เมื่อไหร่ประเทศนี้จะออกกฎหมายให้คนที่ขับรถย้อนศร แทรก ปาดหน้า ต้องตายฟรีและญาติต้องมาซ่อมรถคู่กรณีด้วย ซะทีครับ

เผื่อจะทำให้ใครที่คิดจะทำอะไรประมาทแบบนั้น  ได้ฉุกคิดก่อนทำบ้าง  ให้รณรงค์ไปเลยว่า  ตายฟรี กรณีไหนบ้าง

และหากตำรวจจะตั้งข้อหาใครว่าขับรถโดยประมาท  ก็ต้องพิสูจน์ให้ได้ก่อนว่า ประมาทตรงไหน  ประมาทจริงหรือไม่

ไม่ใช่ตั้งข้อหาไปก่อน  แล้วให้ไปพิสูจน์ในศาลเองว่า  ตนเองไม่ได้ประมาทอย่างไร

การร่วมแสดงความเสียใจกับญาติผู้ตาย  ก็ควรทำแค่ไปร่วมงานศพเพียงเท่านั้น  ไม่ควรให้เงินหรืออะไรก็ตาม

เพราะมันทำให้เกิดความเชื่อผิดๆตามมาว่า  มีคนตายต้องมีคนรับผิดชอบ  ทั้งๆที่ คนที่ควรรับผิดชอบ ก็คือคนที่ตายนั่นแหล่ะ




แปลกดีมั้ย  สังคมไทย ไม่ว่ากรณีอุบัติเหตุบนท้องถนน หรือทะเลาะวิวาทกัน  เมื่อไหร่มีคนตายฝ่ายเดียว  อีกฝ่ายจะถูกมองเป็นฝ่ายผิดทันที

แต่ถ้าตายทั้งสองฝ่าย  ค่อยมามองว่า ใครผิดใครถูก   ทั้งๆที่บางครั้งเหตุการณ์ก็เหมือนๆกัน  เพียงแต่ความเสียหายไม่เท่ากันเท่านั้นเอง


ค่านิยมความเชื่อผิดๆแบบนี้  มันลามไปเรื่อย  แม้กระทั้ง คนป่วยตายในโรงพยาบาล  ที่ญาติบางคนพยายามเรียกร้องหาคนรับผิดชอบให้ได้

ทั้งๆที่คนป่วยก็ตายจากโรคเอง  สาเหตุของโรคก็เพราะทำตัวเองทั้งนั้น  แต่กลับจะมาให้รพ. หมอ พยาบาล มารับผิดชอบ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 11
อยากให้ทำกฏหมายติดตั้งกล้องหน้ารถทุกคัน เพื่อเมื่อมีอุบัติเหตุจะมีคลิปมาดูเหตุการณ์
ถ้ารถคันไหนฝ่าฝืนกฏจราจร เมื่อมีการเฉี่ยวชนให้ เป็นผู้รับผิดชอบทั้งหมด ไม่มีประมาทร่วม

แบบย้อนศรชน รถย้อนศรต้องผิดสถานเดียว รับผิดชอบ ถ้าตาย ก็ตายฟรีไป ถูกฟ้องเอาทรัพย์สินมาจ่ายค่าเสียหาย ถ้าไม่พอครอบครัวผู้ตายต้องรับผิดชอบ อย่างน้อยก็ 50% ของความเสียหาย

จอดในที่ห้ามจอด โดนเฉี่ยวชน ต้องรับผิดชอบต่อผู้ที่ชน เพราะ จอดในที่ห้ามจอด

แทรก นำส่งด้วยคลิปติดหน้ารถ ปรับขั้นต่ำ 2000 ทุกกรณี คนนำส่งคลิป ได้ 50%

ไม่ติดป้ายทะเบียน ติดไม่ชัด บิดบังตัวอักษร จับได้ ยึดรถสถานเดียว ยึดมาขายทอดตลาด เอาเงินเข้ารัฐ ผู้แจ้งเบาะแส รับค่าคอม 20% ของมูลค่ารถ

ผู้เยาว์ ขับขี่หวาดเสียว เมื่อเกิดอุบัติเหตุ หรือ เสียชีวิต ผู้ปกครอง ต้องรับผิดชอบต่อความเสียหาย และ ต้องโทษจำคุก 1 เดือน

ซ่องสุมบนถนนหลวง ขับขี่ใช้ถนนหลวงเป็นที่แข่งขัน จับได้ เมื่อตัดสินแล้วว่า ผิดจริง ให้ยึดรถ ขายทอดตลาด
ความคิดเห็นที่ 7
มันต้องว่ากันตามกฎหมายและข้อเท็จจริง ไม่มีหรอกครับที่ว่ารถเล็กถูก รถใหญ่ผิด
ผมก็เคยชนมอเตอร์ไซด์ เราจอดรถรอเลี้ยว ก็มองแต่ทางขวาอย่างเดียวว่ารถว่างหรือยัง จังหวะรถว่างก็เลี้ยว มอเตอร์ไซด์สวนเลนมาเราก็เลยชน บาดเจ็บเล็กน้อย ลงมาโวยวาย บอกให้เรารับผิดชอบ ชาวบ้านก็สบทบว่าเราต้องรับผิดชอบ เรากดโทรศัพท์ให้ตำรวจมาดูที่เกิดเหตู เมื่อตำรวจมาก็บอกว่ามอเตอร์ไซด์สวนเลนมา มอเตอร์ไซด์ผิด ทุกคนแตกกระจาย ผมเรียกค่าซ่อมรถ 10000 บาท มันก็ต้องจ่าย ผมบอกว่าถ้าไม่จ่ายจะฟ้องเรียกค่าเสียหายให้มากกว่านี้
ถ้าคุณสู้อย่างเต็มกำลังและกล้ายืนยันว่าเราไม่ผิด และอาจจะถ่ายรูปที่เกิดเหตุเอาไว้ บันทึกเสียงเวลาคุยกัน รับรองว่าตำรวจไม่กล้าทำอะไรนอกเหนือข้อเท็จจริงหรอกครับ ที่สำคัญเราไม่ผิด ไม่มีเหตุผลอะไรที่เราต้องจ่าย และยังสามารถฟ้องเรียกค่าเสียหายจากผู้ผิดได้ด้วย
ความคิดเห็นที่ 5
จริงครับ ผมเองอยากให้มีโฆษณารณรงค์ออกทีวีเป็นเรื่องเป็นราวไปเลย
เหมือนพวกโฆษณางดเหล้าเข้าพรรษา ให้เหล้าเท่ากับแช่ง อะไรประมาณนั้น
แต่เปลี่ยนเป็นไม่ย้อนศร ไม่ขับปาด ไม่เปิดเลนพิเศษ ไม่แทรก ไม่จอดในที่ห้ามจอด
โดยเฉพาะกับพวกมอเตอร์ไซค์ที่มีเปอร์เซนต์คนทำผิดกฎจราจรสูงกว่ารถยนต์มาก
ขี่กันมั่วตามใจตัวเองคิดเองเออเอง แถมยังมีคนจำนวนมากที่คิดว่าถ้าเกิดอุบัติเหตุขึ้น
รถใหญ่กว่าเป็นฝ่ายผิดทำให้คนเหล่านี้ไม่แคร์ที่จะแหกกฎจราจร ขับขี่ไม่ระมัดระวัง
คิดแต่จะไปฝ่ายเดียวสุดท้ายพอเจ็บตายขึ้นมาก็เป็นปัญหา
ความคิดเห็นที่ 26
อยากจะโหวตให้ +1000 ไปเลย
มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ ท้องถนนเต็มไปได้คนขับขี่ที่ประมาทไม่มีความรับผิดชอบ อย่าว่าแต่ชีวิตทรัพย์สินคนอื่น แม้แต่กับชีวิตตัวเองก็ยังไม่สนใจ
พอถูกชนบาดเจ็บล้มตาย คนที่ขับขี่ด้วยความระมัดระวังกลับต้องมารับกรรม กลายเป็นจำเลยเพราะตำรวจพร้อมที่ตั้งข้อหา โทษฐานรอดชีวิต
แต่คนประมาทตาย มันเป็นสูตรจริงๆ ใครรอดตายก็หนีไม่รอดความผิด ทีคนที่สมควรผิดติดคุกติดตารางดันชิงตายไปก่อน

เราจัดระเบียบอะไรต่ออะไรมาเยอะแยะ แต่เรื่องนี้ทำไมไม่มีใครทำ ทั้งที่มันเป็นปัญหามาตลอด เป็นข่าวแทบทุกวัน แต่สังคมทำเหมือนมัน
เป็นเรื่องปกติที่จะยกความผิดให้คนที่รอดชีวิต เพราะมองแค่มุมเดียว คือรู้สึกเห็นใจคนที่ตายไป โดยไม่ได้มองเลยว่าใครเป็นตัวการ ใครเป็นต้นเหตุ

ดูอย่างกรณีรถตู้ พอมีอุบัติเหตุแล้วคนขับรถตู้เสียชีวิต คู่กรณีจะโดนสังคมศาลเตี้ยมองเป็นคนผิดทันที เรียกว่านอกจากต้องโดนลงโทษทางกฏหมายแล้ว ยังแทบจะเข้าสังคมอีกไม่ได้ พูดอะไรไปก็ไม่มีใครเชื่อว่าตนเองไม่ผิด

อีกอย่าง บนท้องถนนเดี๋ยวนี้ สังเกตว่าพอมีเหตุอะไร คู่กรณีมักจะพูดไม่ตรงกัน ฟังดูก็รู้ว่าไม่ใครก็ใครโกหก ทั้งที่บางทีรู้ทั้งรู้ว่าโกหกไม่เนียนก็ยัง
พร้อมโกหกเพื่อให้ตัวเองรอดจากความผิด คนแบบนี้ถือว่าไม่ได้สำนึกในความผิดเลยสักนิด กระบวนการยุติธรรมจึงไม่น่าให้อภัยและต้องลงโทษ
ให้หลาบจำด้วยซ้ำ
ความคิดเห็นที่ 33
กฎหมายเมืองไทยเป็นลักษณะของความเห็นใจ อะลุ่มอะล่วย ยกตัวอย่างกรณีคุณเชาเชา

ผมเชื่อว่าตำรวจน่าจะตั้งข้อหาขับรถเร็วด้วย แต่เชื่อเหอะครับ ต่อให้ขับไม่เกิน 60 ยังไงๆก้อเบรกไม่ทัน

ถ้าเคยดูพวกรายการเทสรถต่างๆ เขาเทสระบบเบรกกัน จะเห็นเลยว่า ขับด้วยความเร็ว 60 km/h ใช้ระยะเบรกจนรถหยุดสนิท

อย่างน้อยๆ 10 เมตรขึ้นทั้งงั้น แล้วตัดหน้ากระชั้นชิดแบบนั้น ไม่มีทางหรอกครับที่จะเบรกทัน แล้วคำถามต่อมา

สมมติถ้าคุณเชาเชาเลือกที่จะหักหลบ แล้วเขาเสียชีวิตแทน ถามว่าคนที่ขี่มอไซค์ตัดหน้าจะกล้าออกมารับผิดชอบแบบคุณเชาเชามั้ยครับ

คงจะเก็บตัวเงียบ ไม่ออกจากบ้าน รอเรื่องเงียบ แล้วหลังจากนั้นก้อออกมาแว๊นซ์สร้างปัญหาเหมือนเดิม กลายเป็นว่าคนขับรถมาทางปกติซวย

พวกทำผิดสบาย มีสิทธิ์เรียกร้องได้ทุกอย่าง แบบนี้มันสมควรแล้วเหรอครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่