Review : Guardians of the Galaxy vol. 2 (พะพะพะพะพะพะพะพะพ่ออออออออออออออออออออ)
กำกับ : James Gunn (Slither, Movie 43 (ตอนย่อย), Guardians of the Galaxy)
ติดตามรีวิว+พูดคุยเกี่ยวกับเกม ภาพยนตร์ และการ์ตูนได้ที่เพจของผมนะครับ
https://www.facebook.com/Old-Geeks-1275369035829195/
สารภาพก่อนเลยครับว่าผมเป็นติ่งของ Guardians of the Galaxy ภาคแรก สำหรับผม มันเป็นหนังมาร์เวลที่ชอบที่สุด และทำให้ต้องกลับไปคิดถึงการดูหนังของตัวเองเลยว่าเราซีเรียสไปหรือเปล่า จุดประสงค์ดั้งเดิมของการดุหนังคือความบันเทิงไม่ใช่หรือ ซึ่ง Guardians of the Galaxy ภาคแรกนั้นมันเป็นหนังที่ไม่ได้มีเมสเสจลึกซึ้งอะไรมากมาย แต่ด้านความบันเทิงนี่มันช่างเต็มพิกัดจริงๆ แน่นอนครับว่า Guardians of the Galaxy vol. 2 นั้นก็กลายเป็นหนังที่ผมรอคอยมากที่สุดของปี และผมก็ได้ตั้งความหวังไว้ค่อนข้างสูงทีเดียว
Guardians of the Galaxy vol. 2 สานต่อการผจญภัยของ Peter Quill หรือ Starlord (Chris Pratt), Gamora (Zoe Saldana), Rocket (Bradley Cooper), Groot (Vin Diesel) และ Drax (Dave Bautista) โดยครั้งนี้หลังจากที่ Rocket ดันไปขโมยสิ่งล้ำค่ามาจากชาว Sovereign ผู้ทรงอำนาจ เหล่า Guardians ก็ได้ถูกไล่ล่าจนระหกระเหินไปพบกับชายลึกลับชื่อว่า Ego (Kurt Russel) โดยเขาได้เปิดเผยแก่ Peter ว่าเขาก็คือพ่อของเขาที่ตามหาเขามานาน หลังจากที่ Yondu (Michael Rooker) เบี้ยวสัญญาไม่นำตัว Peter มาส่งให้เขา Ego ได้พาเหล่า Guardians ไปที่ดาวของเขาและให้การต้อนรับอย่างดี แต่ Gamora ก็เริ่มรู้สึกตัวว่าดาวดวงนี้มีบางอย่างที่ผิดปกติ...
Guardians of the Galaxy vol. 2 นั้นถือเป็นหนังที่เสียงนักวิจารณ์แตกเล็กน้อย คือ นักวิจารณ์ส่วนใหญ่จะชอบหนัง แต่ก็มีบางส่วนที่เฉยๆกับหนังหรือไปจนถึงเกลียดมากก็มี สำหรับผมนั้นเมื่อดูหนังในช่วงครึ่งแรกกลับรู้สึกสนุกมาก ได้อารมณ์ความบันเทิงสุดยอดไม่แพ้ภาคแรกเลยครับ ทั้งแอคชั่นและมุกตลกจัดของดีมาแบบไม่มียั้ง แอบคิดอยู่ครับว่าดีเลยนี่นา ทำไมเสียงแตกกัน แต่เมื่อเข้าสู่กลางเรื่องไปจนถึงท้ายเรื่องก็เริ่มเห็นปัญหาครับ หนังเริ่มเกิดอาการ “ดรอป” ลง คือมันไม่ได้เนือย แอคชั่นและมุกตลกต่างๆยังคงมีมาเรื่อยๆ แต่ความดีงาม ความสดมันลดลงครับ มุกเริ่มมีมุกแป้กโผล่มา (แอบตกใจเลย เฮ้ย มุกแป้ก เพราะภาคแรกมันแทบไม่มีเลย) ส่วนฉากแอคชั่นก็เริ่มมีฉากที่ได้อารมณ์ดูให้ผ่านๆไป ไม่รู้สึกว้าวเท่าไหร่ คือมันก็ดูเพลินๆดีแหละครับ แต่มันไม่ดีเว่อร์เท่าภาคแรกนั่นเอง
และสิ่งหนึ่งที่ Guardians of the Galaxy ภาคนี้ได้เพิ่มเข้ามา คือเนื้อเรื่องในส่วนของดราม่าครอบครัว ซึ่งก็ถือว่าทำได้ดีทีเดียว ส่วนหนึ่งเพราะปูตัวละครไว้ค่อนข้างดี ตัวละครหลายตัวก็มีการพัฒนาขึ้นในภาคนี้ (แต่สำหรับตัว Groot นี่ผมว่ามันดรอปนิดหน่อย คือมันน่ารักนะ แต่เสน่ห์ความเป็นยักษ์แบ๊วมันหายไป กลายเป็นเหมือนมีค่าแค่น่ารักอย่างเดียวเลย) และฉากดราม่าขยี้อารมณ์ในช่วงท้ายก็ทำได้ดีกว่าที่คาดไว้ ก็ถือว่าทำอารมณ์ได้ถึงอยู่ถึงแม้ว่าจะไม่ขนาดเสียน้ำตาให้ก็ตามครับ จะมีติอีกนิดหนึ่งคือ การเล่นมุกหลายอย่างในเรื่องมันเป็นมุกล้อเลียน American pop culture ซะเยอะซึ่งบางทีคนไทยไม่รู้จักเอา อย่าง Mary Poppins คอหนังอาจจะพอรู้ แต่แฟนผมงงไปละ ส่วน David Hasselhoff นี่ งงหมด 5555 และหลายอย่างเลยที่เป็น Reference ที่ต้องเป้นแฟนมาร์เวลตัวจริงเท่านั้นถึงจะรู้ คือแฟนๆก็อาจดี๊ด๊ากัน แต่สำหรับคนที่ชอบเฉยๆไม่ได้เป็นแฟนบอยอะไรอย่างผมนี่มันทำให้เกิด Dead Air เหมือนกันนะ.. ส่วนเรื่องของการพลิกผันในช่วงกลางเรื่องนั้น ที่บางคนอาจจะไม่ชอบตรงส่วนนี้มากๆจนทำให้เกลียดหนังไปเลย สำหรับผมเฉยๆกับตรงนี้แฮะ ไม่ชอบไม่เกลียดครับ หนังมันใบ้เยอะด้วยแหละมันเลยเดาได้นานแล้ว
เรื่องของงานภาพนั้นดีมาก เอฟเฟค CG ทำได้ทั้งดูเนียนและมีสีสันสดใสสวยงามมาก บางชอทจะออกการ์ตูนไปแต่มันก็เข้ากับความเป็น Comedy ของหนังได้ดี เพลงประกอบนั้น อืมม...ผมชอบ Mixtape vol.1 มากกว่านิดหน่อยแฮะ แต่ก็ยังถือว่าดีอยู่ ใส่เพลงเยอะมากแต่ก็ไม่รู้สึกว่าถูกยัดเยียดแบบ Suicide Squad ครับ สุดท้ายคือการแสดง อืมมม ซีนอารมณ์หลายซีนเห็นความพยายามอยู่นะ... แต่ไม่อะ ยังไม่สามารถออกจากโซนของหนังบล็อกบัสเตอร์ธรรมดาไปได้ การแสดงก็ถือว่าแค่พอผ่านแหละครับ
สรุป : ก็ยังถือว่าดูสนุกอยู่ ยังรักษาสูตรสำเร็จที่ทำให้ภาคแรกประสพความสำเร็จไว้ และความดราม่าที่เพิ่มเข้ามาก็ทำได้ดี แต่ความสดใหม่ จังหวะความปังของมุก มีดรอปลงไปจากภาคแรกบ้างครับ
คะแนน : 8.2/10 (A) ชอบครับ
[CR] Review : Guardians of the Galaxy vol. 2 (พะพะพะพะพะพะพะพะพ่ออออออออออออออออออออ)
กำกับ : James Gunn (Slither, Movie 43 (ตอนย่อย), Guardians of the Galaxy)
ติดตามรีวิว+พูดคุยเกี่ยวกับเกม ภาพยนตร์ และการ์ตูนได้ที่เพจของผมนะครับhttps://www.facebook.com/Old-Geeks-1275369035829195/
สารภาพก่อนเลยครับว่าผมเป็นติ่งของ Guardians of the Galaxy ภาคแรก สำหรับผม มันเป็นหนังมาร์เวลที่ชอบที่สุด และทำให้ต้องกลับไปคิดถึงการดูหนังของตัวเองเลยว่าเราซีเรียสไปหรือเปล่า จุดประสงค์ดั้งเดิมของการดุหนังคือความบันเทิงไม่ใช่หรือ ซึ่ง Guardians of the Galaxy ภาคแรกนั้นมันเป็นหนังที่ไม่ได้มีเมสเสจลึกซึ้งอะไรมากมาย แต่ด้านความบันเทิงนี่มันช่างเต็มพิกัดจริงๆ แน่นอนครับว่า Guardians of the Galaxy vol. 2 นั้นก็กลายเป็นหนังที่ผมรอคอยมากที่สุดของปี และผมก็ได้ตั้งความหวังไว้ค่อนข้างสูงทีเดียว
Guardians of the Galaxy vol. 2 สานต่อการผจญภัยของ Peter Quill หรือ Starlord (Chris Pratt), Gamora (Zoe Saldana), Rocket (Bradley Cooper), Groot (Vin Diesel) และ Drax (Dave Bautista) โดยครั้งนี้หลังจากที่ Rocket ดันไปขโมยสิ่งล้ำค่ามาจากชาว Sovereign ผู้ทรงอำนาจ เหล่า Guardians ก็ได้ถูกไล่ล่าจนระหกระเหินไปพบกับชายลึกลับชื่อว่า Ego (Kurt Russel) โดยเขาได้เปิดเผยแก่ Peter ว่าเขาก็คือพ่อของเขาที่ตามหาเขามานาน หลังจากที่ Yondu (Michael Rooker) เบี้ยวสัญญาไม่นำตัว Peter มาส่งให้เขา Ego ได้พาเหล่า Guardians ไปที่ดาวของเขาและให้การต้อนรับอย่างดี แต่ Gamora ก็เริ่มรู้สึกตัวว่าดาวดวงนี้มีบางอย่างที่ผิดปกติ...
Guardians of the Galaxy vol. 2 นั้นถือเป็นหนังที่เสียงนักวิจารณ์แตกเล็กน้อย คือ นักวิจารณ์ส่วนใหญ่จะชอบหนัง แต่ก็มีบางส่วนที่เฉยๆกับหนังหรือไปจนถึงเกลียดมากก็มี สำหรับผมนั้นเมื่อดูหนังในช่วงครึ่งแรกกลับรู้สึกสนุกมาก ได้อารมณ์ความบันเทิงสุดยอดไม่แพ้ภาคแรกเลยครับ ทั้งแอคชั่นและมุกตลกจัดของดีมาแบบไม่มียั้ง แอบคิดอยู่ครับว่าดีเลยนี่นา ทำไมเสียงแตกกัน แต่เมื่อเข้าสู่กลางเรื่องไปจนถึงท้ายเรื่องก็เริ่มเห็นปัญหาครับ หนังเริ่มเกิดอาการ “ดรอป” ลง คือมันไม่ได้เนือย แอคชั่นและมุกตลกต่างๆยังคงมีมาเรื่อยๆ แต่ความดีงาม ความสดมันลดลงครับ มุกเริ่มมีมุกแป้กโผล่มา (แอบตกใจเลย เฮ้ย มุกแป้ก เพราะภาคแรกมันแทบไม่มีเลย) ส่วนฉากแอคชั่นก็เริ่มมีฉากที่ได้อารมณ์ดูให้ผ่านๆไป ไม่รู้สึกว้าวเท่าไหร่ คือมันก็ดูเพลินๆดีแหละครับ แต่มันไม่ดีเว่อร์เท่าภาคแรกนั่นเอง
และสิ่งหนึ่งที่ Guardians of the Galaxy ภาคนี้ได้เพิ่มเข้ามา คือเนื้อเรื่องในส่วนของดราม่าครอบครัว ซึ่งก็ถือว่าทำได้ดีทีเดียว ส่วนหนึ่งเพราะปูตัวละครไว้ค่อนข้างดี ตัวละครหลายตัวก็มีการพัฒนาขึ้นในภาคนี้ (แต่สำหรับตัว Groot นี่ผมว่ามันดรอปนิดหน่อย คือมันน่ารักนะ แต่เสน่ห์ความเป็นยักษ์แบ๊วมันหายไป กลายเป็นเหมือนมีค่าแค่น่ารักอย่างเดียวเลย) และฉากดราม่าขยี้อารมณ์ในช่วงท้ายก็ทำได้ดีกว่าที่คาดไว้ ก็ถือว่าทำอารมณ์ได้ถึงอยู่ถึงแม้ว่าจะไม่ขนาดเสียน้ำตาให้ก็ตามครับ จะมีติอีกนิดหนึ่งคือ การเล่นมุกหลายอย่างในเรื่องมันเป็นมุกล้อเลียน American pop culture ซะเยอะซึ่งบางทีคนไทยไม่รู้จักเอา อย่าง Mary Poppins คอหนังอาจจะพอรู้ แต่แฟนผมงงไปละ ส่วน David Hasselhoff นี่ งงหมด 5555 และหลายอย่างเลยที่เป็น Reference ที่ต้องเป้นแฟนมาร์เวลตัวจริงเท่านั้นถึงจะรู้ คือแฟนๆก็อาจดี๊ด๊ากัน แต่สำหรับคนที่ชอบเฉยๆไม่ได้เป็นแฟนบอยอะไรอย่างผมนี่มันทำให้เกิด Dead Air เหมือนกันนะ.. ส่วนเรื่องของการพลิกผันในช่วงกลางเรื่องนั้น ที่บางคนอาจจะไม่ชอบตรงส่วนนี้มากๆจนทำให้เกลียดหนังไปเลย สำหรับผมเฉยๆกับตรงนี้แฮะ ไม่ชอบไม่เกลียดครับ หนังมันใบ้เยอะด้วยแหละมันเลยเดาได้นานแล้ว
เรื่องของงานภาพนั้นดีมาก เอฟเฟค CG ทำได้ทั้งดูเนียนและมีสีสันสดใสสวยงามมาก บางชอทจะออกการ์ตูนไปแต่มันก็เข้ากับความเป็น Comedy ของหนังได้ดี เพลงประกอบนั้น อืมม...ผมชอบ Mixtape vol.1 มากกว่านิดหน่อยแฮะ แต่ก็ยังถือว่าดีอยู่ ใส่เพลงเยอะมากแต่ก็ไม่รู้สึกว่าถูกยัดเยียดแบบ Suicide Squad ครับ สุดท้ายคือการแสดง อืมมม ซีนอารมณ์หลายซีนเห็นความพยายามอยู่นะ... แต่ไม่อะ ยังไม่สามารถออกจากโซนของหนังบล็อกบัสเตอร์ธรรมดาไปได้ การแสดงก็ถือว่าแค่พอผ่านแหละครับ
สรุป : ก็ยังถือว่าดูสนุกอยู่ ยังรักษาสูตรสำเร็จที่ทำให้ภาคแรกประสพความสำเร็จไว้ และความดราม่าที่เพิ่มเข้ามาก็ทำได้ดี แต่ความสดใหม่ จังหวะความปังของมุก มีดรอปลงไปจากภาคแรกบ้างครับ
คะแนน : 8.2/10 (A) ชอบครับ