[CR] แอฟริกาใต้ - Joburg x Cape Town เต้น Waka Waka ตะลอนหนึ่งในเมืองที่อันตรายที่สุดในโลก?



สวัสดีอีกครั้งครับสมาชิกพันทิปทุกท่าน ยิ้ม

หลังจากเขียนถึงทริปในนิวซีแลนด์กับบาหลีของเราไปก่อนหน้านี้ก็คิดว่าเรื่องราวของเราคงมีประโยชน์กับใครบ้างไม่มากก็น้อย เพิ่งมีโอกาสเดินทางมาเที่ยว South Africa เป็นครั้งแรกสดๆ ร้อนๆ โดยทริปนี้ยาวนานถึง 24 วันก็เลยขออนุญาตใช้พื้นที่แบ่งปันรูปถ่าย ประสบการณ์ และวิบากกรรมระหว่างทางอีกเช่นเคย

[CR] เกาะใต้ New Zealand สามเดือน เรียนไป-เที่ยวไป หอบเสื้อผ้าไปนั่งหายใจเล่นที่แดนกีวี่
https://ppantip.com/topic/36002056

[CR] บาหลี Surf + Sleep + Repeat โต้คลื่นหนีร้อน อาบแดดหน้าฝน วิวสวยบนชิงช้าที่ Zen Hideaway
https://ppantip.com/topic/36277083

การเดินทางครั้งนี้เกิดขึ้นแบบกะทันหันชนิดที่ว่าจองตั๋วแล้วบินในไม่กี่วันถัดมาเลยทีเดียว แรกเริ่มเดิมทีเราตั้งใจจะไปประเทศมาดากัสการ์แต่ก็มานั่งคิดและถามตัวเองว่าคือจะต้องมีสักกี่แสนกี่ล้านถึงจะครอบคลุมค่าตั๋วเครื่องบินในประเทศได้ทั้งหมด ไหนจะต้องวางแผนการเดินทางที่โคตรจะซับซ้อนอีก ถ้ากลับไทยมาแล้วถึงกับต้องกินดินกินทรายก็เอาไว้ก่อนละกัน หวยเลยไปลงที่ประเทศไม่ใกล้ไม่ไกลที่เราเองก็อยากไปมานานอย่าง South Africa ทีแรกเราก็คิดว่าประเทศนี้ก็คงเข้าง่ายออกง่ายเพราะคนไทยได้ฟรีวีซ่า 30 วัน จองตั๋วถือพาสปอตแพคกระเป๋าเที่ยวได้เลย ซึ่งจริงๆ มันก็ควรจะเป็นอย่างนั้นถ้าการบินไทยยังมีเที่ยวบินตรงไป Johannesburg หรือเรียกสั้นๆ ว่า Joburg อยู่ ทางเลือกเดียวที่มีก็คือการไปต่อเครื่อง ซึ่งสายการบินที่ใช้เวลาต่อเครื่องไม่นาน + ราคาที่ไม่ทำให้เราร้องไห้ก็เห็นจะมีแต่ Kenya Airways และ Ethiopian Airlines แล้วสุดท้ายเราก็ติดสินใจบินกับ Kenya Airways ต่อเครื่อง 1.30 ชม.ที่เมือง Nairobi เพราะเวลาบินสะดวกต่อการเดินทางมากกว่าแม้จะแพงกว่าแค่นิดหน่อย (แล้วก็ไม่รู้ทำอีท่าไหนเรากับแฟนดันตัดสินใจบิน Business Class หรือ Premier World ตั๋วไปกลับตกประมาณ 70,000 บาทต่อคน ฮะเฮืออกกก~) เต่าเอือม


ด้วยความที่ทริปมันกะทันหันอย่างที่บอก บวกกับความไม่รอบคอบของตัวเองที่ดันไปอ่านข้อบังคับ หรือ requirements ต่างๆ เอาจากหลังที่ซื้อตั๋วเครื่องบินเสร็จสรรพแล้ว (บินใน 36 ชั่วโมงข้างหน้า) พอดิบพอดีกับที่พาสปอตเรามีหน้าว่างเหลือแค่หน้าสุดท้ายหน้าเดียว แล้วในเว็บของ SA Home Affairs เค้าก็ระบุว่า "ต้องมีหน้าว่างอย่างน้อย 2 หน้าขึ้นไป" ถึงกับหน้ามืดลมจับ นี่ก็โทรติดต่อสถานทูต+ตรวจคนเข้าเมืองที่นั่นโน่นนี่ โทรเท่าไหร่ก็โทรไม่ติดจนกระทั่งค้นพบว่าเป็นวันหยุดทางฝั่งของ South Africa เค้า น้ำตาแทบไหล กว่าจะได้คำตอบก็ใช้เวลาแทบทั้งวัน ถามไปทาง Kenya Airways บอก "ถ้าไม่จำเป็นต้องขอวีซ่ามี 1 หน้าก็พอแล้ว" ถามไป Ethiopian Airlines เค้าก็บอก "ยูต้องมีสองหน้า ยังไงก้ต้องสองหน้าไม่งั้นยูไม่สามารถเข้าประเทศหรือโดนปฏิเสธการขึ้นเครื่องได้นะจ้ะ" หน้ามืดอีกรอบ จนกระทั่งได้คำตอบ official ผ่านทางอีเมลล์เค้าก็บอก "1 หน้าก็พอ ถ้าไม่จำเป็นขอวีซ่า" โล่งใจอะไรขนาดนั้นนนน จนกระทั่งตรวจคนเข้าเมืองของสนามบินปลายทางติดต่อกลับมา "2 หน้านะจ้ะ ต้องมีสองหน้า" ข้อมูลจากแต่ละที่ไม่เหมือนกันเลย จนสุดท้ายเราตัดสินใจ เสี่ยงค่ะ! ไม่ให้เข้าประเทศก็บินกลับ! ฮืออออออ ร้องไห้


วิบากกรรมก่อนการเดินทางลำดับต่อมา สืบเนื่องมาจากเราต้องไปเปลี่ยนเครื่องที่สนามบินนานาชาติที่ Nairobi ที่ประเทศเคนย่าหนึ่งชั่วโมงครึ่ง ซึ่งจริงๆ แล้วประเทศ South Africa ไม่ใช่พื้นที่ิติดต่อของโรคไข้เหลือง และทางการก็บอกไว้ชัดเจนในหน้าเว็บไซต์ของเค้าว่า "หากผู้โดยสารเปลี่ยนเครื่องในประเทศที่เป็นพื้นที่ระบาดของโรคไข้เหลืองไม่เกิน 12 ชั่วโมงก็ไม่จำเป็นต้องมีใบรับรองวัคชีนโรคไข้เหลือง (แบบอยู่แต่ในอาคารของสนามบิน)" แต่... Kenya Airways ครั้งแรกที่โทรไปเค้าก็บอกว่า "จำเป็นอย่างยิ่งค่ะ ยังไงก็ต้องฉีดนะคะ" การจากติดต่อครั้งที่สองเจอกับอีกคนเค้าก็บอก "ไม่จำเป็นค่ะ ตอนผ่านตม.ก็บอกเค้าว่าเปลี่ยนเครื่องไป South Africa ก็ไม่จำเป็นต้องแสดงใบฉีดวัคซีนค่ะ" กว่าจะได้เดินทางนี่ไข้ขึ้นเลยทีเดียว ไม่น่าจะทันได้ตายกับไข้เหลือง เพื่อความมั่นใจอีกทีเราก็เลยโทรไปถามกรมควบคุมโรคสนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งให้บริการดีมากๆ ไปฝากเรื่องไว้เค้าก็ติดต่อกลับมา ให้ข้อมูลว่า "ถ้าเดินทางไปประเทศเคนย่าเพื่อเปลี่ยนเครื่องไปประเทศแอฟริกาใต้ไม่จำเป็นต้องฉีดวัคซีนก็ได้ค่ะ" เราก็โอเค... เลือกเชื่อข้อมูลที่น่าไว้ใจได้ก็น่าจะพอแล้ว แต่ยังไงซะยังมีเวลาตอนเช้าก่อนเดินทางเลยตัดสินใจไปฉีควัคซีนไข้เหลืองกันไว้ก็ไม่เสียหาย (ซึ่งวัคซีนตัวนี้จะ valid 10 วันหลังจากได้รับวัคซีน นั่นก็หมายความว่าถ้าเค้าตรวจดูใบรับรองขึ้นมาจริงๆ ก็ไม่น่าจะผ่านกรมควบคุมโรคที่ไหนซักที่และอาจจะถูกกักตัวหรือถูกจับฉีดเอาตรงนั้นแหละ) จนในที่สุดเราก็ได้ออกเดินทางสู่ South Africa ด้วยวัคซีนไข้เหลืองที่มีอายุไม่เต็มวัน และไม่มีปัญหากับพาสปอตหน้าสุดท้ายที่เหลือ แล้วก็ไม่มีการขอดูใบรับรองวัคซีนใดๆ (เล่มสีเหลือง) ทั้งที่สนามบิน Nairobi ที่เคนย่า และสนามบินปลายทางที่ Joburg

*แต่ยังไงก็ต้องฉีดไว้ก่อน 10 วันก่อนเดินทางนะครับ สำคัญมากกกตอนกลับเข้ามาประเทศไทยเพราะเขาจะเรียกตรวจและอาจมีปัญหาได้ เราแวะไปฉีดที่สถานเสาภา สภากาชาดไทยเด้อ*


ทริปนี้เราปักหลักที่ Joburg (เพราะตอนบินไปคือไม่ได้จองที่พักอะไรไปเพราะกลัวว่าจะมีปัญหากับพาสปอตและวัคซีนระหว่างขั้นตอนตรวจคนเข้าเมือง เลยไปขอที่ซุกหัวนอนปลายเท้าที่บ้านเพื่อนที่นั่นก่อนสองสามคืนพอได้มีเวลาเช่ารถจองที่พัก บลาบลาบาล~) และบินต่อไปปักหลักที่ Cape Town และเมืองรอบๆ ต่อด้วย Road Trip via Garden Route อันแสนโด่งดังสู่ Hermanus, Mossel Bay, George, Knysna, Plettenberg Bay, Nature's Valley, Storms River กลับอ้อมกลับมาเส้นทางภูเขาผ่าน Oudtshoom, Riversdale, Kannaland, Barrydale, Montagu, Worcestor และ Paarl ปิดท้ายด้วย Game Drive สามคืน ที่ Pilanesberg National Park

ก่อนเดินทางเราไม่รู้อะไรเกี่ยวกับประเทศ South Africa เลยนอกจาก Nelson Mandela และเพลง Waka Waka ที่ชากีร่าร้อง ตั้งแต่ซื้อตั๋วเครื่องบินก็ได้แต่ฮัม ซามินา มินา เอ้ะเอ วักกา วักกา เอ้เอ จังโกโห้ เอ้ะเออ จังโกโห้ เอ่ะเอออ~ โดยไม่รู้เลยว่าประเทศ South Africa เป็นประเทศที่อัตราการเกิดอาชญากรรมสูงอันดับต้นๆ ของโลก บางโพลให้มาเป็นอันดับหนึ่งเลยก็ว่าได้ ไม่เคยรู้เลยว่าในปี 2012 Cape Town ถูกลิสต์เป็นเมืองที่อันตรายที่สุดในโลกจากอัตราการเกิดอาชญากรรมและฆาตกรรม และในปี 2017 ก็ยังไต่อยู่ในอันดับที่ 8 ใกล้ๆ กับเมืองที่เราไม่กล้าย่างกรายเข้าไปอีกหลายที่ นี่หยุดเต้นชากีร่าแล้วกุมขมับเลยทีเดียว เพราะมารู้ทั้งหมดนี้ก็ตอนที่จะบินในอีกไม่กี่ชั่วโมง เข้าไปอ่านออนไลน์ประสบการณ์ของแต่คนละนี่ทำเราใจฝ่อเลยทีเดียว แต่ฝ่าฟันอุปสรรควิบากกรรมกันมาขนาดนี้แล้วยังไงก็ยอมแพ้ไม่ได้ ยังไงเราก็ต้องไปนั่งไขว้ห้างจิบแชมเปญบนเครื่องให้จงได้ ฮึ!

สรุป
1.สำหรับพาสปอตไทยต้องมีหน้าเปล่าในพาสปอตอย่าง 1 หน้าขึ้นไป (พำนักในประเทศไม่เกิน 30 วัน)
2.หากต้องเปลี่ยนเครื่องที่ประเทศในพื้นที่ระบาดโรคไข้เหลือง ต้องมี Yellow Fever Certificates (ที่ Valid ก่อนวันออกเดินทาง)


เดี๋ยวโพสหน้าเราจะมาพร้อมกับวิธีเอาตัวรอดและอยู่ยงคงกระพันใน South Africa และ Cape Town ด้วยล่ะ ขอออกตัวก่อนว่าภาพส่วนใหญ่ในกระทู้นี้จะเป็นภาพกากๆ จากไอโฟนของเราเอง ซึ่งอาจจะมีจากกล้องบ้างแต่อาจจะไม่ 100% เมืองรีวิวก่อนหน้านี้นะครับ เหตุเพราะด้วยความปลอดภัยใน South Africa ทำให้เราไม่สามารถเอากล้องโหนไปกับตัวได้ทุกที่ การจะเอามือถือขึ้นมาถ่ายรูปทีก็ยังต้องระแวดระวังตัวเลย ฮืออออ ข้อมูลอาจจะตกหล่นบ้าง แต่พยายามเก็บอะไรๆ ที่สำคัญไว้ให้ได้มากที่สุด ใครมีคำถามก็พูดคุยกันในนี้ได้เลยน้าาา

รอไปเที่ยวด้วยกันนะค้าบ เม่าออกรถ
IG : onpage13
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่