Review – Science Fiction Volume One : The Osiris Child (รัศมีความห่วย)
กำกับ : Shane Abbess (Gabriel, Infini)
ติดตามรีวิว+พูดคุยเกี่ยวกับเกม ภาพยนตร์ และการ์ตูนได้ที่เพจของผมนะครับ
https://www.facebook.com/Old-Geeks-1275369035829195/
หนังที่เมื่อผมเห็นเทรลเลอร์ก็งงๆว่ามีหนังเรื่องนี้ด้วยหรือ (มาทราบทีหลังว่าเป็นหนังออสเตรเลีย) แถมดูเทรลเลอร์แล้วก็ตงิดๆ ตั้งกะชื่อหนังแล้ว ทำไมต้องบอกว่าเป็น Science Fiction ด้วย ใครเห็นก็รู้อยู่แล้วว่าแนวไซไฟ “จากทีมสเปเชี่ยลเอฟเฟคจาก The Wolverine” เอ่อ...การเอาทีมเอฟเฟคมาโฆษณานี่มันเป็นสัญญาณที่ไม่ค่อยดีนะ “และดารานำจาก The Legend of Hercules” เอ่อ...หนังเรื่องนั้นมัน...จำได้ว่ามันห่วย 5555 เอาเป็นว่ารัศมีความห่วยมันมาเต็มละกันครับ แต่ยังไงเราก็จะไม่ตัดสินหนังจนกว่าจะได้ดูก่อน พอจะมีเวลาว่างอยู่ด้วยเลยเข้าไปพิสูจน์ในโรงครับ
The Osiris Child เล่าถึง Kane นักบินของบริษัท Exor บริษัทใหญ่ที่ทำธุรกิจสร้างโคโลนีบนดวงดาวต่างๆ Kane ได้พา Indy ลูกสาวของเขามาอาศัยในโคโลนีที่เขาประจำงานอยู่ด้วย แต่เมื่อเกิดการแหกคุกขึ้นบนโคโลนีนี้ อาวุธร้ายที่บริษัท Exor ได้เก็บซ่อนไว้ก็ได้หลุดออกมาด้วย Kane ต้องร่วมมือกับ Sy นักโทษที่หลบหนีออกมา เพื่อพา Indy ไปหลบในหลุมหลบภัยที่บริษัทเตรียมไว้ ก่อนที่โคโลนีนี้จะถูกทำลายไปจนหมด
และแล้วการคาดการณ์ของผมก็ถูกต้อง 555 The Osiris Child เป็นหนังที่ผมแนะนำให้หลีกเลี่ยงจริงๆครับ มันช่างหาความสนุกจากการรับชมได้ยากเหลือเกิน เอาตั้งแต่พล็อตเรื่องโดยรวมเลยครับ ไอ้พล็อตประมาณว่าทดลองอาวุธแล้วควบคุมมันไม่ได้นี่มันเป็นพล็อตไซไฟที่โคตรจะ Cliché เลยนะ แล้วหนังเรื่องนี้ก็เอามาใช้ดื้อๆแบบไม่ค่อยจะมีการปรับเปลี่ยนอะไรเลย เชยยังไงก็เชยยังงั้น (ตอนแรกแอบคิดว่ามีนิยายต้นฉบับหรือเปล่าเพราะเห็นมี vol.1 และเรื่องมันเชยมาก แต่หาข้อมูลดูไม่เจอแฮะครับ) นอกจากตัวพล็อตโดยรวมแล้วหนังยังมีปัญหาเรื่องบทและการเล่าเรื่องอีกเป็นขบวน ทั้งเรื่อง Pacing อันแสนอืดเอื่อย เรื่อยๆมาเรียงๆ ขนาดหนังมีแอคชั่นนะ ยังรู้สึกว่า Pacing มันเนิบและยืดเกินไปจริงๆ (อาจจะยืดให้มันครบชม.ครึ่งก็ได้) แถมยังพยายามทำเก๋แบ่งเป็นแชปเตอร์ มีการเล่าเรื่องกลับไปกลับมาเป็นหนังโนแลน แต่ขอโทษเถอะขานั้นเขาทำแล้วมันมีเซอร์ไพรส์ นี่ทำแล้วไม่เห็นจะได้อะไรขึ้นมา งงเปล่าๆ
ตัวฉากแอคชั่นก็เฟลครับ ไม่มันส์ บางทียิงๆอะไรไม่รู้ไม่เห็นตัวศัตรู ส่ายไปส่ายมา แต่ตอนฉากยานยิงสั้นๆอะพอดูได้อยู่ มุกตลก มีน้อยแล้วยังจะแป้กอีก ส่วนดราม่าบีบอารมณ์ นี่ก็เฟล ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการปูตัวละครมันดีไม่พอ บางตัวปูน้อยเกินไป ส่วนบางตัวปูมาแล้วก็ทิ้งไว้กลางทาง (หรือเผื่อจะมีภาคต่อ? อย่านะขอร้อง) ความดีนิดๆของตัวบทหนังคือบทสรุปท้ายสุดที่มัน Unexpected นิดๆแต่ก็นิดเดียวจริงๆไม่สามารถช่วยหนังไว้ได้ครับ หนังยังมีความทุนต่ำถึงขีดสุด งานภาพ ตอนยานยิงๆยังพอดูได้ แต่เอฟเฟค cg อื่นๆนี่ไม่ไหวจะเคลียร์ ทีม The Wilverine จริงเหรอวะเนี่ย ยิ่งเอฟเฟคระเบิดนี่ขอพูดเลยว่าดีกว่าในละครช่องเจ็ดหน่อยนึงอะ พูดจริงไม่ได้เว่อร์เลย ส่วนตัวสัตว์ประหลาดนี่ก็น่าเกลียดมาก ดูเป็นคนใส่ชุดยางที่ไม่เนียนเลยจริงๆยังกะตัวร้ายในจูเรนเจอร์ (นี่ก็ไม่ได้เว่อร์) การแสดงก็ไม่ไหวครับ ดูละเบะปากมองบน ทีมนักแสดงแทบทั้งทีม ไม่เล่นแข็ง ก็เล่นใหญ่เกินไป และบางคนนี่ก็แบบ...เล่นอะไรของ ._.
สรุป : ผมว่ามันเฟลในแทบทุกด้าน และหาความสนุกแทบไม่เจอเลย แนะนำให้หลีกเลี่ยงครับ
คะแนน : 4.5/10 (F) เกลียดเลยครับ 5555
[CR] Review – Science Fiction Volume One : The Osiris Child (รัศมีความห่วย)
กำกับ : Shane Abbess (Gabriel, Infini)
ติดตามรีวิว+พูดคุยเกี่ยวกับเกม ภาพยนตร์ และการ์ตูนได้ที่เพจของผมนะครับhttps://www.facebook.com/Old-Geeks-1275369035829195/
หนังที่เมื่อผมเห็นเทรลเลอร์ก็งงๆว่ามีหนังเรื่องนี้ด้วยหรือ (มาทราบทีหลังว่าเป็นหนังออสเตรเลีย) แถมดูเทรลเลอร์แล้วก็ตงิดๆ ตั้งกะชื่อหนังแล้ว ทำไมต้องบอกว่าเป็น Science Fiction ด้วย ใครเห็นก็รู้อยู่แล้วว่าแนวไซไฟ “จากทีมสเปเชี่ยลเอฟเฟคจาก The Wolverine” เอ่อ...การเอาทีมเอฟเฟคมาโฆษณานี่มันเป็นสัญญาณที่ไม่ค่อยดีนะ “และดารานำจาก The Legend of Hercules” เอ่อ...หนังเรื่องนั้นมัน...จำได้ว่ามันห่วย 5555 เอาเป็นว่ารัศมีความห่วยมันมาเต็มละกันครับ แต่ยังไงเราก็จะไม่ตัดสินหนังจนกว่าจะได้ดูก่อน พอจะมีเวลาว่างอยู่ด้วยเลยเข้าไปพิสูจน์ในโรงครับ
The Osiris Child เล่าถึง Kane นักบินของบริษัท Exor บริษัทใหญ่ที่ทำธุรกิจสร้างโคโลนีบนดวงดาวต่างๆ Kane ได้พา Indy ลูกสาวของเขามาอาศัยในโคโลนีที่เขาประจำงานอยู่ด้วย แต่เมื่อเกิดการแหกคุกขึ้นบนโคโลนีนี้ อาวุธร้ายที่บริษัท Exor ได้เก็บซ่อนไว้ก็ได้หลุดออกมาด้วย Kane ต้องร่วมมือกับ Sy นักโทษที่หลบหนีออกมา เพื่อพา Indy ไปหลบในหลุมหลบภัยที่บริษัทเตรียมไว้ ก่อนที่โคโลนีนี้จะถูกทำลายไปจนหมด
และแล้วการคาดการณ์ของผมก็ถูกต้อง 555 The Osiris Child เป็นหนังที่ผมแนะนำให้หลีกเลี่ยงจริงๆครับ มันช่างหาความสนุกจากการรับชมได้ยากเหลือเกิน เอาตั้งแต่พล็อตเรื่องโดยรวมเลยครับ ไอ้พล็อตประมาณว่าทดลองอาวุธแล้วควบคุมมันไม่ได้นี่มันเป็นพล็อตไซไฟที่โคตรจะ Cliché เลยนะ แล้วหนังเรื่องนี้ก็เอามาใช้ดื้อๆแบบไม่ค่อยจะมีการปรับเปลี่ยนอะไรเลย เชยยังไงก็เชยยังงั้น (ตอนแรกแอบคิดว่ามีนิยายต้นฉบับหรือเปล่าเพราะเห็นมี vol.1 และเรื่องมันเชยมาก แต่หาข้อมูลดูไม่เจอแฮะครับ) นอกจากตัวพล็อตโดยรวมแล้วหนังยังมีปัญหาเรื่องบทและการเล่าเรื่องอีกเป็นขบวน ทั้งเรื่อง Pacing อันแสนอืดเอื่อย เรื่อยๆมาเรียงๆ ขนาดหนังมีแอคชั่นนะ ยังรู้สึกว่า Pacing มันเนิบและยืดเกินไปจริงๆ (อาจจะยืดให้มันครบชม.ครึ่งก็ได้) แถมยังพยายามทำเก๋แบ่งเป็นแชปเตอร์ มีการเล่าเรื่องกลับไปกลับมาเป็นหนังโนแลน แต่ขอโทษเถอะขานั้นเขาทำแล้วมันมีเซอร์ไพรส์ นี่ทำแล้วไม่เห็นจะได้อะไรขึ้นมา งงเปล่าๆ
ตัวฉากแอคชั่นก็เฟลครับ ไม่มันส์ บางทียิงๆอะไรไม่รู้ไม่เห็นตัวศัตรู ส่ายไปส่ายมา แต่ตอนฉากยานยิงสั้นๆอะพอดูได้อยู่ มุกตลก มีน้อยแล้วยังจะแป้กอีก ส่วนดราม่าบีบอารมณ์ นี่ก็เฟล ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการปูตัวละครมันดีไม่พอ บางตัวปูน้อยเกินไป ส่วนบางตัวปูมาแล้วก็ทิ้งไว้กลางทาง (หรือเผื่อจะมีภาคต่อ? อย่านะขอร้อง) ความดีนิดๆของตัวบทหนังคือบทสรุปท้ายสุดที่มัน Unexpected นิดๆแต่ก็นิดเดียวจริงๆไม่สามารถช่วยหนังไว้ได้ครับ หนังยังมีความทุนต่ำถึงขีดสุด งานภาพ ตอนยานยิงๆยังพอดูได้ แต่เอฟเฟค cg อื่นๆนี่ไม่ไหวจะเคลียร์ ทีม The Wilverine จริงเหรอวะเนี่ย ยิ่งเอฟเฟคระเบิดนี่ขอพูดเลยว่าดีกว่าในละครช่องเจ็ดหน่อยนึงอะ พูดจริงไม่ได้เว่อร์เลย ส่วนตัวสัตว์ประหลาดนี่ก็น่าเกลียดมาก ดูเป็นคนใส่ชุดยางที่ไม่เนียนเลยจริงๆยังกะตัวร้ายในจูเรนเจอร์ (นี่ก็ไม่ได้เว่อร์) การแสดงก็ไม่ไหวครับ ดูละเบะปากมองบน ทีมนักแสดงแทบทั้งทีม ไม่เล่นแข็ง ก็เล่นใหญ่เกินไป และบางคนนี่ก็แบบ...เล่นอะไรของ ._.
สรุป : ผมว่ามันเฟลในแทบทุกด้าน และหาความสนุกแทบไม่เจอเลย แนะนำให้หลีกเลี่ยงครับ
คะแนน : 4.5/10 (F) เกลียดเลยครับ 5555