : ศูนย์ปฏิบัติธรรมเฉลิมพระเกียรติ ๘๔ พรรษาราชนครินทร์ (เขาดินหนองแสง) ที่เพิ่งไปมา (ยาวนะ แต่น่าจะเป็นประโยชน์)
เริ่ม ^-^
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา มีโอกาสได้ไปเข้าคอสวิปัสนาของนิตยสาร Secret ซึ่งเป็นคอสวิปัสนาของพระอาจารย์มานพ อุปสโม เลยอยากมาแบ่งปันข้อมูลสำหรับวัยรุ่นหรือคนรุ่นใหม่ ว่าการปฏิบัติธรรมไม่ได้น่ากลัวหรือลำบากอย่างที่คิด โดยส่วนตัวแล้วได้มีโอกาสมาปฏิบัติที่นี่ทั้งสิ้น 6 ครั้งตลอดระยะเวลา 12 ปี แต่ละครั้งได้ประสบการณ์ที่ดีมากๆ เราอาจไม่ใช่สายลึกว่าปฏิบัติแล้วต้องสำเร็จถึงขั้นไหนๆ แต่สิ่งที่ได้คือสามารถเอาหลักธรรมมาใช้ในชีวิตประจำวันได้ ทำให้ใช้ชีวิตได้ง่ายขึ้น จากความทุกข์ร้อนที่เคยมีก็เบาลง ความเศร้าก็ยังมีบ้างแต่จะอยู่กับเราไม่นาน
พระอาจารย์มานพ อุปสโม
http://www.pra-manop.org/phra.html
เข้าเรื่องเลยดีกว่า สำหรับ ศูนย์ปฏิบัติธรรมเฉลิมพระเกียรติ ๘๔ พรรษาราชนครินทร์ (เขาดินหนองแสง) จังหวัดจันทรบุรีที่มีโอกาสได้ไปฏิบัตินั้น ถือว่าเป็นสถานที่ สัปปายะ (หมายถึง สบาย สิ่งที่เป็นที่สบาย) มากๆ หรือจะเรียกว่าสวย ชิค คูล เลยก็ว่าได้ ห้องนอน ห้องนำสะอาดสะอ้าน
ในหนึ่งห้องนอน จะให้พัก 2 คน (ทางธรรมบริกรจะเป็นคนจับคู่ให้ เราเลือกเองไม่ได้)
นี่คือสภาพห้องน้ำ สะอาดกว่ารีสอร์ทบางที่อีก
ชุดเครื่องนอนที่ถูกจัดเตรียมไว้ให้ มีปลอกหมอน ผ้าปูที่นอน และผ้าห่ม (ประทับใจมากๆ)
ทีนี้จะมาเล่าให้ฟังถึงขั้นตอนการมาปฏิบัติว่าต้องทำอย่างไรบ้าง เริ่มต้นตั้งแต่การสมัคร คอสนี้ทางซีเคร็ทจะจัดปีละ 3 ครั้ง ช่วงเดือน พ.ค. ซึ่งตรงกับวันเกิดพระพี่นาง เดือน ส.ค. ซึ่งตรงกับวันแม่ และช่วงเดือน ธ.ค. ซึ่งตรงกับวันพ่อ คนที่สามารถสมัครเข้ามาได้ ต้องเป็นสมาชิกนิตยาสารซีเคร็ท แต่เราโชคดีที่เป็นครอบครัวพนักงานของบริษัอมรินทร์เลยได้สิทธิ์มาแบบพนักงาน (นโยบายของบริษัทคืออยากให้พนักงานเข้าถึงธรรมะ เลยให้สิทธิ์พนักงานพาครอบครัวมาได้ ซึ่งถือว่าดีมาก ที่บริษัทเรานี่กว่าจะลายาวมาปฏิบัติได้ ต้องวางแผนลางานล่วงหน้าตั้ง 3 เดือน) อันที่จริงปีที่ผ่านมาก็จองไว้ว่าจะไป แต่ติดงานเลยต้องยกเลิก ครั้งนี้ตั้งใจมากๆ ถึงขนาดต้องไปบนศาลที่ทำงานว่าให้ช่วยเปิดทางให้ได้ไปปฏิบัติที
เมื่อสมัครแล้วก็รอทางผู้จัดโทรมาคอนเฟิร์ม เค้าก็จะถามว่าจะไปเอง หรือจะไปรถบัสที่ทางอมรินทร์จัดให้ (ทีมงานจะส่งแผนที่การเดินทางให้)
ถึงวันนัดหมายก็จะมาเจอกันที่สำนักพิมพ์แถวๆ สวนผักเวลาประมาณ 6.30 น. รถออก 7.00 น. เมื่อมาถึง ทีมงานก็จะแจกคู่มือและป้ายชื่อให้ สำหรับคล้องกระเป๋าและติดที่เสื่อ (เดี๋ยวจะมาเล่าให้ฟังว่าทำไมถึงต้องติดป้ายชื่อ) ทีน่ารักคือทีมงานจะเตรียม snack box ให้คนละ 1 ชุด กลัวคุณย่า คุณยายหิว
ลืมบอกไป ส่วนใหญ่คนที่มาปฏิบัติก็ 40-50 อัพ เด็กๆ วัยรุ่นจะน้อยมาก (เรา 35 ถือว่ายังเอ๊าะ ถ้าเทียบกับคณะที่เดินทางมาด้วยกัน)
เมื่อมาถึงสำนักปฏิบัติธรรม ธรรมบริกรก็จะประกาศบอกเราว่าเราพักห้องไหน พร้อมทั้งแจกชุดปฏิบัติธรรมให้ สำหรับไปอาบน้ำอาบท่าเปลี่ยนชุดมาเข้าพิธี
ชุดจะถูกจัดเตรียมใส่ถุงให้อย่างเรียบร้อย
เครื่องแบบชาย
เครื่องแบบหญิง
แต่ละวันเมื่อเปลี่ยนชุดเเล้วก็เอามาใส่ตะกร้า จะมีเจ้าหน้าที่ซักให้ (สุดยอดมากกกกกกกกกกกก)
เปลี่ยนชุดเสร็จแล้วก็ขึ้นมาที่ศาลาเพื่อเตรียมพบพระอาจารย์ และปฏิบัติ ตอนเดินขึ้นไปถึงศาลาครั้งแรกนี้อึ้งมาก เพราะวิวสวบแบบสุดๆ เหมืออยู่ยอดเขา เห็นต้นไม้สุดลูกหลูกตา งามมาก นึกว่าอยู่รีสอร์ทภาคเหนือ ยิ่งตอนเช้านี่อย่างฟิน มีทะเลหมอกด้วยจร้าาาาาา ขอย้ำ ทะเลหมอกกลางเดือน พ.ค. ไม่ต้องรอปลายปี ไม่ต้องปีนขึ้นดอย มาที่นี่ก็ได้เห็นแบบเต็มๆ
บนศาลาปฏิบัติ
วิวพาโนรามา
มองไกลๆ จะเห็นทะเลหมอก อันนี้ถ่ายตอน 10.00 น. หมอกเลยมีไม่มาก
ลืมบอกไปว่ามาปฏิบัติที่นี่จะต้อง ปิดวาจา รักษาศีล8 พร้อมยึดเครื่องมือสื่อสารห้ามติดต่อโลกภายนอกให้รบกวนใจ อันนี้ถ่ายรูปได้เพราะเค้าคืนโทรศัพท์วันสุดท้ายเลยได้เก็บภาพสวยๆ มา Review
แต่ที่เด็ดกว่าบนศาลาคือโรงอาหารที่นั่งกินข้าว บรรยายความงามไม่ถูกจริงๆ ต้องดูภาพเอาเอง
นั่งกินข้าวเรียงหน้ากระดาน
ธรรมบริกรจะจัดเตรียมชุดรับประทานอาหารไว้ไห้ เป็นถามหลุมแล้วก็แก้วน้ำ
ทานเสร็จแล้วก็ล้างทำความสะอาดเองของใครของมัน
ติดใจวิวพาโนรามามากๆ
อาหารก็จะวางเรียงๆ ให้มาตัดเองตามที่ร่างกายต้องการ ไม่เน้นอิ่มจนเหลือ เอาแค่พอประมาณ
อันนนี้เมนูเด็ดของที่นี่ หมูชะมวง (แต่จริงๆ อร่อยทุกอย่างเลย)
ทุกคนจะต้องมาสอบอารมณ์กับพระอาจารย์ อย่างน้อย 3 ครั้ง พระอาจารย์จะมาแนะนำและคอยสอบถามว่าทำได้ไหม หากติดอะไร พระอาจารย์จะมาช่วยแนะนำ ที่บอกตอนต้นเรื่องป้ายชื่อ มีไว้สำหรับธรรมบริกรเรียกเราไปสอบอารมณ์
ระเบียบปฏิบัติ
ตารางการปฏิบัติในแต่ละวัน
อาคารที่พักแบบเต็มๆ
นอกเหนือจากบนอาคาร ก็ยังมีกุฏิแยกออกไปอีกหลายกุฏิ
ทางเดินในสถานปฏิบัติธรรม ร่มรื่นมากกก
ตลอดระยะเวลาในการปฏิบัติ จะใช้ระฆังเป็นสัญญาณในการเรียกรวมพล
ทางเข้าก็แสนจะร่มรื่น
รถบัสที่ทางอมรินทร์จัดเตรียมไว้ให้ สะดวกมากๆ สำหรับการมาปฏิบัติ
เอาหล่ะ สำหรับรูปก็ลงไปเยอะและ จะขอสรุปภาพรวมว่าดีอย่างไร
ที่กล่าวมาทั้งหมดต้องขอย้ำว่าไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น แล้วแต่ว่าวันสุดท้ายใครอยากจะร่วมทำบุญก็แล้วแต่กำลัง ไม่มีการบังคับ ต้องขออนุโมทนากับบริษัทอมรินทร์จริงๆ ที่จัดคอสนี้ขึ้นมา
อ่านมาถึงตรงนี้ หลายคนคงสงสัยว่า การทำทำสถานที่ดีอย่างนี้ทำให้เราติดสบาย ไม่ได้ละทางโลกหรือเปล่า ซึ่งคำถามนี้เราเคยถามพระอาจารย์ ก็ได้คำตอบว่า ที่พระอาจารย์ทำสถานที่ดีขนดนี้ เพราะอยากให้ชาว กทม. มาฏิบัติเยอะๆ ถ้าลำบากคนก็ไม่อยากมา อีกอย่าง ถ้าสถานที่ดี ผู้ปฏิบัติก็จะมีสมาธิสามารถปฏิบัติได้อย่างเต็มที่ ครั้งนี้ เราไป 5 วัน 4 คืน ต้องลางาน 4 วัน
อยากฝากบอกทุกคนว่า มันคุ้มค่าจริงๆ สำหรับการที่เราได้มา แรกๆ จะไม่กล้าลางานมานานๆ กลัวงานกระทบ แต่มาคิดดูอีกที ตลอด 365 วัน เราใช้ร่างกายและจิตใจเพื่อคนอื่นมามาก การที่ใช้เวลา 5 เพื่อดูใจตัวเอง ถือว่าไม่มากเลย ร่างกายเรายังไปตรวจสุขภาพทุกปี ทำไมจิตใจเราจะแบ่งเวลามาดูแลไม่ได้ สุดท้ายเมื่อกลับมาทำงาน เราจะรู้ว่า เราไม่ใช่ศูนย์กลางของโลก ไม่มีเราซักคน ทุกอย่างก็ยังคงดำเนินไปได้ สุดท้ายนี้ขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่านที่ตั้งใจปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบนะคะ
แชร์ประสบการณ์ปฏิบัติธรรม Review สถานปฏิบัติธรรม : ศูนย์ปฏิบัติธรรมเฉลิมพระเกียรติ ๘๔ พรรษาราชนครินทร์ (เขาดินหนองแสง)
เริ่ม ^-^
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา มีโอกาสได้ไปเข้าคอสวิปัสนาของนิตยสาร Secret ซึ่งเป็นคอสวิปัสนาของพระอาจารย์มานพ อุปสโม เลยอยากมาแบ่งปันข้อมูลสำหรับวัยรุ่นหรือคนรุ่นใหม่ ว่าการปฏิบัติธรรมไม่ได้น่ากลัวหรือลำบากอย่างที่คิด โดยส่วนตัวแล้วได้มีโอกาสมาปฏิบัติที่นี่ทั้งสิ้น 6 ครั้งตลอดระยะเวลา 12 ปี แต่ละครั้งได้ประสบการณ์ที่ดีมากๆ เราอาจไม่ใช่สายลึกว่าปฏิบัติแล้วต้องสำเร็จถึงขั้นไหนๆ แต่สิ่งที่ได้คือสามารถเอาหลักธรรมมาใช้ในชีวิตประจำวันได้ ทำให้ใช้ชีวิตได้ง่ายขึ้น จากความทุกข์ร้อนที่เคยมีก็เบาลง ความเศร้าก็ยังมีบ้างแต่จะอยู่กับเราไม่นาน
พระอาจารย์มานพ อุปสโม http://www.pra-manop.org/phra.html
เข้าเรื่องเลยดีกว่า สำหรับ ศูนย์ปฏิบัติธรรมเฉลิมพระเกียรติ ๘๔ พรรษาราชนครินทร์ (เขาดินหนองแสง) จังหวัดจันทรบุรีที่มีโอกาสได้ไปฏิบัตินั้น ถือว่าเป็นสถานที่ สัปปายะ (หมายถึง สบาย สิ่งที่เป็นที่สบาย) มากๆ หรือจะเรียกว่าสวย ชิค คูล เลยก็ว่าได้ ห้องนอน ห้องนำสะอาดสะอ้าน
ในหนึ่งห้องนอน จะให้พัก 2 คน (ทางธรรมบริกรจะเป็นคนจับคู่ให้ เราเลือกเองไม่ได้)
นี่คือสภาพห้องน้ำ สะอาดกว่ารีสอร์ทบางที่อีก
ชุดเครื่องนอนที่ถูกจัดเตรียมไว้ให้ มีปลอกหมอน ผ้าปูที่นอน และผ้าห่ม (ประทับใจมากๆ)
ทีนี้จะมาเล่าให้ฟังถึงขั้นตอนการมาปฏิบัติว่าต้องทำอย่างไรบ้าง เริ่มต้นตั้งแต่การสมัคร คอสนี้ทางซีเคร็ทจะจัดปีละ 3 ครั้ง ช่วงเดือน พ.ค. ซึ่งตรงกับวันเกิดพระพี่นาง เดือน ส.ค. ซึ่งตรงกับวันแม่ และช่วงเดือน ธ.ค. ซึ่งตรงกับวันพ่อ คนที่สามารถสมัครเข้ามาได้ ต้องเป็นสมาชิกนิตยาสารซีเคร็ท แต่เราโชคดีที่เป็นครอบครัวพนักงานของบริษัอมรินทร์เลยได้สิทธิ์มาแบบพนักงาน (นโยบายของบริษัทคืออยากให้พนักงานเข้าถึงธรรมะ เลยให้สิทธิ์พนักงานพาครอบครัวมาได้ ซึ่งถือว่าดีมาก ที่บริษัทเรานี่กว่าจะลายาวมาปฏิบัติได้ ต้องวางแผนลางานล่วงหน้าตั้ง 3 เดือน) อันที่จริงปีที่ผ่านมาก็จองไว้ว่าจะไป แต่ติดงานเลยต้องยกเลิก ครั้งนี้ตั้งใจมากๆ ถึงขนาดต้องไปบนศาลที่ทำงานว่าให้ช่วยเปิดทางให้ได้ไปปฏิบัติที
เมื่อสมัครแล้วก็รอทางผู้จัดโทรมาคอนเฟิร์ม เค้าก็จะถามว่าจะไปเอง หรือจะไปรถบัสที่ทางอมรินทร์จัดให้ (ทีมงานจะส่งแผนที่การเดินทางให้)
ถึงวันนัดหมายก็จะมาเจอกันที่สำนักพิมพ์แถวๆ สวนผักเวลาประมาณ 6.30 น. รถออก 7.00 น. เมื่อมาถึง ทีมงานก็จะแจกคู่มือและป้ายชื่อให้ สำหรับคล้องกระเป๋าและติดที่เสื่อ (เดี๋ยวจะมาเล่าให้ฟังว่าทำไมถึงต้องติดป้ายชื่อ) ทีน่ารักคือทีมงานจะเตรียม snack box ให้คนละ 1 ชุด กลัวคุณย่า คุณยายหิว
ลืมบอกไป ส่วนใหญ่คนที่มาปฏิบัติก็ 40-50 อัพ เด็กๆ วัยรุ่นจะน้อยมาก (เรา 35 ถือว่ายังเอ๊าะ ถ้าเทียบกับคณะที่เดินทางมาด้วยกัน)
เมื่อมาถึงสำนักปฏิบัติธรรม ธรรมบริกรก็จะประกาศบอกเราว่าเราพักห้องไหน พร้อมทั้งแจกชุดปฏิบัติธรรมให้ สำหรับไปอาบน้ำอาบท่าเปลี่ยนชุดมาเข้าพิธี
ชุดจะถูกจัดเตรียมใส่ถุงให้อย่างเรียบร้อย
เครื่องแบบชาย
เครื่องแบบหญิง
แต่ละวันเมื่อเปลี่ยนชุดเเล้วก็เอามาใส่ตะกร้า จะมีเจ้าหน้าที่ซักให้ (สุดยอดมากกกกกกกกกกกก)
เปลี่ยนชุดเสร็จแล้วก็ขึ้นมาที่ศาลาเพื่อเตรียมพบพระอาจารย์ และปฏิบัติ ตอนเดินขึ้นไปถึงศาลาครั้งแรกนี้อึ้งมาก เพราะวิวสวบแบบสุดๆ เหมืออยู่ยอดเขา เห็นต้นไม้สุดลูกหลูกตา งามมาก นึกว่าอยู่รีสอร์ทภาคเหนือ ยิ่งตอนเช้านี่อย่างฟิน มีทะเลหมอกด้วยจร้าาาาาา ขอย้ำ ทะเลหมอกกลางเดือน พ.ค. ไม่ต้องรอปลายปี ไม่ต้องปีนขึ้นดอย มาที่นี่ก็ได้เห็นแบบเต็มๆ
บนศาลาปฏิบัติ
วิวพาโนรามา
มองไกลๆ จะเห็นทะเลหมอก อันนี้ถ่ายตอน 10.00 น. หมอกเลยมีไม่มาก
ลืมบอกไปว่ามาปฏิบัติที่นี่จะต้อง ปิดวาจา รักษาศีล8 พร้อมยึดเครื่องมือสื่อสารห้ามติดต่อโลกภายนอกให้รบกวนใจ อันนี้ถ่ายรูปได้เพราะเค้าคืนโทรศัพท์วันสุดท้ายเลยได้เก็บภาพสวยๆ มา Review
แต่ที่เด็ดกว่าบนศาลาคือโรงอาหารที่นั่งกินข้าว บรรยายความงามไม่ถูกจริงๆ ต้องดูภาพเอาเอง
นั่งกินข้าวเรียงหน้ากระดาน
ธรรมบริกรจะจัดเตรียมชุดรับประทานอาหารไว้ไห้ เป็นถามหลุมแล้วก็แก้วน้ำ
ทานเสร็จแล้วก็ล้างทำความสะอาดเองของใครของมัน
ติดใจวิวพาโนรามามากๆ
อาหารก็จะวางเรียงๆ ให้มาตัดเองตามที่ร่างกายต้องการ ไม่เน้นอิ่มจนเหลือ เอาแค่พอประมาณ
อันนนี้เมนูเด็ดของที่นี่ หมูชะมวง (แต่จริงๆ อร่อยทุกอย่างเลย)
ทุกคนจะต้องมาสอบอารมณ์กับพระอาจารย์ อย่างน้อย 3 ครั้ง พระอาจารย์จะมาแนะนำและคอยสอบถามว่าทำได้ไหม หากติดอะไร พระอาจารย์จะมาช่วยแนะนำ ที่บอกตอนต้นเรื่องป้ายชื่อ มีไว้สำหรับธรรมบริกรเรียกเราไปสอบอารมณ์
ระเบียบปฏิบัติ
ตารางการปฏิบัติในแต่ละวัน
อาคารที่พักแบบเต็มๆ
นอกเหนือจากบนอาคาร ก็ยังมีกุฏิแยกออกไปอีกหลายกุฏิ
ทางเดินในสถานปฏิบัติธรรม ร่มรื่นมากกก
ตลอดระยะเวลาในการปฏิบัติ จะใช้ระฆังเป็นสัญญาณในการเรียกรวมพล
ทางเข้าก็แสนจะร่มรื่น
รถบัสที่ทางอมรินทร์จัดเตรียมไว้ให้ สะดวกมากๆ สำหรับการมาปฏิบัติ
เอาหล่ะ สำหรับรูปก็ลงไปเยอะและ จะขอสรุปภาพรวมว่าดีอย่างไร
ที่กล่าวมาทั้งหมดต้องขอย้ำว่าไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น แล้วแต่ว่าวันสุดท้ายใครอยากจะร่วมทำบุญก็แล้วแต่กำลัง ไม่มีการบังคับ ต้องขออนุโมทนากับบริษัทอมรินทร์จริงๆ ที่จัดคอสนี้ขึ้นมา
อ่านมาถึงตรงนี้ หลายคนคงสงสัยว่า การทำทำสถานที่ดีอย่างนี้ทำให้เราติดสบาย ไม่ได้ละทางโลกหรือเปล่า ซึ่งคำถามนี้เราเคยถามพระอาจารย์ ก็ได้คำตอบว่า ที่พระอาจารย์ทำสถานที่ดีขนดนี้ เพราะอยากให้ชาว กทม. มาฏิบัติเยอะๆ ถ้าลำบากคนก็ไม่อยากมา อีกอย่าง ถ้าสถานที่ดี ผู้ปฏิบัติก็จะมีสมาธิสามารถปฏิบัติได้อย่างเต็มที่ ครั้งนี้ เราไป 5 วัน 4 คืน ต้องลางาน 4 วัน
อยากฝากบอกทุกคนว่า มันคุ้มค่าจริงๆ สำหรับการที่เราได้มา แรกๆ จะไม่กล้าลางานมานานๆ กลัวงานกระทบ แต่มาคิดดูอีกที ตลอด 365 วัน เราใช้ร่างกายและจิตใจเพื่อคนอื่นมามาก การที่ใช้เวลา 5 เพื่อดูใจตัวเอง ถือว่าไม่มากเลย ร่างกายเรายังไปตรวจสุขภาพทุกปี ทำไมจิตใจเราจะแบ่งเวลามาดูแลไม่ได้ สุดท้ายเมื่อกลับมาทำงาน เราจะรู้ว่า เราไม่ใช่ศูนย์กลางของโลก ไม่มีเราซักคน ทุกอย่างก็ยังคงดำเนินไปได้ สุดท้ายนี้ขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่านที่ตั้งใจปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบนะคะ