ในวาระที่โจนาธาน เดมมี ผู้กำกับของเรื่องนี้เสียชีวิตไปด้วยวัย 73 ปี เลยอยากระลึกถึงหนังเรื่องนี้ที่กวาดเอารางวัลออสการ์มาครั้งใหญ่ ทั้งยังเป็นหนังที่คุกคามคนดูอยู่ในทุกยุคทุกสมัย ว่าด้วยเรื่องของฮันนิบาล เล็คเตอร์ อัจฉริยะผู้กินเนื้อคนและ FBI สาวที่ต้องเข้ามาสืบสวนคดีฆาตกรรมและต้องขอความร่วมมือจากเล็คเตอร์ซึ่งอยู่ในคุกลับเฉพาะ
1. แอนโธนี ฮอปกินส์ เป็นคนออกไอเดียให้ ดร. ฮันนิบาล เล็คเตอร์ ใส่เสื้อผ้าสีขาวทั้งชุดเพราะสีขาวทำให้คนดูนึกถึงหมอฟันที่พวกเขากลัวขึ้นสมองโดยอัตโนมัตินั่นเอง
2. ที่คุกของ ฮันนิบาล เล็คเตอร์ ทำจากพลาสติกชิ้นหนากั้นทั้งผนัง เกิดจากการที่โจนาธาน เดมมี ผกก. รู้สึกว่ากรงเหล็กในคุกตามธรรมดาทำให้เขาถ่ายทำหนังโคตรลำบาก โปรดิวเซอร์ดีไซเนอร์อย่างคริสตี เซีย เลยออกไอเดียว่าก็ไม่ต้องมีลูกกรง ทำเป็นพลาสติกใสแทนแล้วกัน (โว้ย) จะได้ถ่ายทำง่ายๆ
3. บทสตาร์ลิง (โจดี้ ฟอสเตอร์) นั้น ก่อนหน้านี้เกือบตกเป็นของมิเชล ไฟเฟอร์ ติดแต่ว่าเธออ่านๆ บทไปแล้วรู้สึกกลัวมากจนต้องขอสละสิทธิ์นี้
4. ตัวละครฆาตกรต่อเนื่องในเรื่องอย่างบัฟฟาโล บิลล์ เกิดจากการผสมกันระหว่างฆาตกรในโลกแห่งความจริงอย่าง เอ็ด เกน (ที่ฆ่าถลกหนังเหยื่อ), แกรี ไฮด์นิค (ที่ขังเหยื่อไว้ในหลุมชั้นใต้ดินในบ้าน) และเท็ด บันดี (ที่แสร้งว่าบาดเจ็บและใส่เฝือกเก๊ๆ เพื่อลวงผู้หญิงซึ่งกำลังสงสารเขาให้มาขึ้นรถตู้)
5. ฉากที่สตาร์ลิง (ฟอสเตอร์) เล่าเรื่องระหว่างเธอและลูกแกะให้ฮันนิบาล เล็คเตอร์ฟัง ในความเงียบสงัดสุดขีดนั้น ทีมงานคนหนึ่งทำประแจหลุดมือ (เราจะได้ยินเสียงของหล่นแว่วๆ ในหนัง) ซึ่งฟอสเตอร์ชอบใจเสียงประแจตกพื้นท่ามกลางความเงียบนั้นมาก และเธอนี่แหละที่โน้มน้าวให้เดมมี ผกก. เก็บฉากนี้ไว้และใช้ในหนังจริงๆ ไปเลย
6. ฌอน คอนเนอรี่ คือนักแสดงคนแรกที่แวบเข้ามาในความคิดของ ผกก. ในการจะให้มารับบทเป็นฮันนิบาล เล็คเตอร์
7. ในหนัง ตัวละครหลายตัวพูดคุยกับสตาร์ลิงโดยการจ้องตรงมาที่กล้อง (มีไม่กี่ฉากที่ฉายให้เห็นสตาร์ลิงคุยกับคนอื่นจากด้านข้าง) เพราะเดมมี ผกก. อยากให้คนดูรับรู้ความรู้สึกของสตาร์ลิงเวลาคุยกับผู้คนเหล่านั้นโดยตรง
8. ฉากบัฟฟาโล บิลล์ แก้ผ้าเต้นรำอยู่ในห้องนั้นอยู่นอกเหนือจากสคริปท์ ฉากนี้เกิดจากไอเดียของเท็ด เลวิน (ผู้รับบทบัฟฟาโล บิลล์) ที่คิดว่า การเต้นเปลือยกายไปรอบๆ นั้นแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าบิลล์นั้นอยากเป็นคนอื่นอยู่ตลอดเวลา (จึงไม่เคยมีอะไรต้องประดับบนร่างกายเลย)
9. ฉากที่เล็คเตอร์ทักสตาร์ลิงค์ถึงสำเนียงทางใต้ของเธอนั้นไม่มีอยู่ในสคริปท์ และแอนโธนี ฮอปกินส์ ก็พูดมันออกมาสดๆ โดยไม่ได้เตือนโจดี้ ฟอสเตอร์ก่อน อาการสะดุ้งและแววตาหวาดหวั่นของเธอที่ปรากฏในหนังนั้นจึงเป็นของจริงที่ฟอสเตอร์รู้สึกระหว่างการถ่ายทำ
10. และอีกเช่นกัน ที่จู่ๆ เล็คเตอร์ (ฮอปกินส์) ก็ทำเสียงโครมครามขึ้นมาในฉากซึ่งอยู่นอกเหนือจากสคริปท์ ฟอสเตอร์และทีมงานที่ดูเหมือนจะกลั้นใจตลอดเวลาระหว่างการถ่ายทำ (ทั้งหน้ากล้องและหลังกล้อง) พร้อมใจกันสะดุ้งโดยมิได้นัดหมาย
11. หนังทั้งเรื่อง แอนโธนี ฮอปกินส์ โผล่มาแค่ 24 นาที และคงเป็น 24 นาทีที่มีความหมายเหลือเกินในหนังเพราะมันส่งให้เข้าคว้านำชายจากเวทีออสการ์มาได้
แต่แม้เวลาที่ปรากฏบนจอจะน้อยนิด แต่นั่นแลกมากับการทำการบ้านอย่างสาหัสของฮอปกินส์ ผู้ซึ่งศึกษาประวัติฆาตกรต่อเนื่องมหาศาล รวมถึงเข้าไปนั่งคุย สนทนากับเหล่าฆาตกรในคุกหลายต่อหลายครั้ง
12. เราอาจสังเกตได้อย่างหนึ่งว่า ฮันนิบาล เล็คเตอร์ แทบจะไม่กระพริบตาเลยในเรื่อง นั่นเพราะฮอปกินส์มีเพื่อนอยู่คนหนึ่งที่กระพริบตาน้อยมาก แต่บุคลิกแบบนี้ทำให้หลายคนรู้สึกอึดอัดเวลาอยู่กับเขา ฮอปกินส์จึงหยิบเอาบุคลิกแบบนี้ของเพื่อนมาใช้กับตัวละครเพื่อสร้างบรรยากาศน่าขนลุกในหนัง
13. สตาร์ลิงเป็น FBI หญิงที่ฉลาดเฉลียว และทีม FBI จริงๆ ก็โอเคกับการให้ความร่วมมือกับกองถ่ายในการให้ความรู้และข้อเท็จจริงใดๆ เกี่ยวกับการทำงานของทีม แต่มีฉากเดียวที่ FBI ค้านหัวชนฝาว่าไม่มีทางเกิดขึ้นจริงคือฉากที่สตาร์ลิงบุกเข้าบ้านของฆาตกรตัวคนเดียว!
โดยทีม FBI บอกว่ามันเป็นไปไม่ได้ (โว้ย) ที่ทีมจะส่งเจ้าหน้าที่ฝึกหัด (อย่างสตาร์ลิง) ไปสืบสวนในที่อันตรายแบบนั้นคนเดียว เต็มที่เธอก็ทำหน้าที่สนับสนุนเจ้าหน้าที่จริงๆ จากด้านหลังเท่านั้นแหละน่า แต่ผกก. อย่างเดมมีมีหรือจะยอม เขาบอกว่ายังไงก็ต้องมีฉากนี้เพราะมันจะเป็นหนึ่งในฉากที่เจ๋งที่สุดไงล่ะ! (และแน่นอน แม้ FBI จะไม่ยอม แต่เดมมีก็จะถ่ายฉากนี้ใส่ไปในหนังจนได้)
14. ตอนทีมงานโทรไปหาฮอปกินส์ที่ลอนดอน แจ้งว่ากำลังจะส่งบทหนังเรื่อง The Silence of the Lambs ไปให้อ่าน ฮอปกินส์ก็ตอบตกลงว่าจะลองอ่านบทดู และทึกทักเอาว่า เอ๊ะ หรือนี่จะเป็นหนังเกี่ยวกับเด็กนะ เห็นมีคำว่าแกะด้วย (โถ)
15. ฮอปกินส์พบว่าที่เขาแคสท์ได้บทฮันนิบาล เล็คเตอร์เพราะทีมงานเคยดูเรื่อง The Elephant Man (1980) ที่เขาแสดงเป็น ดร. เฟร็ดดิค เทรเวส แล้วเกิดประทับใจขึ้นมา
ถึงงั้น ฮอปกินส์ก็แย้งเดมมีไปว่า เอาเข้าจริงๆ ตัวละคร ดร.เทรเวสน่ะเป็นคนดีนะ แต่เดมมีก็ตอบว่า เอาจริงๆ เล็คเตอร์ก็เป็นคนดีเหมือนกัน เพียงแต่พลาดติดกับความบ้าคลั่งของตัวเองก็เท่านั้น
16. เรื่องจริงๆ ของ The Silence of the Lambs เกิดขึ้นระหว่างความสัมพันธ์ของโรเบิร์ต แคปเปล ศาสตราจารย์ด้านอาชญวิทยา มหาวิยาลัยวอชิงตัน กับเท็ด บันดี ฆาตกรต่อเนื่องผู้อื้อฉาว ซึ่งบันดีช่วยแคปเปลหาตัวคนร้ายคดีฆ่าต่อเนื่องที่แม่น้ำกรีนในวอชิงตัน และฆาตกร (แกรี ริดจ์เวย์) ถูกจับกุมได้ในปี 2003 โดยสารภาพว่าฆ่าคนไปทั้งสิ้น 48 ราย
17. ฉากการพบกันครั้งแรกของเล็คเตอร์และสตาร์ลิง, ฮอปกินส์เสนอให้เดมมีใช้มุมกล้องออกไปอีกแบบ นั่นคือให้เล็คเตอร์มองตรงใส่กล้องระหว่างพูด แล้วให้กล้องแพนไปในทิศที่เล็คเตอร์มองอยู่ (ซึ่งแน่นอน ว่าคือสตาร์ลิง) เพื่อให้คนดูเข้าใจว่า แท้จริงแล้ว ฮันนิบาล เล็คเตอร์นั้น รู้ทุกเรื่องจริงๆ
18. และหลังจากนั้น ระหว่างการถ่ายทำเกือบทั้งเรื่อง โจดี้ ฟอสเตอร์ ก็หลบหน้าแอนโธนี ฮอปกินส์ เพราะรู้สึกกลัวเขาอยู่นานหลายเดือนตลอดการถ่ายทำ (TT)
19. ฉากที่เล็คเตอร์วาดภาพสตาร์ลิงนั้น สตาร์ลิงในภาพดูสูงวัย มืออุ้มลูกแกะ โดยเนื้อแท้แล้ว เล็คเตอร์ตั้งใจจะพูดถึงรูปปั้นปีเอตะ หรือรูปปั้นพระแม่มารีย์ทรงอุ้มพระศพพระเยซูที่นครวาติกัน ที่พระแม่มารีย์อุ้มร่างของเยซูคริสต์ (ลูกแกะของพระเจ้า) ไว้ในอ้อมกอด ทั้งต่อมา อาหารที่เล็คเตอร์กินก็คือเนื้อแกะด้วย
20. ฉากที่เล็คเตอร์หลบหนีออกมาจากรถพยาบาล พร้อมทั้งทำร้ายพยาบาลด้วยนั้น ในหนังระบุว่า ชีพจรของเล็คเตอร์ที่ปรากฏไม่เคยพุ่งขึ้นสูงกว่า 85 เลย ซึ่ง 85 นั้นเป็นความถี่ของชีพจรในระดับปกติ (เหมือนเวลาเรากินข้าว ดูทีวี) ซึ่งสะท้อนว่า เล็คเตอร์ไม่ได้ตกใจหรือตื่นเต้นกับการหลบหนีออกมาแม้แต่นิด
ฝากบล็อก-เพจ สำหรับติดตามข่าวสาร-แลกเปลี่ยนกันเรื่องภาพยนตร์กันนะคะ
Page:
https://www.facebook.com/llkhimll
Blog:
http://llkhimll.wordpress.com/
20 เรื่องที่คุณอาจยังไม่เคยรู้ใน The Silence of the Lambs (1991)
1. แอนโธนี ฮอปกินส์ เป็นคนออกไอเดียให้ ดร. ฮันนิบาล เล็คเตอร์ ใส่เสื้อผ้าสีขาวทั้งชุดเพราะสีขาวทำให้คนดูนึกถึงหมอฟันที่พวกเขากลัวขึ้นสมองโดยอัตโนมัตินั่นเอง
2. ที่คุกของ ฮันนิบาล เล็คเตอร์ ทำจากพลาสติกชิ้นหนากั้นทั้งผนัง เกิดจากการที่โจนาธาน เดมมี ผกก. รู้สึกว่ากรงเหล็กในคุกตามธรรมดาทำให้เขาถ่ายทำหนังโคตรลำบาก โปรดิวเซอร์ดีไซเนอร์อย่างคริสตี เซีย เลยออกไอเดียว่าก็ไม่ต้องมีลูกกรง ทำเป็นพลาสติกใสแทนแล้วกัน (โว้ย) จะได้ถ่ายทำง่ายๆ
3. บทสตาร์ลิง (โจดี้ ฟอสเตอร์) นั้น ก่อนหน้านี้เกือบตกเป็นของมิเชล ไฟเฟอร์ ติดแต่ว่าเธออ่านๆ บทไปแล้วรู้สึกกลัวมากจนต้องขอสละสิทธิ์นี้
4. ตัวละครฆาตกรต่อเนื่องในเรื่องอย่างบัฟฟาโล บิลล์ เกิดจากการผสมกันระหว่างฆาตกรในโลกแห่งความจริงอย่าง เอ็ด เกน (ที่ฆ่าถลกหนังเหยื่อ), แกรี ไฮด์นิค (ที่ขังเหยื่อไว้ในหลุมชั้นใต้ดินในบ้าน) และเท็ด บันดี (ที่แสร้งว่าบาดเจ็บและใส่เฝือกเก๊ๆ เพื่อลวงผู้หญิงซึ่งกำลังสงสารเขาให้มาขึ้นรถตู้)
5. ฉากที่สตาร์ลิง (ฟอสเตอร์) เล่าเรื่องระหว่างเธอและลูกแกะให้ฮันนิบาล เล็คเตอร์ฟัง ในความเงียบสงัดสุดขีดนั้น ทีมงานคนหนึ่งทำประแจหลุดมือ (เราจะได้ยินเสียงของหล่นแว่วๆ ในหนัง) ซึ่งฟอสเตอร์ชอบใจเสียงประแจตกพื้นท่ามกลางความเงียบนั้นมาก และเธอนี่แหละที่โน้มน้าวให้เดมมี ผกก. เก็บฉากนี้ไว้และใช้ในหนังจริงๆ ไปเลย
6. ฌอน คอนเนอรี่ คือนักแสดงคนแรกที่แวบเข้ามาในความคิดของ ผกก. ในการจะให้มารับบทเป็นฮันนิบาล เล็คเตอร์
7. ในหนัง ตัวละครหลายตัวพูดคุยกับสตาร์ลิงโดยการจ้องตรงมาที่กล้อง (มีไม่กี่ฉากที่ฉายให้เห็นสตาร์ลิงคุยกับคนอื่นจากด้านข้าง) เพราะเดมมี ผกก. อยากให้คนดูรับรู้ความรู้สึกของสตาร์ลิงเวลาคุยกับผู้คนเหล่านั้นโดยตรง
8. ฉากบัฟฟาโล บิลล์ แก้ผ้าเต้นรำอยู่ในห้องนั้นอยู่นอกเหนือจากสคริปท์ ฉากนี้เกิดจากไอเดียของเท็ด เลวิน (ผู้รับบทบัฟฟาโล บิลล์) ที่คิดว่า การเต้นเปลือยกายไปรอบๆ นั้นแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าบิลล์นั้นอยากเป็นคนอื่นอยู่ตลอดเวลา (จึงไม่เคยมีอะไรต้องประดับบนร่างกายเลย)
9. ฉากที่เล็คเตอร์ทักสตาร์ลิงค์ถึงสำเนียงทางใต้ของเธอนั้นไม่มีอยู่ในสคริปท์ และแอนโธนี ฮอปกินส์ ก็พูดมันออกมาสดๆ โดยไม่ได้เตือนโจดี้ ฟอสเตอร์ก่อน อาการสะดุ้งและแววตาหวาดหวั่นของเธอที่ปรากฏในหนังนั้นจึงเป็นของจริงที่ฟอสเตอร์รู้สึกระหว่างการถ่ายทำ
10. และอีกเช่นกัน ที่จู่ๆ เล็คเตอร์ (ฮอปกินส์) ก็ทำเสียงโครมครามขึ้นมาในฉากซึ่งอยู่นอกเหนือจากสคริปท์ ฟอสเตอร์และทีมงานที่ดูเหมือนจะกลั้นใจตลอดเวลาระหว่างการถ่ายทำ (ทั้งหน้ากล้องและหลังกล้อง) พร้อมใจกันสะดุ้งโดยมิได้นัดหมาย
11. หนังทั้งเรื่อง แอนโธนี ฮอปกินส์ โผล่มาแค่ 24 นาที และคงเป็น 24 นาทีที่มีความหมายเหลือเกินในหนังเพราะมันส่งให้เข้าคว้านำชายจากเวทีออสการ์มาได้
แต่แม้เวลาที่ปรากฏบนจอจะน้อยนิด แต่นั่นแลกมากับการทำการบ้านอย่างสาหัสของฮอปกินส์ ผู้ซึ่งศึกษาประวัติฆาตกรต่อเนื่องมหาศาล รวมถึงเข้าไปนั่งคุย สนทนากับเหล่าฆาตกรในคุกหลายต่อหลายครั้ง
12. เราอาจสังเกตได้อย่างหนึ่งว่า ฮันนิบาล เล็คเตอร์ แทบจะไม่กระพริบตาเลยในเรื่อง นั่นเพราะฮอปกินส์มีเพื่อนอยู่คนหนึ่งที่กระพริบตาน้อยมาก แต่บุคลิกแบบนี้ทำให้หลายคนรู้สึกอึดอัดเวลาอยู่กับเขา ฮอปกินส์จึงหยิบเอาบุคลิกแบบนี้ของเพื่อนมาใช้กับตัวละครเพื่อสร้างบรรยากาศน่าขนลุกในหนัง
13. สตาร์ลิงเป็น FBI หญิงที่ฉลาดเฉลียว และทีม FBI จริงๆ ก็โอเคกับการให้ความร่วมมือกับกองถ่ายในการให้ความรู้และข้อเท็จจริงใดๆ เกี่ยวกับการทำงานของทีม แต่มีฉากเดียวที่ FBI ค้านหัวชนฝาว่าไม่มีทางเกิดขึ้นจริงคือฉากที่สตาร์ลิงบุกเข้าบ้านของฆาตกรตัวคนเดียว!
โดยทีม FBI บอกว่ามันเป็นไปไม่ได้ (โว้ย) ที่ทีมจะส่งเจ้าหน้าที่ฝึกหัด (อย่างสตาร์ลิง) ไปสืบสวนในที่อันตรายแบบนั้นคนเดียว เต็มที่เธอก็ทำหน้าที่สนับสนุนเจ้าหน้าที่จริงๆ จากด้านหลังเท่านั้นแหละน่า แต่ผกก. อย่างเดมมีมีหรือจะยอม เขาบอกว่ายังไงก็ต้องมีฉากนี้เพราะมันจะเป็นหนึ่งในฉากที่เจ๋งที่สุดไงล่ะ! (และแน่นอน แม้ FBI จะไม่ยอม แต่เดมมีก็จะถ่ายฉากนี้ใส่ไปในหนังจนได้)
14. ตอนทีมงานโทรไปหาฮอปกินส์ที่ลอนดอน แจ้งว่ากำลังจะส่งบทหนังเรื่อง The Silence of the Lambs ไปให้อ่าน ฮอปกินส์ก็ตอบตกลงว่าจะลองอ่านบทดู และทึกทักเอาว่า เอ๊ะ หรือนี่จะเป็นหนังเกี่ยวกับเด็กนะ เห็นมีคำว่าแกะด้วย (โถ)
15. ฮอปกินส์พบว่าที่เขาแคสท์ได้บทฮันนิบาล เล็คเตอร์เพราะทีมงานเคยดูเรื่อง The Elephant Man (1980) ที่เขาแสดงเป็น ดร. เฟร็ดดิค เทรเวส แล้วเกิดประทับใจขึ้นมา
ถึงงั้น ฮอปกินส์ก็แย้งเดมมีไปว่า เอาเข้าจริงๆ ตัวละคร ดร.เทรเวสน่ะเป็นคนดีนะ แต่เดมมีก็ตอบว่า เอาจริงๆ เล็คเตอร์ก็เป็นคนดีเหมือนกัน เพียงแต่พลาดติดกับความบ้าคลั่งของตัวเองก็เท่านั้น
16. เรื่องจริงๆ ของ The Silence of the Lambs เกิดขึ้นระหว่างความสัมพันธ์ของโรเบิร์ต แคปเปล ศาสตราจารย์ด้านอาชญวิทยา มหาวิยาลัยวอชิงตัน กับเท็ด บันดี ฆาตกรต่อเนื่องผู้อื้อฉาว ซึ่งบันดีช่วยแคปเปลหาตัวคนร้ายคดีฆ่าต่อเนื่องที่แม่น้ำกรีนในวอชิงตัน และฆาตกร (แกรี ริดจ์เวย์) ถูกจับกุมได้ในปี 2003 โดยสารภาพว่าฆ่าคนไปทั้งสิ้น 48 ราย
17. ฉากการพบกันครั้งแรกของเล็คเตอร์และสตาร์ลิง, ฮอปกินส์เสนอให้เดมมีใช้มุมกล้องออกไปอีกแบบ นั่นคือให้เล็คเตอร์มองตรงใส่กล้องระหว่างพูด แล้วให้กล้องแพนไปในทิศที่เล็คเตอร์มองอยู่ (ซึ่งแน่นอน ว่าคือสตาร์ลิง) เพื่อให้คนดูเข้าใจว่า แท้จริงแล้ว ฮันนิบาล เล็คเตอร์นั้น รู้ทุกเรื่องจริงๆ
18. และหลังจากนั้น ระหว่างการถ่ายทำเกือบทั้งเรื่อง โจดี้ ฟอสเตอร์ ก็หลบหน้าแอนโธนี ฮอปกินส์ เพราะรู้สึกกลัวเขาอยู่นานหลายเดือนตลอดการถ่ายทำ (TT)
19. ฉากที่เล็คเตอร์วาดภาพสตาร์ลิงนั้น สตาร์ลิงในภาพดูสูงวัย มืออุ้มลูกแกะ โดยเนื้อแท้แล้ว เล็คเตอร์ตั้งใจจะพูดถึงรูปปั้นปีเอตะ หรือรูปปั้นพระแม่มารีย์ทรงอุ้มพระศพพระเยซูที่นครวาติกัน ที่พระแม่มารีย์อุ้มร่างของเยซูคริสต์ (ลูกแกะของพระเจ้า) ไว้ในอ้อมกอด ทั้งต่อมา อาหารที่เล็คเตอร์กินก็คือเนื้อแกะด้วย
20. ฉากที่เล็คเตอร์หลบหนีออกมาจากรถพยาบาล พร้อมทั้งทำร้ายพยาบาลด้วยนั้น ในหนังระบุว่า ชีพจรของเล็คเตอร์ที่ปรากฏไม่เคยพุ่งขึ้นสูงกว่า 85 เลย ซึ่ง 85 นั้นเป็นความถี่ของชีพจรในระดับปกติ (เหมือนเวลาเรากินข้าว ดูทีวี) ซึ่งสะท้อนว่า เล็คเตอร์ไม่ได้ตกใจหรือตื่นเต้นกับการหลบหนีออกมาแม้แต่นิด
ฝากบล็อก-เพจ สำหรับติดตามข่าวสาร-แลกเปลี่ยนกันเรื่องภาพยนตร์กันนะคะ
Page: https://www.facebook.com/llkhimll
Blog: http://llkhimll.wordpress.com/