หน้าแรก
คอมมูนิตี้
ห้อง
แท็ก
คลับ
ห้อง
แก้ไขปักหมุด
ดูทั้งหมด
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
แท็ก
แก้ไขปักหมุด
ดูเพิ่มเติม
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
{room_name}
{name}
{description}
กิจกรรม
แลกพอยต์
อื่นๆ
ตั้งกระทู้
เข้าสู่ระบบ / สมัครสมาชิก
เว็บไซต์ในเครือ
Bloggang
Pantown
PantipMarket
Maggang
ติดตามพันทิป
ดาวน์โหลดได้แล้ววันนี้
เกี่ยวกับเรา
กฎ กติกา และมารยาท
คำแนะนำการโพสต์แสดงความเห็น
นโยบายเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล
สิทธิ์การใช้งานของสมาชิก
ติดต่อทีมงาน Pantip
ติดต่อลงโฆษณา
ร่วมงานกับ Pantip
Download App Pantip
Pantip Certified Developer
[CR] ยุโรปตะวันออก บนเส้นทางแห่งฝัน ออสเตรีย + เยอรมัน
กระทู้รีวิว
เที่ยวยุโรป
ประเทศออสเตรีย
บันทึกนักเดินทาง
ภาพถ่าย
หน้าต่างโลก
เรื่องราวที่เกิดขึ้นในเมืองท่องเที่ยวหลายแห่ง คือวิถีชีวิตผู้คนที่กำลังเร่งฝีเท้าก้าวตามความเปลี่ยนแปลง
ยุโรปมีอะไร? ทำไมต้องไปยุโรป? ไม่กลัวเหรอ?
ฉันได้ยินคำถามนี้อยู่บ่อยก่อนกำหนดวันเดินทางจริง อาจเป็นเพราะมีเหตุจราจลเกิดขึ้นบ่อยครั้งในยุโรป โดยเฉพาะที่ฝรั่งเศสกับเยอรมัน การจะให้เหตุผลกับใครว่า “ทำไม” นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะสำหรับฉันในช่วงเวลานี้...ยุโรปมีความพิเศษที่ยั่วยวนใจอยู่หลายอย่าง แม้ความยั่วยวนใจที่ว่าจะไม่ใช่เรื่องน่าศิวิไลซ์ไปเสียทั้งหมด
นอกจากประวัติศาสตร์ความเป็นมาอันยาวนานที่บอกเล่าเรื่องราวผ่านสถาปัตยกรรมเก่าแก่และร่วมสมัย อีกทั้งวิวทิวทัศน์สุดโรแมนติกและความสวยงามจากการรักษาสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติไว้อย่างดีแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจในเวลานี้ คือ ความเปลี่ยนแปลงที่กำลังกลายเป็นประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของยุโรป หลังผลโหวต Brexit เมื่อสหราชอาณาจักรผลักตัวเองออกจากการรวมกลุ่มเป็นสหภาพ รวมถึงสถานการณ์อิหลักอิเหลื่อเรื่องผู้อพยพจากภัยสงครามและเศรษฐกิจที่กำลังถดถอย ฉันอยากไปให้เห็นกับตาว่าบรรยากาศโดยรอบและการใช้ชีวิตของผู้คนที่นั่นแตกต่างไปจากยุโรปที่เคยไปเยือนเมื่อ 5 ปีก่อนอย่างไร
การเดินทางในครั้งนี้จึงไม่ใช่แค่การออกไปแยบยลชมความมั่งคั่งของประเทศพัฒนาแล้วหรือการชื่นชมความงามของสถาปัตยกรรมที่สร้างขึ้นมาตั้งแต่ครั้งอดีต แต่กลับเป็นการมองดูวิถีชีวิตของผู้คนท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในยุคที่หลายคนมองว่าความก้าวหน้านั้นกำลังเปลี่ยนสภาพ...เส้นทางนี้จึงเป็นจุดรอยต่อระหว่างภาพในจินตนาการความฝันที่สวยงามของนักเดินทางอย่างฉัน ภาพเสมือนจริงที่ถูกสร้างให้เป็น และความเป็นจริงที่อาจถูกมองข้ามไป
ในที่สุด...เยอรมันและออสเตรียจึงเป็นประเทศที่ถูกเลือก!!
ซาลส์บวร์ก (Salzburg) ประเทศออสเตรีย
เมืองนี้ได้ชื่อว่าเป็น “มนต์เสน่ห์แห่งแอลป์” เพราะตั้งอยู่ท่ามกลางหุบเขา อีกทั้งยังมีแนวเทือกเขาแอลป์ตั้งเด่นเป็นฉากหลังให้ได้สัมผัสถึงความอลังการสมกับเป็นเทือกเขาที่ใหญ่ที่สุดในทวีปยุโรป ครอบคลุมตั้งแต่ออสเตรีย อิตาลี สโลวาเนีย ไปจนถึงสวิตเซอร์แลนด์ ลิกเตนสไตล์ เยอรมัน และฝั่งตะวันตกของฝรั่งเศส
คำว่า “ซาลส์” (Salz) เป็นภาษาเยอรมันที่แปลว่า “เกลือ” คล้ายกับ “ซอลท์” (Salt) ในภาษาอังกฤษ ที่มาของชื่อเมืองมาจากสภาพพื้นที่ซึ่งเป็นแหล่งค้าเกลือเก่าแก่ มีแม่น้ำซาลส์ซัค (Salzach) สีเขียวมรกตไหลผ่านตัวเมือง คั่นระหว่างเขตเมืองเก่าและเมืองใหม่ในปัจจุบัน ว่ากันว่าสมัยก่อนนั้นเกลือเป็นวัตถุดิบที่มีค่ามากเปรียบเสมือนทองคำ เนื่องจากอากาศที่หนาวเย็นทำให้ผู้คนแถบนี้ต้องใช้เกลือในการถนอมอาหาร เมื่อเป็นดินแดนแห่งการค้าซาลส์บวร์กจึงเป็นเมืองที่มีความมั่งคั่งมาตั้งแต่อดีต
ในยุโรปผู้คนอยู่อาศัยท่ามกลางอารยธรรมสมัยเก่าที่ทิ้งร่องรอยไว้แทบทุกตารางนิ้วของพื้นที่ วิหาร ปราสาท ตึกรามบ้านช่องชวนให้ย้อนคิดถึงความรุ่งเรืองและเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ในแต่ละยุคสมัย กระทั่งหลายประเทศออกกฎหมายไม่ให้มีการดัดแปลงอาคารดั้งเดิมภายนอก หรือไม่ก็กำหนดเขตโซนเมืองเก่าและเมืองใหม่ไว้อย่างชัดเจน เพื่อรักษาเอกลักษณ์ความเป็นเมืองไว้อย่างนั้นซึ่งสามารถดึงดูดใจนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกได้
ด้วยสถาปัตยกรรมที่เต็มไปด้วยศิลปะแบบบาโรค ซาลส์บวร์กจึงได้ชื่อว่าเป็นนครหลวงแห่งศิลปะบาโรค ทั้งป้อมโฮเฮนซาลส์บวร์ก (Hohensalzburg) ป้อมปราการที่ได้รับการยกย่องว่าหลงเหลือความสมบูรณ์ไว้มากที่สุดในโลก, มหาวิหารประจำเมือง (Salzburg Cathedral) ที่ได้รับการบูรณะซ่อมแซมขึ้นใหม่หลังถูกถล่มเสียหายในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 และสถาปัตยกรรมย่านเมืองเก่าอื่นๆ ก็ยังคงตั้งอยู่ให้เห็นทั่วไป ทำให้ซาลส์บวร์กได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี 1997
นอกจากความงามของทัศนียภาพและบรรยากาศของเมืองเล็กๆ ท่ามกลางธรรมชาติแล้ว ซาลส์บวร์กยังเป็นบ้านเกิดของคีตกวีระดับโลกอย่าง “โมสาร์ท” (Mozart) และเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ The Sound of Music ที่โด่งดัง จนทำให้สวนมิราเบล (Mirabell Garden) สวนบาโรคที่ออกแบบในลักษณะเรขาคณิตซึ่งใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ กลายเป็นอีกจุดมุ่งหมายหนึ่งของนักเดินทาง แม้กระทั่งที่พักของฉันยังเปิดฉายภาพยนตร์เรื่องนี้ให้ชมตอนเวลา 2 ทุ่มของทุกวัน
แม้เมืองซาลส์บวร์กตั้งอยู่ในประเทศออสเตรียก็จริง แต่เป็นเมืองติดพรมแดนฝั่งเยอรมันมากกว่า ห่างจากมิวนิคประมาณ 150 กิโลเมตรแต่ห่างจากกรุงเวียนนา เมืองหลวงของประเทศออสเตรียราว 300 กิโลเมตร ซาลส์บวร์กจึงเป็นอีกเมืองหนึ่งที่กำลังเผชิญหน้ากับปัญหาผู้อพยพ สถานีรถไฟประจำเมืองสะท้อนให้เห็นความเปลี่ยนแปลงนี้ได้เป็นอย่างดี หน้าสถานีรถไฟเต็มไปด้วยกลุ่มคนที่คล้ายว่ากำลังใช้พื้นที่แห่งนี้เป็นสถานที่พักพึงชั่วคราว ตำรวจเดินตรวจตราไปมา บ้างกำลังยืนสอบสวนหรือไม่ก็พูดคุยกับคนเหล่านั้น เวลานั้นเองที่ทำให้ฉันคิดว่า Salzburg ในสายตาของนักเดินทางอย่างฉัน ช่างแตกต่างจากความเป็นจริงอีกด้านหนึ่งที่ผู้คนกลุ่มนี้กำลังเผชิญอยู่
จากซาลส์บวร์กเขยิบไปทางทิศตะวันออกเข้าใกล้เวียนนาอีกหน่อย
“ฮัลล์สตัทท์” (Hallstatt)
ออสเตรียเป็นเมืองปลีกวิเวกและเป็นเมืองมรดกโลกอีกแห่งหนึ่งซึ่งพลาดไม่ได้ ฮัลล์สตัทท์เป็นเมืองชนบทเก่าแก่เล็กๆ อายุราว 600-700 ปีที่มีฉากหน้าอยู่ติดริมทะเลสาบและมีฉากหลังเป็นภูเขา ด้วยภูมิประเทศที่โอบล้อมด้วยหุบเขาและใกล้ชิดกับธรรมชาติอย่างมากทำให้ฮัลล์สตัทท์ในแต่ละฤดูกาลมีความสวยงามแตกต่างกันออกไป ทั้งหิมะสีขาวโพลนในหน้าหนาว สีส้มเหลืองบาดตาในฤดูใบไม้ร่วงและสีเขียวชอุ่มในฤดูใบไม้ผลิและหน้าร้อน แถมอาจจะเจอฝนตกให้ชุ่มฉ่ำได้ตลอดเวลา ขนาดตัวฉันเองยังได้เจอทั้งแดด ลม ฝนและความหนาวเย็นเฉียบในวันเดียว จนหาที่หลบแทบไม่ทัน
เนื่องจากอยู่ใกล้แนวเขา การจัดวางบ้านเรือนของที่นี่จึงไล่ระดับลดหลั่นตามระดับความสูงชัน และกลมกลืนกับธรรมชาติสังเกตเห็นได้จากพืชพันธุ์ไม้ที่เกาะเกี่ยวอยู่ตามผนังบ้านด้านนอกจนทำให้บ้านเรือนเหล่านั้นดูคล้ายเป็นส่วนหนึ่งของหุบเขา แม้ไม่ได้ซอกแซกเยี่ยมชมเมืองได้อย่างละเอียดลออด้วยเวลาและสภาพอากาศที่ไม่เป็นใจเท่าใดนัก แต่ฮัลล์สตัทท์ก็คงความสง่างามและโรแมนติกไว้สมคำร่ำลือ เป็นเมืองที่ต้องตั้งใจมาแต่มาแล้วไม่ผิดหวังแน่นอน
**หมายเหตุ ช่วงเวลาการเดินทางของพวกเรา อยู่ช่วงเดินตุลาคมปี 2016 นะคะ
ชื่อสินค้า:
เยอรมันนี ออสเตรีย
คะแนน:
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
▼
กำลังโหลดข้อมูล...
▼
แสดงความคิดเห็น
กระทู้ที่คุณอาจสนใจ
เงียน กวางไฮจะไปเล่นบอลยุโรป
ข่าวจากเฟสของเวียดนามเองเลยครับ สวิสเซอร์แลนด์ (บาเซิล) หรือ ออสเตรีย (ซาลส์บวร์ก)
สมาชิกหมายเลข 5000087
[CR] พาเที่ยวทะเลสาบ Morskie Oko ทะเลสาบที่สวยที่สุดในเทือกเขา Tatra
สวัสดีค่ะ ปกติเราจะอ่านรีวิวของเพื่อนๆในห้อง blueplanet เป็นประจำ เรียกได้ว่าตื่นมาปุ๊ปต้องเปิดอ่านกระทู้ในห้องนี้ปั๊บ ครั้งนี้เป็นครั้งเเรกที่จะเขียนรีวิว เเอบตื่นเต้นเล็กน้อย >< ขอฝากเนื้อฝากต
sabrina
ขอคำแนะนำ การจัดทริปบางส่วนในเยอรมัน(บาวาเรีย) และ ออสเตรียค่ะ
สวัสดีค่ะ เพื่อนๆชาวพันทิพ กระทู้นี้เป็นกระทู้แรกของเราค่ะ ผิดพลาดยังไงเราขออภัยมาล่วงหน้าเลยนะคะ คือตอนนี้เรากำลังจัดทริปไปฮันนีมูนทางยุโรปตะวันออก เป็นเวลา 14 วัน ไป 4 ประเทศนะคะ เดินทาง 23 กันยานี
Cosmos in a field
The beginning of spring@ Hallstatt, Austria
ทริปนี้ไปเที่ยวยุโรปกลางเเละตะวันออกกับบริษัททัวร์ครับ ไป 5 ประเทศ คือ เยอรมัน เชค สโลวัค ฮังการีเเละออสเตรีย รวมเวลา 8 วัน 6 คืน วันนี้มีภาพสวยๆของเมือง Hallstatt เมืองเล็กๆในประเทศออสเตรีย อดีตเคยเป
oxidaball
สถานการณ์ผู้ลี้ภัยในแถบยุโรปตะวันออกเป็นอย่งไร บ้างครับ มีแผนไปท่องเที่ยวเดือนเมษาครับ
สถานการณ์ผู้ลี้ภัยในแถบยุโรปตะวันออกเป็นอย่งไร บ้างครับ มีแผนไปเดือนเมษา สอบถามครับ กำลังเดินทางไป ยุโรป ตะวันออก และต้องเดิน เที่ยวเล่นถ่ายรูปยามค่ำคืน ในสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆครับ และตอนนี้ได้ยิน
croft
Please,,, รบกวนช่วยตรวจสอบแผนการเดินทางเที่ยวยุโรปตะวันออกให้หน่อยค่ะ ><
กำลังวางแผนไปเที่ยวยุโรปตะวันออกกันเองกับแฟน 2 คนครั้งแรก โดยไปฮังการี เช็ค ออสเตรีย เยอรมัน ค่ะ และมีเวลาเที่ยว 14 วัน (ไม่รวมวันเดินทางค่ะ) และคิดว่าจะเช่ารถขับจากปราก ไปเรื่อยๆจนถึงมิวนิกค่ะ ควรเช่
สมาชิกหมายเลข 3402670
รบกวนช่วยตรวจทริปเยอรมัน ออสเตรีย เชค หน่อยค่ะ ขับรถที่ยุโรปครั้งแรกค่ะ
แพลนเที่ยวเองยุโรปโดยการขับรถเป็นครั้งแรกกับสามีค่ะ พยายามอ่านรายละเอียดจากพันทิพมาหลายกระทู้ทำให้อยากลองขับรถเส้นทาง Romantic Road มากแต่ไม่แน่ใจว่าเวลาจะเพียงพอไหมในแต่ละเมืองค่ะ คือแพลนว่าจะเช่ารถข
สมาชิกหมายเลข 2350334
เที่ยว Berlin : Germany & Swiss Trip 2024 ep.4
สวัสดีค่ะ วันนี้ป้าปุ๊จะพาไปเที่ยวเมือง Berlin ประเทศเยอรมันค่ะ ทริปนี้มาเยี่ยมลูกที่มาเรียนที่เมือง Wismar ทางเหนือของประเทศเยอรมัน โดยไปพักที่ Wismar 3 คืน แวะเที่ยวเมือ
thai orchid
"When europe is calling me"กับทริปในฝันสวิตเซอร์แลนด์-เยอรมัน-ออสเตรีย ตอนที่3 <ตอนจบ>
"We live in a wonderful world that is full of beauty, charm and adventure. There is no end to the adventures ,we can have if only we seek them with our eyes open." Jawaharal Nehru หากจะพู
Prince_oak
ยุโรปแบบนี้เคยไปกันป่าว??? : Ep.3 Salzburg (Austria)
สวัสดีครับเพื่อนๆ คราวนี้เป็นจะพาไปเที่ยว Salzburg ณ ประเทศ ออสเตรีย (Austria) ไม่ใช่ออสเตรเลียนะจ้ะ อย่าเข้าใจผิด ^ ^ สำหรับใครที่เพิ่งเข้ามา.. ก็สามารถตามไปดูกระทู้ก่อนหน้าได้ดังนี้นะครับ EP1 : h
กระเป๋าใบเดียว
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
เที่ยวยุโรป
ประเทศออสเตรีย
บันทึกนักเดินทาง
ภาพถ่าย
หน้าต่างโลก
บนสุด
ล่างสุด
อ่านเฉพาะข้อความเจ้าของกระทู้
หน้า:
หน้า
จาก
แชร์ : 2.8 พัน
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน
อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่
ยอมรับ
[CR] ยุโรปตะวันออก บนเส้นทางแห่งฝัน ออสเตรีย + เยอรมัน
เรื่องราวที่เกิดขึ้นในเมืองท่องเที่ยวหลายแห่ง คือวิถีชีวิตผู้คนที่กำลังเร่งฝีเท้าก้าวตามความเปลี่ยนแปลง
ยุโรปมีอะไร? ทำไมต้องไปยุโรป? ไม่กลัวเหรอ?
ฉันได้ยินคำถามนี้อยู่บ่อยก่อนกำหนดวันเดินทางจริง อาจเป็นเพราะมีเหตุจราจลเกิดขึ้นบ่อยครั้งในยุโรป โดยเฉพาะที่ฝรั่งเศสกับเยอรมัน การจะให้เหตุผลกับใครว่า “ทำไม” นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะสำหรับฉันในช่วงเวลานี้...ยุโรปมีความพิเศษที่ยั่วยวนใจอยู่หลายอย่าง แม้ความยั่วยวนใจที่ว่าจะไม่ใช่เรื่องน่าศิวิไลซ์ไปเสียทั้งหมด
นอกจากประวัติศาสตร์ความเป็นมาอันยาวนานที่บอกเล่าเรื่องราวผ่านสถาปัตยกรรมเก่าแก่และร่วมสมัย อีกทั้งวิวทิวทัศน์สุดโรแมนติกและความสวยงามจากการรักษาสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติไว้อย่างดีแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจในเวลานี้ คือ ความเปลี่ยนแปลงที่กำลังกลายเป็นประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของยุโรป หลังผลโหวต Brexit เมื่อสหราชอาณาจักรผลักตัวเองออกจากการรวมกลุ่มเป็นสหภาพ รวมถึงสถานการณ์อิหลักอิเหลื่อเรื่องผู้อพยพจากภัยสงครามและเศรษฐกิจที่กำลังถดถอย ฉันอยากไปให้เห็นกับตาว่าบรรยากาศโดยรอบและการใช้ชีวิตของผู้คนที่นั่นแตกต่างไปจากยุโรปที่เคยไปเยือนเมื่อ 5 ปีก่อนอย่างไร
การเดินทางในครั้งนี้จึงไม่ใช่แค่การออกไปแยบยลชมความมั่งคั่งของประเทศพัฒนาแล้วหรือการชื่นชมความงามของสถาปัตยกรรมที่สร้างขึ้นมาตั้งแต่ครั้งอดีต แต่กลับเป็นการมองดูวิถีชีวิตของผู้คนท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในยุคที่หลายคนมองว่าความก้าวหน้านั้นกำลังเปลี่ยนสภาพ...เส้นทางนี้จึงเป็นจุดรอยต่อระหว่างภาพในจินตนาการความฝันที่สวยงามของนักเดินทางอย่างฉัน ภาพเสมือนจริงที่ถูกสร้างให้เป็น และความเป็นจริงที่อาจถูกมองข้ามไป
ในที่สุด...เยอรมันและออสเตรียจึงเป็นประเทศที่ถูกเลือก!!
ซาลส์บวร์ก (Salzburg) ประเทศออสเตรีย
เมืองนี้ได้ชื่อว่าเป็น “มนต์เสน่ห์แห่งแอลป์” เพราะตั้งอยู่ท่ามกลางหุบเขา อีกทั้งยังมีแนวเทือกเขาแอลป์ตั้งเด่นเป็นฉากหลังให้ได้สัมผัสถึงความอลังการสมกับเป็นเทือกเขาที่ใหญ่ที่สุดในทวีปยุโรป ครอบคลุมตั้งแต่ออสเตรีย อิตาลี สโลวาเนีย ไปจนถึงสวิตเซอร์แลนด์ ลิกเตนสไตล์ เยอรมัน และฝั่งตะวันตกของฝรั่งเศส
คำว่า “ซาลส์” (Salz) เป็นภาษาเยอรมันที่แปลว่า “เกลือ” คล้ายกับ “ซอลท์” (Salt) ในภาษาอังกฤษ ที่มาของชื่อเมืองมาจากสภาพพื้นที่ซึ่งเป็นแหล่งค้าเกลือเก่าแก่ มีแม่น้ำซาลส์ซัค (Salzach) สีเขียวมรกตไหลผ่านตัวเมือง คั่นระหว่างเขตเมืองเก่าและเมืองใหม่ในปัจจุบัน ว่ากันว่าสมัยก่อนนั้นเกลือเป็นวัตถุดิบที่มีค่ามากเปรียบเสมือนทองคำ เนื่องจากอากาศที่หนาวเย็นทำให้ผู้คนแถบนี้ต้องใช้เกลือในการถนอมอาหาร เมื่อเป็นดินแดนแห่งการค้าซาลส์บวร์กจึงเป็นเมืองที่มีความมั่งคั่งมาตั้งแต่อดีต
ในยุโรปผู้คนอยู่อาศัยท่ามกลางอารยธรรมสมัยเก่าที่ทิ้งร่องรอยไว้แทบทุกตารางนิ้วของพื้นที่ วิหาร ปราสาท ตึกรามบ้านช่องชวนให้ย้อนคิดถึงความรุ่งเรืองและเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ในแต่ละยุคสมัย กระทั่งหลายประเทศออกกฎหมายไม่ให้มีการดัดแปลงอาคารดั้งเดิมภายนอก หรือไม่ก็กำหนดเขตโซนเมืองเก่าและเมืองใหม่ไว้อย่างชัดเจน เพื่อรักษาเอกลักษณ์ความเป็นเมืองไว้อย่างนั้นซึ่งสามารถดึงดูดใจนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกได้
ด้วยสถาปัตยกรรมที่เต็มไปด้วยศิลปะแบบบาโรค ซาลส์บวร์กจึงได้ชื่อว่าเป็นนครหลวงแห่งศิลปะบาโรค ทั้งป้อมโฮเฮนซาลส์บวร์ก (Hohensalzburg) ป้อมปราการที่ได้รับการยกย่องว่าหลงเหลือความสมบูรณ์ไว้มากที่สุดในโลก, มหาวิหารประจำเมือง (Salzburg Cathedral) ที่ได้รับการบูรณะซ่อมแซมขึ้นใหม่หลังถูกถล่มเสียหายในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 และสถาปัตยกรรมย่านเมืองเก่าอื่นๆ ก็ยังคงตั้งอยู่ให้เห็นทั่วไป ทำให้ซาลส์บวร์กได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี 1997
นอกจากความงามของทัศนียภาพและบรรยากาศของเมืองเล็กๆ ท่ามกลางธรรมชาติแล้ว ซาลส์บวร์กยังเป็นบ้านเกิดของคีตกวีระดับโลกอย่าง “โมสาร์ท” (Mozart) และเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ The Sound of Music ที่โด่งดัง จนทำให้สวนมิราเบล (Mirabell Garden) สวนบาโรคที่ออกแบบในลักษณะเรขาคณิตซึ่งใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ กลายเป็นอีกจุดมุ่งหมายหนึ่งของนักเดินทาง แม้กระทั่งที่พักของฉันยังเปิดฉายภาพยนตร์เรื่องนี้ให้ชมตอนเวลา 2 ทุ่มของทุกวัน
แม้เมืองซาลส์บวร์กตั้งอยู่ในประเทศออสเตรียก็จริง แต่เป็นเมืองติดพรมแดนฝั่งเยอรมันมากกว่า ห่างจากมิวนิคประมาณ 150 กิโลเมตรแต่ห่างจากกรุงเวียนนา เมืองหลวงของประเทศออสเตรียราว 300 กิโลเมตร ซาลส์บวร์กจึงเป็นอีกเมืองหนึ่งที่กำลังเผชิญหน้ากับปัญหาผู้อพยพ สถานีรถไฟประจำเมืองสะท้อนให้เห็นความเปลี่ยนแปลงนี้ได้เป็นอย่างดี หน้าสถานีรถไฟเต็มไปด้วยกลุ่มคนที่คล้ายว่ากำลังใช้พื้นที่แห่งนี้เป็นสถานที่พักพึงชั่วคราว ตำรวจเดินตรวจตราไปมา บ้างกำลังยืนสอบสวนหรือไม่ก็พูดคุยกับคนเหล่านั้น เวลานั้นเองที่ทำให้ฉันคิดว่า Salzburg ในสายตาของนักเดินทางอย่างฉัน ช่างแตกต่างจากความเป็นจริงอีกด้านหนึ่งที่ผู้คนกลุ่มนี้กำลังเผชิญอยู่
จากซาลส์บวร์กเขยิบไปทางทิศตะวันออกเข้าใกล้เวียนนาอีกหน่อย “ฮัลล์สตัทท์” (Hallstatt)
ออสเตรียเป็นเมืองปลีกวิเวกและเป็นเมืองมรดกโลกอีกแห่งหนึ่งซึ่งพลาดไม่ได้ ฮัลล์สตัทท์เป็นเมืองชนบทเก่าแก่เล็กๆ อายุราว 600-700 ปีที่มีฉากหน้าอยู่ติดริมทะเลสาบและมีฉากหลังเป็นภูเขา ด้วยภูมิประเทศที่โอบล้อมด้วยหุบเขาและใกล้ชิดกับธรรมชาติอย่างมากทำให้ฮัลล์สตัทท์ในแต่ละฤดูกาลมีความสวยงามแตกต่างกันออกไป ทั้งหิมะสีขาวโพลนในหน้าหนาว สีส้มเหลืองบาดตาในฤดูใบไม้ร่วงและสีเขียวชอุ่มในฤดูใบไม้ผลิและหน้าร้อน แถมอาจจะเจอฝนตกให้ชุ่มฉ่ำได้ตลอดเวลา ขนาดตัวฉันเองยังได้เจอทั้งแดด ลม ฝนและความหนาวเย็นเฉียบในวันเดียว จนหาที่หลบแทบไม่ทัน
เนื่องจากอยู่ใกล้แนวเขา การจัดวางบ้านเรือนของที่นี่จึงไล่ระดับลดหลั่นตามระดับความสูงชัน และกลมกลืนกับธรรมชาติสังเกตเห็นได้จากพืชพันธุ์ไม้ที่เกาะเกี่ยวอยู่ตามผนังบ้านด้านนอกจนทำให้บ้านเรือนเหล่านั้นดูคล้ายเป็นส่วนหนึ่งของหุบเขา แม้ไม่ได้ซอกแซกเยี่ยมชมเมืองได้อย่างละเอียดลออด้วยเวลาและสภาพอากาศที่ไม่เป็นใจเท่าใดนัก แต่ฮัลล์สตัทท์ก็คงความสง่างามและโรแมนติกไว้สมคำร่ำลือ เป็นเมืองที่ต้องตั้งใจมาแต่มาแล้วไม่ผิดหวังแน่นอน
**หมายเหตุ ช่วงเวลาการเดินทางของพวกเรา อยู่ช่วงเดินตุลาคมปี 2016 นะคะ