สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 3
คนที่รวยอยู่แล้ว แบบ รวยจริงๆนะครับ เขารู้อยู่แล้ว และคนรอบข้างเขาก็รู้อยู่แล้ว ว่าเขารวย จึงไม่จำเป็นต้องพยายามทำอะไร เพื่อให้คนอื่นๆได้รู้อีกว่าเขารวย ตรงกันข้าม เขาคงไม่ต้องการให้ใครรู้มากไปกว่านี้อีกแล้ว ก็เลยทำตัวธรรมดาๆ ทำตัวรวย คนรู้มากๆ ก็มีแต่เรื่องเฮงซวยเข้ามา เช่น อาจจะโดนจี้ปล้น อาจจะมีคนมาขอยืมตัง
ส่วนอีกพวกหนึ่ง เห็นเยอะครับ ไม่รวยจริง แต่พยายามทำให้คนอื่นนึกว่าตัวเองรวย
คนรวย ทำตัวจน ก็ยิ่งรวย
คนจน ทำตัวรวย ก็ยิ่งจน
--==NICK==--
ส่วนอีกพวกหนึ่ง เห็นเยอะครับ ไม่รวยจริง แต่พยายามทำให้คนอื่นนึกว่าตัวเองรวย
คนรวย ทำตัวจน ก็ยิ่งรวย
คนจน ทำตัวรวย ก็ยิ่งจน
--==NICK==--
ความคิดเห็นที่ 9
นิสัยมากกว่าไม่เกี่ยวกับเรื่องอื่นหรอก
เรื่องคนรวยแล้วเป็นผ้าขี้ริ้วห่อทองนะ ที่จริงแล้วพื้นเพเขามาแบบนั้นไม่ได้ติดหรูมาตั้งแต่เกิด แทบไม่ได้ซื้อของแพงหรือนาน ๆ ซื้อที ที่สำคัญเขาไม่ได้มีสังคมต้องไปอวดใคร ๆ หรือบางคนทำธุรกิจก็สังคมบ้าน ๆ ไม่รู้จะซื้อของแพงใช้ของแพงไปทำไม
ยกตัวอย่าง ญาติ ๆ ผมคนนึงเขาทำกิจการสวนผลไม้ รายได้ปีนึงหลาย 10 ล้านบาท วันวันส่วนใหญ่เขาอยู่กับสวน ขับรถกะบะ บ้านๆ ไปส่งของ วิ่งผลไม้ ส่งคนงาน คือพื้นเพเขาก็มาแบบนี้ไม่ได้รวยมาตั้งแต่เกิด ตั้งแต่เด็กเขาก็ลำบาก พอรวยขึ้นมาเขาก็ทำตัวเหมือนเดิม เพราะเขาไม่ได้มีสังคมต้องไปติดหรูกินอาหารแพง ๆ ซื้อเสื้อผ้าแพง ๆ เพราะวันทั้งวันเขาก็มีชีวิตอยู่แบบนี้
แต่ลูกสาวเขาคนละเรื่องนะ เขาเลี้ยงลูกสาวมาอีกแบบนึงคือแบบลูกคนรวย ซื้อเบนซ์ให้ขับไปเรียนมหาลัย กระเป๋าแพง ๆ เสื้อผ้าแพง ๆ ลูกสาวเขาซื้อหมด พอลูกสาวเขาเรียนจบก็ไม่ทำงานบริษัทนะ มาช่วยพ่อแม่ทำสวนนี่ละเพราะว่าเรื่องรายได้เป็นหลักเลย คือบ้านเขารวยจริง ทำสวนปีเดียวรายได้ ดีกว่าทำงานบริษัท 10 ปี
เรื่องคนรวยแล้วเป็นผ้าขี้ริ้วห่อทองนะ ที่จริงแล้วพื้นเพเขามาแบบนั้นไม่ได้ติดหรูมาตั้งแต่เกิด แทบไม่ได้ซื้อของแพงหรือนาน ๆ ซื้อที ที่สำคัญเขาไม่ได้มีสังคมต้องไปอวดใคร ๆ หรือบางคนทำธุรกิจก็สังคมบ้าน ๆ ไม่รู้จะซื้อของแพงใช้ของแพงไปทำไม
ยกตัวอย่าง ญาติ ๆ ผมคนนึงเขาทำกิจการสวนผลไม้ รายได้ปีนึงหลาย 10 ล้านบาท วันวันส่วนใหญ่เขาอยู่กับสวน ขับรถกะบะ บ้านๆ ไปส่งของ วิ่งผลไม้ ส่งคนงาน คือพื้นเพเขาก็มาแบบนี้ไม่ได้รวยมาตั้งแต่เกิด ตั้งแต่เด็กเขาก็ลำบาก พอรวยขึ้นมาเขาก็ทำตัวเหมือนเดิม เพราะเขาไม่ได้มีสังคมต้องไปติดหรูกินอาหารแพง ๆ ซื้อเสื้อผ้าแพง ๆ เพราะวันทั้งวันเขาก็มีชีวิตอยู่แบบนี้
แต่ลูกสาวเขาคนละเรื่องนะ เขาเลี้ยงลูกสาวมาอีกแบบนึงคือแบบลูกคนรวย ซื้อเบนซ์ให้ขับไปเรียนมหาลัย กระเป๋าแพง ๆ เสื้อผ้าแพง ๆ ลูกสาวเขาซื้อหมด พอลูกสาวเขาเรียนจบก็ไม่ทำงานบริษัทนะ มาช่วยพ่อแม่ทำสวนนี่ละเพราะว่าเรื่องรายได้เป็นหลักเลย คือบ้านเขารวยจริง ทำสวนปีเดียวรายได้ ดีกว่าทำงานบริษัท 10 ปี
ความคิดเห็นที่ 55
คนเราจะอวดหรือไม่อวด อยู่ที่นิสัย พื้นฐานของความคิด ความเพียงพอ ความต้องการที่จะเป็นที่ยอมรับ
ไม่เกี่ยวกับฐานะทางการเงิน
คนรวยที่อวดมีเยอะแยะ ไม่ว่าจะคนไทยหรือคนต่างชาติ บางคนคาบช้อนเงินช้อนทองมาแต่เกิด
พรั่งพร้อมไปด้วยเงินทอง ยศศักดิ์ ข้าทาสบริวาร เขายังอวดกันเลย
***คนรวยเขาก็อวดรถซุปเปอร์คาร์ อวดเครื่องบินส่วนตัว อวดนั่งเฟิสท์คลาส บิสซิเนสคลาส อวดที่พักหรูๆ ที่กินหรูๆ
อวดไลฟ์สไตล์ดีๆ อวดอสังหาริมทรัพย์ที่มีอยู่ตามเมืองต่างๆ ประเทศต่างๆ อวดของแบรนด์เนมรุ่นใหม่ๆ ล่าสุด
อวดสระว่ายน้ำที่บ้าน อวดห้องฟิตเนสที่บ้านที่เต็มไปด้วยเครื่อง และ อุปกรณ์ในการออกกำลังกาย
ระดับดีๆ ครบชุด
อวดหน้าอกคู่ใหม่ อวดผมสีใหม่ อวดเล็บที่เพ้นท์ลายใหม่ อวดชุดว่ายน้ำใหม่ อวดนาฬิกาใหม่
อวดออกกำลังกายทำท่าเทพๆ อึดๆ ยากๆ อวดพลัง อวดขี่จักรยานเป็นร้อยโล อวดวิ่งมาราธอน
อวดดำน้ำในที่แปลกๆ อวดเที่ยว (ช่วงในหมู่คนไทยระดับชั้นกลางขึ้นไป ก็ต้องเป็นการไปดูแสงเหนือที่ไอซ์แลนด์) 😄
อวดชุดออกกำลังกายยี่ห้อดีๆ แพงๆ แต่งแบบเป๊ะ หัวจดเท้า อวดโยคะท่ายาก
อวดเอวเอส อวดก้นบึ้ม อวดกล้ามปู อวดซิกแพ็ค
อวดชาติตระกูล อวดนามสกุล อวดว่าลูกเอาเงินเดือนมาให้ อวดดราม่ากตัญญู อวดว่าสามีรักสามีหลง อวดว่าภรรยาเซ็กซี่
อวดว่าสามีซื้อเพชรทิฟฟานี่ บุลการี่ โชพาร์ ให้ อวดของลิมิเต็ด เอดิชั่น
อวดว่าได้รับเชิญไปนั่งแถวหน้างานแฟชั่นวีค ที่ลอนดอน นิวยอร์ค ปารีส มิลาน
อวดว่าเป็นลูกค้าที่ใช้จ่ายเยอะที่สุดของห้างระดับหรู อวดเรือยอร์ช
อวดว่าได้เจอคนดังระดับประเทศระดับโลก อวดว่าเป็นเพื่อนกับคนดังระดับประเทศระดับโลก
***อวดความดี อวดความใจบุญ อวดคอนเน็คชั่นอวดว่ามีเพื่อนเยอะ อวดว่าครอบครัวเครือญาติพี่น้องรักกันสามัคคีเหนียวแน่น
อวดความสำเร็จด้านการศึกษา อวดฐานะการเงิน อวดรูปร่าง อวดรสนิยม แบบนี้มีทั้งนั้น จขกท ลองไปหาดู
ตามไอจีของคนรวย ของเซเลบไทย ฝรั่ง ตะวันออกกลางนะ
หรือ หาดูตามนิตยสารก็ได้ เช่น แบบที่เล่มโตๆ บางๆ พิมพ์สีสวยๆ ถ่ายภาพสวยๆ
นั่นคือการอวดแบบหนึ่งแบบเนียนๆ ของคนในวงสังคมชั้นสูงทั่วโลกนั่นเอง
พื้นฐานคือเพื่อการยอมรับนั่นเอง เพราะไม่ว่าจะรวย จะจน ทุกคนคือมนุษย์ธรรมดา
หรือ หาอ่านตามคอลัมน์ซุบซิบไฮโซตามสื่อต่างๆ ก็ได้ บางอันมันคือข่าวแจก ข่าวที่ผู้เป็นข่าว ส่งข่าวให้สื่อช่วยลงให้
เพื่อเป็นการ ปชส ตัวเองนั่นเอง
***ความคิดเรื่องคนรวย คนจน คนมีเงินมาก มีเงินน้อย ของคนไทยส่วนใหญ่ยังล้าหลังมาก
เช่น คนไทยส่วนใหญ่ชอบคิดว่า คนรวยต้องขาว คนรวยต้องไม่ขึ้นรถเมล์ คนรวยต้องไม่กินข้าวข้างทาง
คนรวยต้องไม่นั่งแท็กซี่ คนรวยต้องพูดภาษาอังกฤษ ฯลฯ
เพราะฉนั้นในสังคมไทย เราจึงเห็นคนที่พยายามขาวปลอมๆ หน้าเรียวๆ ตาโตๆ หัวโตๆ ตัวลีบๆ เหมือนเอเลี่ยน
พยายามรวยทุกวิถีทางแม้แต่จากการโกง
พยายามพูดไทยคำฝรั่งคำ ใช้ภาษาอังกฤษแบบโอท็อปแปลกๆ ที่ใช้แล้วเข้าใจกันแค่ในครัวเรือนใน ปท ไทย
พยายามพิมพ์ข้อความส่งข้อความภาษาอังกฤษแบบแปลกๆ หรือ พยายามประดิษฐ์ประดอยท่าทางที่ไม่เป็นธรรมชาติแอ๊บไฮโซอยู่เสมอ เป็นต้น
***ในสังคมที่เจริญแล้ว เขาวัดคนกันที่สมอง สติปัญญา สำเนียงภาษาในการพูด รสนิยมที่ดี มารยาทในการเข้าสังคม มารยาทบนโต๊ะอาหาร
กิริยาที่เป็นธรรมชาติ และ การแต่งกายตามกาละเทศะ เป็นต้น
***ในความเป็นจริง ยังมีคนมีเงิน คนรวยอีกมาก ไม่ว่าจะคนไทยหรือต่างชาติ ที่มีไลฟ์สไตล์ดีๆ แต่เขาไม่มีไลน์ ไม่มีอินสตาแกรม
ไม่มีเฟสบุ๊ค พวกเขาไม่เล่น ไม่มีความรู้สึกว่าต้องอวด เพราะทุกสิ่งที่เขามี มีอยู่แล้วเป็นเรื่องธรรมดา
เขาโตมาแบบนั้นอยู่แล้ว เขาพอใจกับตนเอง ไม่ต้องการการยกย่องชื่นชมจากคนในเน็ต เพราะมีความมั่นใจอยู่แล้วเป็นทุน
จิตใจแข็งแกร่ง มีจุดยืน ไม่ต้องหาความมั่นใจจากการได้ยอดไลค์
***หรือ คนที่มีพื้นฐานธรรมดาๆ หรือ คนที่มีพื้นฐานยากจนมาก่อน หลายๆ คนเมื่อต่อมา มารวยในภายหลัง
มีชีวิตดีๆ อยู่ในสังคมระดับดีๆ ที่เขาไม่อวดก็มี เพราะเขาเติมเต็มแล้ว เพียงพอแล้ว มีความสุขแล้วนั่นเอง
เพราะฉนั้นเขาไม่ได้สนใจกับยอดไลค์ที่ไม่มีความหมายต่อชีวิตของเขานั่นเอง เพราะเขามีทุกอย่างแล้ว พอใจกับสิ่งที่มีแล้ว
***ขอบคุณ Chimerism และ ทุกท่านข้างล่างที่เข้ามากดแสดงตัวท้าย คห และ น้อง คห. 59 เช่นกัน พี่เองก็ ค(คิด) ว(วิเคราะห์) ย(แยกแยะ) ไปตามที่เห็นจริงทั้งในสังคมไทย และ สังคมต่างประเทศ
***ถึงคุณ คห. 60 ข้างล่าง คนรวยจริงเค้าแลกแต้มจริงๆ ด้วย หลายๆ คนเขาใช้จ่ายผ่านเครดิตการ์ด
เดือนนึงหลายแสน หรือ เป็นล้าน พอบิลมาก็จ่ายตามจริง สะสมแต้มแลกไมล์ ปีๆ นึงแลกตั๋วเครื่องบิน
ชั้นเฟิสท์คลาส บิสซิเนสคลาสได้หลายใบเลย บางคนตั๋วที่สะสมไมล์จากการบินจริงเขามีเยอะแล้ว
เค้าก็แลกตั๋วแจกเพื่อน แจกคนรับใช้ พาไปเที่ยว ตปท ก็มีเยอะแยะ
***คนรวยแบบที่ คห. 63 บอก ก็มีเยอะ คนแบบนี้ห้ามคบเป็นเพื่อน เมื่อถึงจุดหนึ่งให้ ตัดไปได้เลย
เราเคยเจอเช่นกัน เป็นคนต่างชาติ ไม่ใช่คนจน มีงานดีๆ เงินเดือนดี เป็นพลเมืองของ ปท ร่ำรวยด้วย
เวลาที่ไปไหนมาไหนกับเพื่อนฝูง ควักยากมาก และ ชอบบอกว่า ยังไม่ได้แลกตังค์
ขอให้เพื่อนๆ ช่วยออกไปก่อน และ ยังขอยืมเงินสดจากเพื่อนๆ ด้วย แต่มักจะชอบทำเงียบ ลืมคืน
คนอื่นๆ ไม่มีใครกล้าทวง แม้แต่ฝรั่งด้วยกันก็ไม่กล้า แต่เรากล้าทวง ทวงแบบถี่ๆ จี้ด้วย จนมันต้องคืน
คนแบบนี้คือถ้ามันชอบเอาเปรียบ ชอบทำหน้ามึน เราก็ต้องกล้าที่จะทวง กล้าที่จะตื๊อ
เพราะคนแบบนี้จริงๆ ใจมันเล็ก มันขี้ขลาด โดนทวงบ่อยๆ มันจะอายเอง แต่ที่สำคัญเราอย่าอาย เพราะเงินของเรา
***ความคิดเห็นที่ 68 ลึกซึ้งมาก เห็นภาพเลย
***น้อง คห 55-2 ของแบบนี้ฝึกกันได้ ขอให้ใช้ใจทำ ทำด้วยความเข้มแข็ง มุ่งมั่น มีจุดยืน เคารพตนเอง
รู้จักตนเองว่าในชีวิตนี้ต้องการอะไร และ ไม่ต้องการอะไร ต้องเป็นนายตนเอง รักตนเอง เคารพตนเอง
ไม่ว่อกแว่ก ไม่หวั่นต่อคำพูดกดดัน เสียดสี หรือ ผู้ที่ต้องการควบคุม ต้องฝึกทำให้ตัวเองมีใจแกร่งมากๆ
น้องต้องมองสังคมไทยอย่างเข้าใจให้ทะลุถึงแก่น มองคนไทยส่วนใหญ่ด้วยกันให้ทะลุเครื่องสำอางที่ฉาบเอาไว้
มองลงไปให้ลึกผ่านเสื้อผ้า มองทะลุผ่านผิวหนัง ผ่านเลือดเนื้อ มองเข้าไปให้ถึงใจ มองผ่านกระโหลกเข้าไปให้ถึงที่มาของระบบความคิดที่อยู่ข้างใน
แล้วน้องจะรู้เองว่าจะจัดการกับภาพลวงตา กับคำพูดลวงใจต่างๆ นาๆ ได้อย่างไร แล้วภูมิคุ้มกันที่ห่อหุ้มความคิด ร่างกาย จิตใจของตัวเรา
จะค่อยๆ หนาแน่นขึ้นมาปกป้องเราจากสังคมที่ไม่มีคุณภาพนั้นเอง
***ปัญหาอีกอย่างหนึ่งของคนส่วนใหญ่ในสังคมไทยที่ต้องทำทุกวิถีทางให้เป็นที่ยอมรับจากคนอื่น เพราะในสังคมมีการเปรียบเทียบแข่งขันกัน
สูงมาก อีกทั้งเป็นสังคมอุปถัมภ์ ซึ่งการได้รับการยอมรับจากกลุ่มเป็นสิ่งสำคัญมากของคนไทยส่วนใหญ่ เพราะทำให้มีคอนเน็คชั่น
คนในสังคมไทยโดยทั่วๆ ไปส่วนใหญ่อยู่กันอย่างกดขี่ข่มเหง ข่มกันเอง หรือ พยายามควบคุมกันในทุกด้านด้วยอำนาจชั่วคราว
โดยเริ่มจากภายในครอบครัว โรงเรียน มหาวิทยาลัย สังคมที่ทำงาน รวมไปถึงสังคมรอบข้าง เพราะฉนั้นคนไทยส่วนใหญ่จึงต้องระบายออก
หรือ สร้างโลกใหม่ที่ตัวเองสามารถเป็นใหญ่ได้ เป็นนายของตนเองได้ ก็คือในโซเชี่ยลมีเดี่ยนั่นเอง
เพราะฉนั้นเราจีงมักได้ยินประโยคนี้เสมอในหมู่คนไทยส่วนใหญ่ ทำนองว่า ในโลกในโซเชี่ยลฯ คือ พื้นที่ส่วนตัว ของเขานั่นเอง
เพราะในชีวิตจริงหลายๆ คนไม่มีโอกาสได้ทำอะไรตามใจตนเอง (เพราะถูกครอบงำทางด้านความคิด จิตใจ ร่างกาย จากในสังคมครอบครัว
สังคมที่โรงเรียน มหาวิทยาลัย สังคมในที่ทำงาน และ สังคมข้างนอกในชีวิตประจำวัน)
คนไทยส่วนใหญ่ไม่มีโอกาสพูดได้อย่างใจคิด ไม่มีโอกาสแสดงความคิดเห็นนั่นเอง ไม่มีแม้กระทั่งโลกส่วนตัวในชีวิตจริง
เพราะฉนั้นพวกเขาจึงต้องมาสร้างเอาในโซเชี่ยล มาระบาย มาแสดงออกในโซเชี่ยลฯ สังคมไทยน่าเป็นห่วงมากๆ
เพราะแต่เดิมก็เป็นสังคมที่อ่อนแอ และ ล้มเหลวอยู่แล้วในทุกๆ ด้าน ไม่เอื้ออำนวยนำพาให้ชาติเจริญนั่นเอง
ไม่เกี่ยวกับฐานะทางการเงิน
คนรวยที่อวดมีเยอะแยะ ไม่ว่าจะคนไทยหรือคนต่างชาติ บางคนคาบช้อนเงินช้อนทองมาแต่เกิด
พรั่งพร้อมไปด้วยเงินทอง ยศศักดิ์ ข้าทาสบริวาร เขายังอวดกันเลย
***คนรวยเขาก็อวดรถซุปเปอร์คาร์ อวดเครื่องบินส่วนตัว อวดนั่งเฟิสท์คลาส บิสซิเนสคลาส อวดที่พักหรูๆ ที่กินหรูๆ
อวดไลฟ์สไตล์ดีๆ อวดอสังหาริมทรัพย์ที่มีอยู่ตามเมืองต่างๆ ประเทศต่างๆ อวดของแบรนด์เนมรุ่นใหม่ๆ ล่าสุด
อวดสระว่ายน้ำที่บ้าน อวดห้องฟิตเนสที่บ้านที่เต็มไปด้วยเครื่อง และ อุปกรณ์ในการออกกำลังกาย
ระดับดีๆ ครบชุด
อวดหน้าอกคู่ใหม่ อวดผมสีใหม่ อวดเล็บที่เพ้นท์ลายใหม่ อวดชุดว่ายน้ำใหม่ อวดนาฬิกาใหม่
อวดออกกำลังกายทำท่าเทพๆ อึดๆ ยากๆ อวดพลัง อวดขี่จักรยานเป็นร้อยโล อวดวิ่งมาราธอน
อวดดำน้ำในที่แปลกๆ อวดเที่ยว (ช่วงในหมู่คนไทยระดับชั้นกลางขึ้นไป ก็ต้องเป็นการไปดูแสงเหนือที่ไอซ์แลนด์) 😄
อวดชุดออกกำลังกายยี่ห้อดีๆ แพงๆ แต่งแบบเป๊ะ หัวจดเท้า อวดโยคะท่ายาก
อวดเอวเอส อวดก้นบึ้ม อวดกล้ามปู อวดซิกแพ็ค
อวดชาติตระกูล อวดนามสกุล อวดว่าลูกเอาเงินเดือนมาให้ อวดดราม่ากตัญญู อวดว่าสามีรักสามีหลง อวดว่าภรรยาเซ็กซี่
อวดว่าสามีซื้อเพชรทิฟฟานี่ บุลการี่ โชพาร์ ให้ อวดของลิมิเต็ด เอดิชั่น
อวดว่าได้รับเชิญไปนั่งแถวหน้างานแฟชั่นวีค ที่ลอนดอน นิวยอร์ค ปารีส มิลาน
อวดว่าเป็นลูกค้าที่ใช้จ่ายเยอะที่สุดของห้างระดับหรู อวดเรือยอร์ช
อวดว่าได้เจอคนดังระดับประเทศระดับโลก อวดว่าเป็นเพื่อนกับคนดังระดับประเทศระดับโลก
***อวดความดี อวดความใจบุญ อวดคอนเน็คชั่นอวดว่ามีเพื่อนเยอะ อวดว่าครอบครัวเครือญาติพี่น้องรักกันสามัคคีเหนียวแน่น
อวดความสำเร็จด้านการศึกษา อวดฐานะการเงิน อวดรูปร่าง อวดรสนิยม แบบนี้มีทั้งนั้น จขกท ลองไปหาดู
ตามไอจีของคนรวย ของเซเลบไทย ฝรั่ง ตะวันออกกลางนะ
หรือ หาดูตามนิตยสารก็ได้ เช่น แบบที่เล่มโตๆ บางๆ พิมพ์สีสวยๆ ถ่ายภาพสวยๆ
นั่นคือการอวดแบบหนึ่งแบบเนียนๆ ของคนในวงสังคมชั้นสูงทั่วโลกนั่นเอง
พื้นฐานคือเพื่อการยอมรับนั่นเอง เพราะไม่ว่าจะรวย จะจน ทุกคนคือมนุษย์ธรรมดา
หรือ หาอ่านตามคอลัมน์ซุบซิบไฮโซตามสื่อต่างๆ ก็ได้ บางอันมันคือข่าวแจก ข่าวที่ผู้เป็นข่าว ส่งข่าวให้สื่อช่วยลงให้
เพื่อเป็นการ ปชส ตัวเองนั่นเอง
***ความคิดเรื่องคนรวย คนจน คนมีเงินมาก มีเงินน้อย ของคนไทยส่วนใหญ่ยังล้าหลังมาก
เช่น คนไทยส่วนใหญ่ชอบคิดว่า คนรวยต้องขาว คนรวยต้องไม่ขึ้นรถเมล์ คนรวยต้องไม่กินข้าวข้างทาง
คนรวยต้องไม่นั่งแท็กซี่ คนรวยต้องพูดภาษาอังกฤษ ฯลฯ
เพราะฉนั้นในสังคมไทย เราจึงเห็นคนที่พยายามขาวปลอมๆ หน้าเรียวๆ ตาโตๆ หัวโตๆ ตัวลีบๆ เหมือนเอเลี่ยน
พยายามรวยทุกวิถีทางแม้แต่จากการโกง
พยายามพูดไทยคำฝรั่งคำ ใช้ภาษาอังกฤษแบบโอท็อปแปลกๆ ที่ใช้แล้วเข้าใจกันแค่ในครัวเรือนใน ปท ไทย
พยายามพิมพ์ข้อความส่งข้อความภาษาอังกฤษแบบแปลกๆ หรือ พยายามประดิษฐ์ประดอยท่าทางที่ไม่เป็นธรรมชาติแอ๊บไฮโซอยู่เสมอ เป็นต้น
***ในสังคมที่เจริญแล้ว เขาวัดคนกันที่สมอง สติปัญญา สำเนียงภาษาในการพูด รสนิยมที่ดี มารยาทในการเข้าสังคม มารยาทบนโต๊ะอาหาร
กิริยาที่เป็นธรรมชาติ และ การแต่งกายตามกาละเทศะ เป็นต้น
***ในความเป็นจริง ยังมีคนมีเงิน คนรวยอีกมาก ไม่ว่าจะคนไทยหรือต่างชาติ ที่มีไลฟ์สไตล์ดีๆ แต่เขาไม่มีไลน์ ไม่มีอินสตาแกรม
ไม่มีเฟสบุ๊ค พวกเขาไม่เล่น ไม่มีความรู้สึกว่าต้องอวด เพราะทุกสิ่งที่เขามี มีอยู่แล้วเป็นเรื่องธรรมดา
เขาโตมาแบบนั้นอยู่แล้ว เขาพอใจกับตนเอง ไม่ต้องการการยกย่องชื่นชมจากคนในเน็ต เพราะมีความมั่นใจอยู่แล้วเป็นทุน
จิตใจแข็งแกร่ง มีจุดยืน ไม่ต้องหาความมั่นใจจากการได้ยอดไลค์
***หรือ คนที่มีพื้นฐานธรรมดาๆ หรือ คนที่มีพื้นฐานยากจนมาก่อน หลายๆ คนเมื่อต่อมา มารวยในภายหลัง
มีชีวิตดีๆ อยู่ในสังคมระดับดีๆ ที่เขาไม่อวดก็มี เพราะเขาเติมเต็มแล้ว เพียงพอแล้ว มีความสุขแล้วนั่นเอง
เพราะฉนั้นเขาไม่ได้สนใจกับยอดไลค์ที่ไม่มีความหมายต่อชีวิตของเขานั่นเอง เพราะเขามีทุกอย่างแล้ว พอใจกับสิ่งที่มีแล้ว
***ขอบคุณ Chimerism และ ทุกท่านข้างล่างที่เข้ามากดแสดงตัวท้าย คห และ น้อง คห. 59 เช่นกัน พี่เองก็ ค(คิด) ว(วิเคราะห์) ย(แยกแยะ) ไปตามที่เห็นจริงทั้งในสังคมไทย และ สังคมต่างประเทศ
***ถึงคุณ คห. 60 ข้างล่าง คนรวยจริงเค้าแลกแต้มจริงๆ ด้วย หลายๆ คนเขาใช้จ่ายผ่านเครดิตการ์ด
เดือนนึงหลายแสน หรือ เป็นล้าน พอบิลมาก็จ่ายตามจริง สะสมแต้มแลกไมล์ ปีๆ นึงแลกตั๋วเครื่องบิน
ชั้นเฟิสท์คลาส บิสซิเนสคลาสได้หลายใบเลย บางคนตั๋วที่สะสมไมล์จากการบินจริงเขามีเยอะแล้ว
เค้าก็แลกตั๋วแจกเพื่อน แจกคนรับใช้ พาไปเที่ยว ตปท ก็มีเยอะแยะ
***คนรวยแบบที่ คห. 63 บอก ก็มีเยอะ คนแบบนี้ห้ามคบเป็นเพื่อน เมื่อถึงจุดหนึ่งให้ ตัดไปได้เลย
เราเคยเจอเช่นกัน เป็นคนต่างชาติ ไม่ใช่คนจน มีงานดีๆ เงินเดือนดี เป็นพลเมืองของ ปท ร่ำรวยด้วย
เวลาที่ไปไหนมาไหนกับเพื่อนฝูง ควักยากมาก และ ชอบบอกว่า ยังไม่ได้แลกตังค์
ขอให้เพื่อนๆ ช่วยออกไปก่อน และ ยังขอยืมเงินสดจากเพื่อนๆ ด้วย แต่มักจะชอบทำเงียบ ลืมคืน
คนอื่นๆ ไม่มีใครกล้าทวง แม้แต่ฝรั่งด้วยกันก็ไม่กล้า แต่เรากล้าทวง ทวงแบบถี่ๆ จี้ด้วย จนมันต้องคืน
คนแบบนี้คือถ้ามันชอบเอาเปรียบ ชอบทำหน้ามึน เราก็ต้องกล้าที่จะทวง กล้าที่จะตื๊อ
เพราะคนแบบนี้จริงๆ ใจมันเล็ก มันขี้ขลาด โดนทวงบ่อยๆ มันจะอายเอง แต่ที่สำคัญเราอย่าอาย เพราะเงินของเรา
***ความคิดเห็นที่ 68 ลึกซึ้งมาก เห็นภาพเลย
***น้อง คห 55-2 ของแบบนี้ฝึกกันได้ ขอให้ใช้ใจทำ ทำด้วยความเข้มแข็ง มุ่งมั่น มีจุดยืน เคารพตนเอง
รู้จักตนเองว่าในชีวิตนี้ต้องการอะไร และ ไม่ต้องการอะไร ต้องเป็นนายตนเอง รักตนเอง เคารพตนเอง
ไม่ว่อกแว่ก ไม่หวั่นต่อคำพูดกดดัน เสียดสี หรือ ผู้ที่ต้องการควบคุม ต้องฝึกทำให้ตัวเองมีใจแกร่งมากๆ
น้องต้องมองสังคมไทยอย่างเข้าใจให้ทะลุถึงแก่น มองคนไทยส่วนใหญ่ด้วยกันให้ทะลุเครื่องสำอางที่ฉาบเอาไว้
มองลงไปให้ลึกผ่านเสื้อผ้า มองทะลุผ่านผิวหนัง ผ่านเลือดเนื้อ มองเข้าไปให้ถึงใจ มองผ่านกระโหลกเข้าไปให้ถึงที่มาของระบบความคิดที่อยู่ข้างใน
แล้วน้องจะรู้เองว่าจะจัดการกับภาพลวงตา กับคำพูดลวงใจต่างๆ นาๆ ได้อย่างไร แล้วภูมิคุ้มกันที่ห่อหุ้มความคิด ร่างกาย จิตใจของตัวเรา
จะค่อยๆ หนาแน่นขึ้นมาปกป้องเราจากสังคมที่ไม่มีคุณภาพนั้นเอง
***ปัญหาอีกอย่างหนึ่งของคนส่วนใหญ่ในสังคมไทยที่ต้องทำทุกวิถีทางให้เป็นที่ยอมรับจากคนอื่น เพราะในสังคมมีการเปรียบเทียบแข่งขันกัน
สูงมาก อีกทั้งเป็นสังคมอุปถัมภ์ ซึ่งการได้รับการยอมรับจากกลุ่มเป็นสิ่งสำคัญมากของคนไทยส่วนใหญ่ เพราะทำให้มีคอนเน็คชั่น
คนในสังคมไทยโดยทั่วๆ ไปส่วนใหญ่อยู่กันอย่างกดขี่ข่มเหง ข่มกันเอง หรือ พยายามควบคุมกันในทุกด้านด้วยอำนาจชั่วคราว
โดยเริ่มจากภายในครอบครัว โรงเรียน มหาวิทยาลัย สังคมที่ทำงาน รวมไปถึงสังคมรอบข้าง เพราะฉนั้นคนไทยส่วนใหญ่จึงต้องระบายออก
หรือ สร้างโลกใหม่ที่ตัวเองสามารถเป็นใหญ่ได้ เป็นนายของตนเองได้ ก็คือในโซเชี่ยลมีเดี่ยนั่นเอง
เพราะฉนั้นเราจีงมักได้ยินประโยคนี้เสมอในหมู่คนไทยส่วนใหญ่ ทำนองว่า ในโลกในโซเชี่ยลฯ คือ พื้นที่ส่วนตัว ของเขานั่นเอง
เพราะในชีวิตจริงหลายๆ คนไม่มีโอกาสได้ทำอะไรตามใจตนเอง (เพราะถูกครอบงำทางด้านความคิด จิตใจ ร่างกาย จากในสังคมครอบครัว
สังคมที่โรงเรียน มหาวิทยาลัย สังคมในที่ทำงาน และ สังคมข้างนอกในชีวิตประจำวัน)
คนไทยส่วนใหญ่ไม่มีโอกาสพูดได้อย่างใจคิด ไม่มีโอกาสแสดงความคิดเห็นนั่นเอง ไม่มีแม้กระทั่งโลกส่วนตัวในชีวิตจริง
เพราะฉนั้นพวกเขาจึงต้องมาสร้างเอาในโซเชี่ยล มาระบาย มาแสดงออกในโซเชี่ยลฯ สังคมไทยน่าเป็นห่วงมากๆ
เพราะแต่เดิมก็เป็นสังคมที่อ่อนแอ และ ล้มเหลวอยู่แล้วในทุกๆ ด้าน ไม่เอื้ออำนวยนำพาให้ชาติเจริญนั่นเอง
แสดงความคิดเห็น
ทำไมคนรวยบางคนถึงชอบทำตัวเป็นผ้าขี้ริ้วห่อทองครับ
แต่บางคนไม่ได้รวยเท่า แต่ชอบกินหรู ไปเที่ยว ใช้แบรนด์เนม แถมยังโพสต์ FB ตลอด
ทั้งๆที่คนรวยน่าจะมีโอกาสโพสต์มากกว่าด้วยซ้ำ