สวัสดีค่า กระทู้นี้เราขอมาแชร์ประสบการณ์การขอ visa canada นะคะ
ตอนที่เตรียมตัว เราหาข้อมูลจากในอินเทอร์เน็ตเยอะมาก โดยเฉพาะพันทิปนี่แหละค่ะ 555
วันนี้เลยอยากมาแบ่งปันกับคนอื่นๆบ้าง หวังว่าจะช่วยได้บ้างนะคะ เป็นกระทู้แรกที่ตั้งเลย
ขอเล่าก่อนว่าครั้งนี้ที่เราขอวีซ่านั้นมีกำหนดการเดินทางไปช่วงต้นเดือนพฤษภาคม 2017 ค่ะ
ครั้งนี้ไปเที่ยวกับครอบครัว โดยมีแพลนหลักเป็นอเมริกาฝั่งตะวันตก แล้วไปไนแองการ่าฝั่งแคนาดาเสริม
ดังนั้นแล้วปฏิบัติการขอวีซ่าแคนาดาสำหรับ 5 คนจึงเริ่มต้นขึ้นค่ะ
ในส่วนตอนยื่นขอของเรานั้น เรายื่นคนเดียวค่ะ เพราะพาสปอร์ตของครอบครัวคนอื่นยังไม่ว่างยื่นพร้อมกัน
เราเลยต้องไปยื่นคนเดียว ตอนแรกก็กังวลมากเลยค่ะ เตรียมบัญชีไปเยอะมาก ทำเอกสารก็ผิด
แต่เจ้าหน้าที่ให้ความช่วยเหลือน่ารักมากๆ มีอะไรสามารถโทรไปสอบถามหรือปรึกษาตอนยื่นได้เลยค่ะ
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ขั้นตอนแรก : เช็คตารางเวลาของตัวเองค่ะ
การขอวีซ่าแคนาดาในปัจจุบันนั้นสามารถขอได้ประมาณ 3 รูปแบบค่ะ (เท่าที่เราทราบนะคะ)
การขอแบบที่ 1 คือทำเอกสารทั้งหมดเป็นแบบกระดาษ ยื่นขอพร้อมกับพาสปอร์ตตัวจริงที่ VFS ค่ะ
ซึ่ง VFS จะเป็นคล้ายบริษัทตัวแทนที่ให้คำปรึกษาแก่ผู้ที่จะขอวีซ่าแคนาดา
ทำการรวบรวม จัดการเอกสารต่างๆแล้วจึงส่งต่อเอกสารให้กับทางสถานฑูตแคนาดาค่ะ
ซึ่งสถานที่ที่ยื่นนั้นจะอยู่ที่ซอยสุขุมวิท 13 อาคาร เดอะ เทรนดี้ ชั้น 28
การขอแบบที่ 2 คือการขอออนไลน์ค่ะ สามารถยื่นขอได้ในกรณีที่พาสปอร์ตตัวจริงไม่ว่าง
โดยเป็นการส่งเอกสารไปทางออนไลน์เพื่อการพิจารณาก่อน
หากวีซ่าอนุมัติจึงค่อยนำพาสปอร์ตตัวจริงไปยื่นรับวีซ่าค่ะ
การขอแบบที่ 3 คือการยื่นขอแบบไปรษณีย์ค่ะ
ในครั้งนี้เราและครอบครัวทำการยื่นขอในแบบแรกค่ะ คือทำเอกสารกระดาษทั้งหมด
ด้วยความที่ไม่แน่ใจวิธีการขอแบบอื่น บวกกับกลัวผิดพลาดด้วย เป็นคนเปิ่นค่ะ 555
ซึ่งการยื่นขอแบบที่เราขอนั้น จะใช้เวลาทำการอย่างน้อย 16 วันทำการค่ะ (ไม่นับวันหยุดต่างๆ)
ดังนั้นเพื่อความแน่นอน ทางเจ้าหน้าที่ก็ได้แนะนำมาว่าควรยื่นขอล่วงหน้าประมาณเดือนนึงถึงเดือนครึ่งค่ะ
เพราะในบางกรณีอาจมีการตีกลับของเอกสาร หรือการขอเอกสารเพิ่มเติมอีกด้วย
จึงอาจทำให้ระยะเวลาในการขอยืดระยะเวลาออกไปอีก
วันที่เราไปยื่นนั้นเป็นวันที่ 15 มีนา แต่จากนั้นเรามีภารกิจกับพาสปอร์ตตัวจริงค่ะ
เพราะวันที่ 3 เมษาเรามีนัดไปยื่นขอวีซ่าเชงเก้นเนเธอร์แลนด์
ทุกอย่างเลยต้องเร่งขึ้นมาอีก ทั้งกลัวของแคนาดาจะอนุมัติไม่ทันไปขอเชงเก้น
ทั้งกลัวของเชงเก้นจะอนุมัติไม่ทันวันที่ 13 เมษา เพราะ เรามีแพลนไปเกาหลี
ตอนนั้นทุกอย่างพานิคไปหมดค่ะ แทบจะร้องไห้กับเจ้าหน้าที่ที่ VFS
แต่เพราะความช่วยเหลือและคำแนะนำจากทางเจ้าหน้าที่ ทุกอย่างเลยผ่านพ้นมาได้ด้วยดีค่ะ
แต่ถ้าคราวหน้ามีกำหนดการเดินทางต่างประเทศเยอะๆ เราจะเตรียมตัวดีๆแล้วค่ะ
มาลนแบบคราวนี้อีกไม่ไหวแล้ว เหนื่อยมากๆจริง วิ่งโร่จัดเอกสารทุกวันเลย
ดังนั้น จึงอยากฝากทุกๆคนที่จะเตรียมตัวขอวีซ่าแคนาดาว่าให้เช็คตารางเวลาของตัวเองดีๆ
เผื่อเวลาจัดเอกสาร โดยเฉพาะเอกสารที่ต้องใช้ระยะเวลาในการขอ
และหากเอกสารนั้นเป็นภาษาไทยก็ต้องทำการแปลเป็นภาษาอังกฤษแนบไปด้วยนะคะ
จัดเอกสารให้ถูกต้องครบถ้วน จะได้ไม่เสียเวลาเอาเอกสารไปยื่นใหม่
รวมถึงเผื่อเวลาในการยื่นขอ ควรนับวันเวลาดีๆและเช็ควันหยุดของสถานฑูตด้วยค่ะ
อย่างตามที่เจ้าหน้าที่แนะนำเลยก็จะดีค่ะ หรือควรเตรียมตัวล่วงหน้าประมาณเดือนถึงสองเดือน
อาจดูใช้ระยะเวลานาน แต่เวลาเหลือไว้ดีกว่าขาดค่ะ เพื่อความอุ่นใจเนอะ
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ขั้นตอนที่สอง : เริ่มต้นจัดเอกสารค่ะ
ในการยื่นขอวีซ่าแคนาดาจะมีเอกสารบังคับที่เป็นแบบฟอร์มและเอกสารที่บังคับแต่ไม่ได้เป็นแบบฟอร์ม
และเอกสารเพิ่มเติมอื่นๆที่ต้องยื่นเสริมค่ะ เอกสารที่เราจะแจงต่อไปนี้จะเป็นในกรณีที่ยื่นโดยตรงแบบ Visit นะคะ
อาจไม่ได้ครบถ้วนในกรณีการยื่นรูปแบบอื่นๆ อย่างยื่นออนไลน์ ยื่นทางไปรษณีย์
หรือการเดินทางรูปแบบอื่นๆ อย่างการเรียนต่อ การทำงาน หรือการเยี่ยมญาติ
แนะนำให้โทรไปสอบถามกับทางเจ้าหน้าที่ VFS โดยตรงน่าจะละเอียดและครบถ้วนมากกว่าค่ะ
ขอเรียงลำดับเอกสารไปเป็นข้อๆเพื่อความเข้าใจง่ายนะคะ
1. แบบฟอร์มให้ความยินยอมวีเอฟเอส (VFS Consent Form) สามารถยื่นเป็นภาษาไทยหรืออังกฤษก็ได้ค่ะ
ส่วนตัวเรายื่นไปแบบภาษาอังกฤษ โหลดได้ที่ >>
http://www.vfsglobal.ca/Canada/Thailand/how_to_apply.html ตรง Step 3 ค่ะ
โหลดมาแล้วก็ปริ้นออกมาเขียนรายละเอีดที่หน้า 2 และเซ็นให้ตรงตามพาสปอร์ตเลยค่ะ
หรือจะไปหยิบแล้วค่อยเซ็นที่ VFS ตอนรอคิวยื่นเลยก็ได้ค่ะ จะมีเคาน์เตอร์ที่มีเอกสารชุดนี้วางไว้ให้อยู่ใกล้ๆประตูทางเข้า
2. Application for Visitor Visa (IMM5257) เอกสารตัวนี้จะต้องกรอกประวัติข้อมูลส่วนตัวของผู้ยื่นขอค่ะ
ก็กรอกไปตามข้อมูลส่วนตัวตามปกติเลยค่ะ แต่แนะนำให้ระวังสำหรับคนที่เคยได้รับวีซ่าแคนาดานะคะ
ตรงข้อ 2 ของ Background Information จุด c) ให้ติ๊ก yes แล้วกรอกเลขวีซ่าแคนาดาที่เคยได้รับ
พร้อมทั้งวันและเวลาหมดอายุของวีซ่าแคนาดาอันเก่านั้นที่ช่องด้านล่างค่ะ
(ตัวเราเองพลาดตรงจุดนี้ เพิ่งเห็นตอนเจ้าหน้าที่ยื่นให้ดูว่าไม่ได้กรอกลงไป
เลยต้องจ่ายเพิ่มประมาณร้อยกว่าบาทให้เจ้าหน้าที่ทำเอกสารใหม่)
เอกสารชุดนี้จะต้องกรอกในคอมพิวเตอร์เท่านั้นนะคะ เพราะหลังจากที่เรากรอกข้อมูลเสร็จเรียบร้อยทั้ง 4 หน้าแล้ว
ที่หน้า 5 หน้าสุดท้ายจะมีปุ่ม Validate อยู่ ให้เรากด Validate หลังกรอกข้อมูลครบถ้วน
เมื่อกดแล้วมันจะมีหน้า 6 เด้งขึ้นมาอัตโนมัติค่ะ มันจะเป็นหน้าที่มีบาร์โค้ดอยู่
(ตอนไปยื่นขอต้องมีหน้าบาร์โค้ดนะคะ! และหากมีการแก้ไขอะไรในแบบฟอร์มต้องกด Validate ใหม่ทุกครั้งด้วยค่ะ)
พอเอกสารชุดนี้ครบถ้วนทั้ง 6 หน้าแล้ว ก็ปริ้นออกมาเซ็นที่หน้า 4 แบบเดียวกันกับที่เซ็นในพาสปอร์ตค่ะ
3. Family Information (IMM5645) เอกสารตัวนี้จะเป็นเอกสารที่ต้องกรอกเกี่ยวกับข้อมูลของครอบครัวผู้ยื่นค่ะ
เอกสารชุดนี้จะต้องกรอกในคอมพิวเตอร์เช่นกันค่ะ
เมื่อกรอกข้อมูลลงไปตามปกติแล้ว ก็ปริ้นออกมาเซ็นแบบเดียวกันกับในพาสปอร์ตที่ Section D ค่ะ
และหากผู้ยื่นไม่มีคู่สมรสหรือไม่มีบุตร ให้เซ็นตรง Note 1 และ Note 2 ด้วยนะคะ
4. Schedule 1 Application for Temporary Residence (IMM5257B_1) เอกสารตัวนี้จะต้องกรอกข้อมูลประวัติต่างๆค่ะ
เช่นประวัติอาชญากรรม ประวัติทางการทหาร ประวัติทางการเมือง ประวัติการเดินทางต่างประเทศ
เอกสารชุดนี้จะต้องกรอกในคอมพิวเตอร์เช่นกันค่ะ ก็กรอกไปตามปกติ
เสร็จแล้วจึงกด Validate แล้วปริ้นออกมาตามปกติ ไม่มีจุดที่ต้องเซ็นค่ะ
เอกสารตัวนี้ถึงจะกด Validate แล้ว แต่จะไม่มีหน้าใหม่เพิ่มมานะคะ
มีแค่ให้เช็คว่า Validate แล้วหรือยังแค่ตรงบรรทัดเหนือ Full Name ด้านขวา
เอกสารข้อ 2 , 3 และ 4 สามารถโหลดได้ที่
http://www.cic.gc.ca/english/information/applications/visa.asp?countrySelect=TH#applications
หากหาไม่เจอหรือมีเอกสารตัวอื่นที่ต้องใช้ เช็คได้ที่เว็บ
http://www.cic.gc.ca/english/information/applications/index.asp เลยนะคะ
5. เอกสารการชำระเงินค่าขอวีซ่า เป็นแคชเชียร์เช็คหรือตั๋วแลกเงินก็ได้ค่ะ ใบนึงสั่งจ่าย Embassy of Canada เป็นค่าทำวีซ่า
อีกใบสั่งจ่าย VFS Thailand เป็นค่าดำเนินการ ตอนเราไปขอจะเป็นค่าทำวีซ่า 2800 บาท ค่าดำเนินการ 673 บาท
แต่ค่าใช้จ่ายนั้นอาจมีแตกต่างกันไปตามค่าเงินนะคะ แนะนำว่าควรเช็คกับทาง VFS ให้แน่นอนก่อนซื้อค่ะ
สำหรับเราวันนั้นลืมซื้อแคชเชียร์เช็คเตรียมไป เลยต้องไปซื้อตอนเช้าก่อนขึ้นไปยื่นที่ชั้น 28 ค่ะ
บริเวณซอยสุขุมวิท 13 จะมีธนาคารใกล้ๆอยู่ คือธนาคารไทยพาณิชย์ตรงซอย 11
และธนาคารกรุงเทพฝั่งตรงข้าม (ต้องข้ามสะพานลอยไปค่ะ)
วันนั้นเราข้ามสะพานลอยไปซื้อของธ.กรุงเทพค่ะ เพราะเราไปตอนช่วง 9 โมงเช้าแล้วธ.ไทยพาณิชย์ยังไม่เปิด
พอไปถึงก็แจ้งเจ้าหน้าที่ธนาคารได้เลยค่ะว่าซื้อแคชเชียร์เช็คจ่ายค่าทำวีซ่าแคนาดา ยอดเงินเท่านี้ๆ
เจ้าหน้าที่ก็จะจัดแจงให้เรียบร้อยแบบรู้งานเลยค่ะ (คาดว่ามีคนมาซื้อกันเยอะแน่ๆ 555) แล้วก็มีค่าธรรมเนียมแคชเชียร์เช็คใบละ 20 บาท
6. รูปถ่ายขนาด 3.5 * 4.5 cm 2 รูป แนะนำให้เขียนชื่อสกุลและวันเดือนปีเกิดเป็นภาษาอังกฤษด้านหลังค่ะ
ลักษณะรูปต้องเป็นพื้นหลังขาว เห็นใบหน้าตรงชัดเจน
สามารถเช็คลักษณะรูปภาพที่ถูกต้องได้ที่
http://www.cic.gc.ca/english/information/applications/photospecs.asp
7. พาสปอร์ตตัวจริงทุกเล่มที่มีค่ะ ส่วนตัวเรามี 3 เล่ม ก็ขนไปหมดค่ะ เผื่อเขาพิจารณาเพิ่มเติม
หรือต้องการดูวีซ่าประเทศอื่นๆที่เราเคยได้รับค่ะ
8. สำเนาพาสปอร์ตทุกเล่ม โดยเฉพาะหน้าแรกที่เป็นประวัติส่วนตัวกับหน้าที่มีวีซ่าหรือตราประทับการเดินทางค่ะ
หากมีพาสปอร์ตหลายเล่มก็สำเนามาเล่มละชุดเลยค่ะ
9. หนังสือรับรองการทำงาน ของเราทำงานกับที่บ้านเลยเตรียมหนังสือรับรองบริษัท
พร้อมใบของกรมการค้าพาณิชย์ไปทั้งตัวจริงและสำเนาค่ะ อันนี้ตัวเอกสารเป็นภาษาไทยทั้งสองตัวเลย
เราก็แปลเป็นภาษาอังกฤษไปค่ะ เตรียมไปทั้งตัวจริงที่แปลและสำเนาค่ะ
10. หลักฐานทางการเงินที่มีค่ะ ของเราเตรียมบัญชีบริษัท และบัญชีส่วนตัวเราไป ถ่ายสำเนาไปทุกเล่มเลย ย้อนหลัง 1 ปี
ตอนไปยื่นเอาตัวจริงไปด้วยนะคะ พอเจ้าหน้าที่เขาตรวจเช็คกับตัวสำเนาเรียบร้อยแล้วก็จะคืนตัวจริงมาค่ะ
11. หลักฐานการจองการเดินทางต่างๆ เช่น ตั๋วเครื่องบิน รถเช่า และรถไฟ
12. หลักฐานการจองโรงแรม เราจองกับทาง Booking.com ค่ะ ก็ปริ้นตัว Confirmation ออกมาได้เลย
13. แผนการท่องเที่ยว ทำเป็นตารางขึ้นมาคร่าวๆได้เลยค่ะ ว่าวันนี้ๆไปเที่ยวที่ไหนบ้างนอนที่ไหน จนวันเดินทางกลับเลยค่ะ
13. สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน
14. สำเนาทะเบียนบ้าน
15. Document Checklist (IMM5484) เอกสารตัวนี้ไม่ได้จำเป็นที่จะต้องยื่นให้กับทาง VFS ค่ะ
แต่จะเป็นเอกสารที่มีรายการเอกสารที่เราต้องยื่น สะดวกมากๆสำหรับมือใหม่อย่างเราเลย 555
สามารถโหลดได้ที่เว็บไซต์ที่แปะไว้ใต้ข้อ 4. เลยนะคะ
อันนี้เพิ่มเติมสำหรับผู้ยื่นที่ไม่ได้ออกค่าใช้จ่ายในการเดินทางเองนะคะ ซึ่งในกรณีเราคือน้องเราค่ะ เพิ่งเรียนจบม.ปลาย
เพราะฉะนั้นผู้ออกค่าใช้จ่ายก็จะเป็นผู้ปกครอง คือคุณพ่อคุณแม่ของเราค่ะ
- เอกสารรับรองการทำงานของบิดามารดา ทั้งตัวจริงและสำเนา แปลภาษาอังกฤษไปด้วยนะคะ
- สูติบัตร ตัวจริงพร้อมสำเนา และแปลเป็นภาษาอังกฤษด้วยนะคะ
[CR] ประสบการณ์การขอ Visa Canada แบบ Visit 2017
ตอนที่เตรียมตัว เราหาข้อมูลจากในอินเทอร์เน็ตเยอะมาก โดยเฉพาะพันทิปนี่แหละค่ะ 555
วันนี้เลยอยากมาแบ่งปันกับคนอื่นๆบ้าง หวังว่าจะช่วยได้บ้างนะคะ เป็นกระทู้แรกที่ตั้งเลย
ขอเล่าก่อนว่าครั้งนี้ที่เราขอวีซ่านั้นมีกำหนดการเดินทางไปช่วงต้นเดือนพฤษภาคม 2017 ค่ะ
ครั้งนี้ไปเที่ยวกับครอบครัว โดยมีแพลนหลักเป็นอเมริกาฝั่งตะวันตก แล้วไปไนแองการ่าฝั่งแคนาดาเสริม
ดังนั้นแล้วปฏิบัติการขอวีซ่าแคนาดาสำหรับ 5 คนจึงเริ่มต้นขึ้นค่ะ
ในส่วนตอนยื่นขอของเรานั้น เรายื่นคนเดียวค่ะ เพราะพาสปอร์ตของครอบครัวคนอื่นยังไม่ว่างยื่นพร้อมกัน
เราเลยต้องไปยื่นคนเดียว ตอนแรกก็กังวลมากเลยค่ะ เตรียมบัญชีไปเยอะมาก ทำเอกสารก็ผิด
แต่เจ้าหน้าที่ให้ความช่วยเหลือน่ารักมากๆ มีอะไรสามารถโทรไปสอบถามหรือปรึกษาตอนยื่นได้เลยค่ะ
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ขั้นตอนแรก : เช็คตารางเวลาของตัวเองค่ะ
การขอวีซ่าแคนาดาในปัจจุบันนั้นสามารถขอได้ประมาณ 3 รูปแบบค่ะ (เท่าที่เราทราบนะคะ)
การขอแบบที่ 1 คือทำเอกสารทั้งหมดเป็นแบบกระดาษ ยื่นขอพร้อมกับพาสปอร์ตตัวจริงที่ VFS ค่ะ
ซึ่ง VFS จะเป็นคล้ายบริษัทตัวแทนที่ให้คำปรึกษาแก่ผู้ที่จะขอวีซ่าแคนาดา
ทำการรวบรวม จัดการเอกสารต่างๆแล้วจึงส่งต่อเอกสารให้กับทางสถานฑูตแคนาดาค่ะ
ซึ่งสถานที่ที่ยื่นนั้นจะอยู่ที่ซอยสุขุมวิท 13 อาคาร เดอะ เทรนดี้ ชั้น 28
การขอแบบที่ 2 คือการขอออนไลน์ค่ะ สามารถยื่นขอได้ในกรณีที่พาสปอร์ตตัวจริงไม่ว่าง
โดยเป็นการส่งเอกสารไปทางออนไลน์เพื่อการพิจารณาก่อน
หากวีซ่าอนุมัติจึงค่อยนำพาสปอร์ตตัวจริงไปยื่นรับวีซ่าค่ะ
การขอแบบที่ 3 คือการยื่นขอแบบไปรษณีย์ค่ะ
ในครั้งนี้เราและครอบครัวทำการยื่นขอในแบบแรกค่ะ คือทำเอกสารกระดาษทั้งหมด
ด้วยความที่ไม่แน่ใจวิธีการขอแบบอื่น บวกกับกลัวผิดพลาดด้วย เป็นคนเปิ่นค่ะ 555
ซึ่งการยื่นขอแบบที่เราขอนั้น จะใช้เวลาทำการอย่างน้อย 16 วันทำการค่ะ (ไม่นับวันหยุดต่างๆ)
ดังนั้นเพื่อความแน่นอน ทางเจ้าหน้าที่ก็ได้แนะนำมาว่าควรยื่นขอล่วงหน้าประมาณเดือนนึงถึงเดือนครึ่งค่ะ
เพราะในบางกรณีอาจมีการตีกลับของเอกสาร หรือการขอเอกสารเพิ่มเติมอีกด้วย
จึงอาจทำให้ระยะเวลาในการขอยืดระยะเวลาออกไปอีก
วันที่เราไปยื่นนั้นเป็นวันที่ 15 มีนา แต่จากนั้นเรามีภารกิจกับพาสปอร์ตตัวจริงค่ะ
เพราะวันที่ 3 เมษาเรามีนัดไปยื่นขอวีซ่าเชงเก้นเนเธอร์แลนด์
ทุกอย่างเลยต้องเร่งขึ้นมาอีก ทั้งกลัวของแคนาดาจะอนุมัติไม่ทันไปขอเชงเก้น
ทั้งกลัวของเชงเก้นจะอนุมัติไม่ทันวันที่ 13 เมษา เพราะ เรามีแพลนไปเกาหลี
ตอนนั้นทุกอย่างพานิคไปหมดค่ะ แทบจะร้องไห้กับเจ้าหน้าที่ที่ VFS
แต่เพราะความช่วยเหลือและคำแนะนำจากทางเจ้าหน้าที่ ทุกอย่างเลยผ่านพ้นมาได้ด้วยดีค่ะ
แต่ถ้าคราวหน้ามีกำหนดการเดินทางต่างประเทศเยอะๆ เราจะเตรียมตัวดีๆแล้วค่ะ
มาลนแบบคราวนี้อีกไม่ไหวแล้ว เหนื่อยมากๆจริง วิ่งโร่จัดเอกสารทุกวันเลย
ดังนั้น จึงอยากฝากทุกๆคนที่จะเตรียมตัวขอวีซ่าแคนาดาว่าให้เช็คตารางเวลาของตัวเองดีๆ
เผื่อเวลาจัดเอกสาร โดยเฉพาะเอกสารที่ต้องใช้ระยะเวลาในการขอ
และหากเอกสารนั้นเป็นภาษาไทยก็ต้องทำการแปลเป็นภาษาอังกฤษแนบไปด้วยนะคะ
จัดเอกสารให้ถูกต้องครบถ้วน จะได้ไม่เสียเวลาเอาเอกสารไปยื่นใหม่
รวมถึงเผื่อเวลาในการยื่นขอ ควรนับวันเวลาดีๆและเช็ควันหยุดของสถานฑูตด้วยค่ะ
อย่างตามที่เจ้าหน้าที่แนะนำเลยก็จะดีค่ะ หรือควรเตรียมตัวล่วงหน้าประมาณเดือนถึงสองเดือน
อาจดูใช้ระยะเวลานาน แต่เวลาเหลือไว้ดีกว่าขาดค่ะ เพื่อความอุ่นใจเนอะ
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ขั้นตอนที่สอง : เริ่มต้นจัดเอกสารค่ะ
ในการยื่นขอวีซ่าแคนาดาจะมีเอกสารบังคับที่เป็นแบบฟอร์มและเอกสารที่บังคับแต่ไม่ได้เป็นแบบฟอร์ม
และเอกสารเพิ่มเติมอื่นๆที่ต้องยื่นเสริมค่ะ เอกสารที่เราจะแจงต่อไปนี้จะเป็นในกรณีที่ยื่นโดยตรงแบบ Visit นะคะ
อาจไม่ได้ครบถ้วนในกรณีการยื่นรูปแบบอื่นๆ อย่างยื่นออนไลน์ ยื่นทางไปรษณีย์
หรือการเดินทางรูปแบบอื่นๆ อย่างการเรียนต่อ การทำงาน หรือการเยี่ยมญาติ
แนะนำให้โทรไปสอบถามกับทางเจ้าหน้าที่ VFS โดยตรงน่าจะละเอียดและครบถ้วนมากกว่าค่ะ
ขอเรียงลำดับเอกสารไปเป็นข้อๆเพื่อความเข้าใจง่ายนะคะ
1. แบบฟอร์มให้ความยินยอมวีเอฟเอส (VFS Consent Form) สามารถยื่นเป็นภาษาไทยหรืออังกฤษก็ได้ค่ะ
ส่วนตัวเรายื่นไปแบบภาษาอังกฤษ โหลดได้ที่ >> http://www.vfsglobal.ca/Canada/Thailand/how_to_apply.html ตรง Step 3 ค่ะ
โหลดมาแล้วก็ปริ้นออกมาเขียนรายละเอีดที่หน้า 2 และเซ็นให้ตรงตามพาสปอร์ตเลยค่ะ
หรือจะไปหยิบแล้วค่อยเซ็นที่ VFS ตอนรอคิวยื่นเลยก็ได้ค่ะ จะมีเคาน์เตอร์ที่มีเอกสารชุดนี้วางไว้ให้อยู่ใกล้ๆประตูทางเข้า
2. Application for Visitor Visa (IMM5257) เอกสารตัวนี้จะต้องกรอกประวัติข้อมูลส่วนตัวของผู้ยื่นขอค่ะ
ก็กรอกไปตามข้อมูลส่วนตัวตามปกติเลยค่ะ แต่แนะนำให้ระวังสำหรับคนที่เคยได้รับวีซ่าแคนาดานะคะ
ตรงข้อ 2 ของ Background Information จุด c) ให้ติ๊ก yes แล้วกรอกเลขวีซ่าแคนาดาที่เคยได้รับ
พร้อมทั้งวันและเวลาหมดอายุของวีซ่าแคนาดาอันเก่านั้นที่ช่องด้านล่างค่ะ
(ตัวเราเองพลาดตรงจุดนี้ เพิ่งเห็นตอนเจ้าหน้าที่ยื่นให้ดูว่าไม่ได้กรอกลงไป
เลยต้องจ่ายเพิ่มประมาณร้อยกว่าบาทให้เจ้าหน้าที่ทำเอกสารใหม่)
เอกสารชุดนี้จะต้องกรอกในคอมพิวเตอร์เท่านั้นนะคะ เพราะหลังจากที่เรากรอกข้อมูลเสร็จเรียบร้อยทั้ง 4 หน้าแล้ว
ที่หน้า 5 หน้าสุดท้ายจะมีปุ่ม Validate อยู่ ให้เรากด Validate หลังกรอกข้อมูลครบถ้วน
เมื่อกดแล้วมันจะมีหน้า 6 เด้งขึ้นมาอัตโนมัติค่ะ มันจะเป็นหน้าที่มีบาร์โค้ดอยู่
(ตอนไปยื่นขอต้องมีหน้าบาร์โค้ดนะคะ! และหากมีการแก้ไขอะไรในแบบฟอร์มต้องกด Validate ใหม่ทุกครั้งด้วยค่ะ)
พอเอกสารชุดนี้ครบถ้วนทั้ง 6 หน้าแล้ว ก็ปริ้นออกมาเซ็นที่หน้า 4 แบบเดียวกันกับที่เซ็นในพาสปอร์ตค่ะ
3. Family Information (IMM5645) เอกสารตัวนี้จะเป็นเอกสารที่ต้องกรอกเกี่ยวกับข้อมูลของครอบครัวผู้ยื่นค่ะ
เอกสารชุดนี้จะต้องกรอกในคอมพิวเตอร์เช่นกันค่ะ
เมื่อกรอกข้อมูลลงไปตามปกติแล้ว ก็ปริ้นออกมาเซ็นแบบเดียวกันกับในพาสปอร์ตที่ Section D ค่ะ
และหากผู้ยื่นไม่มีคู่สมรสหรือไม่มีบุตร ให้เซ็นตรง Note 1 และ Note 2 ด้วยนะคะ
4. Schedule 1 Application for Temporary Residence (IMM5257B_1) เอกสารตัวนี้จะต้องกรอกข้อมูลประวัติต่างๆค่ะ
เช่นประวัติอาชญากรรม ประวัติทางการทหาร ประวัติทางการเมือง ประวัติการเดินทางต่างประเทศ
เอกสารชุดนี้จะต้องกรอกในคอมพิวเตอร์เช่นกันค่ะ ก็กรอกไปตามปกติ
เสร็จแล้วจึงกด Validate แล้วปริ้นออกมาตามปกติ ไม่มีจุดที่ต้องเซ็นค่ะ
เอกสารตัวนี้ถึงจะกด Validate แล้ว แต่จะไม่มีหน้าใหม่เพิ่มมานะคะ
มีแค่ให้เช็คว่า Validate แล้วหรือยังแค่ตรงบรรทัดเหนือ Full Name ด้านขวา
เอกสารข้อ 2 , 3 และ 4 สามารถโหลดได้ที่ http://www.cic.gc.ca/english/information/applications/visa.asp?countrySelect=TH#applications
หากหาไม่เจอหรือมีเอกสารตัวอื่นที่ต้องใช้ เช็คได้ที่เว็บ http://www.cic.gc.ca/english/information/applications/index.asp เลยนะคะ
5. เอกสารการชำระเงินค่าขอวีซ่า เป็นแคชเชียร์เช็คหรือตั๋วแลกเงินก็ได้ค่ะ ใบนึงสั่งจ่าย Embassy of Canada เป็นค่าทำวีซ่า
อีกใบสั่งจ่าย VFS Thailand เป็นค่าดำเนินการ ตอนเราไปขอจะเป็นค่าทำวีซ่า 2800 บาท ค่าดำเนินการ 673 บาท
แต่ค่าใช้จ่ายนั้นอาจมีแตกต่างกันไปตามค่าเงินนะคะ แนะนำว่าควรเช็คกับทาง VFS ให้แน่นอนก่อนซื้อค่ะ
สำหรับเราวันนั้นลืมซื้อแคชเชียร์เช็คเตรียมไป เลยต้องไปซื้อตอนเช้าก่อนขึ้นไปยื่นที่ชั้น 28 ค่ะ
บริเวณซอยสุขุมวิท 13 จะมีธนาคารใกล้ๆอยู่ คือธนาคารไทยพาณิชย์ตรงซอย 11
และธนาคารกรุงเทพฝั่งตรงข้าม (ต้องข้ามสะพานลอยไปค่ะ)
วันนั้นเราข้ามสะพานลอยไปซื้อของธ.กรุงเทพค่ะ เพราะเราไปตอนช่วง 9 โมงเช้าแล้วธ.ไทยพาณิชย์ยังไม่เปิด
พอไปถึงก็แจ้งเจ้าหน้าที่ธนาคารได้เลยค่ะว่าซื้อแคชเชียร์เช็คจ่ายค่าทำวีซ่าแคนาดา ยอดเงินเท่านี้ๆ
เจ้าหน้าที่ก็จะจัดแจงให้เรียบร้อยแบบรู้งานเลยค่ะ (คาดว่ามีคนมาซื้อกันเยอะแน่ๆ 555) แล้วก็มีค่าธรรมเนียมแคชเชียร์เช็คใบละ 20 บาท
6. รูปถ่ายขนาด 3.5 * 4.5 cm 2 รูป แนะนำให้เขียนชื่อสกุลและวันเดือนปีเกิดเป็นภาษาอังกฤษด้านหลังค่ะ
ลักษณะรูปต้องเป็นพื้นหลังขาว เห็นใบหน้าตรงชัดเจน
สามารถเช็คลักษณะรูปภาพที่ถูกต้องได้ที่ http://www.cic.gc.ca/english/information/applications/photospecs.asp
7. พาสปอร์ตตัวจริงทุกเล่มที่มีค่ะ ส่วนตัวเรามี 3 เล่ม ก็ขนไปหมดค่ะ เผื่อเขาพิจารณาเพิ่มเติม
หรือต้องการดูวีซ่าประเทศอื่นๆที่เราเคยได้รับค่ะ
8. สำเนาพาสปอร์ตทุกเล่ม โดยเฉพาะหน้าแรกที่เป็นประวัติส่วนตัวกับหน้าที่มีวีซ่าหรือตราประทับการเดินทางค่ะ
หากมีพาสปอร์ตหลายเล่มก็สำเนามาเล่มละชุดเลยค่ะ
9. หนังสือรับรองการทำงาน ของเราทำงานกับที่บ้านเลยเตรียมหนังสือรับรองบริษัท
พร้อมใบของกรมการค้าพาณิชย์ไปทั้งตัวจริงและสำเนาค่ะ อันนี้ตัวเอกสารเป็นภาษาไทยทั้งสองตัวเลย
เราก็แปลเป็นภาษาอังกฤษไปค่ะ เตรียมไปทั้งตัวจริงที่แปลและสำเนาค่ะ
10. หลักฐานทางการเงินที่มีค่ะ ของเราเตรียมบัญชีบริษัท และบัญชีส่วนตัวเราไป ถ่ายสำเนาไปทุกเล่มเลย ย้อนหลัง 1 ปี
ตอนไปยื่นเอาตัวจริงไปด้วยนะคะ พอเจ้าหน้าที่เขาตรวจเช็คกับตัวสำเนาเรียบร้อยแล้วก็จะคืนตัวจริงมาค่ะ
11. หลักฐานการจองการเดินทางต่างๆ เช่น ตั๋วเครื่องบิน รถเช่า และรถไฟ
12. หลักฐานการจองโรงแรม เราจองกับทาง Booking.com ค่ะ ก็ปริ้นตัว Confirmation ออกมาได้เลย
13. แผนการท่องเที่ยว ทำเป็นตารางขึ้นมาคร่าวๆได้เลยค่ะ ว่าวันนี้ๆไปเที่ยวที่ไหนบ้างนอนที่ไหน จนวันเดินทางกลับเลยค่ะ
13. สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน
14. สำเนาทะเบียนบ้าน
15. Document Checklist (IMM5484) เอกสารตัวนี้ไม่ได้จำเป็นที่จะต้องยื่นให้กับทาง VFS ค่ะ
แต่จะเป็นเอกสารที่มีรายการเอกสารที่เราต้องยื่น สะดวกมากๆสำหรับมือใหม่อย่างเราเลย 555
สามารถโหลดได้ที่เว็บไซต์ที่แปะไว้ใต้ข้อ 4. เลยนะคะ
อันนี้เพิ่มเติมสำหรับผู้ยื่นที่ไม่ได้ออกค่าใช้จ่ายในการเดินทางเองนะคะ ซึ่งในกรณีเราคือน้องเราค่ะ เพิ่งเรียนจบม.ปลาย
เพราะฉะนั้นผู้ออกค่าใช้จ่ายก็จะเป็นผู้ปกครอง คือคุณพ่อคุณแม่ของเราค่ะ
- เอกสารรับรองการทำงานของบิดามารดา ทั้งตัวจริงและสำเนา แปลภาษาอังกฤษไปด้วยนะคะ
- สูติบัตร ตัวจริงพร้อมสำเนา และแปลเป็นภาษาอังกฤษด้วยนะคะ