เกี่ียวกับเรื่องของการระบายอารมณ์ของคนวัย 15-25 ปีบนอินเทอร์เน็ต
ก่อนหน้านี้ผมเคยเรียนเกี่ยวกับ it ซึ่งก็เรียนได้หน่อยเดียวแล้วก็มาเรียนช่างยนต์ต่อ ทำให้ผมได้เห็นความแตกต่างของสังคมช่างกับพวกผีหน้าจอ
ซึ่งในกลุ่มเพื่อนที่เรียน it มักจะสนใจคำสอนที่มาจากหนังสือหรือสื่ออื่นๆมากกว่าในเน็ต
ตัวอย่าง
- คนที่ทุ่มเทให้การศึกษาคือคนที่ลงทุนให้กับความเป็นจริง
- วันนี้ไม่เดินพรุ่งนี้ต้องวิ่ง
- แม้ในขณะหลับไหลคู่แข่งยังคงอ่านหนังสือ
- เวลาของฉันที่หายไปในวันนี้คือวันพรุ่งนี้ของคนที่หายไปวอนขอ
และเมื่อผมได้มาอยู่กับกลุ่มเพื่อนที่พื้นฐานชีวิตต่างจากเพื่อนกลุ่มเดิม
ส่วนเรื่องแหล่งที่มาของคติและคำสอนนั้นส่วนมากจะมาจากเพจคำคมในเฟสบุ๊คครับ
ตัวอย่าง
- ชีวิตกุไม่ได้สวยหรูลูกคุณหนูแบบมิงคงไม่เข้าใจ
- กุจะตั้งใจเรียนให้จบจะได้เอาใบจบไปฟาดปากคนที่ดูถูกกุ
ซึ่งในความคิดของผมโดยส่วนตัวแล้วเพจคำคมต่างๆที่ไม่ระบุข้อมูลของผู้เขียนและแบ่งปันในลักษณะเปิดกว้าง
ดูเหมือนจะเปนแค่การระบายอารมณ์ของเจ้าของเพจนั้นที่อยากจะบอกออกไปให้สังคมได้รับรู้
โดยจะหาพวกที่สนใจงานช่างหรือเด็กๆที่ยังไม่ได้เรียนรู้สิ่งอื่นๆที่ตรงกันข้ามมาเรียนรู้ว่าช่างมันแบบนี้ซึ่งส่วนตัวแล้วผมคิดว่ามันเป็นการปลูกฝังความมั่นในในการทำเรื่องที่เจ้าตัวคิดอยู่โดยไม่สนใจเลยว่ามันดีที่สุดแล้วหรือยัง
ทำให้ผมคิดว่ามันไม่ใช่คำคมแต่เป็นแค่การระบายอารมณ์เท่านั้น
คิดเห็นอย่างไรเชิญตามสะดวกไม่ต้องมีมารยาทมากนักก็ได้ครับ
ว่าด้วยเรื่อง -แหล่ง- คติสอนใจและคำคม (30+)
ก่อนหน้านี้ผมเคยเรียนเกี่ยวกับ it ซึ่งก็เรียนได้หน่อยเดียวแล้วก็มาเรียนช่างยนต์ต่อ ทำให้ผมได้เห็นความแตกต่างของสังคมช่างกับพวกผีหน้าจอ
ซึ่งในกลุ่มเพื่อนที่เรียน it มักจะสนใจคำสอนที่มาจากหนังสือหรือสื่ออื่นๆมากกว่าในเน็ต
ตัวอย่าง
- คนที่ทุ่มเทให้การศึกษาคือคนที่ลงทุนให้กับความเป็นจริง
- วันนี้ไม่เดินพรุ่งนี้ต้องวิ่ง
- แม้ในขณะหลับไหลคู่แข่งยังคงอ่านหนังสือ
- เวลาของฉันที่หายไปในวันนี้คือวันพรุ่งนี้ของคนที่หายไปวอนขอ
และเมื่อผมได้มาอยู่กับกลุ่มเพื่อนที่พื้นฐานชีวิตต่างจากเพื่อนกลุ่มเดิม
ส่วนเรื่องแหล่งที่มาของคติและคำสอนนั้นส่วนมากจะมาจากเพจคำคมในเฟสบุ๊คครับ
ตัวอย่าง
- ชีวิตกุไม่ได้สวยหรูลูกคุณหนูแบบมิงคงไม่เข้าใจ
- กุจะตั้งใจเรียนให้จบจะได้เอาใบจบไปฟาดปากคนที่ดูถูกกุ
ซึ่งในความคิดของผมโดยส่วนตัวแล้วเพจคำคมต่างๆที่ไม่ระบุข้อมูลของผู้เขียนและแบ่งปันในลักษณะเปิดกว้าง
ดูเหมือนจะเปนแค่การระบายอารมณ์ของเจ้าของเพจนั้นที่อยากจะบอกออกไปให้สังคมได้รับรู้
โดยจะหาพวกที่สนใจงานช่างหรือเด็กๆที่ยังไม่ได้เรียนรู้สิ่งอื่นๆที่ตรงกันข้ามมาเรียนรู้ว่าช่างมันแบบนี้ซึ่งส่วนตัวแล้วผมคิดว่ามันเป็นการปลูกฝังความมั่นในในการทำเรื่องที่เจ้าตัวคิดอยู่โดยไม่สนใจเลยว่ามันดีที่สุดแล้วหรือยัง
ทำให้ผมคิดว่ามันไม่ใช่คำคมแต่เป็นแค่การระบายอารมณ์เท่านั้น
คิดเห็นอย่างไรเชิญตามสะดวกไม่ต้องมีมารยาทมากนักก็ได้ครับ