สวัสดีครับท่านผู้อ่านทุกท่าน
กระผมคือวัยรุ่นผู้ชายธรรมดาทั่วไป ที่ฟังเพลงไทยมามากในเมื่อก่อน จนเมื่ออายุก็เริ่มมากขึ้น แถมในช่วงมหา'ลัยก็ได้เรียนโปรแกรมภาษาอังกฤษ จึงทำให้เพิ่มลิสต์ในการฟังเพลงเพิ่มคือ ฟังเพลงสากลเพิ่มขึ้น แต่... เพลงเกาหลี ไม่ได้ทำให้ผมสนใจเท่าไหร่นัก ผมจำได้ว่าเมื่อก่อนฟังเพลงเกาหลีก็มีแค่เพลงที่มันดัง ๆ แค่นั้น แล้วก็ไม่ได้สนใจอีกเลย
ย้อนกลับไปที่หัวข้อของผมคือ "เกลียดเกาหลี" ต้องบอกก่อนว่า ที่เขียนมาแบบนี้เพราะเป็นอารมณ์วัยรุ่นผู้ชายในเวลานั้น คือความมุ้งมิ้งไม่ควรเข้ามายุ่ง เพราะอาจจะถูกคนอื่นมองว่าเกย์ หรือกะเทยก็เป็นได้ เหตุผลอีกอย่างคือ ผมเรียนโรงเรียนชายล้วนด้วย สิ่งหนึ่งที่ผูกมัดความเป็นชายในยุคนั้นคือเพลงฮิปฮอป ผมได้ความเป็นฮิปฮอป อาร์ แอนด์ บี มาจากครอบครัว ที่รักการเต้นบี-บอย หรืออะไรต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับบี-บอย จนเวลาผ่านเรื่อยมาก็ได้ฟังเพลงไทยแนวฮิปฮอปเพิ่มมาด้วย
ผมชอบนักร้องหญิงคนนึงในประเทศคือ "หวาย กามิกาเซ่"
เหตุที่ชอบคือ ผมชอบเพลงแนวฮิปฮอปและอาร์ แอนด์ บี มีหวายนี่แหละที่ค่อนข้างจะดัง แถมน่ารักอีกต่างหาก ผู้ชายคนไหนหล่ะจะไม่ชอบ ด้วยความที่หวายอยู่ในกามิกาเซ่ ซึ่งเป็นวงที่มีแต่นักร้องหญิงน่ารัก ๆ มันทำให้ใจผมตุ้ม ๆ ต่อม ๆ เผลอรักอีกหลาย ๆ คนเพิ่มไปอีก สุดท้าย... ผมกลายเป็นติ่ง "กามิกาเซ่"
จากเด็กผู้ชายที่เรียนโรงเรียนชายล้วน กลายเป็นว่า เอาความน่ารักไปให้เพื่อน ๆ ดูในทุกวัน ฟังเพลงกามิฯทุกวัน ทัศนคติก็เปลี่ยนไป รับความมุ้งมิ้งเพิ่มขึ้น และยังเป็นชายแท้อีกด้วย
ศิลปินในกามิกาเซ่ ก็เป็นอีกวงนึงที่ค่อนข้างเชื่อมกับวงทางเกาหลีคือ มีท่าเต้น และยังร้องไปด้วย มีอะไรหลายอย่างที่คล้ายกันมาก ผมก็เลยไม่ได้รู้สึกเกลียดอะไรกับเกาหลีอีกเลย จนผมได้มาเรียนในมหาลัย ที่ที่มีเพื่อนผู้หญิงเยอะมาก คงไม่พ้นที่เพื่อนจะเป็นติ่งเกาหลีด้วย แถมได้มาเจอแฟนที่นี่ แฟนก็คงเป็นติ่งเกาหลีอีกต่างหาก
ชีวิตผมในด้านวงเกาหลีเปลี่ยนไป กลายเป็นว่าแฟนเปิดเพลงเกาหลีกรอกหูทุกวัน เปิดรูปหนุ่มเกาหลีให้ดูทุกวัน จนทุกวันนี้ ผมแทบจะร้องเพลงเกาหลีที่แฟนเปิดให้ฟังได้
แฟนผมเป็นติ่ง BTS แชร์นู่น แชร์นี่หนุ่ม ๆ เขาทั้งนั้น โชคดีที่เราคบกันแบบเข้าใจกัน ผมไม่ได้หึงหวงอะไรแบบนั้นเลย เขารัก เขาชอบอะไรก็เป็นสิทธิ์ของเขา แค่เห็นเขามีความสุขก็พอ
วง BTS เป็นวงที่มีคอนเสิร์ตที่ไทยแทบทุกปีตั้งแต่ Debut (แหน่ะ ยังรู้ศัพท์เดบิวต์อีก) แฟนผมไม่เคยไปคอนพวกเขาเลย จนปีนี้ก็ยังมาอีก หลังจากประกาศวันขายบัตร แฟนก็ตั้งหน้าตั้งตาไปคอนครั้งแรกในชีวิตเขาให้ได้ จนถึงวันกดบัตร ผมก็ไปนั่งกดเป็นเพื่อน สุดท้ายผมกดได้ ดีใจอย่างกับถูกหวย มันเป็นความรู้สึกที่ท้าทายมาก เพราะเหมือนกับการเล่นเกมหน้าคอมทุกวัน ๆ โดยเราเลือกวันเสาร์ เพราะต้องรีบกลับมาทำธุระที่ต่างจังหวัด และเลือกนั่งมากกว่ายืนในหลุ่ม เพราะแฟนกลัวเราลำบากเวลาไปยืนอัดกัน หลังจากเสร็จสิ้นภาระกิจกดบัตร สุดท้ายก็รอและเตรียมตัวไปคอนฯอย่างเดียว
จนมาถึงวันงาน...
คอนเสิร์ตของ BTS ปีนี้มี 2 รอบ (เสาร์และอาทิตย์) เราเตรียมที่พักไปก่อนหน้านี้แล้ว เลยไม่มีปัญหาอะไร ทำให้วันศุกร์เราได้นอน 1 คืน และตื่นตอนเช้าวันเสาร์เพื่อมาหน้างาน ผมก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าทำไมถึงต้องไปเช้ากันขนาดนี้ จนได้ไปเห็นกับตา
ภายในงานมีคนมารอเข้าคิวสำหรับบัตรยืนมากมาย อีกทั้งมีกิจกรรมต่าง ๆ เช่น เต้น Cover มีวง Cover ดัง ๆ ของเมืองไทยมาให้สาว ๆ กรี๊ดด้วย พูดถึงสาว ๆ เหตุผลที่ผมมางานนี้คือ ได้เห็นสาว ๆ ทั่วประเทศอย่างแน่นอน
อีกทั้งยังมีของขายในตลาดนัดอีกด้วย นอกจากของขายก็ยังมีของแจกฟรีอีกต่างหาก
เราได้เดินภายในงานตั้งแต่เช้า เหงื่อออกเป็นกะละมัง แต่ผมก็ไม่ได้ปริปากบ่นสักคำ เพราะอยากรู้ว่าทำไมสาว ๆ เมืองไทย ถึงคลั่งไคล้หนุ่ม ๆ เกาหลีกันขนาดนี้
จนใกล้ถึงเวลา ผมกับแฟนก็ได้พากันเข้าคอนฯโดยเร็ว เพราะกลัวจะอึดอัดตอนคนเดินเบียดกัน เราเดินผ่านจุดตรวจแบบสบาย ๆ ไม่มีปัญหา เดินชิว ๆ ขึ้นบันไดไปยังที่นั่ง พร้อมแชะภาพนิดหน่อย
จนมาถึงใน Impact Arena ที่ ๆ ไม่เคยเข้ามาสักครั้งในชีวิต ผมแทบตกใจ เพราะผมเห็นเวทีคอนเสิร์ตมันใกล้มาก อาจจะเป็นเพราะเวทีใหญ่ด้วย ผมเคยดูคอนเสิร์ตมาแล้วคือ คอนเสิร์ต Linkin Park เมื่อปี 2011 ซึ่งการจัดโซนต่างกันเห็นได้ชัด เมื่ออึ้งซักพักก็เดินไปหาที่นั่ง แต่เรานับไม่เป็นซะด้วยสิ ก็ได้ถามติ่งที่เข้ามาก่อนหน้านี้คนนึงว่าแถวผมมันอยู่ตรงไหน แต่ต้องตกใจเล็กน้อย เพราะคนที่ผมไปทักคือคนเกาหลี โชคดีสุด ๆ ที่เขาพูดอังกฤษค่อนข้างดี เขาบอกว่าไม่รู้เหมือนกัน และเขาก็บอกแถวของเขาพร้อมทั้งบอกว่าการ์ดเป็นคนบอกที่นั่ง เขาแนะนำให้ไปถามการ์ด ต้องขอบคุณมิตรภาพเพื่อนร่วมโลกคนนี้ด้วย
ผมได้เบนเข็มไปยังการ์ดที่กำลังเดินมาพอดี จนเขาพาไปที่นั่งแบบเสร็จสรรพ เราก็ไม่รอช้าแชะรูปมา
ในช่วงเวลาที่รอศิลปินตอนนั้น ผมรู้สึกอินไปด้วย อาจเป็นเพราะนี่คือศิลปินตัวเป็น ๆ ใคร ๆ ก็ตื่นเต้นอยากเจอกันทั้งนั้น
สิ่งหนึ่งภายในคอนฯที่ผมงงคือ ทางผู้จัดเขาเปิด MV ให้ดูก่อนคอนฯเริ่ม สาว ๆ ในหลุมหน้าเวทีเขากรี๊ดอะไรกัน? กรี๊ดตาม MV ด้วย อาจจะเป็นไปว่าวอร์มเสียงก็ได้มั้ง 5555
และแล้ววินาทีคอนเสิร์ตก็เริ่มต้นขึ้น เสียงกรี๊ดที่ผมไม่เคยได้ยินมาก่อนในชีวิต มันสะเทือนแก้วหูจนอื้อไปหมดเลย ที่นั่งข้าง ๆ ไปจนถึงที่นั่งอีกฝั่งของผมร่วมใจกันเปิดไฟจากแท่งไฟเล็ก ๆ ที่เขาเรียกกันว่า อาร์มี่บอมบ์ ผมนี่แบบ เห้ยยย นี่ไม่ธรรมดาแล้ว คอนเสิร์ตอะไร มันของเล่นเยอะดีจัง และยังมีโปรเจ็คต์อันสวยงามอีกด้วย
ขณะที่ผมชื่นชมความสวยงามนั้น ที่นั่งที่ผมไม่ค่อยได้เห็นคือแถว ๆ บนหัวนั่นเอง ผมก็ได้แอบดูเป็นครั้งคราว ทำให้ผมเหลือไปเห็นพ่อลูกหลายคู่ คุณพ่อมานั่งดูกับลูก เป็นภาพที่ชื่นใจแทนจริง ๆ และพ่อลูกคู่หนึ่งที่ผมสะดุดตาก็คือคู่นี้
ผมค่อนข้างมั่นใจว่าคนพ่อคือตลกคนดัง เด๋อ ดอกสะเดา หรือถ้าไม่ใช่ ใครนั่งข้าง ๆ คุณพ่อคนนี้ช่วยบอกผมทีว่าผมดูผิด 5555
นอกจากบรรยากาศที่ผมซึมซับไปมากมาย ผมได้เห็นการจัดแสงสีเสียงที่ลงตัว การร้องและเต้นของศิลปินที่ผมยังทึ่งว่า เขาทำได้ไง ทุกวันนี้ผมร้องเพลงไปเต้นไปด้วยยังไม่ได้เลย
สุดท้ายที่ผมอยากนำมาเสนอสำหรับคนทั่ว ๆ ไปคือ ในช่วงที่คอนเสิร์ตใกล้จบ ศิลปินจะเดินมาขอบคุณแฟน ๆ มันมีความรู้สึกที่จากกันจริง ๆ ไม่ได้เสแสร้งใด ๆ ทำให้ผมเข้าใจทั้งศิลปินและติ่งว่าพวกเขารักกันมาก ๆ อีกด้วย
สำหรับคอนฯนี้ ผมให้ 8/10 ค่อนข้างเป็นคอนฯที่ดีคอนฯนึง มันเปลี่ยนทัศนคติของผมไปเยอะ หวังว่าอนาคตจะมีคอนเสิร์ตศิลปินต่างประเทศเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าตัว เพราะที่นี่คือฐานแฟนเพลงชั้นดีเลย
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะครับ
เขียนผิดพลาดประการใดก็ขออภัยด้วย
ถ้ากระทู้นี้ดีอย่างไร ช่วยแชร์กันด้วยเน้ออออ
จากคนเคยเกลียดเกาหลี จนได้ไปคอนเสิร์ต BTS
สวัสดีครับท่านผู้อ่านทุกท่าน กระผมคือวัยรุ่นผู้ชายธรรมดาทั่วไป ที่ฟังเพลงไทยมามากในเมื่อก่อน จนเมื่ออายุก็เริ่มมากขึ้น แถมในช่วงมหา'ลัยก็ได้เรียนโปรแกรมภาษาอังกฤษ จึงทำให้เพิ่มลิสต์ในการฟังเพลงเพิ่มคือ ฟังเพลงสากลเพิ่มขึ้น แต่... เพลงเกาหลี ไม่ได้ทำให้ผมสนใจเท่าไหร่นัก ผมจำได้ว่าเมื่อก่อนฟังเพลงเกาหลีก็มีแค่เพลงที่มันดัง ๆ แค่นั้น แล้วก็ไม่ได้สนใจอีกเลย
ย้อนกลับไปที่หัวข้อของผมคือ "เกลียดเกาหลี" ต้องบอกก่อนว่า ที่เขียนมาแบบนี้เพราะเป็นอารมณ์วัยรุ่นผู้ชายในเวลานั้น คือความมุ้งมิ้งไม่ควรเข้ามายุ่ง เพราะอาจจะถูกคนอื่นมองว่าเกย์ หรือกะเทยก็เป็นได้ เหตุผลอีกอย่างคือ ผมเรียนโรงเรียนชายล้วนด้วย สิ่งหนึ่งที่ผูกมัดความเป็นชายในยุคนั้นคือเพลงฮิปฮอป ผมได้ความเป็นฮิปฮอป อาร์ แอนด์ บี มาจากครอบครัว ที่รักการเต้นบี-บอย หรืออะไรต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับบี-บอย จนเวลาผ่านเรื่อยมาก็ได้ฟังเพลงไทยแนวฮิปฮอปเพิ่มมาด้วย
ผมชอบนักร้องหญิงคนนึงในประเทศคือ "หวาย กามิกาเซ่"
เหตุที่ชอบคือ ผมชอบเพลงแนวฮิปฮอปและอาร์ แอนด์ บี มีหวายนี่แหละที่ค่อนข้างจะดัง แถมน่ารักอีกต่างหาก ผู้ชายคนไหนหล่ะจะไม่ชอบ ด้วยความที่หวายอยู่ในกามิกาเซ่ ซึ่งเป็นวงที่มีแต่นักร้องหญิงน่ารัก ๆ มันทำให้ใจผมตุ้ม ๆ ต่อม ๆ เผลอรักอีกหลาย ๆ คนเพิ่มไปอีก สุดท้าย... ผมกลายเป็นติ่ง "กามิกาเซ่"
จากเด็กผู้ชายที่เรียนโรงเรียนชายล้วน กลายเป็นว่า เอาความน่ารักไปให้เพื่อน ๆ ดูในทุกวัน ฟังเพลงกามิฯทุกวัน ทัศนคติก็เปลี่ยนไป รับความมุ้งมิ้งเพิ่มขึ้น และยังเป็นชายแท้อีกด้วย
ศิลปินในกามิกาเซ่ ก็เป็นอีกวงนึงที่ค่อนข้างเชื่อมกับวงทางเกาหลีคือ มีท่าเต้น และยังร้องไปด้วย มีอะไรหลายอย่างที่คล้ายกันมาก ผมก็เลยไม่ได้รู้สึกเกลียดอะไรกับเกาหลีอีกเลย จนผมได้มาเรียนในมหาลัย ที่ที่มีเพื่อนผู้หญิงเยอะมาก คงไม่พ้นที่เพื่อนจะเป็นติ่งเกาหลีด้วย แถมได้มาเจอแฟนที่นี่ แฟนก็คงเป็นติ่งเกาหลีอีกต่างหาก
ชีวิตผมในด้านวงเกาหลีเปลี่ยนไป กลายเป็นว่าแฟนเปิดเพลงเกาหลีกรอกหูทุกวัน เปิดรูปหนุ่มเกาหลีให้ดูทุกวัน จนทุกวันนี้ ผมแทบจะร้องเพลงเกาหลีที่แฟนเปิดให้ฟังได้
แฟนผมเป็นติ่ง BTS แชร์นู่น แชร์นี่หนุ่ม ๆ เขาทั้งนั้น โชคดีที่เราคบกันแบบเข้าใจกัน ผมไม่ได้หึงหวงอะไรแบบนั้นเลย เขารัก เขาชอบอะไรก็เป็นสิทธิ์ของเขา แค่เห็นเขามีความสุขก็พอ
วง BTS เป็นวงที่มีคอนเสิร์ตที่ไทยแทบทุกปีตั้งแต่ Debut (แหน่ะ ยังรู้ศัพท์เดบิวต์อีก) แฟนผมไม่เคยไปคอนพวกเขาเลย จนปีนี้ก็ยังมาอีก หลังจากประกาศวันขายบัตร แฟนก็ตั้งหน้าตั้งตาไปคอนครั้งแรกในชีวิตเขาให้ได้ จนถึงวันกดบัตร ผมก็ไปนั่งกดเป็นเพื่อน สุดท้ายผมกดได้ ดีใจอย่างกับถูกหวย มันเป็นความรู้สึกที่ท้าทายมาก เพราะเหมือนกับการเล่นเกมหน้าคอมทุกวัน ๆ โดยเราเลือกวันเสาร์ เพราะต้องรีบกลับมาทำธุระที่ต่างจังหวัด และเลือกนั่งมากกว่ายืนในหลุ่ม เพราะแฟนกลัวเราลำบากเวลาไปยืนอัดกัน หลังจากเสร็จสิ้นภาระกิจกดบัตร สุดท้ายก็รอและเตรียมตัวไปคอนฯอย่างเดียว
จนมาถึงวันงาน...
คอนเสิร์ตของ BTS ปีนี้มี 2 รอบ (เสาร์และอาทิตย์) เราเตรียมที่พักไปก่อนหน้านี้แล้ว เลยไม่มีปัญหาอะไร ทำให้วันศุกร์เราได้นอน 1 คืน และตื่นตอนเช้าวันเสาร์เพื่อมาหน้างาน ผมก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าทำไมถึงต้องไปเช้ากันขนาดนี้ จนได้ไปเห็นกับตา
ภายในงานมีคนมารอเข้าคิวสำหรับบัตรยืนมากมาย อีกทั้งมีกิจกรรมต่าง ๆ เช่น เต้น Cover มีวง Cover ดัง ๆ ของเมืองไทยมาให้สาว ๆ กรี๊ดด้วย พูดถึงสาว ๆ เหตุผลที่ผมมางานนี้คือ ได้เห็นสาว ๆ ทั่วประเทศอย่างแน่นอน อีกทั้งยังมีของขายในตลาดนัดอีกด้วย นอกจากของขายก็ยังมีของแจกฟรีอีกต่างหาก
เราได้เดินภายในงานตั้งแต่เช้า เหงื่อออกเป็นกะละมัง แต่ผมก็ไม่ได้ปริปากบ่นสักคำ เพราะอยากรู้ว่าทำไมสาว ๆ เมืองไทย ถึงคลั่งไคล้หนุ่ม ๆ เกาหลีกันขนาดนี้
จนใกล้ถึงเวลา ผมกับแฟนก็ได้พากันเข้าคอนฯโดยเร็ว เพราะกลัวจะอึดอัดตอนคนเดินเบียดกัน เราเดินผ่านจุดตรวจแบบสบาย ๆ ไม่มีปัญหา เดินชิว ๆ ขึ้นบันไดไปยังที่นั่ง พร้อมแชะภาพนิดหน่อย
จนมาถึงใน Impact Arena ที่ ๆ ไม่เคยเข้ามาสักครั้งในชีวิต ผมแทบตกใจ เพราะผมเห็นเวทีคอนเสิร์ตมันใกล้มาก อาจจะเป็นเพราะเวทีใหญ่ด้วย ผมเคยดูคอนเสิร์ตมาแล้วคือ คอนเสิร์ต Linkin Park เมื่อปี 2011 ซึ่งการจัดโซนต่างกันเห็นได้ชัด เมื่ออึ้งซักพักก็เดินไปหาที่นั่ง แต่เรานับไม่เป็นซะด้วยสิ ก็ได้ถามติ่งที่เข้ามาก่อนหน้านี้คนนึงว่าแถวผมมันอยู่ตรงไหน แต่ต้องตกใจเล็กน้อย เพราะคนที่ผมไปทักคือคนเกาหลี โชคดีสุด ๆ ที่เขาพูดอังกฤษค่อนข้างดี เขาบอกว่าไม่รู้เหมือนกัน และเขาก็บอกแถวของเขาพร้อมทั้งบอกว่าการ์ดเป็นคนบอกที่นั่ง เขาแนะนำให้ไปถามการ์ด ต้องขอบคุณมิตรภาพเพื่อนร่วมโลกคนนี้ด้วย
ผมได้เบนเข็มไปยังการ์ดที่กำลังเดินมาพอดี จนเขาพาไปที่นั่งแบบเสร็จสรรพ เราก็ไม่รอช้าแชะรูปมา
ในช่วงเวลาที่รอศิลปินตอนนั้น ผมรู้สึกอินไปด้วย อาจเป็นเพราะนี่คือศิลปินตัวเป็น ๆ ใคร ๆ ก็ตื่นเต้นอยากเจอกันทั้งนั้น
สิ่งหนึ่งภายในคอนฯที่ผมงงคือ ทางผู้จัดเขาเปิด MV ให้ดูก่อนคอนฯเริ่ม สาว ๆ ในหลุมหน้าเวทีเขากรี๊ดอะไรกัน? กรี๊ดตาม MV ด้วย อาจจะเป็นไปว่าวอร์มเสียงก็ได้มั้ง 5555
และแล้ววินาทีคอนเสิร์ตก็เริ่มต้นขึ้น เสียงกรี๊ดที่ผมไม่เคยได้ยินมาก่อนในชีวิต มันสะเทือนแก้วหูจนอื้อไปหมดเลย ที่นั่งข้าง ๆ ไปจนถึงที่นั่งอีกฝั่งของผมร่วมใจกันเปิดไฟจากแท่งไฟเล็ก ๆ ที่เขาเรียกกันว่า อาร์มี่บอมบ์ ผมนี่แบบ เห้ยยย นี่ไม่ธรรมดาแล้ว คอนเสิร์ตอะไร มันของเล่นเยอะดีจัง และยังมีโปรเจ็คต์อันสวยงามอีกด้วย
ขณะที่ผมชื่นชมความสวยงามนั้น ที่นั่งที่ผมไม่ค่อยได้เห็นคือแถว ๆ บนหัวนั่นเอง ผมก็ได้แอบดูเป็นครั้งคราว ทำให้ผมเหลือไปเห็นพ่อลูกหลายคู่ คุณพ่อมานั่งดูกับลูก เป็นภาพที่ชื่นใจแทนจริง ๆ และพ่อลูกคู่หนึ่งที่ผมสะดุดตาก็คือคู่นี้
ผมค่อนข้างมั่นใจว่าคนพ่อคือตลกคนดัง เด๋อ ดอกสะเดา หรือถ้าไม่ใช่ ใครนั่งข้าง ๆ คุณพ่อคนนี้ช่วยบอกผมทีว่าผมดูผิด 5555
นอกจากบรรยากาศที่ผมซึมซับไปมากมาย ผมได้เห็นการจัดแสงสีเสียงที่ลงตัว การร้องและเต้นของศิลปินที่ผมยังทึ่งว่า เขาทำได้ไง ทุกวันนี้ผมร้องเพลงไปเต้นไปด้วยยังไม่ได้เลย
สุดท้ายที่ผมอยากนำมาเสนอสำหรับคนทั่ว ๆ ไปคือ ในช่วงที่คอนเสิร์ตใกล้จบ ศิลปินจะเดินมาขอบคุณแฟน ๆ มันมีความรู้สึกที่จากกันจริง ๆ ไม่ได้เสแสร้งใด ๆ ทำให้ผมเข้าใจทั้งศิลปินและติ่งว่าพวกเขารักกันมาก ๆ อีกด้วย
สำหรับคอนฯนี้ ผมให้ 8/10 ค่อนข้างเป็นคอนฯที่ดีคอนฯนึง มันเปลี่ยนทัศนคติของผมไปเยอะ หวังว่าอนาคตจะมีคอนเสิร์ตศิลปินต่างประเทศเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าตัว เพราะที่นี่คือฐานแฟนเพลงชั้นดีเลย
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะครับ เขียนผิดพลาดประการใดก็ขออภัยด้วย ถ้ากระทู้นี้ดีอย่างไร ช่วยแชร์กันด้วยเน้ออออ