ก่อนอื่นต้องกล่าวสวัสดี พี่น้องชาวพันทิปทุกคนนะคะ
เป็นครั้งแรกที่เริ่มเขียนรีวิวให้เพื่อนๆ ทุกคนได้อ่านกัน
จริงๆตั้งใจมานานแล้วค่ะ ว่าอยากจะแบ่งปันประสบการณ์ ต่างๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตให้ ทุกคนได้ติดตามกัน
ยังไงฝาก กระทู้นี้ ไว้ด้วยนะคะ
เรามาเริ่มกันเลยดีกว่า
ทริปนี้ เกิดจาก การที่ไปเจอตั๋วราคาดีๆ จาก สายการบินหนึ่งมาค่ะ เลยคุยกับแฟนว่าเราไป หลีเป๊ะกันมั้ย
ซึ่งราคาที่เรา 2 คนจองได้ ไป- กลับ (ดอนเมือง - หาดใหญ่) 2345 บาท เท่านั้นค่ะ แต่ต้องบอกก่อนวาเราจองล่วงหน้าเกือบปีนะคะ และ เป็นการเดินทางแบบสวนทางกับคนอื่นๆ เขาค่ะ
หลังจากนั้นก็เฝ้ารอดูแพ็คเกจ ที่พัก ทริปดำน้ำ หาข้อมูลการเดินทาง จาก พันทิปนี่แหละค่ะ
เราลางานทั้งหมด 3 วัน (ถือว่าเยอะอยู่นะสำหรับชีวิตมนุษ์เงินเดือน :x )
การเดินทาง
1. จากสนามบินดอนเมือง ไปลงสนามบินนานาชาติหาดใหญ่
2. จากสนามบินนานาชาติหาดใหญ่ ไป ท่าเรือปากบารา โดยรถตู้
3. จากท่าเรือปากบารา ไปยังเกาะหลีเปะ โดยสปีดโบ๊ทค่ะ
4. ขากลับก็ไล่สเต็ป จาก ข้อ 3.-2. นะคะ
5. สนามบินหาดใหญ่ เราจองรถกับบริษัทเอวิสไว้ค่ะ เลยกลับมารับรถที่นี่เพื่อเที่ยวในหาดใหญ่และ ตัวเมืองสงขลา
6. เอารถมาคืนที่สนามนานาชาติหาดใหญ่ จากนั้นก็เดินทางกลลับมาที่สนามบินดอนเมือง
การจองที่พักและแพ็คเกจดำน้ำ
เราโชคดีค่ะ ที่ หาข้อมูลไปเรื่อยๆ ทั้งใน เฟสบุ๊คและพันทิป อ่านรีวิวเยอะมาก จนปะติดปะต่อเรื่องได้ว่าจะต้องทำอะไรยัง ที่ไหนบ้าง
โดยกดไลค์เพจที่พักต่างๆ บนเกาะหลีเปีะไปเรื่อยๆจนไป เจอ "ภูริตรา รีสอร์ท" ตามเพจนี้เลยค่ะ
https://www.facebook.com/PhuritraResort/
ที่รีสอร์ท มี แพ็คเกจ 4789 บาท / คน เห้ยยย ตัวเลขสวยน่าสนใจ ตรงที่
1. ราคานี้รวมรถตู้รับ-ส่งสนามบิน
2. เรือไป-กลับจากท่าเรือปากบารา
3. ค่าที่พัก 3 วัน 2 คืน
4. ทริปดำน้ำแบบ join trip
5. อาหารเช้า 2 มื้อ อาหารกลางวัน 1 มื้อ (ตอนไปดำน้ำ)
ตัดภาพมาที่วันเดินทางกันเลยดีกว่าเนอะ
วันที่ 26 เมษายน 2560
ไฟรท์บินของเรา FD 3116 เวลา 8.30 ใช้เวลาในการเดินทาง ประมาณ 1 ชั่วโมง 15 นาที
แค่เห็นท้องฟ้าก็ใจไม่ดีแล้วค่าคุณ
เอาเข้าจริง เวลาคลาดเคลื่อนนิดหน่อย กว่าเราจะมาถึงสนามบินหาดใหญกันก็เกือบ 10 โมงละค่ะ
ลงจากเครื่องได้ก็หิวเลยจ้า
ระหว่างที่กำลังเพลิดเพลินกับมื้อเช้าอยู่นั้น ก็มีเบอร์แปลกๆโทรมาเดาว่าน่าจะเป็นรถตู้ที่ทางรีสอร์ทติดต่อไว้ให้ซึ่งก็ใช่จริงๆด้วย
พี่เขา โทรมาคอนเฟิม ว่า 10.30 จะมารับที่ตรงทางออกนะ จากนั้นเราก็รีบ เคี้ยวกันเลยค่าาาา
หลังจากขึ้นรถตู้ได้ เราก็หลับสิคะ รออะไร อีก 1.30 ชั่วโมงกว่าจะถึงท่าเรือปากบารา
พอถึงท่าเรือ พี่คนขับก็ส่งเราตรงหน้าร้านที่เราจะต้องไปรับตั๋วเรือไป-กลับเกาะหลีเป๊ะกันค่ะ ซึ่งทางรีสอร์ทได้ติดต่อเอาไว้ให้เราแล้วเป็นของ มาริณี ทราเวล
หลังจากที่เรา ได้รับตั๋วเรือและแจ้งเวลาที่จะเดินทางกลับจากเกาะเรียบร้อยแล้ว พี่ พนักงานก็ยังแนะนำร้านข้าวกลางวันให้เราอีกด้วย ซึ่งก็อยู่เยื้องๆ กับ ที่เรารับตั๋วเรือเลย
ไม่ต้องคิดอะไรมากละ ร้านนี้แหละ ข้ามฝั่งไป สั่งกันเลยค่า
นี่คือ ทั้งหมดที่เราสั่งมากินกัน 2 คน แบบไม่ค่อยหิวเท่าไหร่เลย
1. ซุปเนื้อ ข้าวหมก
2. ข้าวหมกไก่
3. ชาชัก
หลังจากกินอิ่มเราก็เดินไปซื้อของที่เซเว่นตุนไว้ไปกินที่เกาะเผื่อหิว เนื่องจาก แฟนเราค่อนข้างหิวบ่อยมาก เซเว่นก็อยูฝั่งเดียวกับร้านข้าวที่เรากินเลยค่ะ มี ที่เดียวนะ ราคาปกติ
หลังจากนั้นเราก็เดินไปที่ท่าเรือกันค่ะ
จุดนี้ เตรียมค่าผ่านด่านไว้คนละ 20 บาทนะคะ อันนี้ถ่ายตอนผ่านเข้ามาแล้หันหลันกลับไปถ่ายค่ะ
(ทำไมภาพเบลอ ควรจะหน้าชัดหลังเบลอมะ)
พอเดินไปถึงท่าเรือ
เราก็ยื่นตั๋วเรือ ให้กับ พนักงานที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะของ "บารมีสปีดโบ๊ท" ได้เลยค่ะ ตรงนี้ถ้าเรามีกระเป๋าจะให้เขาโหลดขึ้นเรือให้ก่อนก็เอาว่างตรงเคาน์เตอร์นี้ได้ค่ะ พร้อมกับผูกริบบิ้นตามสีที่ พนักงานให้มา
และพนักงานก็จะให้บัตรคิวเรามา 2 ใบ สำหรับรอเรียกคิวขึ้นเรือค่ะ
นี่ค่ะ เราได้ริบบิ้นสีม่วงมาผูกกระเป๋าแล้วเอาไปใส่รถเข็นไว้ รอขึ้นเรือค่ะ
แอบกระซิบนิดนึงนะคะ เราได้มาจากการอ่านรีวิวของท่านอื่นๆ บอกมาว่าให้รีบไปก่อนเวลา เพื่อไปรับบัตรคิวเลขต้นๆ เพื่อเราจะได้ลงเรือก่อนและได้เลือกที่นั่งก่อนค่ะ แต่ถ้าใครไม่ซีเเรียสเรื่องนี้ก็ปล่อยผ่านไปนะคะ
เราได้ไปเรือรอบ 13.30 นะคะ นั่งรอกันสักพักเลย ระหว่างรอ เราเก็บเรือสายอื่นๆมาให้ค่ะ เผื่อ ใครจะติดต่อมาเองเวลาก็จะคล้ายๆ กันนะคะ
นี่มันอะไรกันนนนนน ทำไมฟ้าครึ้มแบบนี้ ไหนท้องฟ้าอันสดใส ไหนแสงแดดอันเจิดจ้า แต่ ยังใจดีาู้เสือค่ะ มาถึงขนาดนี้ละ ที่เกาะ อาจจะไม่เป็นแบบนี้ก็ได้เนอะ
พอขึ้นเรือกันเรียบร้อย ก็ได้เวลาเรือออกละจ้าา จะบอกว่าใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 1.30 ชั่วโมงนะคะ จริงๆ กว่าเรือจะออกก็เกือบบ่าย สองละ ทำใจค่ะ เพราะมาวันธรรมดา คนไม่เยอะมาก เรือต้องรอคนให้ได้เยอะที่สุด
สมาชิกผู้ร่วมเดินทางกับเราในวันนี้ค่ะ คนไม่ค่อยเยอะมาก เนื่องจากเป็นวันทำงาน ดีค่ะ ชอบ ชิลดี คิคิ
ระหว่างทางที่เรือกำลังแล่นไปนั้น เราก็เห็นภาพนี้ค่ะ
และแล้ว เราก็มาถึงแล้วค่ะ เกาะหลีเป๊ะ ได้ยินคำร่ำลือมานานมาก
เป็นภาพเดียวที่ถ่ายจากบนเรือไปที่เกาะ หน้าหาดพัทยา ท่าเรือบันดาหยานะคะ
ลงจากเรือมาก็จะเปียกๆ กันนิดหน่อยค่ะ แต่ ผมพันกันสุดๆ
ของเราพอเรือมาจอดที่หาด เราก็โทรหา พนักงานที่รีสอร์ทให้มารับเราค่ะ
ระหว่างนั้นเราก็จ่ายค่าเหยียบเกาะ กับเจ้าหน้าที่ คนละ 40 บาท สบายๆ
*จะต้องเก็บบัตรไว้สำหรับผู้ที่จะไปดำน้ำในวันถัดไป จะต้องนำติดตัวไปด้วยนะคะ*
รอไม่นาน ก็มีคนมารับเราไปที่ที่พักแล้วค่าาาา ขณะนี้เป็นเวลา 15.30 แล้วจ้าาา เหนื่อยกับการเดินทางมากกเลย
ภาพระหว่างทางไปรีสอร์ทค่ะ เคยอ่านเจอมาเหมือนกันว่าทางไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่อยู่ในระดับที่รับได้นะคะ สนุกดี
มาถึงตรงนี้ใกล้จะถึงรีสอร์ทแล้วค่ะ ตื่นเต้นๆ ว่ารีสอร์ทจะน่ารัก เหมือนที่อ่านมาในรีวิวมั้ย ฮ่าๆ
ในที่สุดเราก็มาถึงค่ะ ขออภัยที่ไม่ได้ถ่ายรูปด้านหน้ารีสอร์ทนะคะ
มีแต่น้องแมวนั่งทำหน้าต้อนรับแขกอยู่หน้าห้องรีเซปชั่นค่ะ
หลังจากเช็คอิน เสร็จก็มี welcome drink เป็นน้ำแดงมะนาวคือชื่นใจมากสำหรับผู้เดินทางมานานอย่างเรา
อ่อ มีค่ามัดจำกุญแจ 1000 บาทนะคะ เอาตังเผื่อไปด้วยจ้า
เอาภาพบรรยากาศในรีสอร์ทมาฝาก
เนื่องจากเราซื้อเป็นแพ็คเกจมา เราจีงได้พัก ห้อง shark fin เพราะ คิดว่า เวาส่วนใหญ่เราก็ออกไปทำกิจกรรมข้างนอกอยู่แล้ว ห้องพักก็อาไว้นอนเฉยๆ แต่ๆๆๆ ดีเกินคาด เพราะห้องน่ารักสมคำร่ำลือ จริงๆ พอเข้ามาในห้อง นางเข้าไปหยิบอันนี้มาก่อนเลยด้วยความประหลาดใจว่าทำไมต้องมีด้วย
แต่ไม่นานเราก็เข้าใจเหตุผลละ ยุงตัวเท่าแมลงวัน พี่พนักงานจุดยากันยุงหน้าห้องแล้ว เจ้ายุงยังจะพยายามเข้ามาในห้องอีก
หลังจากเก็บห้อง และ พักร่างได้แปบนึง ได้เวลากินแล้วค่ะ ท้องร้องงงงงงงค่าาา
อย่างที่บอก ทางรีสอร์ทมีรถ บริการรับ-ส่ง จากรีสอร์ทไปยัง walking street จึงไม่ใช่ปัญหาอะไร แต่เวลาในการให้บริการถ้าจำไม่ผิดตั้ง
แต่ 7.00-21.00 นะคะ
หลังจากเก็บข้าวของเสร็จ นั่งพักให้หายเหนื่อยแปบเดียว เราก็เริ่มหิวกันละค่าาาา
แล้วเราก็แจ้งกับทาง แอดมินให้เรียกรถมารับเราไป walking street
อ่อ จะบอกว่า แอดมินที่มาต้อนรับเรา แจ้งว่า มริปดำน้ำพรุ่งนี้ที่เราจองกันมาเป็นแบบ join trip นั้น อาจจะได้ไป แบบ private แต่ก็จะไปได้ไม่ครบทุกจุด แต่ เราก็แจ้งพี่เค้าไปว่า เราอยากไปที่ไหนบ้าง (แอบดีใจ คิคิ)
แล้วพี่ เขาก็พาเรามาถึง walking street ละค่า ดีนะท้องฟ้ายังไม่มืด
เราก็เดินเรื่อยๆ มาตามถนน เลยค่ะ เจอเซเว่น ที่เขาร่ำลือกันว่า ราคาสูง แล้วก็สูงจริงๆ นะคะ ซื้อไม่ไหว
จากนั้นเดินมาเจอร้านนี้เลยค่ะ จัดไป มะตะบะไก่ เลิศศศศค่า
บรรยากาศริมทะเล อากาศดีมาก เหมาะกับการมาพักผ่อนจริงๆ เป็นเกาะสำหรับคนที่ต้องการความสงบ นะเราว่า
หลีกหนีความวุ่นวายมาอยู่กับธรรมชาติได้ชาร์จพลังกับไป คือดีมากอะ
หลังจากดื่มด่ำบรรยากาศริมทะเลจนเต็มอื่มแล้ว ก็ได้เวลา หาอาหารเติมใส่ท้องบ้างแล้วค่ะ ท้องร้องแล้วววว >.<
ไม่น่าใช่ ร้านนี้นะคะแฟน
ระหว่างนั้น เรา เจอร้านหมูปิ้งเท่าที่เห็นน่าจะเป็นร้านเดียวใน ถนนนี้นะคะ แฟนเราปรี่ เข้าไปเลย แต่ ถึงกับชะงัก เมื่อรู้ราคา ไม้ละ 20 บาท เลยฮะ !!
เลยจัดมารองท้อง 1 ไม้ ด้วยความที่ แถวนี้ หมูหายากค่ะ
เล็งร้านนี้ไว้ก่อน เดี๋ยวจะมาชิม ดูคนเยอะดี น่าจะ เด็ด
บรรยากาศบนถนนคนเดินค่ะ จะเป็นทางตรงๆ เดิน ชิลไม่เรื่อย
[SR] หลีเป๊ะ เกาะที่ใครๆ ก็บอกว่าต้องไปให้ได้สักครั้ง
เป็นครั้งแรกที่เริ่มเขียนรีวิวให้เพื่อนๆ ทุกคนได้อ่านกัน
จริงๆตั้งใจมานานแล้วค่ะ ว่าอยากจะแบ่งปันประสบการณ์ ต่างๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตให้ ทุกคนได้ติดตามกัน
ยังไงฝาก กระทู้นี้ ไว้ด้วยนะคะ
เรามาเริ่มกันเลยดีกว่า
ทริปนี้ เกิดจาก การที่ไปเจอตั๋วราคาดีๆ จาก สายการบินหนึ่งมาค่ะ เลยคุยกับแฟนว่าเราไป หลีเป๊ะกันมั้ย
ซึ่งราคาที่เรา 2 คนจองได้ ไป- กลับ (ดอนเมือง - หาดใหญ่) 2345 บาท เท่านั้นค่ะ แต่ต้องบอกก่อนวาเราจองล่วงหน้าเกือบปีนะคะ และ เป็นการเดินทางแบบสวนทางกับคนอื่นๆ เขาค่ะ
หลังจากนั้นก็เฝ้ารอดูแพ็คเกจ ที่พัก ทริปดำน้ำ หาข้อมูลการเดินทาง จาก พันทิปนี่แหละค่ะ
เราลางานทั้งหมด 3 วัน (ถือว่าเยอะอยู่นะสำหรับชีวิตมนุษ์เงินเดือน :x )
การเดินทาง
1. จากสนามบินดอนเมือง ไปลงสนามบินนานาชาติหาดใหญ่
2. จากสนามบินนานาชาติหาดใหญ่ ไป ท่าเรือปากบารา โดยรถตู้
3. จากท่าเรือปากบารา ไปยังเกาะหลีเปะ โดยสปีดโบ๊ทค่ะ
4. ขากลับก็ไล่สเต็ป จาก ข้อ 3.-2. นะคะ
5. สนามบินหาดใหญ่ เราจองรถกับบริษัทเอวิสไว้ค่ะ เลยกลับมารับรถที่นี่เพื่อเที่ยวในหาดใหญ่และ ตัวเมืองสงขลา
6. เอารถมาคืนที่สนามนานาชาติหาดใหญ่ จากนั้นก็เดินทางกลลับมาที่สนามบินดอนเมือง
การจองที่พักและแพ็คเกจดำน้ำ
เราโชคดีค่ะ ที่ หาข้อมูลไปเรื่อยๆ ทั้งใน เฟสบุ๊คและพันทิป อ่านรีวิวเยอะมาก จนปะติดปะต่อเรื่องได้ว่าจะต้องทำอะไรยัง ที่ไหนบ้าง
โดยกดไลค์เพจที่พักต่างๆ บนเกาะหลีเปีะไปเรื่อยๆจนไป เจอ "ภูริตรา รีสอร์ท" ตามเพจนี้เลยค่ะ https://www.facebook.com/PhuritraResort/
ที่รีสอร์ท มี แพ็คเกจ 4789 บาท / คน เห้ยยย ตัวเลขสวยน่าสนใจ ตรงที่
1. ราคานี้รวมรถตู้รับ-ส่งสนามบิน
2. เรือไป-กลับจากท่าเรือปากบารา
3. ค่าที่พัก 3 วัน 2 คืน
4. ทริปดำน้ำแบบ join trip
5. อาหารเช้า 2 มื้อ อาหารกลางวัน 1 มื้อ (ตอนไปดำน้ำ)
ตัดภาพมาที่วันเดินทางกันเลยดีกว่าเนอะ
วันที่ 26 เมษายน 2560
ไฟรท์บินของเรา FD 3116 เวลา 8.30 ใช้เวลาในการเดินทาง ประมาณ 1 ชั่วโมง 15 นาที
แค่เห็นท้องฟ้าก็ใจไม่ดีแล้วค่าคุณ
เอาเข้าจริง เวลาคลาดเคลื่อนนิดหน่อย กว่าเราจะมาถึงสนามบินหาดใหญกันก็เกือบ 10 โมงละค่ะ
ลงจากเครื่องได้ก็หิวเลยจ้า
ระหว่างที่กำลังเพลิดเพลินกับมื้อเช้าอยู่นั้น ก็มีเบอร์แปลกๆโทรมาเดาว่าน่าจะเป็นรถตู้ที่ทางรีสอร์ทติดต่อไว้ให้ซึ่งก็ใช่จริงๆด้วย
พี่เขา โทรมาคอนเฟิม ว่า 10.30 จะมารับที่ตรงทางออกนะ จากนั้นเราก็รีบ เคี้ยวกันเลยค่าาาา
หลังจากขึ้นรถตู้ได้ เราก็หลับสิคะ รออะไร อีก 1.30 ชั่วโมงกว่าจะถึงท่าเรือปากบารา
พอถึงท่าเรือ พี่คนขับก็ส่งเราตรงหน้าร้านที่เราจะต้องไปรับตั๋วเรือไป-กลับเกาะหลีเป๊ะกันค่ะ ซึ่งทางรีสอร์ทได้ติดต่อเอาไว้ให้เราแล้วเป็นของ มาริณี ทราเวล
หลังจากที่เรา ได้รับตั๋วเรือและแจ้งเวลาที่จะเดินทางกลับจากเกาะเรียบร้อยแล้ว พี่ พนักงานก็ยังแนะนำร้านข้าวกลางวันให้เราอีกด้วย ซึ่งก็อยู่เยื้องๆ กับ ที่เรารับตั๋วเรือเลย
ไม่ต้องคิดอะไรมากละ ร้านนี้แหละ ข้ามฝั่งไป สั่งกันเลยค่า
นี่คือ ทั้งหมดที่เราสั่งมากินกัน 2 คน แบบไม่ค่อยหิวเท่าไหร่เลย
1. ซุปเนื้อ ข้าวหมก
2. ข้าวหมกไก่
3. ชาชัก
หลังจากกินอิ่มเราก็เดินไปซื้อของที่เซเว่นตุนไว้ไปกินที่เกาะเผื่อหิว เนื่องจาก แฟนเราค่อนข้างหิวบ่อยมาก เซเว่นก็อยูฝั่งเดียวกับร้านข้าวที่เรากินเลยค่ะ มี ที่เดียวนะ ราคาปกติ
หลังจากนั้นเราก็เดินไปที่ท่าเรือกันค่ะ
จุดนี้ เตรียมค่าผ่านด่านไว้คนละ 20 บาทนะคะ อันนี้ถ่ายตอนผ่านเข้ามาแล้หันหลันกลับไปถ่ายค่ะ
(ทำไมภาพเบลอ ควรจะหน้าชัดหลังเบลอมะ)
พอเดินไปถึงท่าเรือ
เราก็ยื่นตั๋วเรือ ให้กับ พนักงานที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะของ "บารมีสปีดโบ๊ท" ได้เลยค่ะ ตรงนี้ถ้าเรามีกระเป๋าจะให้เขาโหลดขึ้นเรือให้ก่อนก็เอาว่างตรงเคาน์เตอร์นี้ได้ค่ะ พร้อมกับผูกริบบิ้นตามสีที่ พนักงานให้มา
และพนักงานก็จะให้บัตรคิวเรามา 2 ใบ สำหรับรอเรียกคิวขึ้นเรือค่ะ
นี่ค่ะ เราได้ริบบิ้นสีม่วงมาผูกกระเป๋าแล้วเอาไปใส่รถเข็นไว้ รอขึ้นเรือค่ะ
แอบกระซิบนิดนึงนะคะ เราได้มาจากการอ่านรีวิวของท่านอื่นๆ บอกมาว่าให้รีบไปก่อนเวลา เพื่อไปรับบัตรคิวเลขต้นๆ เพื่อเราจะได้ลงเรือก่อนและได้เลือกที่นั่งก่อนค่ะ แต่ถ้าใครไม่ซีเเรียสเรื่องนี้ก็ปล่อยผ่านไปนะคะ
เราได้ไปเรือรอบ 13.30 นะคะ นั่งรอกันสักพักเลย ระหว่างรอ เราเก็บเรือสายอื่นๆมาให้ค่ะ เผื่อ ใครจะติดต่อมาเองเวลาก็จะคล้ายๆ กันนะคะ
นี่มันอะไรกันนนนนน ทำไมฟ้าครึ้มแบบนี้ ไหนท้องฟ้าอันสดใส ไหนแสงแดดอันเจิดจ้า แต่ ยังใจดีาู้เสือค่ะ มาถึงขนาดนี้ละ ที่เกาะ อาจจะไม่เป็นแบบนี้ก็ได้เนอะ
พอขึ้นเรือกันเรียบร้อย ก็ได้เวลาเรือออกละจ้าา จะบอกว่าใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 1.30 ชั่วโมงนะคะ จริงๆ กว่าเรือจะออกก็เกือบบ่าย สองละ ทำใจค่ะ เพราะมาวันธรรมดา คนไม่เยอะมาก เรือต้องรอคนให้ได้เยอะที่สุด
สมาชิกผู้ร่วมเดินทางกับเราในวันนี้ค่ะ คนไม่ค่อยเยอะมาก เนื่องจากเป็นวันทำงาน ดีค่ะ ชอบ ชิลดี คิคิ
ระหว่างทางที่เรือกำลังแล่นไปนั้น เราก็เห็นภาพนี้ค่ะ
และแล้ว เราก็มาถึงแล้วค่ะ เกาะหลีเป๊ะ ได้ยินคำร่ำลือมานานมาก
เป็นภาพเดียวที่ถ่ายจากบนเรือไปที่เกาะ หน้าหาดพัทยา ท่าเรือบันดาหยานะคะ
ลงจากเรือมาก็จะเปียกๆ กันนิดหน่อยค่ะ แต่ ผมพันกันสุดๆ
ของเราพอเรือมาจอดที่หาด เราก็โทรหา พนักงานที่รีสอร์ทให้มารับเราค่ะ
ระหว่างนั้นเราก็จ่ายค่าเหยียบเกาะ กับเจ้าหน้าที่ คนละ 40 บาท สบายๆ
*จะต้องเก็บบัตรไว้สำหรับผู้ที่จะไปดำน้ำในวันถัดไป จะต้องนำติดตัวไปด้วยนะคะ*
รอไม่นาน ก็มีคนมารับเราไปที่ที่พักแล้วค่าาาา ขณะนี้เป็นเวลา 15.30 แล้วจ้าาา เหนื่อยกับการเดินทางมากกเลย
ภาพระหว่างทางไปรีสอร์ทค่ะ เคยอ่านเจอมาเหมือนกันว่าทางไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่อยู่ในระดับที่รับได้นะคะ สนุกดี
มาถึงตรงนี้ใกล้จะถึงรีสอร์ทแล้วค่ะ ตื่นเต้นๆ ว่ารีสอร์ทจะน่ารัก เหมือนที่อ่านมาในรีวิวมั้ย ฮ่าๆ
ในที่สุดเราก็มาถึงค่ะ ขออภัยที่ไม่ได้ถ่ายรูปด้านหน้ารีสอร์ทนะคะ
มีแต่น้องแมวนั่งทำหน้าต้อนรับแขกอยู่หน้าห้องรีเซปชั่นค่ะ
หลังจากเช็คอิน เสร็จก็มี welcome drink เป็นน้ำแดงมะนาวคือชื่นใจมากสำหรับผู้เดินทางมานานอย่างเรา
อ่อ มีค่ามัดจำกุญแจ 1000 บาทนะคะ เอาตังเผื่อไปด้วยจ้า
เอาภาพบรรยากาศในรีสอร์ทมาฝาก
เนื่องจากเราซื้อเป็นแพ็คเกจมา เราจีงได้พัก ห้อง shark fin เพราะ คิดว่า เวาส่วนใหญ่เราก็ออกไปทำกิจกรรมข้างนอกอยู่แล้ว ห้องพักก็อาไว้นอนเฉยๆ แต่ๆๆๆ ดีเกินคาด เพราะห้องน่ารักสมคำร่ำลือ จริงๆ พอเข้ามาในห้อง นางเข้าไปหยิบอันนี้มาก่อนเลยด้วยความประหลาดใจว่าทำไมต้องมีด้วย
แต่ไม่นานเราก็เข้าใจเหตุผลละ ยุงตัวเท่าแมลงวัน พี่พนักงานจุดยากันยุงหน้าห้องแล้ว เจ้ายุงยังจะพยายามเข้ามาในห้องอีก
หลังจากเก็บห้อง และ พักร่างได้แปบนึง ได้เวลากินแล้วค่ะ ท้องร้องงงงงงงค่าาา
อย่างที่บอก ทางรีสอร์ทมีรถ บริการรับ-ส่ง จากรีสอร์ทไปยัง walking street จึงไม่ใช่ปัญหาอะไร แต่เวลาในการให้บริการถ้าจำไม่ผิดตั้ง
แต่ 7.00-21.00 นะคะ
หลังจากเก็บข้าวของเสร็จ นั่งพักให้หายเหนื่อยแปบเดียว เราก็เริ่มหิวกันละค่าาาา
แล้วเราก็แจ้งกับทาง แอดมินให้เรียกรถมารับเราไป walking street
อ่อ จะบอกว่า แอดมินที่มาต้อนรับเรา แจ้งว่า มริปดำน้ำพรุ่งนี้ที่เราจองกันมาเป็นแบบ join trip นั้น อาจจะได้ไป แบบ private แต่ก็จะไปได้ไม่ครบทุกจุด แต่ เราก็แจ้งพี่เค้าไปว่า เราอยากไปที่ไหนบ้าง (แอบดีใจ คิคิ)
แล้วพี่ เขาก็พาเรามาถึง walking street ละค่า ดีนะท้องฟ้ายังไม่มืด
เราก็เดินเรื่อยๆ มาตามถนน เลยค่ะ เจอเซเว่น ที่เขาร่ำลือกันว่า ราคาสูง แล้วก็สูงจริงๆ นะคะ ซื้อไม่ไหว
จากนั้นเดินมาเจอร้านนี้เลยค่ะ จัดไป มะตะบะไก่ เลิศศศศค่า
บรรยากาศริมทะเล อากาศดีมาก เหมาะกับการมาพักผ่อนจริงๆ เป็นเกาะสำหรับคนที่ต้องการความสงบ นะเราว่า
หลีกหนีความวุ่นวายมาอยู่กับธรรมชาติได้ชาร์จพลังกับไป คือดีมากอะ
หลังจากดื่มด่ำบรรยากาศริมทะเลจนเต็มอื่มแล้ว ก็ได้เวลา หาอาหารเติมใส่ท้องบ้างแล้วค่ะ ท้องร้องแล้วววว >.<
ไม่น่าใช่ ร้านนี้นะคะแฟน
ระหว่างนั้น เรา เจอร้านหมูปิ้งเท่าที่เห็นน่าจะเป็นร้านเดียวใน ถนนนี้นะคะ แฟนเราปรี่ เข้าไปเลย แต่ ถึงกับชะงัก เมื่อรู้ราคา ไม้ละ 20 บาท เลยฮะ !!
เลยจัดมารองท้อง 1 ไม้ ด้วยความที่ แถวนี้ หมูหายากค่ะ
เล็งร้านนี้ไว้ก่อน เดี๋ยวจะมาชิม ดูคนเยอะดี น่าจะ เด็ด
บรรยากาศบนถนนคนเดินค่ะ จะเป็นทางตรงๆ เดิน ชิลไม่เรื่อย
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น