สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 2
จริงๆถ้าเจ้าหน้าที่มันไม่ทำงานแบบชุ้ยๆใส่ใจสักหน่อยอะไรๆมันก็คงจะไม่ง่ายนักหรอกนะครับ เช่น การนำสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนไปแจ้งซิมหายขอซิมใหม่ อันนี้เหตุการณ์เคยเกิดขึ้นมาแล้วกับค่ายสีแดง และก็มีการชดใช้กันไปแล้ว เหตุเพราะพนักงานไม่ดูอะไรเลย ว่าเป็นเจ้าของตัวจริงหรือไม่ การทำแบบนี้มันต้องใช้บัตรตัวจริงเท่านั้น ไม่ใช่แค่สำเนาก็ใช้ได้ และต้องดูด้วยว่าหน้าตามันเหมือนหรือใกล้เคียงกับเจ้าของไหม
การทำธุรกรรมทางการเงินผ่านแอ๊พทุกวันนี้ รัดกุมมากขึ้น เวลาจะโอน หรือเข้าแอ๊พก็จะมีระบบแจ้งเตือนทางข้อความตลอด การที่จะแฮ๊กได้ก็คือต้องมีซิมของเหยื่อ มีรายละเอียดเกี่ยวกับบัตรของเหยื่อ มียุสเซอร์เนมของเหยื่อ ประกอบกันถึงจะสามารถทำได้ครับ
ส่วนการที่ว่ามีคนนำบัตรคนอื่นไปใช้นั้น ก็อย่างที่บอก เจ้าหน้าที่หรือพนักงานไม่เคยดูครับว่ารูปร่างหน้าตาใช่เจ้าของบัตรไหม เห็นว่าเป็นบัตรก็ใช้ได้เลย แบบนี้แหละครับมันทำให้ไม่ปลอดภัย เห็นด้วยหากทำบัตรหายให้รีบแจ้งความไว้ทันทีเพื่อป้องกันตัวเอง ขนาดผมโดนแฮ๊กอีเมลล์ยังไปแจ้งความเลยครับ
การทำธุรกรรมทางการเงินผ่านแอ๊พทุกวันนี้ รัดกุมมากขึ้น เวลาจะโอน หรือเข้าแอ๊พก็จะมีระบบแจ้งเตือนทางข้อความตลอด การที่จะแฮ๊กได้ก็คือต้องมีซิมของเหยื่อ มีรายละเอียดเกี่ยวกับบัตรของเหยื่อ มียุสเซอร์เนมของเหยื่อ ประกอบกันถึงจะสามารถทำได้ครับ
ส่วนการที่ว่ามีคนนำบัตรคนอื่นไปใช้นั้น ก็อย่างที่บอก เจ้าหน้าที่หรือพนักงานไม่เคยดูครับว่ารูปร่างหน้าตาใช่เจ้าของบัตรไหม เห็นว่าเป็นบัตรก็ใช้ได้เลย แบบนี้แหละครับมันทำให้ไม่ปลอดภัย เห็นด้วยหากทำบัตรหายให้รีบแจ้งความไว้ทันทีเพื่อป้องกันตัวเอง ขนาดผมโดนแฮ๊กอีเมลล์ยังไปแจ้งความเลยครับ
แสดงความคิดเห็น
"บัตรประชาชน" เพียงใบเดียว อาจทำอนาคตดับวูบ เป็นหนี้หลายสิบล้าน แถมทรัพย์สินหายโดยไม่ทันตั้งตัว!!
1. รู้เบอร์โทรของเป้าหมาย
2. ได้เลขบัตรประชาชนของเป้าหมาย
3. รู้บัญชีธนาคารของเป้าหมาย
4. ปลอมบัตรประชาชนของเป้าหมาย
5. เอาบัตรประชาชนของเป้าหมาย ไปยกเลิกซิมการ์ดโทรศัพท์ของเป้าหมาย
6. ออกซิมการ์ดใหม่เบอร์เดิม โดยซิมของเป้าหมายที่ใช้อยู่ถูกตัดสัญญาณ
7. โทรไปหลอก Call Center Cyber Banking เพื่อขอให้ปลดล็อค และ Reset รหัสผ่านใหม่
8. โอนเงิน ออกจากบัญชีของเป้าหมาย
9. จบกัน!
ถ้าหากท่านทำการค้าออนไลน์ ที่ลูกค้าจำเป็นจะต้องขอเลขที่บัญชีของท่าน ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร สามารถให้ได้ แต่สำหรับบัตรประชาชน ให้ท่านปิดข้อมูลทั้งหมดเหลือไว้แค่ชื่อ นามสกุล เพียงอย่างเดียว โดยท่านต้องปิดเลขบัตรประชาชน 13 หลัก วันเดือนปีเกิด และสำคัญคือบาร์โค้ดใต้ครุฑ ด้านซ้ายของบัตร เนื่องจากพี่น้องประชาชนยังไม่ทราบว่า ปัจจุบันนี้ มิจฉาชีพสามารถใช้แอพโทรศัพท์มือถือในการสแกนบาร์โค้ดในบัตรประชาชนของท่านได้ แล้วนำรหัส 13 หลักที่ซ่อนอยู่ในบาร์โค้ดมาใช้ในการกระทำผิดกฎหมายได้
นอกจากนี้ เมื่อท่านทำบัตรประชาชนหาย ท่านจะต้องไปแจ้งความทันทีที่โรงพักในภูมิลำเนาของท่าน โดยจะต้องแจ้ง ชื่อ นามสกุล เลขบัตรประชาชน 13 หลัก วันเดือนปีเกิด วันที่ออกบัตร วันหมดอายุบัตร โดยต้องนำสำเนาบัตรประชาชนของบัตรประชาชนใบที่หายไปมาแจ้งความ และระบุด้วยว่าหากผู้ใดนำบัตรไปใช้ในการกระทำผิดกฎหมายทุกกรณี ถือว่าทางเจ้าของบัตรไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบัตรใบนี้ตั้งแต่วันที่ไปแจ้งความ เพราะเคยมีเคสที่ทำบัตรประชาชนหล่นหาย แล้วคนร้ายนำไปใช้ส่งยาเสพติดที่ขนส่ง กว่าจะพิสูจน์ได้ว่าเจ้าของบัตรไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขายยาเสพติด เจ้าของบัตรต้องติดคุกฟรี 1 ปี 7 เดือน หรือเคสนำบัตรประชาชนที่หล่นหายไปเปิดบัญชี แล้วหลอกให้โอนเงินมาผ่านบัญชี จนทำให้เจ้าของบัญชีที่ทำบัตรประชาชนหายต้องถูกดำเนินคดีในข้อหาร่วมกันฉ้อโกง กว่าจะพิสูจน์ได้ต้องหาเงินมาประกันตัว ต้องเสียเงิน เสียเวลาในการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ จึงเตือนภัยมาเพื่อให้พี่น้องประชาชนทราบโดยทั่วกัน
ข้อมูล : ชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม
เรียบเรียง และ เขียนข่าวโดย
เกษวรา นาทวีไพโรจน์ :: ทีมงาน ที่สุดดอทคอม
http://www.tsood.com/contents/bg/163177/