สองอาทิตย์ที่ผ่านมาคงจะทราบว่าอากาศบ้านเรา (โดยเฉพาะ..กทม.) ร้อนมาก
ปกติเราอาบน้ำประมาณ 1 ทุ่ม นอนสัก 4 ทุ่ม แต่ก่อนนอนจะรู้สึกรักแร้เริ่มอับและ...มีกลิ่น ทั้งที่เป็นคนไม่มีกลิ่นตัวมากนะ ^ ^
ตอนเก็บของรกๆ ในห้องน้ำก็ไปเจอน้ำยาล้างจุมุ เก็บไว้นานล่ะ เพราะตอนซื้อมาใช้สักพักก็อ่านๆๆๆ ว่าไม่ควรใช้น้ำยาอะไรมากมาย
ก็เลยเลิกใช้ เก็บไว้จนลืม
เลยคิดว่า...เออ อาบน้ำด้วยสบู่ก้อน สบู่เหลว ก็เอารักแร้ไม่อยู่ (ช่วงอากาศแบบนี้) เลยลองเอาน้ำยานั่นแร่ มาฟอกเฉพาะรักแร้
เพราะคิดว่ามันอ่อนโยนจนใช้กับจุมุได้ คงใช้กับผิวส่วนอื่นได้นะ (ถ้านักเคมีอ่านเจอ ขอความรู้หรือคำวิจารณ์ว่าควร ไม่ควร จะขอบคุณมากค่ะ)
ปรากฏว่าเราใช้ได้ดีค่ะ ลดกลิ่นไม่พึงจิตไปได้ ตื่นมาตอนเช้าก็ยังโอเคอยู่ (ปกติก็ไม่ใช่คนกลิ่นตัวแรง)
จะถามว่าทำไมไม่ใช่สบู่ที่มีส่วนผสมแอนตี้แบคทีเรีย อย่างเดทตอล หรืออาเซบโซ่ คือเราไม่ได้กลิ่นตัวแรง และที่ใช้น้ำยาล้างจุมุเพราะมันเหลือเก็บมาค่ะ
หากสาวๆ คนไหนมีอยู่ ลองใช้ดูค่ะ มาบอกกันด้วยนะ
น้ำยาล้างจุดซ่อนเร้น กับ รักแร้ ทดลองแล้วมันเจ๋งอ่ะ
ปกติเราอาบน้ำประมาณ 1 ทุ่ม นอนสัก 4 ทุ่ม แต่ก่อนนอนจะรู้สึกรักแร้เริ่มอับและ...มีกลิ่น ทั้งที่เป็นคนไม่มีกลิ่นตัวมากนะ ^ ^
ตอนเก็บของรกๆ ในห้องน้ำก็ไปเจอน้ำยาล้างจุมุ เก็บไว้นานล่ะ เพราะตอนซื้อมาใช้สักพักก็อ่านๆๆๆ ว่าไม่ควรใช้น้ำยาอะไรมากมาย
ก็เลยเลิกใช้ เก็บไว้จนลืม
เลยคิดว่า...เออ อาบน้ำด้วยสบู่ก้อน สบู่เหลว ก็เอารักแร้ไม่อยู่ (ช่วงอากาศแบบนี้) เลยลองเอาน้ำยานั่นแร่ มาฟอกเฉพาะรักแร้
เพราะคิดว่ามันอ่อนโยนจนใช้กับจุมุได้ คงใช้กับผิวส่วนอื่นได้นะ (ถ้านักเคมีอ่านเจอ ขอความรู้หรือคำวิจารณ์ว่าควร ไม่ควร จะขอบคุณมากค่ะ)
ปรากฏว่าเราใช้ได้ดีค่ะ ลดกลิ่นไม่พึงจิตไปได้ ตื่นมาตอนเช้าก็ยังโอเคอยู่ (ปกติก็ไม่ใช่คนกลิ่นตัวแรง)
จะถามว่าทำไมไม่ใช่สบู่ที่มีส่วนผสมแอนตี้แบคทีเรีย อย่างเดทตอล หรืออาเซบโซ่ คือเราไม่ได้กลิ่นตัวแรง และที่ใช้น้ำยาล้างจุมุเพราะมันเหลือเก็บมาค่ะ
หากสาวๆ คนไหนมีอยู่ ลองใช้ดูค่ะ มาบอกกันด้วยนะ