Personal Shopper (Olivier Assayas, 2016) คะแนน B+


By Form Corleone

" หนังผีมีสไตล์ ตัวตนที่แท้จริง ร่างทรงผู้ไร้วิญญาณ " Personal Shopper จัดเป็นหนังแนวสยองขวัญที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ มีชั้นหรือมีคลาสมีสไตล์ ผ่านตัวละคร 'มอรีน (คริสเตน สจ๊วร์ต)' เธอทำอาชีพแนะนำการแต่งกายคอยจัดหาเสื้อผ้า จัดหาของใช้ให้กับพวกเซเลป หรือ ออกแบบสไตล์การแต่งตัวให้ตรงตามบุคลิก ตรงตามสไตล์ ซึ่งคนที่ทำอาชีพนี้จะถูกเรียกว่า 'Personal Shopper' มารีน มีพี่ชายฝาแฝดที่ตายด้วยโรคหัวใจ ทั้งสองได้ให้คำสัญญาก่อนตายไว้ว่าถ้ามีใครคนใดคนหนึ่งตายก่อน คนที่ตายจะต้องส่งสัญญาณมาหาอีกคนหนึ่ง 'มารีน' จึงรอคอยสัญญาณจากพี่ชายของเธอ สำหรับพล็อตเรื่องดูจะไม่ค่อยโดดเด่นอะไร แต่การกำกับของ 'Assayas' สามารถสร้างบรรยากาศโดยรอบจนกลายเป็นงานศิลปะด้วยมวลรวมของบริบทหนังผีได้อย่างยอดเยี่ยม ถือเป็นการฉีกกรอบหนังผีที่เราเคยเห็นเป็นประจำ ผ่านเรื่องราวชวนลึกลับ ตลอดระยะเวลาที่ตัวหนังนำเสนอในแต่ละฉากสามารถสร้างความเชื่อบางอย่างหรือหลอกล่อคนดูไปเรื่อยๆ อย่างเนิบช้า และแน่นอนว่าหนังโฟกัสไปที่ตัวละคร 'มอรีน' ตลอดทั้งเรื่อง ทำให้เป็นงานหนักสำหรับ 'คริสเตน สจ๊วร์ต' ที่แสดงเป็นมารีน แต่มันก็พิสูจน์แล้วว่าเธอคือของจริง การแสดงผ่านสีหน้าแววตา อารมณ์ความรู้สึก พฤติกรรมหวาดระแวง หรือความอึดอัด ล้วนถ่ายทอดออกมาได้ยอดเยี่ยมไร้ที่ติ และถือเป็นการแสดงที่ดีที่สุดของ 'คริสเตน สจ๊วร์ต' เลยก็ว่าได้


มุมกล้อง+โทนสี มีความละมุมผนวกหลอนจิต ด้วยลักษณะของตัวละครนำที่ไม่ได้จงใจให้ดูเป็นคนสวย ตัวละคร ‘มารีน’ ดูจะเป็นผู้หญิงมาดเซอร์มากกว่า แต่ด้วยมุมกล้องที่ดูดีมีชั้นเชิง ทำให้บางมุมบางฉากนั้นตัวละครตัวนี้ดูมีออร่าขึ้นมา และในบางมุมก็ดูทะมึนทึงในเวลาเดียวกัน รวมไปถึงฉากหลังที่มีเสน่ห์ทั้งร้านอาหารต่างๆ หรือผู้คนตามท้องถนน วิธีจัดวางสิ่งของต่างๆ ล้วนแล้วสะท้อนออกมาเป็นงานศิลป์ และถึงแม้เราจะดูสบายๆเพลิน แต่เรากลับรู้สึกถึงสภาวะบางอย่างที่ไม่ปลอดภัย หรือมีอะไรบางอย่างให้เราสังเกตเห็นเสมอ ซึ่งจุดนั้นเป็นสิ่งที่ชวนหลอนมากกว่าการปรากฏร่างของภูตผีแบบปกติ ตัวหนังมีการสอดแทรกฉาก 'sexual' ที่ดูไม่ค่อย 'sexy' เท่าไหร่ในความคิดของเรา เพราะมันยังไม่ค่อยละมุนจนทำให้รู้สึกว่าเป็นงานศิลปะจริงๆ แต่พอให้อภัยได้ที่มันมีไม่เยอะจนเกินไป


หนังใช้เทคโนโลยีได้ชวนหลอนที่สุด น่าจะมีหนังไม่กี่เรื่องที่สามารถสร้างความหลอนระทึกใจโดยใช้ 'Text message' ได้ดีขนาดนี้ แถมด้วยระยะเวลาที่หนังเล่นกับช่วงเวลานี้ยังกินเวลายาวนานแต่เราไม่รู้สึกเบื่อหรือติดใจในช่วงเวลาดังกล่าว เป็นการหยิบผีมาหลอกเป็นข้อความได้ถึงใจมาก แม้จะมีบทเฉลยในตอนท้าย แต่ช่วงเวลาที่ผ่านมาก็สามารถสร้างความตึงเครียดชวนหลอนจนถือเป็นจุดที่สร้างสรรค์และดีงามที่สุดของช่วงเวลาทั้งหมด อย่างไรก็ตาม ด้วยความเนิบช้าของหนังและการบอกกล่าวที่มาที่ไปของตัวละคร ถือเป็นข้อจำกัดสำหรับเส้นทางของหนัง และตัวหนังได้ให้เวลาสำหรับการซึมซับเหตุการณ์บางเหตุการณ์รวดเร็วเกินไป รวมถึงการตัดสลับเปลี่ยนฉากที่ไม่ค่อยไหลลื่นในบางฉาก ซึ่งมันมีทั้งข้อดีและข้อเสียในตัวเอง คือ เราสามารถใส่ความคิดของเราลงไปในเหตุการณ์ต่างๆที่มีช่องว่างให้เราแต่งเติมได้ค่อนข้างเยอะ ในมุมกลับกันเราก็สามารถปล่อยผ่านไปจนดูไม่เข้าใจถ้าไม่พยายามประกอบเรื่องราวขึ้นมาเอง สำหรับเราแล้วนั้น บางมุมที่หนังนำเสนอมันก็อาร์ตและติสท์แบบไม่แคร์ใครเหมือนกัน


'ใครคือวิญญาณ ใครคือร่างทรง' ตัวละคร 'มารีน' สามารถที่จะรับรู้หรือสัมผัสกับวิญาณได้ ประมาณว่าเธอสัมผัสได้ มีพลังงานบางอย่าง ประเด็นที่หนังหยิบเอาอาชีพ 'Personal Shopper' หรือ คนที่แนะนำสไตล์การแต่งตัวให้เข้ากับบุคลิก ดูจะไม่ต่างอะไรกับร่างทรงที่ไร้วิญญาณ ตัวละคร 'มารีน' เองนั้นพยายามที่จะใช้ชีวิตของเธอเอง แต่ก็ด้วยคำสัญญาที่ทำให้เธอต้องอยู่รอคอยสัญญาณจากพี่ชาย หรือการพบเจอวิญญาณที่เธอไม่รู้จัก ตัวละครตัวนี้แทบจะไม่ได้เป็นตัวของเธอเองเลยด้วยซ้ำ เธอเปรียบเสมือนร่างทรงของคนอื่นมาโดยตลอด ซึ่งมันก็ดูเหมือนว่าผีนั้นมีตัวตนมากกว่าคนจริงๆเสียด้วยซ้ำ ยิ่งไปกว่านั้น ตัวตนที่เธอสวมใส่แทนยังสร้างความกลัวให้เธอเอง ฉะนั้นแล้ว เราจึงรู้สึก สับสนในการมีอยู่ของ 'มารีน' หรือ งุนงง กับการมีอยู่ของดวงวิญญาณไปพร้อมกัน และไม่ว่าเธอจะไปที่ไหนตัวตนของเธอก็ยังไม่ปรากฏร่างให้เราเห็นเลยสักครั้งเดียว และฉากจบก็ชวนตั้งคำถามให้เราต้องกลับไปคิดต่อถึงการมีตัวตนของเธออีกครั้ง


ท้ายสุดแล้ว 'Personal Shopper' คงไม่ใช่หนังผีที่ใช้ความหลอนของตัวผี แต่เป็นเพียงใช้ผีแทนสัญลักษณ์บางอย่างถึงการมีตัวตนอยู่ของชีวิตคนๆหนึ่ง ความเนิบช้าของการเล่าเรื่อง บรรยากาศ สภาพแวดล้อม ล้วนแล้วเป็นงานศิลป์ ถ้าใครชอบงานศิลปะผนวกความหลอนแบบมีชั้นเชิงงานนี้ถือว่าครบรส แต่ถ้าใครอยากได้หนังสยองผีตุ้งแช่!! คงจะเปลี่ยนเรื่องดูแน่นอน สำหรับเราแล้วนั้น หนังเรื่องนี้มีคุณค่าในตัวของมันเองอยู่แล้ว คุณค่าในการตีความต่างๆ คุณค่าในข้อความที่มันต้องการสื่อถึง และคุณค่าในส่วนช่องว่างที่เราต้องเติมเต็ม แน่นอนว่า คุณค่าการแสดงของ 'คริสเตน สจ๊วร์ต' ก็ถือเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับหนังเรื่องนี้เช่นกัน


ขอให้มีความสุขกับการดูหนังครับ

ตัวอย่างหนัง

ฝากกด like page ด้วยนะครับ
Page: https://www.facebook.com/MoviesDelightClub/
Blog: http://moviesdelightclub.blogspot.com/