สวัสดีค่ะ วันนี้ตาลจะมารีวิวผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าสัญชาติญี่ปุ่นทั้งหมด 4 ยี่ห้อ ซึ่งเป็นสินค้านำเข้าที่มีวางขายในตลาดไทยอย่างล้นหลาม นั่นก็คือ Senka, Biore, Bifesta และ Hada Labo เนื่องจากตาลเป็นคนผิวค่อนข้างแห้ง ดังนั้นเลยขอเน้นเอาผลิตภัณฑ์ที่มีสรรพคุณเรื่องคืนความชุ่มชื่นให้แก่ผิวเป็นหลักสำคัญในการรีวิวครั้งนี้นะคะ
ขอพูดถึงเรื่องของการให้คะแนนความสะอาดก่อน ตาลจะใช้ความแตกต่างในการล้างดินสอเขียนขอบตามาเป็นตัวให้คะแนนนะ จะได้เห็นกันชัดๆไปเลย แต่อยากจะบอกว่าการที่โฟมเหล่านี้ล้างอายไลเนอร์ออกได้ไม่หมดจด มันไม่ใช่เรื่องแปลกนะคะะะ เพราะปกติเราควรใช้ผลิตภัณฑ์ล้างเครื่องสำอางล้างก่อนอยู่แล้ว แต่อันนี้ตาลเอามาเทียบให้ดูเพื่อความชัดเจนของแต่ละแบรนด์เท่านั้น
มาเริ่มกันที่ตัวยอดฮิตตลอดกาลอย่าง Senka Perfect Whip กันก่อน ตัวนี้เป็นโฉมเก่าที่ตาลฝากเพื่อนซื้อมาจากญี่ปุ่น ซึ่งราคาไม่กี่เยน และเพื่อนไม่คิดตังค์ เพื่อนดีอ่ะแกรร๊ !! แต่เพื่อความเที่ยงธรรมในการเปรียบเทียบกับตัวอื่นๆ ตาลจะใช้ราคาที่เค้าวางขายในไทยมาเป็นเกณฑ์นะคะ เวลาบีบออกมาจากหลอดจะเป็นเนื้อครีมเหนียวๆ ยืดดีมาก บีบให้ยาวไปสามกิโลโดยไม่ขาดช่วงยังทำได้ (ถ้าไม่หมดหลอดซะก่อน ตึ่งง) ตัวนี้เราสามารถทำเป็น whipped foam แบบฟูฟ่องได้โดยการใช้ตาข่ายทำโฟมจ้า แต่ปกติตาลก็ไม่ทำหรอกนะคะ แหม...สาวๆอย่างเราแค่มีเวลาอาบน้ำก็ดีแล้ว จะให้มานั่งตีโฟมก็สายกันไปใหญ่ (หัวเราะ) ตัว Perfect Whip หลอดนี้นางถูกโฆษณามาว่านอกจากจะช่วยทำความสะอาดสิ่งสกปรกได้อย่างหมดจด ยังคงความเนียนนุ่มและเพิ่มความชุ่มชื่นให้แก่ผิวด้วยจ้า แต่...ทำไมน้องไม่ได้ฟีลลิ่งนั้นคะซิส ตอบบบบบบ... ความหน้ามันหายอันนี้ไม่เถียงค่ะ แต่เรื่องความชุ่มชื่นเนี่ยต้องขอหักแต้มหน่อยละกันนะคะ หลังล้างเสร็จรู้สึกหน้าแห้งตึงจริงๆ
+โดยรวม+ Senka Perfect Whip นางช่วยเรื่องขจัดน้ำมันบนผิวหน้าได้อย่างไม่เหลือคราบเลยค่ะ แต่ก็ต้องแลกมากับความหน้าแห้งหน่อยเนาะ อย่างไรก็ตามจากการทดสอบการทำความสะอาดอายไลเนอร์ (ตัวแทนของสิ่งสกปรก) นางยังทำได้ไม่ดีพอค่ะ ต้องใช้ความพยายามในการถูค่อนข้างสูง ดังนั้นเลยโดนหักคะแนนไปรัวๆ
ตัวถัดมาคือ Biore Marshmallow Foaming ตัวนี้มีดีที่พอกดหัวปั๊มฟองก็ออกมาเลย ไม่ต้องเสียเวลาบิ๊ว โฟมมีความบางเบาและนุ่มละมุนละไม แต่ว่าเนื้อสัมผัสไม่แน่นค่ะ หากปั๊มโฟมออกมาใส่มือแล้วเอียงไปมา เนื้อโฟมจะไหลไปเลย แต่ถึงจะไหลไม่หยุดนางกลับเป็นผู้นำจ่าฝูงในเรื่องความสะอาดนะจ๊ะ เอาซี้ แค่ถูเบาๆ อายไลเนอร์ยังหลุด ฝุ่นควันมลพิษตัวกระจิ๊ดไม่น่ารอด... อย่างไรก็ตามความรู้สึกหลังล้างหน้าเสร็จยังไม่ชุ่มชื่นสะใจเท่าไหร่ มีความแห้งระดับปานกลาง คือบริเวณรอบริมฝีปากตาลเป็นจุดเซนเซอร์ที่ใช้ทดสอบความชุ่มชื่นของผลิตภัณฑ์ได้ดีมาก เพราะแห้งสุดๆไปเลยจ้า ซึ่งพอหลังจากล้างหน้าด้วยเจ้ามาร์ชแมลโล่วนี้แล้ว ตาลรู้สึกได้ถึงความแห้งและคันเล็กน้อยบริเวณรอบริมฝีปาก ดังนั้นเลยสรุปได้ว่าความชุ่มชื่นอยู่ในระดับดี แต่ยังไม่ดีที่สุด
+โดยรวม+ Biore Marshmallow Foaming ทำความสะอาดผิวหน้าได้เริ่ดที่สุดค่ะ แต่ความชุ่มชื่นยังไม่สุดนะ อีกเรื่องที่สังเกตเห็นคือ ตัวโฟมมีส่วนผสมของน้ำและฟองอากาศค่อนข้างเยอะ ดังนั้นหากหน้าใหญ่ก็คงจะต้องใช้โฟมจำนวนมากหน่อยนะคะซิส ใช้เยอะก็หมดเร็ว เปลืองไปอีก
ชิ้นที่ 3 น้องใหม่ไฟแรง Bifesta Foaming Whip (สูตร Moist) ตาลเองใช้ Cleansing Water ของแบรนด์นี้อยู่แล้วค่ะ พูดได้เลยว่าตอนนี้ใช้ไปมากกว่า 10 ขวด พอเห็นนางออกสายโฟมล้างหน้ามาใหม่ ก็อยากลองเป็นธรรมดาเนาะ ตาลเลือกสูตร Moist มาใช้เพราะเป็นสูตรสำหรับคนผิวธรรมดา-ผิวแห้งค่ะ ตัวแพคเกจเป็นหัวปั๊มที่สามารถเสกโฟมได้ด้วยปลายนิ้วสัมผัส (เว่อร์ตลอด โปรดอย่าถือสา) ตัว whipped foam ของ Bifesta จะต่างกับของ Biore อย่างสิ้นเชิงเลยนะคะ เพราะเนื้อคุณเธอแน่นมาก พระเจ้า!! ตาลเดาว่าหัวปั๊มที่เป็นตัวสร้างโฟมเป็นลักษณะคล้ายกับที่ใช้ในขวดมูสจัดแต่งทรงผม เพราะเนื้อสัมผัสเหมือนกันเลย ละเอียด นุ่ม และแน่นมากจ้า...
ตาลถ่ายรูปให้เห็นชัดๆไปเลยนะคะ เนื้อโฟมของ Bifesta คือ ฟูและละมุนละไมถึงขีดสุด หากทดสอบโดยการคว่ำมือลง จะเห็นได้เลยว่าเนื้อโฟมหนาแน่นมาก แน่นจนไม่หลุดออกจากมือเลย ความหนาแน่นนี้จะช่วยให้มือของเพื่อนๆไม่สัมผัสถูกผิวหน้าโดยตรง หน้าเพื่อนๆก็จะไม่เหี่ยวนั่นเองจ้า
เรามาพูดถึงเรื่องประสิทธิภาพในการทำความสะอาดกันต่อ ถึงแม้จะยังเหลือร่องรอยปริศนาอายไลเนอร์อยู่บ้าง แต่ก็ถือว่านางขจัดคราบความสกปรกได้ดีทีเดียว ส่วนเรื่องความชุ่มชื่นตาลให้เป็นที่ 1 เลยค่า ล้ำค่าดาวล้านดวง คือหลังจากล้างหน้าไม่มีความรู้สึกตึงที่ผิวเลย หน้านุ่มและชุ่มชื่นมากค่ะ เอาใจคนผิวแห้งอย่างตาลไปเต็มๆ
+โดยรวม+ Bifesta Foaming Whip (Moist) เป็นโฟมล้างหน้าที่ให้ความชุ่มชื่นเกินบรรยาย หลังล้างหน้าเสร็จคือนั่งไถเฟสบุ๊คไปได้สักพักโดยที่ไม่ต้องรีบวิ่งไปโบกครีมบำรุงผิวเลย ผิวหน้าชุ่มชื่นมาก ไม่มีอาการผิวแห้งตึงหรือคันยิบๆ ชอบจังเลยค่ะ ส่วนเรื่องของกลิ่นตาลให้คะแนนสูงกว่าตัวอื่นเพราะกลิ่นหอมถูกจริตนี่มาก ตัวหัวปั๊มโฟมอาจจะกะปริมาณที่ต้องการได้ยากนิดหน่อยนะคะ พอกดทีนางก็กรูกันออกมาเป็นก้อนโต ซึ่งอาจจะต้องอาศัยความเคยชินในการกดกันสักหน่อย
ตัวสุดท้ายยยย Hada Labo Super Hyaluronic Acid Hydrating Face Wash ตัวนี้เป็นสูตรที่เน้นเรื่องความชุ่มชื่นเป็นพิเศษ และมีราคาแพงกว่าสูตรอื่นๆในแบรนด์เดียวกัน แต่ว่าประสิทธิภาพนางดีงามเลยแหละค่ะ แต้มคะแนนความชุ่มชื่นและความสะอาดตีคู่มากับ Bifesta เลย หากมาเทียบเนื้อครีมของ Hada Labo กับ Senka จะเห็นได้ชัดว่า Senka มีความหนึบมากกว่า ดังนั้นเวลาถูไปบนผิวจะให้ความรู้สึกนุ่มละมุนมากกว่าเนื้อครีมของ Hada Labo ค่ะ อันนี้ก็ต้องแล้วแต่ความชอบส่วนบุคคลนะ หากไม่ได้ใส่ใจเรื่องความนุ่มละมุนละไม ความฟินระหว่างที่นิ้วหมุนวนบนใบหน้าเท่าไหร่ ประเด็นนี้ก็ไม่ใช่ปัญหาจ้า สำหรับตาลปัญหาอยู่ที่กลิ่นของนางมากกว่า บอกตามตรงว่าไม่ค่อยชอบกลิ่นเลย ออกแนวพลาสติกยังไงบอกไม่ถูก (บางคนอาจจะชอบนะคะ เรื่องกลิ่นนี่ตัดสินแทนไม่ได้จริงๆ)
+โดยรวม+ Hada Labo Super Hyaluronic Acid Hydrating Face Wash สร้างความประทับใจเรื่องความชุ่มชื่นได้ดีเลย ให้คะแนนเท่ากับ Bifesta ไปนะคะ ณ จุดจุดนี้ ส่วนข้อเสียที่ไม่อาจมองข้ามได้ก็คือราคานั่นเองจ้า เธอให้น้อยสุด แต่ทำไมเธอแพงสุด... แต่เอาเถอะค่ะ ใครเงินหนาก็จัดไป อย่าได้แคร์
สรุปจ้า ความเห็นส่วนตัวตาลชอบ Bifesta ที่สุด ให้เป็นอันดับ 1 ในใจไปเลย รองลงมาคือ Hada Labo ค่ะ ส่วนเหตุผลที่ตาลชอบ 2 ตัวนี้ที่สุด เพราะตาลให้ความสำคัญเรื่องความชุ่มชื่นมาก่อนสิ่งอื่นใด ถึงแม้เรื่องความสะอาดนางอาจจะไม่ได้คะแนนสูงสุด แต่อย่าลืมนะคะว่าปกติเราต้องใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเครื่องสำอางก่อนโฟมล้างหน้าอยู่แล้ว ดังนั้นตาลคิดว่าระดับความสะอาดเท่านี้ก็เกินพอแล้วค่ะคุณณณ และที่ Bifesta คว้าเหรียญทองไปในโปรแกรมนี้ก็เพราะนางถูกและสะดวกต่อการใช้งานมากจ้าาา ราคาสวย ฟองโฟมสวย ส่วนคนใช้นอกจากจะสวยแล้วก็จะไม่จนด้วยค่ะ เริ่ด!
หวังว่าเพื่อนๆจะชอบรีวิวครั้งแรกของตาลที่นี่นะคะ ตั้งใจเขียนสุดๆ ถ้ามีข้อผิดพลาดอะไรก็ขออภัยด้วยน้า
สำหรับใครที่อยากดูรีวิวอื่นๆหรือฮาวทูสอนแต่งหน้า ก็ตามไปดูได้ที่ Facebook Fanpage หรือ Instagram ของตาลได้เลย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้FB page : https://www.facebook.com/TarnWitii/
IG : https://www.instagram.com/tarnwitii/
[CR] รีวิวโฟมล้างหน้าสูตรเพิ่มความชุ่มชื่น
ขอพูดถึงเรื่องของการให้คะแนนความสะอาดก่อน ตาลจะใช้ความแตกต่างในการล้างดินสอเขียนขอบตามาเป็นตัวให้คะแนนนะ จะได้เห็นกันชัดๆไปเลย แต่อยากจะบอกว่าการที่โฟมเหล่านี้ล้างอายไลเนอร์ออกได้ไม่หมดจด มันไม่ใช่เรื่องแปลกนะคะะะ เพราะปกติเราควรใช้ผลิตภัณฑ์ล้างเครื่องสำอางล้างก่อนอยู่แล้ว แต่อันนี้ตาลเอามาเทียบให้ดูเพื่อความชัดเจนของแต่ละแบรนด์เท่านั้น
มาเริ่มกันที่ตัวยอดฮิตตลอดกาลอย่าง Senka Perfect Whip กันก่อน ตัวนี้เป็นโฉมเก่าที่ตาลฝากเพื่อนซื้อมาจากญี่ปุ่น ซึ่งราคาไม่กี่เยน และเพื่อนไม่คิดตังค์ เพื่อนดีอ่ะแกรร๊ !! แต่เพื่อความเที่ยงธรรมในการเปรียบเทียบกับตัวอื่นๆ ตาลจะใช้ราคาที่เค้าวางขายในไทยมาเป็นเกณฑ์นะคะ เวลาบีบออกมาจากหลอดจะเป็นเนื้อครีมเหนียวๆ ยืดดีมาก บีบให้ยาวไปสามกิโลโดยไม่ขาดช่วงยังทำได้ (ถ้าไม่หมดหลอดซะก่อน ตึ่งง) ตัวนี้เราสามารถทำเป็น whipped foam แบบฟูฟ่องได้โดยการใช้ตาข่ายทำโฟมจ้า แต่ปกติตาลก็ไม่ทำหรอกนะคะ แหม...สาวๆอย่างเราแค่มีเวลาอาบน้ำก็ดีแล้ว จะให้มานั่งตีโฟมก็สายกันไปใหญ่ (หัวเราะ) ตัว Perfect Whip หลอดนี้นางถูกโฆษณามาว่านอกจากจะช่วยทำความสะอาดสิ่งสกปรกได้อย่างหมดจด ยังคงความเนียนนุ่มและเพิ่มความชุ่มชื่นให้แก่ผิวด้วยจ้า แต่...ทำไมน้องไม่ได้ฟีลลิ่งนั้นคะซิส ตอบบบบบบ... ความหน้ามันหายอันนี้ไม่เถียงค่ะ แต่เรื่องความชุ่มชื่นเนี่ยต้องขอหักแต้มหน่อยละกันนะคะ หลังล้างเสร็จรู้สึกหน้าแห้งตึงจริงๆ
+โดยรวม+ Senka Perfect Whip นางช่วยเรื่องขจัดน้ำมันบนผิวหน้าได้อย่างไม่เหลือคราบเลยค่ะ แต่ก็ต้องแลกมากับความหน้าแห้งหน่อยเนาะ อย่างไรก็ตามจากการทดสอบการทำความสะอาดอายไลเนอร์ (ตัวแทนของสิ่งสกปรก) นางยังทำได้ไม่ดีพอค่ะ ต้องใช้ความพยายามในการถูค่อนข้างสูง ดังนั้นเลยโดนหักคะแนนไปรัวๆ
ตัวถัดมาคือ Biore Marshmallow Foaming ตัวนี้มีดีที่พอกดหัวปั๊มฟองก็ออกมาเลย ไม่ต้องเสียเวลาบิ๊ว โฟมมีความบางเบาและนุ่มละมุนละไม แต่ว่าเนื้อสัมผัสไม่แน่นค่ะ หากปั๊มโฟมออกมาใส่มือแล้วเอียงไปมา เนื้อโฟมจะไหลไปเลย แต่ถึงจะไหลไม่หยุดนางกลับเป็นผู้นำจ่าฝูงในเรื่องความสะอาดนะจ๊ะ เอาซี้ แค่ถูเบาๆ อายไลเนอร์ยังหลุด ฝุ่นควันมลพิษตัวกระจิ๊ดไม่น่ารอด... อย่างไรก็ตามความรู้สึกหลังล้างหน้าเสร็จยังไม่ชุ่มชื่นสะใจเท่าไหร่ มีความแห้งระดับปานกลาง คือบริเวณรอบริมฝีปากตาลเป็นจุดเซนเซอร์ที่ใช้ทดสอบความชุ่มชื่นของผลิตภัณฑ์ได้ดีมาก เพราะแห้งสุดๆไปเลยจ้า ซึ่งพอหลังจากล้างหน้าด้วยเจ้ามาร์ชแมลโล่วนี้แล้ว ตาลรู้สึกได้ถึงความแห้งและคันเล็กน้อยบริเวณรอบริมฝีปาก ดังนั้นเลยสรุปได้ว่าความชุ่มชื่นอยู่ในระดับดี แต่ยังไม่ดีที่สุด
+โดยรวม+ Biore Marshmallow Foaming ทำความสะอาดผิวหน้าได้เริ่ดที่สุดค่ะ แต่ความชุ่มชื่นยังไม่สุดนะ อีกเรื่องที่สังเกตเห็นคือ ตัวโฟมมีส่วนผสมของน้ำและฟองอากาศค่อนข้างเยอะ ดังนั้นหากหน้าใหญ่ก็คงจะต้องใช้โฟมจำนวนมากหน่อยนะคะซิส ใช้เยอะก็หมดเร็ว เปลืองไปอีก
ชิ้นที่ 3 น้องใหม่ไฟแรง Bifesta Foaming Whip (สูตร Moist) ตาลเองใช้ Cleansing Water ของแบรนด์นี้อยู่แล้วค่ะ พูดได้เลยว่าตอนนี้ใช้ไปมากกว่า 10 ขวด พอเห็นนางออกสายโฟมล้างหน้ามาใหม่ ก็อยากลองเป็นธรรมดาเนาะ ตาลเลือกสูตร Moist มาใช้เพราะเป็นสูตรสำหรับคนผิวธรรมดา-ผิวแห้งค่ะ ตัวแพคเกจเป็นหัวปั๊มที่สามารถเสกโฟมได้ด้วยปลายนิ้วสัมผัส (เว่อร์ตลอด โปรดอย่าถือสา) ตัว whipped foam ของ Bifesta จะต่างกับของ Biore อย่างสิ้นเชิงเลยนะคะ เพราะเนื้อคุณเธอแน่นมาก พระเจ้า!! ตาลเดาว่าหัวปั๊มที่เป็นตัวสร้างโฟมเป็นลักษณะคล้ายกับที่ใช้ในขวดมูสจัดแต่งทรงผม เพราะเนื้อสัมผัสเหมือนกันเลย ละเอียด นุ่ม และแน่นมากจ้า...
ตาลถ่ายรูปให้เห็นชัดๆไปเลยนะคะ เนื้อโฟมของ Bifesta คือ ฟูและละมุนละไมถึงขีดสุด หากทดสอบโดยการคว่ำมือลง จะเห็นได้เลยว่าเนื้อโฟมหนาแน่นมาก แน่นจนไม่หลุดออกจากมือเลย ความหนาแน่นนี้จะช่วยให้มือของเพื่อนๆไม่สัมผัสถูกผิวหน้าโดยตรง หน้าเพื่อนๆก็จะไม่เหี่ยวนั่นเองจ้า
เรามาพูดถึงเรื่องประสิทธิภาพในการทำความสะอาดกันต่อ ถึงแม้จะยังเหลือร่องรอยปริศนาอายไลเนอร์อยู่บ้าง แต่ก็ถือว่านางขจัดคราบความสกปรกได้ดีทีเดียว ส่วนเรื่องความชุ่มชื่นตาลให้เป็นที่ 1 เลยค่า ล้ำค่าดาวล้านดวง คือหลังจากล้างหน้าไม่มีความรู้สึกตึงที่ผิวเลย หน้านุ่มและชุ่มชื่นมากค่ะ เอาใจคนผิวแห้งอย่างตาลไปเต็มๆ
+โดยรวม+ Bifesta Foaming Whip (Moist) เป็นโฟมล้างหน้าที่ให้ความชุ่มชื่นเกินบรรยาย หลังล้างหน้าเสร็จคือนั่งไถเฟสบุ๊คไปได้สักพักโดยที่ไม่ต้องรีบวิ่งไปโบกครีมบำรุงผิวเลย ผิวหน้าชุ่มชื่นมาก ไม่มีอาการผิวแห้งตึงหรือคันยิบๆ ชอบจังเลยค่ะ ส่วนเรื่องของกลิ่นตาลให้คะแนนสูงกว่าตัวอื่นเพราะกลิ่นหอมถูกจริตนี่มาก ตัวหัวปั๊มโฟมอาจจะกะปริมาณที่ต้องการได้ยากนิดหน่อยนะคะ พอกดทีนางก็กรูกันออกมาเป็นก้อนโต ซึ่งอาจจะต้องอาศัยความเคยชินในการกดกันสักหน่อย
ตัวสุดท้ายยยย Hada Labo Super Hyaluronic Acid Hydrating Face Wash ตัวนี้เป็นสูตรที่เน้นเรื่องความชุ่มชื่นเป็นพิเศษ และมีราคาแพงกว่าสูตรอื่นๆในแบรนด์เดียวกัน แต่ว่าประสิทธิภาพนางดีงามเลยแหละค่ะ แต้มคะแนนความชุ่มชื่นและความสะอาดตีคู่มากับ Bifesta เลย หากมาเทียบเนื้อครีมของ Hada Labo กับ Senka จะเห็นได้ชัดว่า Senka มีความหนึบมากกว่า ดังนั้นเวลาถูไปบนผิวจะให้ความรู้สึกนุ่มละมุนมากกว่าเนื้อครีมของ Hada Labo ค่ะ อันนี้ก็ต้องแล้วแต่ความชอบส่วนบุคคลนะ หากไม่ได้ใส่ใจเรื่องความนุ่มละมุนละไม ความฟินระหว่างที่นิ้วหมุนวนบนใบหน้าเท่าไหร่ ประเด็นนี้ก็ไม่ใช่ปัญหาจ้า สำหรับตาลปัญหาอยู่ที่กลิ่นของนางมากกว่า บอกตามตรงว่าไม่ค่อยชอบกลิ่นเลย ออกแนวพลาสติกยังไงบอกไม่ถูก (บางคนอาจจะชอบนะคะ เรื่องกลิ่นนี่ตัดสินแทนไม่ได้จริงๆ)
+โดยรวม+ Hada Labo Super Hyaluronic Acid Hydrating Face Wash สร้างความประทับใจเรื่องความชุ่มชื่นได้ดีเลย ให้คะแนนเท่ากับ Bifesta ไปนะคะ ณ จุดจุดนี้ ส่วนข้อเสียที่ไม่อาจมองข้ามได้ก็คือราคานั่นเองจ้า เธอให้น้อยสุด แต่ทำไมเธอแพงสุด... แต่เอาเถอะค่ะ ใครเงินหนาก็จัดไป อย่าได้แคร์
สรุปจ้า ความเห็นส่วนตัวตาลชอบ Bifesta ที่สุด ให้เป็นอันดับ 1 ในใจไปเลย รองลงมาคือ Hada Labo ค่ะ ส่วนเหตุผลที่ตาลชอบ 2 ตัวนี้ที่สุด เพราะตาลให้ความสำคัญเรื่องความชุ่มชื่นมาก่อนสิ่งอื่นใด ถึงแม้เรื่องความสะอาดนางอาจจะไม่ได้คะแนนสูงสุด แต่อย่าลืมนะคะว่าปกติเราต้องใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเครื่องสำอางก่อนโฟมล้างหน้าอยู่แล้ว ดังนั้นตาลคิดว่าระดับความสะอาดเท่านี้ก็เกินพอแล้วค่ะคุณณณ และที่ Bifesta คว้าเหรียญทองไปในโปรแกรมนี้ก็เพราะนางถูกและสะดวกต่อการใช้งานมากจ้าาา ราคาสวย ฟองโฟมสวย ส่วนคนใช้นอกจากจะสวยแล้วก็จะไม่จนด้วยค่ะ เริ่ด!
หวังว่าเพื่อนๆจะชอบรีวิวครั้งแรกของตาลที่นี่นะคะ ตั้งใจเขียนสุดๆ ถ้ามีข้อผิดพลาดอะไรก็ขออภัยด้วยน้า
สำหรับใครที่อยากดูรีวิวอื่นๆหรือฮาวทูสอนแต่งหน้า ก็ตามไปดูได้ที่ Facebook Fanpage หรือ Instagram ของตาลได้เลย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้