ชีวิตเปลี่ยนเมื่อเข้าสู่ "วงจรหมวกกันน็อค"

กระทู้สนทนา
สวัสดีค่ะ เพื่อนทุก ๆ คน

มีเรื่องอยากจะระบายสักหน่อย เพราะมันแน่นอัดอั้นอยู่ในใจมาตั้งแต่หลังสงกรานต์แล้ว เรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ มันไม่เข้าใครออกใครแม้กระทั่งพี่น้องที่มีพ่อแม่เดียวกัน ถ้าชีวิตได้หลุดเข้าไปอยู่ในวงจร "หมวกกกันน็อค" เริ่มเลยหล่ะกันนะคะ

ก่อนอื่นขอแทนตัวเองว่า หุ้ย และ แทนตัวน้องสาวว่า แห้ง เรื่องมีอยู่ว่า ก่อนช่วงสงกรานต์แห้งได้มาขอช่วยเราว่า ให้ช่วยหาเงินให้หน่อย 50,000 บาท เพราะว่าทำเงินโครงการพลาด กว่าจะเบิกคืนได้ต้องใช้เวลาประมาณ 2 เดือน เราก็ลองถามคนที่ปล่อยเงินกู้ร้อยละ 7 กะ 10 ให้ แต่เค้ายอดเต็มกันหมด เราเลยช่วยหาให้ได้ที่ ร้อยละ 15 ไปกู้มาให้โดยใช้ชื่อเรา ยอดเงิน 20,000 บาท เราก็โอนให้แห้งเรียบร้อย ก็ตกลงกันว่า จ่ายดอกทุกวันที่ 18 ส่วนอีก 30,000 ที่เหลือ หมดปัญญา ไม่รู้จะเอาจากที่ไหนมาช่วย หลังจากนั้นผ่านสัก 2 - 3 วัน มีโอกาสได้คุยกะแห้ง เลยถามว่า ทำยังไงถึงต้องโดนชดเงินถึง 50,000 แห้งบอกว่า ไม่อยากพูดถึง อยากลืม ก็เลยถามต่อว่า แล้วอีก 30,000 ไปหามาจากไหน แห้งก็ตอบว่า กู้พวกหมวกกันน็อค เอาหล่ะสิ ก่อนนี้เราเคยตกอยู่ในวงจรนี้ รู้ว่ามันโคตรทรมานแสนสาหัส ต้องจ่ายรายวัน ช่วงนั้น เราเปิดร้านเหล้า ถึงแม้ว่า จะมีรายได้ทุกวัน แต่มันก็ไม่เสมอไป ช่วง คสช พอดี จากได้คืนละ ไม่ต่ำกว่า 20,000 กลับเหลือ คืนไม่เกิน 10,000 สุดท้ายก็ไม่รอด เซ้งร้าน เลยสมัครงานเป็นพนักงานบริษัทเอกชน ก็ทำให้มีรายได้ประจำ ใช้หนี้ที่สร้างขึ้นตอนเปิดร้านเหล้าได้บ้าง ใช้จ่ายส่วนตัวให้ถึงสิ้นเดือนได้ กว่าจะผ่านจุดนั้นมาได้ ผ่านมา 4 ปี ฐานะทางการเงินเราดีขึ้นแต่ไม่ถึงกับมาก

ช่วงสงกรานต์เราต้องเดินทางไปรวมญาติที่ต่างจังหวัด เราเตรียมเงินได้ ประมาณ 8,000 บาท ในการเดินทางครั้งนี้ เพราะเราต้องไปรวมญาติเรากับรวมญาติแฟน เราก็ต้องเตรียมซื้อของให้ญาติทั้งผู้ใหญ่และหลานทั้ง 2 ฝ่าย คืนแรกเราไปรวมญาติเรา แห้งก็ไปด้วย เราลงไปกดตังเพื่อติดตัว จำนวนหนึ่ง ซึ่งแห้งลงไปกับเราด้วย เราก็ไม่คิดอะไรมาก ก็แวะซื้อของกันเสร็จก็เดินทางกันต่อ จนถึงจุดหมายปลายทาง สังสรรค์เฮฮาตามประสาคนญาติเยอะ ผ่านไปคืนนั้น ไม่มีเหตุการณ์อะไร พอรุ่งเช้า เราต้องเดินทางต่ออีก 2ร้อยกว่ากิโล เพื่อไปรวมญาติทางฝั่งแฟน

ไลน์ก็ดีดขึ้นมาว่า
แห้ง: พี่หุ้ยมีเงินให้ยืมสัก 5 พันมั๊ย
หุ้ย: มีไม่ถึง มีแค่ 2พัน6 เอง
แห้ง: งั้นยืมก่อนนะ พัน6 ตอนเย็นคืนให้
เราก็โอนให้เรียบร้อย แล้วย้ำว่า โอนให้ตอนเย็นนะ เพราะว่า เหลือตังติดตัวแค่พันเดียว เราก็ไปถึงบ้านญาติแฟนเรา ก็เฮฮากันอีก เราก็เกรงใจซื้อเบียร์ให้ 2 ลัง เงินเราก็เหลือแค่ 40 บาท ตอนนั้นก็ประมาณ 3 ทุ่มแหล่ะ เลยไลน์ไปทวงตัง แห้งก็บอกว่า เดี๋ยวโอนให้นะ เราก็บอกว่า ได้ เราก็ไม่ได้สนใจอะไรมาก

จนกระทั่งเช้าวันใหม่ ประมาณ 10 โมงเราต้องเดินทางกลับ เงินติดตัวมีแค่ 40 บาท รถก็น้ำมันครึ่งถัง ในบัญชีเหลืออีก 1000 ไปกดก่อนหล่ะกัน แล้วค่อยบอกให้แห้งโอนมาให้ระหว่างทางกลับ เผื่อมีเหตุฉุกเฉิน ติดกระเป๋าไว้สักนิดก็ยังดีกว่าไม่มีเลย  เราเริ่มออกเดินทางประมาณ 11 โมง จากบ้านญาติแฟนกว่าจะถึงบ้านเราระยะทางประมาณ 500 กว่ากิโล ประมาณบ่ายโมง ไลน์หาแห้งให้โอนตังให้ด้วย แห้งก็ตอบนู้น นี้ นั้น หลาย ๆ อย่าง ก็เลยบอกว่า โอนมาให้ 1000 ก่อนก็ได้ ที่เหลือ ค่อยโอนมาให้ ผ่านไป 2 ชม. แห้งโอนมาให้ ก็โอเค เราก็เดินทางถึงบ้านอย่างปลอดภัย ก็ไม่ได้สนใจเรื่องเงินที่ค้างอยู่

รุ่งเช้าของอีกวัน แห้งโอนมาให้ พร้อมว่า เงินที่แห้งไปกู้ให้ ให้คืนให้หมดด้วย เราก็เลยตอบไปว่า คิดไว้แล้วว่าต้องเกิดเหตุการณ์นี้ เราย้อนไปเมื่อก่อน แห้งเคยช่วยเรา หาเงินกู้ให้ร้อยละ 7 ซึ่งเราก็จ่ายดอกตรงทุกเดือน เราพยายามจะไม่มีปัญหากะแห้ง เพราะมันเคยมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นครึ่งหนึ่งแล้ว โกรธแล้วก็ทวงเงินคืนต่อหน้าแม่และน้าของเรา จนแม่และน้าต้องช่วยเคลียร์ให้ และแล้วก็ต้องเกิดซ้ำสอง เนื่องจากแห้งเข้าสู่วงโคจร "หมวกกันน็อก" แห้งเพิ่งเข้าทำงาน ต้องทำงานให้ครบ 10 เดือนเงินเดือนถึงจะออก (งง กะระบบ) แล้วแห้งจะเอาเงินที่ไหนจ่ายทุกวัน ถึงทางตัน...สงสารนะ อยากช่วย แต่ไม่รู้จะทำยัง ไง ตัวเองก็ยังเอาตัวเองไม่รอดเลย เฮ้อ...

ผ่านมา 1 อาทิตย์ แม่โทรมาว่า แห้งบอกว่า ตัดพี่ตัดน้องกะเราแล้ว เรื่องจ่ายดอกเบี้ยที่เราต้องจ่ายให้แม่จัดการแทน ถ้าเราไม่มีให้แม่จัดการได้เลย เราก็...โอเค ตามนั้น เพราะเรารู้ว่า เราจ่ายได้อยู่แล้ว ไม่มีปัญหา

หมวกกันน็อค ทำชีวิต ครอบครัวอันแสนสุขของเราพังพินาศ รักแห้งนะ เป็นห่วงแห้งมาก แห้งกำลังเดินทางผิด รอวันที่เราจะกลับมามีครอบครัวที่มีความสุขอีกครั้งหนึ่ง พร้อมหน้าพร้อมตา แม่ หุ้ย แห้ง และหลานรักคนสวย

ขอบคุณที่อ่านจนจบคะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่