สวัสดีค่ะทุกคน ! นี่เป็นกระทู้เเรกในรอบปีที่ห่างหายไปจากพันทิปเเห่งนี้
นอกจากห่างหายการลงกระทู้เเล้ว ยังห่างหายจากการถ่ายภาพอีกด้วย ฮ่าาา
รูปในกระทู้นี้อาจมุมเเปลกๆ สีแปลกๆ ไปก็ไม่ต้องตกใจกันไป ฝีมือและความสวยงามมีขึ้นมีลงค่ะ 55555
เอาล่ะ เกริ่นกันมาพอควรเเล้วก็มาเที่ยวกับพวกเรากันเถอะ !
29-30 เมษายน 2560
" น้ำตกเอราวัณ " จังหวัดกาญจนบุรี เป็นที่รู้กันอยู่เเล้วว่าเป็นน้ำตกที่สวยงามมาก !
มีทั้งหมด 7 ชั้น ความสวยงามก็จะแตกต่างกันไป หลายๆคนคงเคยไปกันเเล้ว และหลายๆคนคงเคยเห็นรีวิวอื่นๆกันไปเเล้ว
เเต่เราจะไม่พาทุกคนไปชมสิ่งที่เหมือนกับในรีวิวอื่นๆ เพราะเราจะพาไปน้ำตกเอราวัณปลายหน้าร้อน !
หลายๆรีวิวเคลมกันว่าน้ำตกแห่งนี้มีน้ำทั้งปี เเชร์รีวิวกันทั้งปี เชื่อว่ามีคนสงสัยเเบบเราว่า เอ๊ะหน้าร้อนมันจะเป็นยังไงนะ
อยากรู้ว่าเป็นยังไงตามไปเลยค่าาาาาาาาาาาาาาาาาาาา
การเดินทางจากกรุงเทพ
เรานั่งรถตู้โดยสารสาธารณะไปลงที่ บขส.กาญจนบุรี ค่าโดยสาร 130 บาท
จากนั้นไปขึ้นรถเมล์สาย กาญจนบุรี - เอราวัณ ค่าโดยสาร 50 บาท ใช้เวลาประมาณ 1.30 ชั่วโมง ถึงน้ำตกเลย !
ไปถึงก็จะมีรอบรถให้เลือกหลายรอบมากๆ และสามารถซื้อตั๋วได้ที่นี่เลยพอเราได้ตั๋วเเล้วก็ไปกันเลย !
เป็นการเปิดหูเปิดตาในการนั่งรถเมล์ที่หน้าตาเเตกต่างจากในกรุงเทพ ให้อารมณ์ท้องถิ่นมากๆค่ะ
เบาะเล็กๆ รถคันเล็กๆ กับเสียงเครื่องยนต์พร้อมลมตีหน้า ชิลๆไปเลยค่ะ วันที่เราไปเเดดไม่ร้อนด้วยรู้สึกโชคดี
พอถึงทางเข้าอุทยานจะมีพี่ๆเจ้าหน้าที่มาเก็บค่าเข้าค่ะ เราไม่ต้องลงจากรถนะคะเพราะยังไม่ถึง
ค่าธรรมเนียม : คนไทย 100 บาท/คน นักศึกษาแสดงบัตร 50 บาท/คน ชาวต่างชาติ 300 บาท/คน
จำเป็นจะต้องเเสดงบัตรประชาชนนะคะ หากไม่มีบัตรประชาชนพี่ๆเขาเก็บค่าเข้าราคาชาวต่างชาตินะคะ*
ในที่สุดเจ้ารถก็พาเรามาถึงน้ำตกเอราวัณเเล้วจ้าาา มาถึงช่วงเที่ยงกว่าๆขอไปหาอะไรกินก่อนไปผจญภัยก่อนดีกว่า
จะมีร้านอาหารให้เลือกอยู่หลายร้านเเถวลานจอดรถ มีร้านเรียงกันเยอะเลย มีทั้งของกินของใช้
มีอาหารตามสั่ง ส้มตำ ไก่ย่าง ไอศครีม น้ำเเข็งใส นอกจากของกินก็ยังมีเสื้อผ้า หมวก กางเกง ขายด้วย
เราเลยไปจัดส้มตำเบาๆกันที่ร้านซุ้ม 5 แอบกระซิบว่า
ไม่อร่อยเลย ส้มตำติดเปรี้ยวมากไม่ได้รสอย่างอื่น
ซุปหน่อไม้ก็ติดเปรี้ยว ไก่ย่างพอกินได้เเต่หนังไก่แอบไหม้ไปหน่อย ส่วนข้าวเหนียวนี่ร่วนมากจนเเทบเป็นข้าวสวย
แต่ร้านสะอาด ดูดี นั่งสบายเลยล่ะ ดูเเล้วส่วนใหญ่น่าจะเป็นต่างชาติที่เข้ามากิน รสชาติเลยไม่ค่อยถูกปากคนไทยอย่างเรา
กินเสร็จเราก็ไปลุยกันเลย ! มาถึงไม่ถ่ายป้ายเดี๋ยวเขาจะหาว่ามาไม่ถึง !
พร้อมยัง พร้อมยัง เห็นระยะทางเเล้วเเนะนำว่ายืดเส้นยืดสายกันให้ดีดี
อีกอย่างนึงคือเรามาเที่ยวธรรมชาติ ก็อย่าทำลายธรรมชาติกันเลย
ขยะที่นำมาก็ทิ้งทั้งขยะกันให้เรียบร้อย ไม่ทิ้งไม่ปาลงข้างทางหรือลงน้ำ
รวมถึงไม่ทำลาย ไม่เด็ดไม่ดึง ไม่หักต้นไม้ดอกไม้กันด้วยนะ ความสวยงามจะได้อยู่นานๆ
เดินมาสักพักนึงพอได้เหงื่อก็ได้เห็นป้ายเเล้วว่าเรากำลังจะถึงชั้นที่ 1
เห็นว่าไม่มีคนเลยขอเเชะภาพน้ำตกปลายน้ำสักนิด สวยดีเหมือนกัน
ก่อนถึงชั้น 1 ก็เจอป้ายน้ำตกอันใหญ่ก็เเวะถ่ายกันพอเป็นพิธี ถ่ายเสร็จก็เดินต่อลุย !
ถึงเเล้ว ! ชั้นที่ 1 ไหลคืนรัง เเต่ก็ไม่รู้ว่าที่ถ่ายมานั้นใช่ น้ำไหลค่อยๆเบาเบา คนน้อยพอได้ถ่ายรูป
ถ่ายรูปและชื่นชมกันพอหอมปากหอมคอ เราก็ไปลุยกันต่อเลย !
ชั้นที่ 2 วังมัจฉา ชั้นนี้เริ่มมีคนเเต่ก็ยังไม่เเน่นมากพอจะถ่ายรูปได้บ้าง
จากชั้น 1 มาชั้น 2 ทางเดินง่ายๆ ไม่เหนื่อย ไม่หอบ ตอนนี้ยังรู้สึกชิลๆอยู่ งั้นนไปต่อสิรออะไร
ตั้งเเต่ชั้น 3 ขึ้นไปพี่ๆเขาจะมีการเก็บค่ามัดจำขวดน้ำ หรือถ้าใครไม่อยากถือก็ฝากพี่ๆเขาไว้ก็ได้
เเต่เเนะนำว่าพกน้ำไปสักขวด ไว้จิบระหว่างทาง เพราะทางก็ไม่ใช่ใกล้ๆเเถมไม่ใช่ทางราบอีกด้วย
ระหว่างทางเดินไปชั้น 3 เจอเเอ่งเล็กๆสวยไม่ใช่เล่นเหมือนกัน จะไม่เก็บภาพก็คงจะเสียดายมาก ไปกันต่อเลย
ถึงเเล้ววววว ชั้นที่ 3 ผาน้ำตก คนเยอะเเบบถ่ายรูปเเทบไม่เห็นน้ำตกเลย
ถ่ายยังไง ถ่ายมุมไหน ก็มีเเต่คนเต็มไปหมดเลย เสียใจมาก
เเต่ไม่เป็นไรได้เห็นหุ่นขาวๆ ก็พอจะให้อภัยได้ อิอิ
ชั้นที่ 4 อกนางผีเสื้อ ชั้นนี้ก็เต็มไปด้วยคน จนเเทบไม่มีที่ให้ยืนถ่ายเลย
พอมาถึงชั้นนี้ น้ำเริ่มน้อยเเบบเห็นได้ชัด เเต่น้ำยังใสและก็ยังมีคนเล่นกันอย่างสนุกสนาน
กว่าจะถึงชั้น 4 เหงื่อเริ่มท่วมตัว จังหวะการหายในเริ่มเเรงขึ้น ความเหนื่อยเริ่มมาเยือนเเล้ว
ชั้นที่ 5 เบื่อไม่ลง เรียกได้ว่าน้ำน้อยจนรู้สึกตกใจเลยสำหรับชั้นนี้ เเต่ก็ยังมีคนนั่งเล่นกันประปราย
บอกเลยว่ากว่าจะถึงชั้น 5 หอบเลยจ้า ทางเริ่มเดินยากขึ้นเล็กน้อย เเต่ก็ยังสู้กันไหว
ชั้นที่ 6 ดงพฤษา น้ำแห้งไปเลยจนไม่รู้ว่าส่วนไหนคือน้ำตก เราก็เลยเดินงงๆเเบบไม่ได้ถ่ายรูปกลับมา
เดินมาก็ย๊ากยาก ทางมีความลำบากเเต่ไม่มีน้ำให้ดู มีความเสียใจเล็กน้อย
เเต่ก็ไม่ได้สร้างความผิดหวังนัก เพราะพอเดินต่อมาอีกนิดก็เจอเเอ่งเล็กๆ เเอ่งนี้ถือว่าสวยเลย
น้ำใสๆ ไหลเป็นสายให้ได้ถ่ายรูป แถมยังไม่มีคนมาบังวิวน้ำตกอีกด้วย
เย้ถึงเเล้ว ! ชั้นที่ 7 ภูผาเอราวัณ น้ำใสมากกกกก คนก็เยอะมากเช่นกัน
กว่าจะเดินมาถึงชั้นนี้บอกเลยว่าลืนโขดหินไปหลายรอบมาก มีทางที่ต้องปึนขึ้น
ทางที่ต้องนั่งลงสไลด์ลงมา เรียกเหงื่อ เรียกกล้ามขาอย่างดีเลย
จากประสบการณ์ส่วนตัวเเนะนำว่าควรใส่รองเท้าที่เกาะพื้น ดอกยางลึกๆ
ไม่ควรใส่เเตะดอกย่างตื้นๆไป เพราะจะทำให้เดินลำบากและพร้อมลื่นตลอดเวลา !
เป็นยังไงกันบ้างคะเอราวัณช่วงปลายหน้าร้อนเเบบนี้ เราขอเรียกวันนี้ว่า "เอราวัณในวันที่น้ำน้อย"
วันที่ไปโชคดีอย่างนึงคือแดดไม่ร้อนเลย ขนาดแดดไม่ร้อนเดินขึ้นไปเหงื่อยังท่วมตัวเลย
เราใช้เวลาเดินพร้อมถ่ายรูปรวมทั้งขึ้นและลง เเต่ไม่ได้เล่นน้ำประมาณ 4 ชั่วโมง
เดินเเบบชิลๆไม่รีบ ตรงไหนสวยก็หยุดถ่ายรูปถ่ายเสร็จก็ค่อยเดินต่อชิลๆ
เรากลับลงมาถึงข้างล่างประมาณ 16.30 น. ได้กลับรถคันเดิมรอบสุดท้ายคือรอบ 17.00 น.
บ๊ายบายกลับเเล้วนะเอราวัณ ปลายฝนต้นหนาวเราจะมาใหม่อีกครั้ง
เรานั่งรถสายเดิมกลับไปที่ บขส.กาญจนบุรี เพราะจองที่พักไว้เเถวๆบขส.
ส่วนอุทยานเเห่งชาติเอราวัณมีที่พักให้นักท่องเที่ยวด้วย สามารถติดต่อจองที่พักได้
ใครสนใจพักที่นี่ เพื่อตื่นมาดูน้ำตกตอนเช้าก็สามารถจองที่พักล่วงหน้าได้กับอุทยาน
ส่วนเราจองที่พักกับ booking.com ชื่อที่พัก " คะนาอัน เกสท์เฮาส์ " เดินจากบขส.เข้าไปได้เลยใกล้มากๆ
คุณป้าเจ้าของน่ารัก ที่พักสะอาด เเถมที่ชอบมากคือเตียงและผ้าปูที่นอนนุ่มมากกกกก นุ่มกว่าโรงเเรมเเพงๆอีก
สนราคาห้องเเอร์ที่คืนละ 450 บาทเท่านั้น คุ้มมากกก ใครไปกาญฯเเล้วหาที่พักในเมืองเเนะนำที่นี่เลย
ลืมถ่ายด้านหน้าของที่พักมา เก็บของเสร็จเราก็ออกไปหาอะไรกินกันที่ตลาดโต้รุ่งที่อยู่หน้าบขส.
พูดเลยว่าตลาดโต้รุ่งของกินเยอะมากๆ มีขายเรียงรายกันตั้งเเต่หน้า บขส. ยาวไปจนถึงถนนใหญ่เลย
มีทั้งของคาวก็มีให้เลือกมากมาย ของหวานก็มีให้เลือกอีกเยอะเเยะ เเถมยังอร่อยอีกด้วย
นี่เเค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น จริงๆมีเยอะมากๆ หลายอย่างเราทานเเต่ก็ลืมถ่ายรูปเพราะมัวเเต่เพลินกับความอร่อย
วันนี้เราขอลากันเพียงเท่านี้ เเล้วเดี๋ยวเช้าเรามาพบกันใหม่ !
เช้านี้เราตื่นกันประมาณ 6 โมง ล้างหน้าล้างตาเเปรงฟันก็ออกมาเดินเล่นแถวๆบขส.
อยากรู้ว่าตอนเช้าๆ เมืองกาญฯเป็นยังไง เช้านี้ก็เงียบๆมีผู้คนเดินมาทานข้าวเช้า
นั่งดูคุณลงคุณป้าคุยกัน เป็นสำเนียงกาญฯ ให้ความรู้สึกเหมือนเราได้สัมผัสชีวิตคนเมือกาญฯเลย
เราขอปิดทริปเอราวัณในหน้าร้อนไว้เพียงเท่านี้ ! เเล้วพบกันใหม่จ้าาาาา
จริงๆเเล้วทริปนี้เราไปกัน 3 วัน 2 คืน เเต่อยากเเยกกระทู้สำหรับคนที่มีเวลาเพียง 2 วัน 1 คืนได้ตามรอยกัน
ส่วนใครมีเวลาเพิ่มอีกสักวันรอติดตามกระทู้หน้าเลยว่าเราจะไปไหนกันต่อ ! ไม่นานเกินรอเเน่นอน
ขอบคุณผู้ที่อ่านมาจนจบถึงบรรทัดนี้ ขอบพระคุณมากๆค่ะ
[CR] 2 วัน 1 คืน กับ เอราวัณปลายหน้าร้อน
สวัสดีค่ะทุกคน ! นี่เป็นกระทู้เเรกในรอบปีที่ห่างหายไปจากพันทิปเเห่งนี้
นอกจากห่างหายการลงกระทู้เเล้ว ยังห่างหายจากการถ่ายภาพอีกด้วย ฮ่าาา
รูปในกระทู้นี้อาจมุมเเปลกๆ สีแปลกๆ ไปก็ไม่ต้องตกใจกันไป ฝีมือและความสวยงามมีขึ้นมีลงค่ะ 55555
เอาล่ะ เกริ่นกันมาพอควรเเล้วก็มาเที่ยวกับพวกเรากันเถอะ !
29-30 เมษายน 2560
" น้ำตกเอราวัณ " จังหวัดกาญจนบุรี เป็นที่รู้กันอยู่เเล้วว่าเป็นน้ำตกที่สวยงามมาก !
มีทั้งหมด 7 ชั้น ความสวยงามก็จะแตกต่างกันไป หลายๆคนคงเคยไปกันเเล้ว และหลายๆคนคงเคยเห็นรีวิวอื่นๆกันไปเเล้ว
เเต่เราจะไม่พาทุกคนไปชมสิ่งที่เหมือนกับในรีวิวอื่นๆ เพราะเราจะพาไปน้ำตกเอราวัณปลายหน้าร้อน !
หลายๆรีวิวเคลมกันว่าน้ำตกแห่งนี้มีน้ำทั้งปี เเชร์รีวิวกันทั้งปี เชื่อว่ามีคนสงสัยเเบบเราว่า เอ๊ะหน้าร้อนมันจะเป็นยังไงนะ
อยากรู้ว่าเป็นยังไงตามไปเลยค่าาาาาาาาาาาาาาาาาาาา
การเดินทางจากกรุงเทพ
เรานั่งรถตู้โดยสารสาธารณะไปลงที่ บขส.กาญจนบุรี ค่าโดยสาร 130 บาท
จากนั้นไปขึ้นรถเมล์สาย กาญจนบุรี - เอราวัณ ค่าโดยสาร 50 บาท ใช้เวลาประมาณ 1.30 ชั่วโมง ถึงน้ำตกเลย !
ไปถึงก็จะมีรอบรถให้เลือกหลายรอบมากๆ และสามารถซื้อตั๋วได้ที่นี่เลยพอเราได้ตั๋วเเล้วก็ไปกันเลย !
เป็นการเปิดหูเปิดตาในการนั่งรถเมล์ที่หน้าตาเเตกต่างจากในกรุงเทพ ให้อารมณ์ท้องถิ่นมากๆค่ะ
เบาะเล็กๆ รถคันเล็กๆ กับเสียงเครื่องยนต์พร้อมลมตีหน้า ชิลๆไปเลยค่ะ วันที่เราไปเเดดไม่ร้อนด้วยรู้สึกโชคดี
พอถึงทางเข้าอุทยานจะมีพี่ๆเจ้าหน้าที่มาเก็บค่าเข้าค่ะ เราไม่ต้องลงจากรถนะคะเพราะยังไม่ถึง
ค่าธรรมเนียม : คนไทย 100 บาท/คน นักศึกษาแสดงบัตร 50 บาท/คน ชาวต่างชาติ 300 บาท/คน
จำเป็นจะต้องเเสดงบัตรประชาชนนะคะ หากไม่มีบัตรประชาชนพี่ๆเขาเก็บค่าเข้าราคาชาวต่างชาตินะคะ*
ในที่สุดเจ้ารถก็พาเรามาถึงน้ำตกเอราวัณเเล้วจ้าาา มาถึงช่วงเที่ยงกว่าๆขอไปหาอะไรกินก่อนไปผจญภัยก่อนดีกว่า
จะมีร้านอาหารให้เลือกอยู่หลายร้านเเถวลานจอดรถ มีร้านเรียงกันเยอะเลย มีทั้งของกินของใช้
มีอาหารตามสั่ง ส้มตำ ไก่ย่าง ไอศครีม น้ำเเข็งใส นอกจากของกินก็ยังมีเสื้อผ้า หมวก กางเกง ขายด้วย
เราเลยไปจัดส้มตำเบาๆกันที่ร้านซุ้ม 5 แอบกระซิบว่าไม่อร่อยเลย ส้มตำติดเปรี้ยวมากไม่ได้รสอย่างอื่น
ซุปหน่อไม้ก็ติดเปรี้ยว ไก่ย่างพอกินได้เเต่หนังไก่แอบไหม้ไปหน่อย ส่วนข้าวเหนียวนี่ร่วนมากจนเเทบเป็นข้าวสวย
แต่ร้านสะอาด ดูดี นั่งสบายเลยล่ะ ดูเเล้วส่วนใหญ่น่าจะเป็นต่างชาติที่เข้ามากิน รสชาติเลยไม่ค่อยถูกปากคนไทยอย่างเรา
กินเสร็จเราก็ไปลุยกันเลย ! มาถึงไม่ถ่ายป้ายเดี๋ยวเขาจะหาว่ามาไม่ถึง !
พร้อมยัง พร้อมยัง เห็นระยะทางเเล้วเเนะนำว่ายืดเส้นยืดสายกันให้ดีดี
อีกอย่างนึงคือเรามาเที่ยวธรรมชาติ ก็อย่าทำลายธรรมชาติกันเลย
ขยะที่นำมาก็ทิ้งทั้งขยะกันให้เรียบร้อย ไม่ทิ้งไม่ปาลงข้างทางหรือลงน้ำ
รวมถึงไม่ทำลาย ไม่เด็ดไม่ดึง ไม่หักต้นไม้ดอกไม้กันด้วยนะ ความสวยงามจะได้อยู่นานๆ
เดินมาสักพักนึงพอได้เหงื่อก็ได้เห็นป้ายเเล้วว่าเรากำลังจะถึงชั้นที่ 1
เห็นว่าไม่มีคนเลยขอเเชะภาพน้ำตกปลายน้ำสักนิด สวยดีเหมือนกัน
ก่อนถึงชั้น 1 ก็เจอป้ายน้ำตกอันใหญ่ก็เเวะถ่ายกันพอเป็นพิธี ถ่ายเสร็จก็เดินต่อลุย !
ถึงเเล้ว ! ชั้นที่ 1 ไหลคืนรัง เเต่ก็ไม่รู้ว่าที่ถ่ายมานั้นใช่ น้ำไหลค่อยๆเบาเบา คนน้อยพอได้ถ่ายรูป
ถ่ายรูปและชื่นชมกันพอหอมปากหอมคอ เราก็ไปลุยกันต่อเลย !
ชั้นที่ 2 วังมัจฉา ชั้นนี้เริ่มมีคนเเต่ก็ยังไม่เเน่นมากพอจะถ่ายรูปได้บ้าง
จากชั้น 1 มาชั้น 2 ทางเดินง่ายๆ ไม่เหนื่อย ไม่หอบ ตอนนี้ยังรู้สึกชิลๆอยู่ งั้นนไปต่อสิรออะไร
ตั้งเเต่ชั้น 3 ขึ้นไปพี่ๆเขาจะมีการเก็บค่ามัดจำขวดน้ำ หรือถ้าใครไม่อยากถือก็ฝากพี่ๆเขาไว้ก็ได้
เเต่เเนะนำว่าพกน้ำไปสักขวด ไว้จิบระหว่างทาง เพราะทางก็ไม่ใช่ใกล้ๆเเถมไม่ใช่ทางราบอีกด้วย
ระหว่างทางเดินไปชั้น 3 เจอเเอ่งเล็กๆสวยไม่ใช่เล่นเหมือนกัน จะไม่เก็บภาพก็คงจะเสียดายมาก ไปกันต่อเลย
ถึงเเล้ววววว ชั้นที่ 3 ผาน้ำตก คนเยอะเเบบถ่ายรูปเเทบไม่เห็นน้ำตกเลย
ถ่ายยังไง ถ่ายมุมไหน ก็มีเเต่คนเต็มไปหมดเลย เสียใจมาก
เเต่ไม่เป็นไรได้เห็นหุ่นขาวๆ ก็พอจะให้อภัยได้ อิอิ
ชั้นที่ 4 อกนางผีเสื้อ ชั้นนี้ก็เต็มไปด้วยคน จนเเทบไม่มีที่ให้ยืนถ่ายเลย
พอมาถึงชั้นนี้ น้ำเริ่มน้อยเเบบเห็นได้ชัด เเต่น้ำยังใสและก็ยังมีคนเล่นกันอย่างสนุกสนาน
กว่าจะถึงชั้น 4 เหงื่อเริ่มท่วมตัว จังหวะการหายในเริ่มเเรงขึ้น ความเหนื่อยเริ่มมาเยือนเเล้ว
ชั้นที่ 5 เบื่อไม่ลง เรียกได้ว่าน้ำน้อยจนรู้สึกตกใจเลยสำหรับชั้นนี้ เเต่ก็ยังมีคนนั่งเล่นกันประปราย
บอกเลยว่ากว่าจะถึงชั้น 5 หอบเลยจ้า ทางเริ่มเดินยากขึ้นเล็กน้อย เเต่ก็ยังสู้กันไหว
ชั้นที่ 6 ดงพฤษา น้ำแห้งไปเลยจนไม่รู้ว่าส่วนไหนคือน้ำตก เราก็เลยเดินงงๆเเบบไม่ได้ถ่ายรูปกลับมา
เดินมาก็ย๊ากยาก ทางมีความลำบากเเต่ไม่มีน้ำให้ดู มีความเสียใจเล็กน้อย
เเต่ก็ไม่ได้สร้างความผิดหวังนัก เพราะพอเดินต่อมาอีกนิดก็เจอเเอ่งเล็กๆ เเอ่งนี้ถือว่าสวยเลย
น้ำใสๆ ไหลเป็นสายให้ได้ถ่ายรูป แถมยังไม่มีคนมาบังวิวน้ำตกอีกด้วย
เย้ถึงเเล้ว ! ชั้นที่ 7 ภูผาเอราวัณ น้ำใสมากกกกก คนก็เยอะมากเช่นกัน
กว่าจะเดินมาถึงชั้นนี้บอกเลยว่าลืนโขดหินไปหลายรอบมาก มีทางที่ต้องปึนขึ้น
ทางที่ต้องนั่งลงสไลด์ลงมา เรียกเหงื่อ เรียกกล้ามขาอย่างดีเลย
จากประสบการณ์ส่วนตัวเเนะนำว่าควรใส่รองเท้าที่เกาะพื้น ดอกยางลึกๆ
ไม่ควรใส่เเตะดอกย่างตื้นๆไป เพราะจะทำให้เดินลำบากและพร้อมลื่นตลอดเวลา !
เป็นยังไงกันบ้างคะเอราวัณช่วงปลายหน้าร้อนเเบบนี้ เราขอเรียกวันนี้ว่า "เอราวัณในวันที่น้ำน้อย"
วันที่ไปโชคดีอย่างนึงคือแดดไม่ร้อนเลย ขนาดแดดไม่ร้อนเดินขึ้นไปเหงื่อยังท่วมตัวเลย
เราใช้เวลาเดินพร้อมถ่ายรูปรวมทั้งขึ้นและลง เเต่ไม่ได้เล่นน้ำประมาณ 4 ชั่วโมง
เดินเเบบชิลๆไม่รีบ ตรงไหนสวยก็หยุดถ่ายรูปถ่ายเสร็จก็ค่อยเดินต่อชิลๆ
เรากลับลงมาถึงข้างล่างประมาณ 16.30 น. ได้กลับรถคันเดิมรอบสุดท้ายคือรอบ 17.00 น.
บ๊ายบายกลับเเล้วนะเอราวัณ ปลายฝนต้นหนาวเราจะมาใหม่อีกครั้ง
เรานั่งรถสายเดิมกลับไปที่ บขส.กาญจนบุรี เพราะจองที่พักไว้เเถวๆบขส.
ส่วนอุทยานเเห่งชาติเอราวัณมีที่พักให้นักท่องเที่ยวด้วย สามารถติดต่อจองที่พักได้
ใครสนใจพักที่นี่ เพื่อตื่นมาดูน้ำตกตอนเช้าก็สามารถจองที่พักล่วงหน้าได้กับอุทยาน
ส่วนเราจองที่พักกับ booking.com ชื่อที่พัก " คะนาอัน เกสท์เฮาส์ " เดินจากบขส.เข้าไปได้เลยใกล้มากๆ
คุณป้าเจ้าของน่ารัก ที่พักสะอาด เเถมที่ชอบมากคือเตียงและผ้าปูที่นอนนุ่มมากกกกก นุ่มกว่าโรงเเรมเเพงๆอีก
สนราคาห้องเเอร์ที่คืนละ 450 บาทเท่านั้น คุ้มมากกก ใครไปกาญฯเเล้วหาที่พักในเมืองเเนะนำที่นี่เลย
ลืมถ่ายด้านหน้าของที่พักมา เก็บของเสร็จเราก็ออกไปหาอะไรกินกันที่ตลาดโต้รุ่งที่อยู่หน้าบขส.
พูดเลยว่าตลาดโต้รุ่งของกินเยอะมากๆ มีขายเรียงรายกันตั้งเเต่หน้า บขส. ยาวไปจนถึงถนนใหญ่เลย
มีทั้งของคาวก็มีให้เลือกมากมาย ของหวานก็มีให้เลือกอีกเยอะเเยะ เเถมยังอร่อยอีกด้วย
นี่เเค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น จริงๆมีเยอะมากๆ หลายอย่างเราทานเเต่ก็ลืมถ่ายรูปเพราะมัวเเต่เพลินกับความอร่อย
วันนี้เราขอลากันเพียงเท่านี้ เเล้วเดี๋ยวเช้าเรามาพบกันใหม่ !
เช้านี้เราตื่นกันประมาณ 6 โมง ล้างหน้าล้างตาเเปรงฟันก็ออกมาเดินเล่นแถวๆบขส.
อยากรู้ว่าตอนเช้าๆ เมืองกาญฯเป็นยังไง เช้านี้ก็เงียบๆมีผู้คนเดินมาทานข้าวเช้า
นั่งดูคุณลงคุณป้าคุยกัน เป็นสำเนียงกาญฯ ให้ความรู้สึกเหมือนเราได้สัมผัสชีวิตคนเมือกาญฯเลย
เราขอปิดทริปเอราวัณในหน้าร้อนไว้เพียงเท่านี้ ! เเล้วพบกันใหม่จ้าาาาา
จริงๆเเล้วทริปนี้เราไปกัน 3 วัน 2 คืน เเต่อยากเเยกกระทู้สำหรับคนที่มีเวลาเพียง 2 วัน 1 คืนได้ตามรอยกัน
ส่วนใครมีเวลาเพิ่มอีกสักวันรอติดตามกระทู้หน้าเลยว่าเราจะไปไหนกันต่อ ! ไม่นานเกินรอเเน่นอน
ขอบคุณผู้ที่อ่านมาจนจบถึงบรรทัดนี้ ขอบพระคุณมากๆค่ะ
กระทู้ที่ผ่านมา
Winter advanture in Chiang Mai สวัสดีเจ้า เจียงใหม่ Part I : http://ppantip.com/topic/34610720
Winter advanture Part II : สวัสดีวัดถ้ำเชียงดาว ดอยสุเทพ รถแดงมหาภัย ! : http://ppantip.com/topic/34613940
หนีร้อนไปพึ่งเย็นกับ "Soft Cream ชาเขียว" รอบเมือง !! : http://ppantip.com/topic/33630542
Oops ! มารู้จักกับ "น้องขนมจีนเส้นสด" กับบ้านเกิดของน้องกันเถอะ! : http://ppantip.com/topic/33308150
Croissant Taiyaki หรือขนมปลาไส้ทะลักยอดฮิตจากญี่ปุ่น : http://ppantip.com/topic/33290075