ตะลุย Thaifight กับ canon EOS 80 d
เปิดหัวมาก็ขอสวัสดีเพื่อนๆก่อนเลยน่ะครับผม วันนี้ได้มีโอกาศลองเทสเจ้า Canon 80 d
เป็นครั้งแรกบอกเลยครับครั้งแรกที่ได้ลองจับกล้องตัวนี้ครั้งแรกก็รู้สึกแปลกๆนิดๆน่ะครับ
เพราะตัวผมเองไม่ได้สําพัสกล้องตระกูล เลข 2 ตัวมาพักใหญ่แล้ว คราวนี้เราลองมาดูกันว่า
มันจะแตกต่างกลับรุ่นก่อนๆที่เราเคยสําพัสมามั้ย พื้นฐานผมเองใช้กล้องตระกูล canon
มาก่อนอยู่แล้วครับตั้งแต่ 450 d 50 d 60 d 7D 5d 6d กล้องแต่ล่ะตัวก็จะมี ฟีเจอร์กล้อง
และความสามารถที่แตกต่างกันอยู่แล้ว งั้นเราไม่รอช้ามาลองเจ้าน้องใหม่อย่าง EOS 80D
กันเลยดีกว่า กล้องในระดับกลาง หรือ ที่เรียกว่า mid-range DSLR ของค่าย Canon นั้น
จะมีหน่วยตัวเลข ที่เป็นเลขสองหลัก เรียงต่อกันมาตั้งแต่สมัยยุคบุกเบิกของกล้อง
DSLR ตั้งแต่ EOS 10D , 20D , 30D , 40D , 50D , 60D , 70D และก็มาถึง
รุ่นใหม่ล่าสุด ในสาย mid-range ที่เรากำลังพูดถึงกันในวันนี้ ซึ่งก็คือ 80D เป็นกล้อง
รุ่นล่าสุด ในตระกูล 2 หน่วย DSLR กับความสามารถที่ปรับปรุงขึ้นตามการเวลา
เจ้า Canon EOS 80D นั้นมีการพัฒนาขึ้นดับ แรกเลยคือจำนวนพิกเซลที่เพิ่มขึ้นมา
เป็น 24.2 MP พร้อมชิพประมวลผลใหม่ Digic 6
เมื่อเทียบกับ EOS 70D ที่มีพิเซล 20.2 MP และอีกอย่างที่แตกต่างกันก็คือระบบโฟกัส
ที่มีจุดโฟกัสเพิ่มมาให้เป็น 45 จุด (แบบ cross-type ทั้งหมด) เมื่อเทียบกับของ EOS 70D
ที่มีเพียง 19 จุดเท่านั้น ถือว่ามีการพัฒนาคุณภาพของกล้องระดับ mid-range DSLR
ให้ดุโปรและน่าใช้งานมากขึ้นส่วนเรื่องของรูปทรงบอดี้อาจจะไม่ค่อยแตกต่างกันมาก
เท่าไหร่ แต่จะมีการปรับเปลี่ยนการวางปุ่มเมนูต่าง รูปทรงบางส่วนให้ดูทันสมัยมากขึ้น
จุดโฟกัส Cross Type 45 จุด และถ่ายภาพต่อเนื่องความเร็วสูง 7 ภาพต่อวินาที
ในส่วนของเลนส์กล้อง EOS 80D ที่ให้มาทดสอบนั้นเป็นเลนส์
canon EF-S18-135mm f/3.5-5.6 IS USM ใหม่ ซึ่งใช้พลังงานจาก Nano USM
ที่เพิ่งได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่ และไม่เพียงสามารถทำงานร่วมกับ AF อย่างไร้รอยต่อ
ซึ่งเทียบได้กับ AF บนเลนส์ STM เท่านั้น แต่ยังมีความเร็ว AF ที่ได้รับการปรับปรุง
ให้มีประสิทธิภาพอันน่าทึ่งอีกด้วย
นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงระบบป้องกันการสั่นไหวของภาพให้สามารถทำงาน
ได้เทียบเท่ากับความเร็วชัตเตอร์ 4 สต็อป เพิ่มขึ้นจาก 3.5 สต็อปในรุ่นก่อนหน้านี้
บอกเลยว่าไม่ธรรมดาจริงๆเลยครับสําหรับเจ้าเลนส์ตัวนี้ี้ บอกเลยครับเลนส์ช่วงนี้
ถือว่าเป็นช่วงตอบโจรทย์ของการถ่ายมวยมากครับเพราะสามารถถ่ายถ่ายทั้งมุมกว้าง
และซูมระยะไกลได้ถือว่าตัวเดียวครอบคลุมมากๆครับไม่ต้องเปลี่ยนเลนส์ตัวอื่นให้
เสียเวลา
รีวิวสรรพคุณของกล้องและเลนส์ไปพอสมควรแล้วคราวนี้เรามาถึงโจรทย์
ในการถ่ายในครั้งนี้คือ ถ่ายมวยเน้นแอคชั่นและแสงสี โอ้วโหเจอโจรย์แบบนี้
บอกเลยว่า ยากเหมือนกันน่ะครับเพราะมวยแสงสีจะต้องเป็นงานใหญ่พอสมควร
ก็เลยเช๊คตารางงานมวย โชคดีมากครับ มีการจัดชกมวย Thaifight พอดีงั้นลุยกัน
เลยครับ
( f / 6.3 1/ 80 sec iso 1250 ) 18 mm Live view touch screen shot
พอมาถึงงานขอบอกเลยว่าคนเยอะมากๆครับ แทบไม่มีที่ยืนเลยครับ ผมจึงไม่รอช้า
ยกกล้องขึ้นแล้วใช้ จอ LCD ที่สามารถ touch screen ในการเล็งถ่ายผ่านจอ
LCD แบบ Live view สามารถแตะเลือกจุดที่ต้องการโฟกัสบนหน้าจอได้เลย
สะดวกมากๆ และด้วยระบบเซ็นเซอร์แบบ Dual Pixel CMOS AF ที่ถือเป็นอีก
หนึ่งจุดขายสำคัญ ทำให้กล้องตัวนี้สามารถหาโฟกัสกับการเล็งถ่ายผ่านจอ LCD
ได้รวดเร็วรวดเร็วมากๆ ใครเคยใช้กล้อง Mirrorless หรือ DSLR ที่โฟกัส
ผ่านจอ LCD บอกเลย 80D ก็ทํางานได้ดีไม่แพ้กันแน่นอนครับ และระบบจอ LCD
แบบสัมผัส ก็ยังทำให้การปรับตั้งค่าต่างๆ ของตัวกล้องทำได้ สะดวกรวดเร็วขึ้นด้วย
บอกเลยครับว่าดีมากๆ ถือว่าช่วยให้เราทํางานได้สะดวกและ รวดเร็วยิ่งขึ้นครับ
( f / 6.3 1/ 80 sec iso 1250 ) 18 mm Live view touch screen shot
( f / 4.0 1/ 320 sec iso 1250 ) 70 mm Live view touch screen shot
มื่อระบบโฟกัสแบบ Cross-type 45 จุด โซนโฟกัสมีให้เลือก จุดเดียว, โซนเล็ก, โซนใหญ่,
เลือกจุดอัตโนมัติทั้งภาพ สามารถถ่ายภาพต่อเนื่องความเร็วสูง 7 ภาพต่อวินาที ถ้าใช้เป็น
ถ่ายผ่าน Live view จะเหลือ 5 ภาพต่อวินาที
การถ่ายครั้งนี้บอกเลยว่าเจออุปสรรค์เยอะมากๆครับ ที่ว่าอุปสรรค์นั้นก็คือ ตอนแรกที่
เข้าไปในงานคือไม่สามารถ เข้าไปถ่ายด้านในได้เลยครับ เพราะเป็นงานใหญ่ ค่อนข้าง
มีกฏระเบียบเยอะมากๆครับ ผมเลยหาทุกวิถีทางในการที่จะเข้าไปถ่ายบรรยากาศข้างใน
ให้ได้ทั้งติดต่อเจ้าหน้าที่ทุกทาง ผลที่ตามมาคือ ไม่สามารถเข้าได้เลยครับ ตอนนั้นบอกเลย
ว่าถอดใจแล้วครับคงไม่สามารถเก็บภาพบรรยากาศมวยข้างสนามได้แน่นอน แต่ใน
ความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดี เพื่อนผมเป็น official photographer ของงานพอดีผมจึง
ไลน์ไปหา เพื่อนผม กว่าจะติดต่อกันได้นานเอาเรื่องทีเดียว เพื่อนเอาป้ายห้อยคอที่ใส่อยู่วิ่ง
มาให้ผมจึงรีบไม่รอช้า รีบเข้าไปเก็บ ภาพในทันที แต่ใช่ว่าการที่คุณเข้าไปในโซนรอบ
เวทีแล้วจะสามารถทําอะไรก้ได้น่ะครับ คือคุณไม่สามารถยืนได้เลย และอีกอย่างคือ
มุม ไม่มีเลยครับเพราะ ทุกจุดมีทั้งโต๊ะกรรมการ โฆษก แพทย์สนาม พี่เลี้ยงมวย
การ์ด กล้องถ่ายทอดสด บอกเลยครับทําไรไม่ถูกเลย แต่วินาทีนั้นเหลือบไปเห็นมุมนักมวย
ซึ่งมีถาด ของพี่เลี้ยงวางอยู่ผมเลยสอดตัวเองเข้าไปในนั้นเพื่อจะเข้าไปตรงขอบเวทีให้ได้
สรุปลองขอเค้าพักนึงจึงมุดเข้าไปได้ครับ แต่ก็ไม่ได้สบายเลยครับ เจอทั้งน้ำ ทั้งถาดฟาดหัว
ยืนก็ไม่ได้ต้องย่อตลอดเวลา คู่ที่ได้ถ่ายก็เป็นคู่ท้ายๆแล้วครับ ผมจึงไม่รอช้ารีบเก็บภาพ
ให้ได้เยอะที่สุดครับ บอกเลยครับ ได้เลนส์ EF-S 18-135mm มาถ่ายถือว่าเป็นช่วงที่ทํางาน
ได้ดีมาก ไม่ต้องเปลี่ยนเลนบ่อยๆ สามารถเก็บมุมกว้าง และ ซูมได้ ดีเลยทีเดียว แถมมีกัน
สั่นเข้ามาช่วย เลนส์ โฟกัสเงียบแม่นยํา มากครับ เทียบเลนส์ เกรด L ได้เลยน่ะผมว่า คุณ
ภาพสีสันถือว่าคม ใช้ได้เลย ส่วนไฟล์ภาพของเจ้า 80 d ผมว่าดีขึ้นมากเลยน่ะ จากที่เคยใช้
ตัวคูณรุ่นก่อนๆ แต่อาจจะมี noice เยอะกว่า ถ้าเทียบกับ fullframe ส่วนภาพมวยคอนเสป
ผมไม่ค่อยซีเรียสเรื่อง noice มากครับ เพราะการถ่ายมวย noice มันทําให้ภาพดูมีพลัง มากขึ้น
[SR] ตะลุย Thaifight กับ Canon EOS 80 D by Bzmagazine
เปิดหัวมาก็ขอสวัสดีเพื่อนๆก่อนเลยน่ะครับผม วันนี้ได้มีโอกาศลองเทสเจ้า Canon 80 d
เป็นครั้งแรกบอกเลยครับครั้งแรกที่ได้ลองจับกล้องตัวนี้ครั้งแรกก็รู้สึกแปลกๆนิดๆน่ะครับ
เพราะตัวผมเองไม่ได้สําพัสกล้องตระกูล เลข 2 ตัวมาพักใหญ่แล้ว คราวนี้เราลองมาดูกันว่า
มันจะแตกต่างกลับรุ่นก่อนๆที่เราเคยสําพัสมามั้ย พื้นฐานผมเองใช้กล้องตระกูล canon
มาก่อนอยู่แล้วครับตั้งแต่ 450 d 50 d 60 d 7D 5d 6d กล้องแต่ล่ะตัวก็จะมี ฟีเจอร์กล้อง
และความสามารถที่แตกต่างกันอยู่แล้ว งั้นเราไม่รอช้ามาลองเจ้าน้องใหม่อย่าง EOS 80D
กันเลยดีกว่า กล้องในระดับกลาง หรือ ที่เรียกว่า mid-range DSLR ของค่าย Canon นั้น
จะมีหน่วยตัวเลข ที่เป็นเลขสองหลัก เรียงต่อกันมาตั้งแต่สมัยยุคบุกเบิกของกล้อง
DSLR ตั้งแต่ EOS 10D , 20D , 30D , 40D , 50D , 60D , 70D และก็มาถึง
รุ่นใหม่ล่าสุด ในสาย mid-range ที่เรากำลังพูดถึงกันในวันนี้ ซึ่งก็คือ 80D เป็นกล้อง
รุ่นล่าสุด ในตระกูล 2 หน่วย DSLR กับความสามารถที่ปรับปรุงขึ้นตามการเวลา
เจ้า Canon EOS 80D นั้นมีการพัฒนาขึ้นดับ แรกเลยคือจำนวนพิกเซลที่เพิ่มขึ้นมา
เป็น 24.2 MP พร้อมชิพประมวลผลใหม่ Digic 6
เมื่อเทียบกับ EOS 70D ที่มีพิเซล 20.2 MP และอีกอย่างที่แตกต่างกันก็คือระบบโฟกัส
ที่มีจุดโฟกัสเพิ่มมาให้เป็น 45 จุด (แบบ cross-type ทั้งหมด) เมื่อเทียบกับของ EOS 70D
ที่มีเพียง 19 จุดเท่านั้น ถือว่ามีการพัฒนาคุณภาพของกล้องระดับ mid-range DSLR
ให้ดุโปรและน่าใช้งานมากขึ้นส่วนเรื่องของรูปทรงบอดี้อาจจะไม่ค่อยแตกต่างกันมาก
เท่าไหร่ แต่จะมีการปรับเปลี่ยนการวางปุ่มเมนูต่าง รูปทรงบางส่วนให้ดูทันสมัยมากขึ้น
จุดโฟกัส Cross Type 45 จุด และถ่ายภาพต่อเนื่องความเร็วสูง 7 ภาพต่อวินาที
ในส่วนของเลนส์กล้อง EOS 80D ที่ให้มาทดสอบนั้นเป็นเลนส์
canon EF-S18-135mm f/3.5-5.6 IS USM ใหม่ ซึ่งใช้พลังงานจาก Nano USM
ที่เพิ่งได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่ และไม่เพียงสามารถทำงานร่วมกับ AF อย่างไร้รอยต่อ
ซึ่งเทียบได้กับ AF บนเลนส์ STM เท่านั้น แต่ยังมีความเร็ว AF ที่ได้รับการปรับปรุง
ให้มีประสิทธิภาพอันน่าทึ่งอีกด้วย
นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงระบบป้องกันการสั่นไหวของภาพให้สามารถทำงาน
ได้เทียบเท่ากับความเร็วชัตเตอร์ 4 สต็อป เพิ่มขึ้นจาก 3.5 สต็อปในรุ่นก่อนหน้านี้
บอกเลยว่าไม่ธรรมดาจริงๆเลยครับสําหรับเจ้าเลนส์ตัวนี้ี้ บอกเลยครับเลนส์ช่วงนี้
ถือว่าเป็นช่วงตอบโจรทย์ของการถ่ายมวยมากครับเพราะสามารถถ่ายถ่ายทั้งมุมกว้าง
และซูมระยะไกลได้ถือว่าตัวเดียวครอบคลุมมากๆครับไม่ต้องเปลี่ยนเลนส์ตัวอื่นให้
เสียเวลา
รีวิวสรรพคุณของกล้องและเลนส์ไปพอสมควรแล้วคราวนี้เรามาถึงโจรทย์
ในการถ่ายในครั้งนี้คือ ถ่ายมวยเน้นแอคชั่นและแสงสี โอ้วโหเจอโจรย์แบบนี้
บอกเลยว่า ยากเหมือนกันน่ะครับเพราะมวยแสงสีจะต้องเป็นงานใหญ่พอสมควร
ก็เลยเช๊คตารางงานมวย โชคดีมากครับ มีการจัดชกมวย Thaifight พอดีงั้นลุยกัน
เลยครับ
( f / 6.3 1/ 80 sec iso 1250 ) 18 mm Live view touch screen shot
พอมาถึงงานขอบอกเลยว่าคนเยอะมากๆครับ แทบไม่มีที่ยืนเลยครับ ผมจึงไม่รอช้า
ยกกล้องขึ้นแล้วใช้ จอ LCD ที่สามารถ touch screen ในการเล็งถ่ายผ่านจอ
LCD แบบ Live view สามารถแตะเลือกจุดที่ต้องการโฟกัสบนหน้าจอได้เลย
สะดวกมากๆ และด้วยระบบเซ็นเซอร์แบบ Dual Pixel CMOS AF ที่ถือเป็นอีก
หนึ่งจุดขายสำคัญ ทำให้กล้องตัวนี้สามารถหาโฟกัสกับการเล็งถ่ายผ่านจอ LCD
ได้รวดเร็วรวดเร็วมากๆ ใครเคยใช้กล้อง Mirrorless หรือ DSLR ที่โฟกัส
ผ่านจอ LCD บอกเลย 80D ก็ทํางานได้ดีไม่แพ้กันแน่นอนครับ และระบบจอ LCD
แบบสัมผัส ก็ยังทำให้การปรับตั้งค่าต่างๆ ของตัวกล้องทำได้ สะดวกรวดเร็วขึ้นด้วย
บอกเลยครับว่าดีมากๆ ถือว่าช่วยให้เราทํางานได้สะดวกและ รวดเร็วยิ่งขึ้นครับ
( f / 6.3 1/ 80 sec iso 1250 ) 18 mm Live view touch screen shot
( f / 4.0 1/ 320 sec iso 1250 ) 70 mm Live view touch screen shot
มื่อระบบโฟกัสแบบ Cross-type 45 จุด โซนโฟกัสมีให้เลือก จุดเดียว, โซนเล็ก, โซนใหญ่,
เลือกจุดอัตโนมัติทั้งภาพ สามารถถ่ายภาพต่อเนื่องความเร็วสูง 7 ภาพต่อวินาที ถ้าใช้เป็น
ถ่ายผ่าน Live view จะเหลือ 5 ภาพต่อวินาที
การถ่ายครั้งนี้บอกเลยว่าเจออุปสรรค์เยอะมากๆครับ ที่ว่าอุปสรรค์นั้นก็คือ ตอนแรกที่
เข้าไปในงานคือไม่สามารถ เข้าไปถ่ายด้านในได้เลยครับ เพราะเป็นงานใหญ่ ค่อนข้าง
มีกฏระเบียบเยอะมากๆครับ ผมเลยหาทุกวิถีทางในการที่จะเข้าไปถ่ายบรรยากาศข้างใน
ให้ได้ทั้งติดต่อเจ้าหน้าที่ทุกทาง ผลที่ตามมาคือ ไม่สามารถเข้าได้เลยครับ ตอนนั้นบอกเลย
ว่าถอดใจแล้วครับคงไม่สามารถเก็บภาพบรรยากาศมวยข้างสนามได้แน่นอน แต่ใน
ความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดี เพื่อนผมเป็น official photographer ของงานพอดีผมจึง
ไลน์ไปหา เพื่อนผม กว่าจะติดต่อกันได้นานเอาเรื่องทีเดียว เพื่อนเอาป้ายห้อยคอที่ใส่อยู่วิ่ง
มาให้ผมจึงรีบไม่รอช้า รีบเข้าไปเก็บ ภาพในทันที แต่ใช่ว่าการที่คุณเข้าไปในโซนรอบ
เวทีแล้วจะสามารถทําอะไรก้ได้น่ะครับ คือคุณไม่สามารถยืนได้เลย และอีกอย่างคือ
มุม ไม่มีเลยครับเพราะ ทุกจุดมีทั้งโต๊ะกรรมการ โฆษก แพทย์สนาม พี่เลี้ยงมวย
การ์ด กล้องถ่ายทอดสด บอกเลยครับทําไรไม่ถูกเลย แต่วินาทีนั้นเหลือบไปเห็นมุมนักมวย
ซึ่งมีถาด ของพี่เลี้ยงวางอยู่ผมเลยสอดตัวเองเข้าไปในนั้นเพื่อจะเข้าไปตรงขอบเวทีให้ได้
สรุปลองขอเค้าพักนึงจึงมุดเข้าไปได้ครับ แต่ก็ไม่ได้สบายเลยครับ เจอทั้งน้ำ ทั้งถาดฟาดหัว
ยืนก็ไม่ได้ต้องย่อตลอดเวลา คู่ที่ได้ถ่ายก็เป็นคู่ท้ายๆแล้วครับ ผมจึงไม่รอช้ารีบเก็บภาพ
ให้ได้เยอะที่สุดครับ บอกเลยครับ ได้เลนส์ EF-S 18-135mm มาถ่ายถือว่าเป็นช่วงที่ทํางาน
ได้ดีมาก ไม่ต้องเปลี่ยนเลนบ่อยๆ สามารถเก็บมุมกว้าง และ ซูมได้ ดีเลยทีเดียว แถมมีกัน
สั่นเข้ามาช่วย เลนส์ โฟกัสเงียบแม่นยํา มากครับ เทียบเลนส์ เกรด L ได้เลยน่ะผมว่า คุณ
ภาพสีสันถือว่าคม ใช้ได้เลย ส่วนไฟล์ภาพของเจ้า 80 d ผมว่าดีขึ้นมากเลยน่ะ จากที่เคยใช้
ตัวคูณรุ่นก่อนๆ แต่อาจจะมี noice เยอะกว่า ถ้าเทียบกับ fullframe ส่วนภาพมวยคอนเสป
ผมไม่ค่อยซีเรียสเรื่อง noice มากครับ เพราะการถ่ายมวย noice มันทําให้ภาพดูมีพลัง มากขึ้น