พอดีไปเจอเฟสคุณ Wachanun WT วิเคราะห์มาน่าสนใจ เลยขอมาแชร์ให้อ่านกีนครับ
10 เหตุผลที่ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ดฯ ไม่จำเป็นต้องหลบกวางโจว เอเวอร์แกรนด์
1. สร้างประวัติศาสตร์คว้าแชมป์ในรอบแบ่งกลุ่ม โดยที่ไม่แพ้เลยสักเกม
2. กวางโจว เอเวอร์แกรนด์ แม้ยิงไปได้ 18 ประตูในรอบแบ่งกลุ่ม แต่กลับพบว่ายิง Eastern AA จากฮ่องกงไปถึง 13 ประตูเลยทีเดียว นอกนั้นเสมอทั้งหมด 4 นัดกับทีมคาวาซากิ ฟรอนทาเร่ จากญี่ปุ่น และ ซูวอน ซัมซุง บลูวิง จากเกาหลีใต้
3. โปรแกรมการแข่งขันของเมืองทองฯ และกวางโจว นั้นเตะถี่เหมือนๆกัน ความได้เปรียบเสียเปรียบจึงไม่ส่งผลมากนัก
ผิดกับทางฝั่งแชมป์กลุ่มอย่าง คาวาซากิ ซึ่งโปรแกรมเว้นช่องว่างช่วง ACL รอบ 16 ทีมพอดี มีเวลาพักฟื้นฟูร่างกายมากกว่า
4. การเดินทางจากประเทศไทยไปยังกวางโจวนั้น ใช้เวลาแค่ประมาณ 3-5 ชั่วโมงถึงที่พัก ผิดกับไปเยือนญี่ปุ่นที่กว่าจะถึงเมืองคาวาซากิต้องต่อรถร่วมๆแล้ว 6-9 ชั่วโมง
5. สภาพอากาศไม่ใช่อุปสรรค กำลังสบายๆ ประมาณ 29 องศาเท่านั้น
6. แฟนบอลกวางโจว โดนแบนห้ามเข้าสนามพอดี ส่งผลให้แฟนบอลร่วมๆ 40,000 คนหายไปเหลือเพียงแค่แฟนบอลเมืองทองที่ตะโกนเชียร์ในสนามเท่านั้นเอง
7. เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ดฯ ศักยภาพทีมองค์รวมแล้วเป็นรองทุกทีม ไม่มีอะไรจะเสีย เชื่อมั่นว่านักเตะทุกคนโดยเฉพาะนักเตะชุดนี้ไม่กลัวนักเตะจากประเทศจีนแน่นอน
8. กวางโจว เอฟเวอร์แกรนด์ เคยได้แชมป์ AFC Champions League มาแล้ว ถ้าผ่านเข้ารอบได้จะทำให้เป็นทีมที่สร้างมูลค่าเพิ่มมากขึ้นมหาศาลแน่นอน
9. แมทที่สองได้เล่นในบ้าน ซึ่งถ้าไปยิงประตูได้ที่กวางโจว แล้วผลเป็นใจก็จะได้กุมความได้เปรียบมากกว่าหรือแก้เกมได้ง่ายกว่า
10. แฟนบอลสามารถตามไปเชียร์ทีมเมืองทองฯ แข่งในงบประมาณค่าเดินทางที่ถูกกว่าการไปเยือนประเทศญี่ปุ่นครึ่งต่อครึ่ง และชาวไทยในประเทศจีนก็มีจำนวนไม่น้อยเช่นกัน
***อนึ่งรอบต่อไปถ้าเมืองทองฯเป็นแชมป์กลุ่ม จะออกไปเยือนกวางโจวก่อนในวันที่ 23 พฤษภาคม และเหย้าวันที่ 30 พฤษภาคมนี้
เครดิตจาก FB Wachanun WT
10 เหตุผลที่เมืองทอง ควรเจอกับ กว่างโจว เอเวอร์แกรนด์
10 เหตุผลที่ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ดฯ ไม่จำเป็นต้องหลบกวางโจว เอเวอร์แกรนด์
1. สร้างประวัติศาสตร์คว้าแชมป์ในรอบแบ่งกลุ่ม โดยที่ไม่แพ้เลยสักเกม
2. กวางโจว เอเวอร์แกรนด์ แม้ยิงไปได้ 18 ประตูในรอบแบ่งกลุ่ม แต่กลับพบว่ายิง Eastern AA จากฮ่องกงไปถึง 13 ประตูเลยทีเดียว นอกนั้นเสมอทั้งหมด 4 นัดกับทีมคาวาซากิ ฟรอนทาเร่ จากญี่ปุ่น และ ซูวอน ซัมซุง บลูวิง จากเกาหลีใต้
3. โปรแกรมการแข่งขันของเมืองทองฯ และกวางโจว นั้นเตะถี่เหมือนๆกัน ความได้เปรียบเสียเปรียบจึงไม่ส่งผลมากนัก
ผิดกับทางฝั่งแชมป์กลุ่มอย่าง คาวาซากิ ซึ่งโปรแกรมเว้นช่องว่างช่วง ACL รอบ 16 ทีมพอดี มีเวลาพักฟื้นฟูร่างกายมากกว่า
4. การเดินทางจากประเทศไทยไปยังกวางโจวนั้น ใช้เวลาแค่ประมาณ 3-5 ชั่วโมงถึงที่พัก ผิดกับไปเยือนญี่ปุ่นที่กว่าจะถึงเมืองคาวาซากิต้องต่อรถร่วมๆแล้ว 6-9 ชั่วโมง
5. สภาพอากาศไม่ใช่อุปสรรค กำลังสบายๆ ประมาณ 29 องศาเท่านั้น
6. แฟนบอลกวางโจว โดนแบนห้ามเข้าสนามพอดี ส่งผลให้แฟนบอลร่วมๆ 40,000 คนหายไปเหลือเพียงแค่แฟนบอลเมืองทองที่ตะโกนเชียร์ในสนามเท่านั้นเอง
7. เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ดฯ ศักยภาพทีมองค์รวมแล้วเป็นรองทุกทีม ไม่มีอะไรจะเสีย เชื่อมั่นว่านักเตะทุกคนโดยเฉพาะนักเตะชุดนี้ไม่กลัวนักเตะจากประเทศจีนแน่นอน
8. กวางโจว เอฟเวอร์แกรนด์ เคยได้แชมป์ AFC Champions League มาแล้ว ถ้าผ่านเข้ารอบได้จะทำให้เป็นทีมที่สร้างมูลค่าเพิ่มมากขึ้นมหาศาลแน่นอน
9. แมทที่สองได้เล่นในบ้าน ซึ่งถ้าไปยิงประตูได้ที่กวางโจว แล้วผลเป็นใจก็จะได้กุมความได้เปรียบมากกว่าหรือแก้เกมได้ง่ายกว่า
10. แฟนบอลสามารถตามไปเชียร์ทีมเมืองทองฯ แข่งในงบประมาณค่าเดินทางที่ถูกกว่าการไปเยือนประเทศญี่ปุ่นครึ่งต่อครึ่ง และชาวไทยในประเทศจีนก็มีจำนวนไม่น้อยเช่นกัน
***อนึ่งรอบต่อไปถ้าเมืองทองฯเป็นแชมป์กลุ่ม จะออกไปเยือนกวางโจวก่อนในวันที่ 23 พฤษภาคม และเหย้าวันที่ 30 พฤษภาคมนี้
เครดิตจาก FB Wachanun WT