ตกลงกับเเฟนแล้วว่าจะเจาะnips แต่เจอบทความนี้เลยเกิดข้อสงสัยว่าตกลงแล้วตรวจแบบไหนจะดีกว่ากันคะ (เท่าที่ทราบnipsคือตรวจดาวน์กับตรวจเพศ)
แล้วสิ่งที่บทความลงมีความจำเป็นสำคัญต่อการตั้งครรภ์เพียงใด รบกวนด้วยนะคะขอบคุณค่ะ
ตรวจน้ำคร่ำบอกอะไรได้บ้าง
* สามารถบอกเพศของทารกได้อย่างแม่นยำ โดยดูจากไมโครโซมเพศ และทำให้ทราบถึงโอกาสการถ่ายทอดโรคทางกรรมพันธุ์โดยผ่านโครโมโซมเพศ
* สามารถบอกสมรรถภาพการทำงานของปอดทารก ในกรณีที่คุณแม่มีภาวะแทรกซ้อนและอาจมีการคลอดเกิดขึ้น
* สามารถทราบได้ว่าทารกในครรภ์มีความผิดปกติตรงจุดไหนจากการนำน้ำคร่ำไปตรวจทางเคมี เช่น ขาดเอ็นไซม์อะไร
* หากตรวจพบสารประกอบของน้ำดีปะปนอยู่ในน้ำคร่ำ ซึ่งเกิดขึ้นจากการสลายตัวของเม็ดเลือดแดงของทารก ก็แสดงว่ามีปัญหาเลือดไม่เข้ากันระหว่างแม่ลูก
* การวัดความเข้มข้นของออกซิเจนในน้ำคร่ำ จะทำให้ทราบถึงอัตราเสี่ยงของลูกต่อการขาดออกซิเจนในครรภ์
* การตรวจวัดความเป็นกรดด่างของน้ำคร่ำ สามารถบอกได้ว่าทารกได้รับออกซิเจนเพียงพอหรือไม่
* การตรวจนับจำนวนโครโมโซม ซึ่งปกติมี 23 คู่หรือ 46 แท่ง ถ้าพบว่ามีโครโมโซมผิดปกติ ก็ทราบได้ทันทีว่าทารกในครรภ์ตกอยู่ในกลุ่มอาการดาวน์ ซึ่งคุณแม่ควรจะได้พูดคุยซักถามคุณหมออย่างละเอียดถ้วนถี่ เพื่อการเลือกตัดสินใจอย่างเหมาะสมที่สุดด้วยนะคะ
อ่านบทความเรื่องประโยชน์ของการเจาะน้ำคร่ำแล้วมีข้อสงสัยค่ะว่าตกลงแล้วเจาะน้ำคร่ำกับnipsอันไหนดีกว่ากันคะ
แล้วสิ่งที่บทความลงมีความจำเป็นสำคัญต่อการตั้งครรภ์เพียงใด รบกวนด้วยนะคะขอบคุณค่ะ
ตรวจน้ำคร่ำบอกอะไรได้บ้าง
* สามารถบอกเพศของทารกได้อย่างแม่นยำ โดยดูจากไมโครโซมเพศ และทำให้ทราบถึงโอกาสการถ่ายทอดโรคทางกรรมพันธุ์โดยผ่านโครโมโซมเพศ
* สามารถบอกสมรรถภาพการทำงานของปอดทารก ในกรณีที่คุณแม่มีภาวะแทรกซ้อนและอาจมีการคลอดเกิดขึ้น
* สามารถทราบได้ว่าทารกในครรภ์มีความผิดปกติตรงจุดไหนจากการนำน้ำคร่ำไปตรวจทางเคมี เช่น ขาดเอ็นไซม์อะไร
* หากตรวจพบสารประกอบของน้ำดีปะปนอยู่ในน้ำคร่ำ ซึ่งเกิดขึ้นจากการสลายตัวของเม็ดเลือดแดงของทารก ก็แสดงว่ามีปัญหาเลือดไม่เข้ากันระหว่างแม่ลูก
* การวัดความเข้มข้นของออกซิเจนในน้ำคร่ำ จะทำให้ทราบถึงอัตราเสี่ยงของลูกต่อการขาดออกซิเจนในครรภ์
* การตรวจวัดความเป็นกรดด่างของน้ำคร่ำ สามารถบอกได้ว่าทารกได้รับออกซิเจนเพียงพอหรือไม่
* การตรวจนับจำนวนโครโมโซม ซึ่งปกติมี 23 คู่หรือ 46 แท่ง ถ้าพบว่ามีโครโมโซมผิดปกติ ก็ทราบได้ทันทีว่าทารกในครรภ์ตกอยู่ในกลุ่มอาการดาวน์ ซึ่งคุณแม่ควรจะได้พูดคุยซักถามคุณหมออย่างละเอียดถ้วนถี่ เพื่อการเลือกตัดสินใจอย่างเหมาะสมที่สุดด้วยนะคะ