สวัสดีครับ สมาชิกทุกท่าน
กระผมเห็นว่า หลายวันมานี้ได้ยินคำพูดอยู่ 2คำ อยากจะมาแบ่งปันกับเพื่อนๆครับ หนึ่งในนั้นคือคำว่า
มิตรภาพ
"ไม่มีมิตรแท้ และศัตรูที่ถาวร" ทางการเมือง นั่นแปลว่า เมื่อมีผลประโยชน์ ก็จะถือว่าเป็นมิตรกัน หากหมดผลประโยชน์แล้ว ก็หักล้างห้ำหั่นกัน ดังจะเห็นได้ทั่วไปในนักการเมืองหลายๆขั้ว ยิ่งการเมืองไทยเป็นแบบหลายพรรค ย่อมต้องมีการ "จับขั้ว" หลังเลือกตั้งเสมอๆ จนเกิดความคิด
อยากจะมีการเมืองแบบสองพรรคกันระยะนึง แต่ก็อย่างที่เห็น กลายเป็นขัดแย้งจะเป็นจะตาย จนประเทศชาติจะล่มจมกันอยู่แล้ว
ในห้องการเมืองพันทิปนี้ ก็ไม่ต่างอะไรกันครับ บางคนเถียงจิง เถียงจังว่า ไม่มีหรอก ไม่มีใครมาเอาผลประโยชน์กับใครในนี้ มีแต่มิตรภาพที่จริงใจ ครับ มิตรภาพที่แท้จริงนั้นมีครับ แต่ไม่ได้ถาวรเสมอไป และไม่ใช่ 100%ที่จะให้มิตรภาพที่จริงใจต่อคุณ ขนาดตัวบุคคลเอง ยังมีความน่าเชื่อถือในเรื่องต่างๆ ไม่100%เลย แล้วมิตรภาพของเขามันจะ 100%ได้เหรอครับ?
มิตรภาพที่แท้จริงของผม อาจจะใช้หลักเกณฑ์ต่างกับคนอื่น
1. เราไม่ควรปกปิดใครว่า เรามีมิตรภาพต่อกัน
มิตรภาพหลังไมค์ แอบๆ เนียนๆ มีไว้เพื่ออะไรครับ? ในกระทู้แทบจะไม่คุยการเมืองกับใครเลย แก้ตัวว่า นั่งอ่านอย่างเดียว แต่ไม่มีความเห็น และยิ่งเวลาไปมีตติ้งก็หลบในมุมมืด ไม่แสดงความเห็นอะไร เป็นนักสังเกตุการณ์ แล้วบอกว่า นี่คือมิตรภาพที่ยิ่งใหญ่ แบบนั้นก็ได้เหรอ?
2. มิตรภาพ ไม่ควรมีข้อแลกเปลี่ยน
แบบว่า เธอๆๆ เราเป็นเพื่อนกันนะ
ฉันจะกดกิฟให้ ฉันจะอวย ฉันจะส่งเสริมให้เป็นคนสำคัญของกลุ่ม ของแค่เราเป็นเพื่อนกัน แต่มีความเห็นไม่ลงรอยกัน และไม่โพสอะไรต่อต้านกัน โดยบอกว่า ไม่มีความเห็นอะไรกับแนวคิดของเธอ แบบนี้ก็ได้เหรอ?
3. มิตรภาพ แบบ "ขอนะ"
ขอนะ อย่าโพสแบบนั้น อย่าโพสแบบนี้ คนอื่นจะดูไม่ดี เพื่อนเราจะเสียใจ สลิ่มจะเอาไปตีกิน อ้าวเฮ่ย นี่ไม่ใช่เวบบอร์ดเสรีเหรอ ถ้ามีเงื่อนใขในการโพสแล้ว มันจะเสรีได้ไง ต่างอะไรกับใช้ ม44 ปิดกั้นสื่อ?
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้อ้อ ต่างกันก็ตรง #สายโหด กับ #สายอ้อน ไง
ปัจเจก ก็ต้องมีเพื่อน ก็ต้องรักษาน้ำใจกัน ผมเข้าใจ แต่ในกรณีที่ แยกกันคุย ไม่เผชิญความขัดแย้งซึ่งๆหน้า ล้อบบี้คนนั้นทีคนนี้ที มันคืออะไร? เหตุหนึ่ง ก็คือเพื่อนง่ายต่อการเจรจาใช่ แต่อีกเหตุ มันคือการปิดบังสิ่งที่ซ่อนเร้น เพราะเขาอาจจะพูดกับคุณ คนละเรื่องกับที่พูดกับอีกคนก็ได้
ที่พูดมาทั้งหมด ผมมีหลักฐานไหม?
หลักฐานผม ก็อยู่ที่เพื่อนสมาชิกนั่นแหละ
ใครที่เคยมีหลังไมค์ เป็นหน้าๆ เพื่อโน้มน้าวให้ทำโน่นทำนี่
ติดต่อมาเพื่อไปมีตติ้งแบบเล็กๆ ปิดประตูตีแมว หรือล้อบบี้เรื่องพิพาทต่างๆ
หรือให้โพสนั่นโพสนี่
หรือห้ามไม่ให้โพสนั่นโพสนี่
มันก็คือหลักฐานในคำพูดของผมแล้ว หากใครยังไม่เจอ ก็ถือว่าผมโกหก หากใครเจอ แล้วคิดต่างกับผม ก็เชิญมาแชร์กันได้
หากใครที่เจอมิตรภาพที่แท้จริง อย่างท่านโบก12 ร่วมหัวจมท้าย และช่วยกันแก้ไขปัญหาของเพื่อนฝูง มากกว่าจะจับกลุ่มกันโจมตีสลิ่ม
ผมขอชื่นชมครับ นั่นแหละมิตรภาพแท้ๆ
แต่ที่แท้กทีมด่าสลิ่ม เป็นมิตรภาพที่ผมไม่ให้ราคาเท่าไหร่
กับอีกคำนึงคือ
"โพสอะไรได้อย่างนั้น"
ผมล่ะ สะใจจริงๆ สิ่งที่ผมได้รับ คือมิตรภาพ (ที่ผมไม่ต้องทำตามคำขอของใคร) ซึ่งมีเพิ่มขึ้นจากบุคคลที่มีวุฒิภาวะ และสติปัญญามากพอจะเรียกว่าเป็นบุคคลที่น่าเลื่อมใส แม้บางท่านจะออกตัวนิดๆ หรือบางท่านไม่เคยออกตัวในเวบบอร์ดเลย แต่ก็ไม่แอบ ไม่เนียน เพราะมีการพูดคุยผ่านคนต่างๆมาถึงกระผม
อีกทั้งบางคนที่เข้ามาปรึกษาเรื่องประหลาดๆที่เกิดขึ้นกับเขา แล้วได้คำตอบที่ดีที่สุดสำหรับเขาไปแล้ว คนเหล่านี้ทำให้ผมมีมั่นใจที่จะทำในสิ่งที่เคยทำมาอยู่ก่อนแล้วครับ เพราะผมเชื่อว่า "ผมโพสเรื่องจริง ย่อมมีคนให้ค่าความน่าเชื่อถือของผม" แม้จะมีใครพยายามดีสเครดิตผมสักเท่าไหร่ ปีนึงมาแล้ว เกือบสองปีมาแล้ว ก็ยังไปไม่ถึงไหน กลับยิ่งจะหาคนร่วมมือด้วยน้อยลงทุกวันๆ
เพราะพวกเขานั้น "ไร้ความน่าเชื่อถือ" ในตัวเขาเองครับ
สำหรับพวกที่เคยหลงผิด ไปกับพวกที่เสี้ยม ดีสเครดิตผม ผมบอกไว้ตรงนี้ ผมไม่โกรธ ไม่เกลียดคุณ หากเมื่อไหร่ที่คุณพร้อมจะรับสภาพที่ผมแสดงออกอย่างตรงๆได้ ก็กลับมาคุยกันได้เหมือนเดิม ผมรู้ว่า
หลายคนเจอในสิ่งที่ผมเคยเตือนแล้วเตือนอีกจนเจ็บ จนจุก ผมไม่ซ้ำเติมคุณหรอก หากคุณพร้อมจะเดินออกมาจากตรงนั้น ผมยินดีให้กำลังใจคุณ
ปล. เพื่อนผมฝากมาบอกว่า รำคาญหลังไมค์จากสมาชิกสาวคนนึง อักษรย่อเป็นอักษรต่ำ มีใครเจออย่างเขาบ้าง แสดงตัวด้วยครับ
มิตรภาพ - ข้อคิดการเมือง -
กระผมเห็นว่า หลายวันมานี้ได้ยินคำพูดอยู่ 2คำ อยากจะมาแบ่งปันกับเพื่อนๆครับ หนึ่งในนั้นคือคำว่า มิตรภาพ
"ไม่มีมิตรแท้ และศัตรูที่ถาวร" ทางการเมือง นั่นแปลว่า เมื่อมีผลประโยชน์ ก็จะถือว่าเป็นมิตรกัน หากหมดผลประโยชน์แล้ว ก็หักล้างห้ำหั่นกัน ดังจะเห็นได้ทั่วไปในนักการเมืองหลายๆขั้ว ยิ่งการเมืองไทยเป็นแบบหลายพรรค ย่อมต้องมีการ "จับขั้ว" หลังเลือกตั้งเสมอๆ จนเกิดความคิด อยากจะมีการเมืองแบบสองพรรคกันระยะนึง แต่ก็อย่างที่เห็น กลายเป็นขัดแย้งจะเป็นจะตาย จนประเทศชาติจะล่มจมกันอยู่แล้ว
ในห้องการเมืองพันทิปนี้ ก็ไม่ต่างอะไรกันครับ บางคนเถียงจิง เถียงจังว่า ไม่มีหรอก ไม่มีใครมาเอาผลประโยชน์กับใครในนี้ มีแต่มิตรภาพที่จริงใจ ครับ มิตรภาพที่แท้จริงนั้นมีครับ แต่ไม่ได้ถาวรเสมอไป และไม่ใช่ 100%ที่จะให้มิตรภาพที่จริงใจต่อคุณ ขนาดตัวบุคคลเอง ยังมีความน่าเชื่อถือในเรื่องต่างๆ ไม่100%เลย แล้วมิตรภาพของเขามันจะ 100%ได้เหรอครับ?
มิตรภาพที่แท้จริงของผม อาจจะใช้หลักเกณฑ์ต่างกับคนอื่น
1. เราไม่ควรปกปิดใครว่า เรามีมิตรภาพต่อกัน
มิตรภาพหลังไมค์ แอบๆ เนียนๆ มีไว้เพื่ออะไรครับ? ในกระทู้แทบจะไม่คุยการเมืองกับใครเลย แก้ตัวว่า นั่งอ่านอย่างเดียว แต่ไม่มีความเห็น และยิ่งเวลาไปมีตติ้งก็หลบในมุมมืด ไม่แสดงความเห็นอะไร เป็นนักสังเกตุการณ์ แล้วบอกว่า นี่คือมิตรภาพที่ยิ่งใหญ่ แบบนั้นก็ได้เหรอ?
2. มิตรภาพ ไม่ควรมีข้อแลกเปลี่ยน
แบบว่า เธอๆๆ เราเป็นเพื่อนกันนะ ฉันจะกดกิฟให้ ฉันจะอวย ฉันจะส่งเสริมให้เป็นคนสำคัญของกลุ่ม ของแค่เราเป็นเพื่อนกัน แต่มีความเห็นไม่ลงรอยกัน และไม่โพสอะไรต่อต้านกัน โดยบอกว่า ไม่มีความเห็นอะไรกับแนวคิดของเธอ แบบนี้ก็ได้เหรอ?
3. มิตรภาพ แบบ "ขอนะ"
ขอนะ อย่าโพสแบบนั้น อย่าโพสแบบนี้ คนอื่นจะดูไม่ดี เพื่อนเราจะเสียใจ สลิ่มจะเอาไปตีกิน อ้าวเฮ่ย นี่ไม่ใช่เวบบอร์ดเสรีเหรอ ถ้ามีเงื่อนใขในการโพสแล้ว มันจะเสรีได้ไง ต่างอะไรกับใช้ ม44 ปิดกั้นสื่อ?
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ปัจเจก ก็ต้องมีเพื่อน ก็ต้องรักษาน้ำใจกัน ผมเข้าใจ แต่ในกรณีที่ แยกกันคุย ไม่เผชิญความขัดแย้งซึ่งๆหน้า ล้อบบี้คนนั้นทีคนนี้ที มันคืออะไร? เหตุหนึ่ง ก็คือเพื่อนง่ายต่อการเจรจาใช่ แต่อีกเหตุ มันคือการปิดบังสิ่งที่ซ่อนเร้น เพราะเขาอาจจะพูดกับคุณ คนละเรื่องกับที่พูดกับอีกคนก็ได้
ที่พูดมาทั้งหมด ผมมีหลักฐานไหม?
หลักฐานผม ก็อยู่ที่เพื่อนสมาชิกนั่นแหละ
ใครที่เคยมีหลังไมค์ เป็นหน้าๆ เพื่อโน้มน้าวให้ทำโน่นทำนี่
ติดต่อมาเพื่อไปมีตติ้งแบบเล็กๆ ปิดประตูตีแมว หรือล้อบบี้เรื่องพิพาทต่างๆ
หรือให้โพสนั่นโพสนี่
หรือห้ามไม่ให้โพสนั่นโพสนี่
มันก็คือหลักฐานในคำพูดของผมแล้ว หากใครยังไม่เจอ ก็ถือว่าผมโกหก หากใครเจอ แล้วคิดต่างกับผม ก็เชิญมาแชร์กันได้
ผมขอชื่นชมครับ นั่นแหละมิตรภาพแท้ๆ
แต่ที่แท้กทีมด่าสลิ่ม เป็นมิตรภาพที่ผมไม่ให้ราคาเท่าไหร่
กับอีกคำนึงคือ "โพสอะไรได้อย่างนั้น"
ผมล่ะ สะใจจริงๆ สิ่งที่ผมได้รับ คือมิตรภาพ (ที่ผมไม่ต้องทำตามคำขอของใคร) ซึ่งมีเพิ่มขึ้นจากบุคคลที่มีวุฒิภาวะ และสติปัญญามากพอจะเรียกว่าเป็นบุคคลที่น่าเลื่อมใส แม้บางท่านจะออกตัวนิดๆ หรือบางท่านไม่เคยออกตัวในเวบบอร์ดเลย แต่ก็ไม่แอบ ไม่เนียน เพราะมีการพูดคุยผ่านคนต่างๆมาถึงกระผม อีกทั้งบางคนที่เข้ามาปรึกษาเรื่องประหลาดๆที่เกิดขึ้นกับเขา แล้วได้คำตอบที่ดีที่สุดสำหรับเขาไปแล้ว คนเหล่านี้ทำให้ผมมีมั่นใจที่จะทำในสิ่งที่เคยทำมาอยู่ก่อนแล้วครับ เพราะผมเชื่อว่า "ผมโพสเรื่องจริง ย่อมมีคนให้ค่าความน่าเชื่อถือของผม" แม้จะมีใครพยายามดีสเครดิตผมสักเท่าไหร่ ปีนึงมาแล้ว เกือบสองปีมาแล้ว ก็ยังไปไม่ถึงไหน กลับยิ่งจะหาคนร่วมมือด้วยน้อยลงทุกวันๆ เพราะพวกเขานั้น "ไร้ความน่าเชื่อถือ" ในตัวเขาเองครับ
สำหรับพวกที่เคยหลงผิด ไปกับพวกที่เสี้ยม ดีสเครดิตผม ผมบอกไว้ตรงนี้ ผมไม่โกรธ ไม่เกลียดคุณ หากเมื่อไหร่ที่คุณพร้อมจะรับสภาพที่ผมแสดงออกอย่างตรงๆได้ ก็กลับมาคุยกันได้เหมือนเดิม ผมรู้ว่า หลายคนเจอในสิ่งที่ผมเคยเตือนแล้วเตือนอีกจนเจ็บ จนจุก ผมไม่ซ้ำเติมคุณหรอก หากคุณพร้อมจะเดินออกมาจากตรงนั้น ผมยินดีให้กำลังใจคุณ
ปล. เพื่อนผมฝากมาบอกว่า รำคาญหลังไมค์จากสมาชิกสาวคนนึง อักษรย่อเป็นอักษรต่ำ มีใครเจออย่างเขาบ้าง แสดงตัวด้วยครับ