เป็นลูกคนโต เพิ่งเรียนจบ เครียดมากครับ แม่กดดันทุกทาง ตั้งแต่เรื่องเรียน เลือกคณะ เพื่อน กฏระเบียบ การทำงาน ส่วนพ่อก็กดดันเหมือนกัน
แต่ไม่เท่ากับแม่ แม่จะโทรมาคุยทุกวันแล้วจะทิ้งท้ายแต่เร่องกดดันเรา เครียดมากๆเลยครับ ทุกวันนี้กัดนิ้วครบทุกนิ้วแล้ว แทบไม่มีเล็บเหลือแล้ว
ตั้งแต่ ม ปลาย ไม่เคยได้เที่ยวเหมือนเพื่อนๆคนอื่น เสาร์อาทิตย์ต้องเรียนพิเศษ เลิกเรียนก็ต้องกลับบ้าน ไม่ก็เรียนพิเศษ คณะก็ต้องเรียนที่แม่เลือกไว้
ก็ทนเรียนให้ คอนโดก็ห้ามเพื่อนคนไหนเข้าเลย ถ้าพาเพื่อนคนไหนเข้า แม่รู้ก็โดนดุ แม่จะสแกนเพื่อนให้ว่าคนไหนควรคบไม่ควรคบ ตั้งแต่ม ปลายแล้ว
พออยู่กรุงเทพก็มีลูกพี่ลูกน้องเป็นหูเป็นตาให้ เรียนก็ได้เกียรตินิยม แต่ผมเครียด ผมไม่มีเพื่อนสนิทเลย มีแต่เพื่อนที่เป็นคนรู้จัก ตอนนี้ก็ทำงานที่บริษัทเพื่อนพ่ออยู่ พ่อแม่ก็จะคอยสอบถามแล้วให้เพื่อนพ่อคอยดูแลเรา ก็ยิ่งเครียดเข้าไปใหญ่ เหมือนชีวิตมีคนคอยจับตาจับจ้องตลอดเวลา
ผมเครียดขนาด ผมเหมือนอยู่ตัวคนเดียว แม่โทรมาก็ชอบคุยนะ เหมือนชีวิตนี้มีแค่แม่คนเดียวเท่านั้น แต่ก่อนวางสายจะต้องมีเรื่องกดดัน อีกตามเคย
ผมเหนื่อยมาก บางครั้งผมก็เล่นกับจิ้งจก มีจิ้งจกอยู่ระเบียงผมก็นั่งดูมันได้เป็นชั่วโมง ไม่ก้เอาน้ำหวาน มาราดให้มดมันมากิน นั่งดูมัน กลายเป็นว่าจิ้งจากับพวกมด คือเพื่อนผมซะแล้ว ผมเป็นหนักมาก
ผมอยากหายไป ปิดมือถือ แล้วลาออกจากงาน แล้วเริ่มต้นชีวิตใหม่ ไม่อยู่คอนโดของพ่อแล้ว ไปเช่าห้องใหม่ เริ่มต้นชีวิตใหม่ ทำงานเริ่มจากศูนย์ อยู่ด้วยเงินเดือนตัวเอง
อยากหายไปซัก 2-3 เดือน แบบนี้ ผมจะเป็นลูกที่แย่ไหมครับ
คือผมเคยหายไปแล้วครั้งหนึ่งตอนเรียนอ่ะ คือไม่รับสายแม่เลย ปิดมือถือ หายตัวไปประมาณ 3 อาทิตย์ แม่ร้องให้ และแม่ก็เข้าใจแล้ว แต่มันก็กลับมาเป็นแบบเดิม
อีกแล้วกับเหตการ์ณเดิมๆ พ่อแม่บอกว่าที่ต้องเข้มงวดเพราะเป็นลูกคนโต ต้องมาดูแลทุกอย่างของครอบครัว
แต่ผมมีความรุ้สึกอยากได้อิสระ ไม่เคยอยากได้ทัรัพย์สินอะไรเลยครับ แค่อยากมีอิสระ ทำอะไรก็ได้ เที่ยวไหนก็ได้ พอทำผิดนิดหน่อยเช่น
ไปเที่ยวกับกลางคืนกับเพื่อน แค่นี้แม่ก็เทศนาซะเหมือนทำผิดหนักๆ แล้วพอเราอธิบาย แม่ก็จะร้องให้ ว่าเราเถียงอะไรงี้
ขอปรึกษา โดนแม่กดดันหนักมาก ไม่อยากคุยด้วย อยากหายไปแบบเงียบๆระยะหนึ่ง จะดูเป็นลูกที่แย่ไหมครับ
แต่ไม่เท่ากับแม่ แม่จะโทรมาคุยทุกวันแล้วจะทิ้งท้ายแต่เร่องกดดันเรา เครียดมากๆเลยครับ ทุกวันนี้กัดนิ้วครบทุกนิ้วแล้ว แทบไม่มีเล็บเหลือแล้ว
ตั้งแต่ ม ปลาย ไม่เคยได้เที่ยวเหมือนเพื่อนๆคนอื่น เสาร์อาทิตย์ต้องเรียนพิเศษ เลิกเรียนก็ต้องกลับบ้าน ไม่ก็เรียนพิเศษ คณะก็ต้องเรียนที่แม่เลือกไว้
ก็ทนเรียนให้ คอนโดก็ห้ามเพื่อนคนไหนเข้าเลย ถ้าพาเพื่อนคนไหนเข้า แม่รู้ก็โดนดุ แม่จะสแกนเพื่อนให้ว่าคนไหนควรคบไม่ควรคบ ตั้งแต่ม ปลายแล้ว
พออยู่กรุงเทพก็มีลูกพี่ลูกน้องเป็นหูเป็นตาให้ เรียนก็ได้เกียรตินิยม แต่ผมเครียด ผมไม่มีเพื่อนสนิทเลย มีแต่เพื่อนที่เป็นคนรู้จัก ตอนนี้ก็ทำงานที่บริษัทเพื่อนพ่ออยู่ พ่อแม่ก็จะคอยสอบถามแล้วให้เพื่อนพ่อคอยดูแลเรา ก็ยิ่งเครียดเข้าไปใหญ่ เหมือนชีวิตมีคนคอยจับตาจับจ้องตลอดเวลา
ผมเครียดขนาด ผมเหมือนอยู่ตัวคนเดียว แม่โทรมาก็ชอบคุยนะ เหมือนชีวิตนี้มีแค่แม่คนเดียวเท่านั้น แต่ก่อนวางสายจะต้องมีเรื่องกดดัน อีกตามเคย
ผมเหนื่อยมาก บางครั้งผมก็เล่นกับจิ้งจก มีจิ้งจกอยู่ระเบียงผมก็นั่งดูมันได้เป็นชั่วโมง ไม่ก้เอาน้ำหวาน มาราดให้มดมันมากิน นั่งดูมัน กลายเป็นว่าจิ้งจากับพวกมด คือเพื่อนผมซะแล้ว ผมเป็นหนักมาก
ผมอยากหายไป ปิดมือถือ แล้วลาออกจากงาน แล้วเริ่มต้นชีวิตใหม่ ไม่อยู่คอนโดของพ่อแล้ว ไปเช่าห้องใหม่ เริ่มต้นชีวิตใหม่ ทำงานเริ่มจากศูนย์ อยู่ด้วยเงินเดือนตัวเอง
อยากหายไปซัก 2-3 เดือน แบบนี้ ผมจะเป็นลูกที่แย่ไหมครับ
คือผมเคยหายไปแล้วครั้งหนึ่งตอนเรียนอ่ะ คือไม่รับสายแม่เลย ปิดมือถือ หายตัวไปประมาณ 3 อาทิตย์ แม่ร้องให้ และแม่ก็เข้าใจแล้ว แต่มันก็กลับมาเป็นแบบเดิม
อีกแล้วกับเหตการ์ณเดิมๆ พ่อแม่บอกว่าที่ต้องเข้มงวดเพราะเป็นลูกคนโต ต้องมาดูแลทุกอย่างของครอบครัว
แต่ผมมีความรุ้สึกอยากได้อิสระ ไม่เคยอยากได้ทัรัพย์สินอะไรเลยครับ แค่อยากมีอิสระ ทำอะไรก็ได้ เที่ยวไหนก็ได้ พอทำผิดนิดหน่อยเช่น
ไปเที่ยวกับกลางคืนกับเพื่อน แค่นี้แม่ก็เทศนาซะเหมือนทำผิดหนักๆ แล้วพอเราอธิบาย แม่ก็จะร้องให้ ว่าเราเถียงอะไรงี้