เคยมีคนบอกหรือเล่าให้คุณฟังใหมว่า สถานที่บางแห่ง เช่น โรงเรียน นั้น อาจจะเป็นเป็นที่อยู่ของคนตายมาก่อน เรื่องมีอยู่ว่า ผมได้มีโอกาสไปออกค่ายอาสากับเพื่อน ๆ ณ โรงเรียนแห่งหนึ่งแถบภาคอีสาน ขอข้ามรายละเอียดอื่น แล้วก็เข้าเรื่องเลย ทาง รร ได้จัดให้พัก ณ อาคารเรียน โดยแน่นอน นศ.หญิงและอาจารย์หญิง ได้รับสิทธินั้น แต่ นศ.ชายกับอาจารย์ชาย จะไปกางเต็นท์นอนกัน หน้าตึก ซึ่งดู ๆ แล้วก็คงจะปกติใช่ใหมครับ แต่ไม่เลย เหตุการณ์มันเกิดขึ้นคืนแรกเลย ต้องขอบอกว่าเต็นท์ผู้ชายนั้น เป็นเต็นขนาดที่นอนได้เต็นละสองคน ผมนั้นนอนกับเพื่อนที่ชื่อว่าพี ในกลางดึกราว ๆ เที่ยงคืนของคืนนั้น พีมันนอนหลับปุ๋ย แต่ผมเกิดปวดเบาขึ้นมาก จึงลุกออกจากเต็นท์เพื่อจะเดินไปเข้าห้องน้ำ ซึ่งห้องนำ้ของโรงเรียน ที่ทางโรงเรียนให้ ชายเข้านั้น จะอยู่ข้างหลังอาคารเรียน ส่วนห้องน้ำภายในอาคารถูกจัดให้ หญิง เข้า ซึ่งผมจะต้องเดินตามทางเดินอ้อมด้านข้างของอาคารไป เพื่อที่จะไปยังห้องนำ้ พร้อมกับไฟฉายกระบอกเล็กๆ หนึ่งอัน ระยะทางจากเต็นท์หน้าอาคารอ้อมข้างอาคารไปจนถึงห้องนำ้ก็ประมาณ 100 เมตร หรืออาจจะมากกว่านั้น แล้วถัดจากห้องนำ้ไปประมาณ 200 เมตร จะเป็นบ้านพักครูเก่า ๆ หลังหนึ่ง ด้านหลังบ้านพักครูจะเป็นป่ารกค่อนข้างจะทึบ ผมไม่คิดอะไรค่อย ๆ เดินตามแสงไฟฉายมาเรื่อย ๆ เพื่อจะไปห้องนำ้ แต่แล้วสายตาของผมก็มองไปที่บ้านพักครูหลังนั้น สิ่งที่ผมเห็นคือ เหมือนมีใครบางคนนั่งแกว่งขาอยู่บนระเบียงบ้านแบบมืด ๆ ผมไม่แน่ใจว่าเป็นชายหรือหญิง ผมก็คิดแต่เพียงว่า ครูคนที่พักบ้านหลังนั้นคงจะมานั่งเล่นรับลมเย็น ๆ ที่ระเบียงบ้านมั้ง ผมจึงไม่สนใจอีก ผมรีบเข้าไปทำธุระในห้องนำ้ หลังจากเสร็จแล้ว ผมก็เดินออกจากห้องนำ้ แต่สายตาเจ้ากรรมผมก็เหลียวขึ้นไปมองที่บ้านพักครูอีก ก็ยังเห็นภาพเหมือนเดิม ก็ไม่คิดอะไร ผมจึงหันกลับเดินต่อไปเพื่อจะเดินไปนอนที่เต็นท์ต่อ แต่แล้วจู่ ๆ ผมก็ได้ยินเสียงเหมือนอะไรหล่นตกมาที่พื้นดินดังปุ๊ก ๆ ผมจึงรีบหันกลับไปดู สิ่งที่พบคือ คนที่อยู่บนบ้านพักครูหลังนั้นค่อย ๆ เดินลงบันใดมาที่หน้าบ้าน แต่มาในสภาพไม่ธรรมดา คือ เขาเดินลงมาเก็บศรีษะตัวเองที่กลิ้งอยู่บนพื้น ขึ้นมาตั้งใส่บนบ่าของตนเอง ผมเห็นเท่านั้นแหล่ะ รีบวิ่งป่าราบกลับไปที่เต็นท์เลย ผมอยากจะร้องตะโกนแต่มันก็เหมือนมีอะไรติดที่คอ ร้องไม่ออก กลับมาที่เต็นท์ได้แต่นอนคลุมโปงภายในเต็นท์ ดีน่ะที่ผมไม่หัวโกร๋นซะก่อน แต่ผมก็ไม่ได้เล่าเรื่องนี้ให้เพื่อนฟัง เพราะไม่อยากให้เพื่อนคนที่มีความเชื่อเรื่องแบบนี้กลัว ส่วนคนที่ไม่เชื่อเรื่องแบบนี้ก็จะหัวเราะ หรือไม่ก็อาจจะหาว่าผมบ้าเอา หลังจากวันนั้น จนกระทั่งเสร็จกิจกรรมวันสุดท้าย ผมก็ไม่เข้าห้องนำ้หลังอาคารตอนกลางคืนอีกเลย
ค่ายอาสาระทึกขวัญ