3 วิธีพูดภาษาอังกฤษให้ได้เร็วจี๋

สวัสดีครับทุกคน นี้เป็นกระทู้แรกของผมเลยนะครับ

ผมเข้าเรื่องเลยละกันนะครับ ผมต้องถามทุกคนก่อนว่า ทุกคนพูดอังกฤษกันได้มากแค่ไหนครับ ?
บางคนอาจจะพูดได้เป็นว่าเหมือนคุยกับฝรั่งได้จริง ๆ หรือแค่เยส โน โอเค และแต็งกิ้ว (ฮ่าาา) ซึ่งได้มากน้อยแค่ไหนก็ไม่เป็นไรครับ เพราะว่าหลายคนเราเจอสถานณการณ์ที่แตกต่างกัน อย่างบางคนก็ต้องไปคุยกับฝรั่งบ่อย ๆ เพราะเป็นนักเรียน นักธุรกิจ หรือขายของที่ที่มีฝรั่งชุกชม หรืออาจจะไม่พูดเลยเพราะว่าทั้งชีวิตไม่เคยเจอฝรั่ง หรือเคยเจอแต่ฟังและพูดไม่รุ้เรื่องนั้นเอง ซึ่งผมก็เข้าใจได้ครับ เพราะว่าที่บ้านผมเองก็เป็นเหมือนกัน

แต่ถ้าหากผมบอกทุกคนว่า ผมบอกวิธีพูดอังกฤษให้ได้เร็วที่สุดได้ภายในสามขั้นตอนล่ะครับ ?

แน่นอน หลายคนอาจจะบอกว่า "เห้ย ยิ้มบ้าไปแล้ว พูดให้เร็วขึ้นกว่าปกติที่เคยเรียนอยู่แล้วน่ะหรอ" หรือบางคนอาจจะบอกว่า "ไร้สาระหน่าาา ไม่มีใครทำได้หรอก" คุณแน่ใจหรอครับ ว่าคุณทำไม่ได้ แน่นอนว่าไม่จำเป็นต้องแบบตรงตามหลักแกรมม่าร์อะไรแบบนั้น เพราะตอนที่ผมได้พูดครั้งแรกมันก็ไม่ได้ตรงกับแกรมม่าร์อยู่แล้ว และมิหนำซ้ำคนอเมริกันส่วนใหญ่ก็พูดไม่ค่อยตรงแกรมม่าร์สะด้วย แต่ไม่ได้หมายความจะไม่มีพื้นที่ให้ได้เรียนรู้เพื่อให้พูดได้ถูกต้องเมื่อเวลาผ่านไปนะครับ

โอเคครับ พูดมากมาพอแล้ว เราก็เริ่มมาดูกันเลยดีกว่าครับว่าจะพูดภาษาอังกฤษให้ได้เร็วขึ้นนั้นต้องทำอย่างไรบ้าง

ข้อแรกเลยครับ ให้พูดแบบเป็นประโยคไปเลย ไม่ต้องมานั่งเรียนเอบีซีหรือคำศัพท์อะไรพวกนั้นอีกแล้ว แน่นอนว่าคำศัพท์เป็นเรื่องที่สำคัญ แต่ไม่สำคัญเท่ากับประโยคที่จำเป็นต้องใช้ในชีวิตประจำวัน แต่แน่ละว่าประโยคที่ให้ฝึกพูดเนี่ยก็ไม่ใช่ประโยคธรรมดาซะด้วยสิ มันก็ต้องเป็น idiom ด้วยนะสิครับ ไอ้คำว่าอีเดียมที่ผมบอกเนี่ย มันแปลว่า "สำนวน" ในภาษาไทย แต่ไม่ใช่สำนวนเหมือนบ้านเรา แบบคล้าย ๆ ว่า "รำไม่ดีโทษปีโทษกลอง" อะไรแบบนั้นนะครับ แต่มันหมายถึงว่าเป็นประโยคที่คนพูดจะชอบใช้กันเป็นซะส่วนใหญ่จะมากกว่า ถ้ายังไม่เก็ต ผมมีตัวอย่างมาให้ครับ

เหตุการณ์สมมุติ
๋Jeffrey: Hey Adam, my man!
Adam: Hey Big Jeff! How's it going, bro?
Jeffrey: I'm good, man. How 'bout you?
Adam: Me too. What's up with you, man?
Jeffrey: I'm going down to a rock concert AC/DC, I was wondering if  you want to come.
Adam: ACDC ? Hell, that's my jam! I'm down.
Jeffrey: Great! Here's the ticket. I'll see you at the concert, bro.
Adam: A'ight, brother. See ya man.


แน่นอนครับว่าที่ตั้งเหตุการ์ณมาเนี่ย หลายคนอาจจะยังไม่รู้อะไรเลย ไม่เป็นไรครับ ผมจะอธิบายไปตามบทเลยละกันนะครับ
my man เป็นวลีที่ไม่ใช่แปลว่าผู้ชายของฉันแต่แปลประมาณว่า ไงเพื่อน
็How's it going เป็น idiom ที่ไม่ได้แปลว่ามันจะไปยังไง แต่มันจะแปลว่าเป็นไงมั่งอ่ะ ?
What's up with you? อันนี้ก็น่าจะเห็นกันอยู่แล้วนะครับ ความหมายของมันก็จะเหมือนกันกับอันบนน่ะครับ
That's my jam นี่แปลว่า เห้ยนี่วงชอบกูเลย แล้วต่อด้วย I'm down นี่ไม่ได้แปลว่าผมจะตกลงนะ แต่หมายความว่าเห้ยกูไปด้วย

คำพวกนี้ไม่ค่อยได้เห็นในหนังสือเรียนเป็นธรรมดาอยู่แล้ว เพราะว่าคำพวกนี้เป็น Spoken English ซึ่งถ้าเป็นไทยนี่จะเป็นภาษาพูดของเรานั่นเอง ซึ่งเวลาเราเรียนภาษาอะไรใหม่ ๆ อย่างภาษาอังกฤษน่ะครับ ก็ไม่ต้องเริ่มแบบยากมากนัก เอาที่เค้าพูดกันกับเพื่อนเค้าก็พอครับ และจากนั้นค่อยต่อยอดตัวเอง
โอเคครับ นั่นแหล่ะครับข้อหนึ่ง [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

มาดูข้อต่อไปครับ พูดให้ได้มากที่สุด ข้อนี้จะทำให้คนที่พูดมากอย่างผม(?)ได้เปรียบทันที เพราะว่าผมเป็นคนที่ชอบพูดมากจริง ๆ พูดเยอะเป็นเรื่องเป็นราว ซึ่งแน่นอนว่าถ้าผมอยู่กันคนปกติ คนก็จะมองว่าไอ้นี่มันพูดไม่หยุดเลยเว้ย ซึ่งมันเป็นเรื่องที่น่าตลกจริง แต่ถ้าคุณกำลังเรียนภาษาอังกฤษด้วยแล้ว เรื่องนี้น่าจะช่วยทุกคนได้มากที่สุด เพราะว่าถ้ายิ่งฝึก คุณยิ่งได้จริงไม่ครับ เพราะฉะนั้น ลองออกไปที่ที่มีฝรั่งชุกชม แล้วลองชวนเค้าคุย แบบกับนักท้องเที่ยวหรืออะไรทำนองนั้นก็น่าจะได้ดีมากนะครับ หรือถ้าเป็นไปได้ สำหรับนักเรียนมัธยมหรือนักเรียนมหาวิทยาลัยนะครับ ให้ลองไปคุยกับทีเชอร์หรือโปรเฟซเซอร์ต่างชาตืที่พอจะคุยกันได้ ก่อนคุย ถ้าบอกว่า "I want to improve my English, please tell me if I was wrong. I'm okay with that, it will help me a lot" (ผมฝึกภาษาอังกฤษอยู่ ช่วยบอกผมด้วยถ้าผมพูดผิด ผมไม่ถือหรอก มันจะช่วยผมเป็นอย่างมากด้วย) ซึ่งอาจจะดูยาวไป แต่ถ้าได้พูดไปเรื่อย ๆ ภาษาอังกฤษของทุกคนจะดีขึ้นไปเรื่อย ๆ ครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

และก็ข้อสุดท้ายครับ ถ้าอยากจะให้ได้คำศัพท์ตอนนี้เป็นช่วงที่ดีละครับ เพราะว่าหลังจากพูดไปแล้ว ยังเหลืออีกหนึ่งอย่างก็คือให้อ่านหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษ อย่าง The Nation หรือของ Bangkok Post ก็ดีครับ แต่ถ้าอยากรู้เรื่องโลกไปด้วยแนะนำให้อ่านในเว็บไซต์ BBC หรือ The New York Times อะไรทำนองนี้น่ะครับ การอ่านหนังสือพิมพ์พวกนี้จะทำให้โวแคบ (คำศัพท์) ในหัวเพิ่มมากขึ้น ถ้าจะให้เจาะลึกไปกว่านั้นว่า ควรดูที่อะไรในหนังสือพิมพ์ ให้ดูที่มีคำว่า Interview ในหนังสือพิมพ์น่ะครับ ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามแต่ ให้ดูพวกที่เป็น Spoken English ให้ได้มากที่สุด และพอไปได้เรื่อย ๆ ไอ้ภาษาพูดของเราจะเป็นไปตามที่เราอ่านเลยครับ อาจจะไม่ได้ตรงกับที่เราจำ แต่จะใกล่เคียงกับที่เราจำได้เยอะเลยครับ [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

โอเคครับทุกคน นี่น่าจะเป็นทั้งหมดที่ผมจะนำมาแชร์กันแล้ว ผมเองก็หวังว่ากระทู้นี้น่าจะช่วยใครหลายคนที่พยายามเรียนภาษาอังกฤษอยู่ตอนนี้นะครับ แล้วก็อย่าลืมติดตามกระทู้ผมไปเรื่อย ๆ นะครับ

เจฟฟรี่ย์ เอาท์

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่