สวัสดีค่ะ วันนี้จะมาเล่าเรื่องราวและประสบการณ์ ในการพาลูก 9 เดือน เข้าเนอสเซอรี่ค่ะ ก่อนอื่นต้องบอกเลยว่า เราและสามีก็เป็นพนักงานบริษัทเอกชนด้วยกันทั้งคู่ พอครบกำหนดในการลาคลอด เราก็ต้องกลับไปทำงานค่ะ ซึ่งแน่นอน คนเป็นแม่นั้น เป็นห่วงลูกมากจริงๆค่ะ วันแรกที่กลับมาทำงาน เราฝากแม่เราเลี้ยงให้ ไปฝากเช้า-รับกลับเย็น (แม่เราขายอาหารในโรงอาหารของโรงเรียนค่ะ เป็นจังหวะโรงเรียนปิดเทอมพอดี) พอเราถึงที่ทำงาน เราก็ตั้งหน้าตั้งตาทำงานค่ะ ทำไป ปั๊มนมไป เราซื้อเครื่องปั๊มนมไฟฟ้านะคะ ปั๊มมันโต๊ะทำงานเลยค่ะ สะดวกดี ไม่ต้องไปเข้าห้องน้ำด้วย ยังจำวันนั้นได้ดีค่ะ เราดูเป็นคนขยันมากค่ะ ทำงานแบบบ้าคลั่ง ไม่ค่อยได้คุยกับใคร ทั้งที่หายหน้าหายตาไปจากออฟฟิศ 3 เดือน เพราะอะไรหรอคะ เพราะว่าอยากให้เวลามันผ่านไปเร้วๆ จะได้กลับไปรับลูกค่ะ วิธีนี้ใช้ได้จริงๆนะคะ และเราก็ดำเนินชีวิตแบบนี้ 1 เดือนเต็มค่ะ ซึ่งตอนนั้นลูกเราก็ 3 เดือนค่ะ (ลืมบอกไปค่ะ เราลาคลอดก่อนกำหนด 1 เดือน เนื่องจากต้องแอดมินโรงพยาบาลเพราะจะคลอดก่อนกำหนดค่ะ ตรงนี้ใครมีอะไรสงสัยทักหลังไมค์ได้นะคะ) จนถึงวันที่แม่เราต้องขายของค่ะ ก่อนหน้านี้ เราและสามีตกลงกันว่า จะย้ายครอบครัวของสามี มาอยู่ที่คอนโดเดียวกัน เพื่อให้แม่ของสามี เลี้ยงลูกให้เราค่ะ แต่เนื่องด้วยจากสุขภาพและอายุของแม่สามีก็เยอะแล้วค่ะ เลยอาจจะทำอะไรไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ บางวันเราก็ต้องพาลูกไปฝากเลี้ยงกับคนรู้จักค่ะ จ่ายให้เค้าวันละ 250 บาท อาทิตย์ไหนที่แม่สามี สุขภาพร่างกายโอเค เราก็กลับมาให้ท่านเลี้ยงค่ะ เพราะใจลึกๆของเราแล้ว ผู้เป็นญาติ ปู่ ยา ตา ยาย ย่อมรักหลานตัวเองมากที่สุดแล้ว เผลอๆรักมากกว่าเราอีกค่ะ ก็เป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆค่ะ จนลูกของเราได้ 6 เดือนกว่าๆค่ะ เป็นจังหวะที่แม่ของเราปิดเทอมพอดี แม่ก็เลี้ยงให้ต่อค่ะ แต่เรามีคุยกันเบื้องต้นกับสามีแล้วว่า เราไม่อยากให้ลูกไปอยู่ตรงนั้นที ตรงนี้ที เลยคิดว่า พอถึงเวลาที่แม่จะเปิดเทอม จะต้องหาเนอสเซอรี่ให้ลูกให้ได้
การตัดสินใจของผู้เป็นแม่ พาลูกเข้าเนอสเซอรี่ครั้งแรกในวัย 9 เดือน