ประสบการณ์ผ่าฝีคัณฑสูตร การผ่าตัดแบบLIFT โดยอาจารย์อรุณ โรจนสกุล

กระทู้สนทนา
ว่าจะเขียนเรื่องนี้  เป็น Blog เพื่อแชร์ประสบการณ์ แต่ดูแล้วขั้นตอนเยอะ และผมทำไม่เป็น  555

รายละเอียดและข้อมูลของโรคผมไม่ขอพูดถึงนะ เพราะหาดูได้จาก google

       ต้องบอกว่าโรคนี้หาข้อมูลให้อ่าน หรือประสบการณ์ของคนที่ป่วย ได้ค่อนข้างน้อย และเคสแต่ละคนก็ไม่เหมือนกันเท่าไรนัก


      เริ่มเลยดีกว่า    เมื่อประมาณตุลาคม ปี 59  มีอาการคันผิดปรกติที่ใกล้รูก้น พอคลำได้ก็เป็นตุ่มเล็กๆขึ้นมา เลยตกใจ ตอนแรกคิดว่าสิวอะไรทำไมมาขึ้นบริเวณนี้   ก็ไม่ได้สนใจ   ยิ่งทิ้งไปก็ไม่หาย  เลยเริ่มหาข้อมูลจากทั้งในอินเตอร์เนต และคนรอบข้าง  ยังโพสท์ลงเฟซบุ๊คขำๆว่า สงสัยเป็นริดสีดวงแหงๆ
แต่ด้วยปกติแล้ว เป็นคนทางผักผลไม้เยอะ ไม่น่าจะเป็นนะริดสีดวง  ระหว่างที่หาข้อมูล โรคฝีคัณฑสูตร ก็มักจะขึ้นมาอยู่บ่อยๆ พอเข้าไปอ่านดู  เออ อาการมันเหมือนที่เราเป็นเลยนี่นา  ชักกลัวแล้ว  ภาวนาในใจให้เป็นฝีธรรมดาปกติ  ด้วยความอาย  เลยเอาโทรศัพท์ก้มลงถ่ายรูปไปให้คลินิคแถวบ้านที่รู้จักกันดู เขาก็บอกว่า ฝี แหละ ก็ให้ยาลดหนองมาทา

        พฤศจิกายน  ไม่ดีขึ้น   ไม่หาย ไม่ยุบลง ( เคสผมดีหน่อย ไม่เจ็บไม่ปวด เหมือนท่านอื่นที่อ่านๆดู จะบอกเจ็บเวลานั่ง )  กลั้นใจไปโรงพยาบาลเลย
ให้หมอตรวจดีกว่าจะได้รู้ไปเลย ว่าเป็นอะไรแน่  ไม่อายแล้ว แต่อยากหายมากกว่า  เจอหมอผู้หญิงอีก หมอบอก ไม่รู้เหมือนกัน เพราะมันเล็กมาก  จะริดสีดวงก็ไม่ใช่ จะฝีก็ไม่เชิง  จ่ายยาฆ่าเชื้อมาแล้วนัดตรวจใหม่   ช่วงนี้กิน เพชรสังฆาต  ยาปลามังกร ถั่วเขียวต้มน้ำตาลทุกเช้า อะไรว่าดีว่าหาย เอาหมด
ระยะนี้ อาจะมีเหมือนฝีแตกบ้าง แต่ก็เป็นหนองจุดๆเล็ก เหมือนจะยุบลง สักพักก็บวมมาใหม่แต่ไม่มาก

        
       ธันวาคม  ไปหาหมออีกที่หนึ่ง บอกอาการว่า สงสัยจะเป็นฝีคัณฑสูตร  หมอก็ตรวจดู บอก ไม่แน่ใจเพราะตุ่มมันเล็กมาก แถมไม่มีหัว หากอยากจะรู้ก็ต้องกรีดออกดู  โอกาสเป็นฝีคัณฑสูตรก็ 50/50  คือ กรีดระบายหนองออกก่อน แล้วรอดูว่าพอแผลยุบแห้ง หรือมีหนองลงมาใหม่ หากเป็นหนองขึ้นมาใหม่ก็ใช่ฝีคัณฑสูตร และต้องผ่าตัด  หมอก็นัดอีก 3-4 สัปดาห์ ซึ่งก็ปีใหม่พอดี       ในใจคิดว่าใช่แล้ว 80 %   ช่วงนี้ แช่ก้นในน้ำอุ่นตามที่หมอบอกทุกวัน แล้วคอยซับเลือดหนอง ทำความสะอาดให้ดี
ก็เริ่ม หาข้อมูล และอ่านแบบละเอียดทุกขั้นตอน ทั้งคุณหมีอ้วนกลม  คุณ lovelylk  ทุกคอมเม้น  ผมอ่านจากที่น้องคนนี้ เขียนประกอบการตัดสินใจได้ดีเลย
  http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=gukgif
เพราะเคสน้องเขาเหมือนผมมากๆ

        
         มกราคม  ผ่านปีใหม่ไป  ไปหาหมอตามนัด  หมอก็บอกว่าใช่แหละ และต้องผ่าตัด ตกลงไหม ? หมอมีคิววันที่ 1 กุมภาพันธ์ ซึ่งผ่าตัดโดยการบล๊อคหลัง แล้วคว้าน   ในใจเราไม่เอาแล้ว  จากที่อ่านมาอยากผ่ากับหมออรุณ แบบ LIFT technique   แล้วกลัวผลกระทบในการบล๊อคหลังและหูรูดเสีย (จากที่อ่านมาบางท่านปีนึงก็กลับมาเป็นปกติ เดี๋ยวนี้หมอเขาเก่งๆกันทั้งนั้น)

           สรุปก็เดินทางเข้า กทม เพื่อไปพบอาจารย์อรุณ  ได้คิวผ่า วันที่ 2 กุมภาพันธ์ ที่บํารุงราษฎร์  หมอวินิจฉัยมา ว่า ผ่าแบบใช้ยาชา น่าจะไหว


                  วันผ่า  กลัวมาก เพราะไม่เคยผ่าตัดมาก่อน งดน้ำ งดอาหาร  พยาบาลจะมาเจาะสายน้ำเกลือที่ข้อมือ  แต่ก็ไม่ได้ต่อสายนะ  
สักพักเข้ามาสวนทวาร   แล้วให้กินยาอะไรสักอย่าง  เข้าใจตอนหลังว่าเป็นยา ทำให้ มึนๆ งงๆ  ลดความตื่นเต้น   ตอนผ่าก็รู้ตัวหมดนะ  รู้ว่ามันเจ็บบ้างแหละ  แต่ก็เจ็บแบบทนได้ หลังจากนั้นไม่นานก็เสร็จ   แล้วก็จำอะไรไม่ค่อยได้แล้วหลังจากนั้น น่าจะเป็นฤทธิ์ของยา  (จะบอกว่าเจ็บที่สุดก็ตอนฉีดยาชานั่นแหละ อย่าได้กลัวไป มันจี๊ดๆ แป๊ปเดียว)
                    

                    หลังผ่าก็ถูกเข็นมาที่ห้อง พร้อมเสิร์ฟอาหาร กินเสร็จลุกลงเดินจากเตียงเลย  แต่พอยาชาหมดเท่านั้นแหละ ความเจ็บก็มาเยือน  หมอนัดตรวจอาการหลังผ่าประมาณ 2-3 สัปดาห์มั้ง  ระยะนี้ก็ ต้องพิถีพิถันในการถ่าย และการล้างทำความสะอาด  สำหรับผมใช้สายฉีดก้นแบบเอาหัวออก ให้เหลือแต่สายยาง เอามือป้อง แล้วเช็ดด้วย กระดาษทิชชู่ที่ใช้ในงานครัว  จนแห้ง ไม่เหลือคราบอะไร   สำคัญที่ต้องมีเลยคือ หมอนโดนัท ยังคงใช้อยู่จนถึงทุกวันนี้
กว่าแผลจะแห้งสนิทของผมใช้เวลาประมาณ 2 เดือน  



                    ความจริงรายละเอียดมีเยอะกว่านี้ แต่หลงลืมไปบ้างเพราะหลายเดือนแล้ว  ส่วนใครมีอะไรสงสัยก็สอบถามได้เลยครับ

*  ถามว่าห้ามทานอะไรไหม   ?  ผมว่าก็ของแสลงนะ  แต่ของแสลงแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน เพราะงั้น เลี่ยงๆไว้ก็ดี  ของหมักดองนี่เลิกไปเลยผม

* เวลาเจ็บป่วย หาข้อมูลในอินเตอร์เนตแต่พอประมาณเป็นแนวทางครับ อย่าไปกลัว อ่านเยอะยิ่งจิตตก  ไปหาหมอเลยดีกว่า

* โรคนี้สาเหตุมาจากไหน  บางคนก็ว่านั่งนาน  โรคนี้ผมว่า "ดวง" ล้วนๆ  อาหารการกิน ก็น่าจะมีส่วนบ้าง

* สุดท้ายแล้วขออย่าได้เป็นโรคนี้เลยนะครับ มันหลอน และกินเวลานานมาก  เป็นก็รีบไปผ่าซะนะ แล้วจะรักดูแลตัวเองมากขึ้น
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่