เมืองเล็กๆ ในมุมที่ไม่เล็กสัมผัสบรรยากาศในยามราตรี ถ้าคุณกำลังมองหาที่พักริมน้ำบรรยากาศสุดคูล เราขอแนะนำ
"บ้านวังหลัง ริเวอร์ไซด์" ที่สุดของ
โรงแรมสไตล์ไทยบูติค ทีมีทำเลดีเยี่ยมตั้งอยู่บนโค้งแม่นำ้เจ้าพระยา
จากโครงสร้างเดิมทีที่เคยเป็นอพาร์ตเมนท์ จนเจ้าของคนปัจจุบันมาพบแล้วมองเห็นว่าเป็นจุดที่มีทัศนียภาพที่งดงามจึงตัดสินใจเทคโอเวอร์และดัดแปลงปรับปรุงให้กลายมาเป็นโรงแรมอย่างที่เราเห็นในปัจจุบัน การตกแต่งทั้งภายนอกและภายในที่มีสไตล์ เก๋ไก๋ ดูนุ่มลึกแบบไทยๆ เป็นโรงแรมสไตล์บูติคที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
ด้วยรูปแบบการตกแต่งแบบไทยๆ นั้น ทำให้ได้รับความประทับใจแก่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ที่ไม่ใช่แค่ให้ความรู้สึกอบอุ่น สบาย เรียบง่ายเหมือนเป็นบ้านหลังที่สองแล้ว แต่ยังรักษากลิ่นอายของวัฒนธรรมเก่าแก่ไว้โดยผ่านรูปแบบการตกแต่งของเฟอร์นิเจอร์ที่เน้นไม้เป็นหลักอีกด้วย
ห้องพักของที่นี่มีด้วยกันทั้งหมด 32 ห้อง แบ่งออกเป็น 5 รูปแบบ ซึ่งแต่ละห้องก็มีเอกลักษณ์แตกต่างกันไป เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า ซึ่งจะเป็นแบบโคโรเนียวไทย จะตกแต่งด้วยไม้แกะสลักสมัย รัชกาลที่ 5
แบบแรกที่ทางโรงแรมภูมิใจนำเสนอสุดๆ ก็คือ
"Panoramic Suite" (ราคา 7,000 บาท/คืน) : จะอยู่ชั้น 5 จะเห็นมุมมอง 180 องศา ตั้งอยู่ตรงโค้งน้ำแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นห้องที่วิวดีที่สุด ได้ทั้งความหรูหราพร้อมขนาดห้องที่กว้างขวาง ภายในมีโซนห้องนั่งเล่นและห้องนอนแยกออกจากกัน ซึ่งจุดเด่นที่สุดเลยคือ บรรยากาศของวิวด้านนอก หากออกไปยืนแล้วหันมองที่ด้านขวาจะเห็นวัดอรุณฯ วัดโพธิ์และพระบรมมหาราชวัง จากนั้นแค่ชายตามองมาทางด้านซ้ายก็จะเห็นสะพานพระราม 8 อีกด้วย
ต่อไปคือ
"Corner Suite" (ราคา 5,250 บาท/คืน) : เป็นห้องที่อยู่มุมด้านซ้ายของโรงแรม แบ่งโซนห้องนั่งเล่นกับห้องนอนแยกจากกัน ส่วนวิวนั้นจะสามารถมองเห็นโค้งน้ำฝั่งสะพานพระราม 8 ที่สวยงามได้อย่างชัดเจน
ถัดมาจะเป็น "Riverfront" (ราคา 5,250 บาท/คืน) : ลักษณะห้องจะมีวิวคล้ายกับห้อง Panoramic Suite เพียงแต่มีขนาดเล็กกว่า และไม่มีโซนห้องรับแขก ส่วนเรื่องวิวนั้นถือว่าสูสีกันเลยทีเดียว
ประเภทอื่นๆ ก็จะมี Suprerier Room และ Deluxe Room (ราคา 2,450 บาท/คืน) : ห้องขนาดกะทัดรัด ย่อมเยาว์ ถึงแม้จะไม่ติดริมน้ำ แต่ก็มีบางมุมที่สามารถมองเห็นวิวแม่น้ำได้บางส่วน เนื่องจากอยู่ด้านข้างของตัวตึก
ซึ่งถ้าหากมาพักที่นี้ รับรองได้เลยว่าจะสามารถชมวิวแม่น้ำเจ้าพระยาได้ทุกห้อง ทุกประเภทอย่างแน่นอน และนอกจากในส่วนของห้องพักแล้ว ด้านสิ่งอำนวยความสะดวกก็ยังมีทั้งบริการสปา, โต๊ะทัวร์,จักรยานให้เช่าฟรี, ร้านอาหาร (The Olive Tree) , ร้านกาแฟ (N10 Café) และบาร์ดาดฟ้า (342 Bar) รวมถึงบริการรูมเซอร์วิส ซึ่งก็ถือว่าค่อนข้างครบถ้วนสำหรับการพักผ่อนเลยทีเดียว
รวมถึงตลาดวังหลัง ที่เป็นแหล่งช้อปปิ้ง และเป็นแหล่งรวมของกินที่อร่อยๆ เยอะแยะมากมายอีกด้วย
การเดินทาง
-
ทางเรือ สามารถนั่งเรือข้ามฟากมาจากฝั่งท่าพระจันทร์ หรือท่าช้างก็ได้ : 3.50 บาท/คน
-
รถไฟฟ้า BTS ลงสถานีสะพานตากสินแล้วนั่งเรือมาลงท่าพรานนกได้ทุกสาย
-
รถส่วนตัว ข้ามสะพานสาทรมาแล้วเลี้ยวขวาเข้าวงเวียนใหญ่ มาทางเส้นประชาธิปกแล้วเลี้ยวซ้ายเข้าอรุณอัมรินทร์ เนื่องจากทางโรงแรมไ่ม่มีที่จอดรถให้บริการ ต้องจอดรถที่อาคารจอดของวัดระฆังโฆสิตาราม (ค่าจอดรถชั่วโมงละ 20 บาท) จากนั้นสามารถเดินมาที่โรงแรมเองได้ หรือจะใช้บริการรถตุ๊กตุ๊กของทางโรงแรมก็ได้ โดยโทรศัพท์เข้าไปที่โรงแรม ทางโรงแรมก็จะส่งรถมารับและไปส่งที่โรงแรม ใช้เวลาประมาณ 5 นาที
แต่ถ้าให้แนะนำว่าถ้าอยากมาพักผ่อนหย่อนใจ มา
ทางเรือหรือแท็กซี่จะสะดวกที่สุด
ถึงแม้จะไม่ได้เป็นโรงแรมที่ใหญ่โตมาก แต่ก็อบอุ่นและสวยงาม ทั้งในเรื่องของวิวและบรรยากาศนั้นการันตีว่าทุกท่านจะได้รับความประทับใจกลับไปแน่นอน.....
สรุปโรงแรมบ้านวังหลัง ริเวอร์ไซด์
จุดแข็ง:
วิวแม่น้ำเจ้าพระยาชนิดติดแม่น้ำจริงๆ อิ่มเอมกับบรรยากาศและวัฒนธรรมแน่นอน
โดยเฉพาะตอนกลางคืน วัดแถวนั้นและสะพานพระรามแปดเปิดไฟแล้วสวยมากๆ
โดยส่วนตัวเราว่าค่อนข้างเหมาะสำหรับคู่รัก หรือคนที่ต้องการเปลี่ยนบรรยากาศ สำหรับห้องพักและห้องอาหาร
ส่วนบาร์ ก็เหมาะกับกลุ่มเพื่อนๆ มานั่งสังสรรค์ คุยกันชิลๆ ได้อย่างสบายใจ
จุดด้อย:
เรื่องการเดินทางทางรถต้องจอดรถตรงวัดระฆังชั่วโมงละ 20 บาท ซึ่งถ้าค่างคืนจะไม่คุ้มกันเลยทีเดียว เหมาะกับ one day trip มากกว่า
[CR] -- Review "Baan Wanglang Riverside" --
เมืองเล็กๆ ในมุมที่ไม่เล็กสัมผัสบรรยากาศในยามราตรี ถ้าคุณกำลังมองหาที่พักริมน้ำบรรยากาศสุดคูล เราขอแนะนำ "บ้านวังหลัง ริเวอร์ไซด์" ที่สุดของโรงแรมสไตล์ไทยบูติค ทีมีทำเลดีเยี่ยมตั้งอยู่บนโค้งแม่นำ้เจ้าพระยา
จากโครงสร้างเดิมทีที่เคยเป็นอพาร์ตเมนท์ จนเจ้าของคนปัจจุบันมาพบแล้วมองเห็นว่าเป็นจุดที่มีทัศนียภาพที่งดงามจึงตัดสินใจเทคโอเวอร์และดัดแปลงปรับปรุงให้กลายมาเป็นโรงแรมอย่างที่เราเห็นในปัจจุบัน การตกแต่งทั้งภายนอกและภายในที่มีสไตล์ เก๋ไก๋ ดูนุ่มลึกแบบไทยๆ เป็นโรงแรมสไตล์บูติคที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
ด้วยรูปแบบการตกแต่งแบบไทยๆ นั้น ทำให้ได้รับความประทับใจแก่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ที่ไม่ใช่แค่ให้ความรู้สึกอบอุ่น สบาย เรียบง่ายเหมือนเป็นบ้านหลังที่สองแล้ว แต่ยังรักษากลิ่นอายของวัฒนธรรมเก่าแก่ไว้โดยผ่านรูปแบบการตกแต่งของเฟอร์นิเจอร์ที่เน้นไม้เป็นหลักอีกด้วย
ห้องพักของที่นี่มีด้วยกันทั้งหมด 32 ห้อง แบ่งออกเป็น 5 รูปแบบ ซึ่งแต่ละห้องก็มีเอกลักษณ์แตกต่างกันไป เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า ซึ่งจะเป็นแบบโคโรเนียวไทย จะตกแต่งด้วยไม้แกะสลักสมัย รัชกาลที่ 5
แบบแรกที่ทางโรงแรมภูมิใจนำเสนอสุดๆ ก็คือ "Panoramic Suite" (ราคา 7,000 บาท/คืน) : จะอยู่ชั้น 5 จะเห็นมุมมอง 180 องศา ตั้งอยู่ตรงโค้งน้ำแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นห้องที่วิวดีที่สุด ได้ทั้งความหรูหราพร้อมขนาดห้องที่กว้างขวาง ภายในมีโซนห้องนั่งเล่นและห้องนอนแยกออกจากกัน ซึ่งจุดเด่นที่สุดเลยคือ บรรยากาศของวิวด้านนอก หากออกไปยืนแล้วหันมองที่ด้านขวาจะเห็นวัดอรุณฯ วัดโพธิ์และพระบรมมหาราชวัง จากนั้นแค่ชายตามองมาทางด้านซ้ายก็จะเห็นสะพานพระราม 8 อีกด้วย
ต่อไปคือ "Corner Suite" (ราคา 5,250 บาท/คืน) : เป็นห้องที่อยู่มุมด้านซ้ายของโรงแรม แบ่งโซนห้องนั่งเล่นกับห้องนอนแยกจากกัน ส่วนวิวนั้นจะสามารถมองเห็นโค้งน้ำฝั่งสะพานพระราม 8 ที่สวยงามได้อย่างชัดเจน
ถัดมาจะเป็น "Riverfront" (ราคา 5,250 บาท/คืน) : ลักษณะห้องจะมีวิวคล้ายกับห้อง Panoramic Suite เพียงแต่มีขนาดเล็กกว่า และไม่มีโซนห้องรับแขก ส่วนเรื่องวิวนั้นถือว่าสูสีกันเลยทีเดียว
ประเภทอื่นๆ ก็จะมี Suprerier Room และ Deluxe Room (ราคา 2,450 บาท/คืน) : ห้องขนาดกะทัดรัด ย่อมเยาว์ ถึงแม้จะไม่ติดริมน้ำ แต่ก็มีบางมุมที่สามารถมองเห็นวิวแม่น้ำได้บางส่วน เนื่องจากอยู่ด้านข้างของตัวตึก
ซึ่งถ้าหากมาพักที่นี้ รับรองได้เลยว่าจะสามารถชมวิวแม่น้ำเจ้าพระยาได้ทุกห้อง ทุกประเภทอย่างแน่นอน และนอกจากในส่วนของห้องพักแล้ว ด้านสิ่งอำนวยความสะดวกก็ยังมีทั้งบริการสปา, โต๊ะทัวร์,จักรยานให้เช่าฟรี, ร้านอาหาร (The Olive Tree) , ร้านกาแฟ (N10 Café) และบาร์ดาดฟ้า (342 Bar) รวมถึงบริการรูมเซอร์วิส ซึ่งก็ถือว่าค่อนข้างครบถ้วนสำหรับการพักผ่อนเลยทีเดียว
รวมถึงตลาดวังหลัง ที่เป็นแหล่งช้อปปิ้ง และเป็นแหล่งรวมของกินที่อร่อยๆ เยอะแยะมากมายอีกด้วย
การเดินทาง
- ทางเรือ สามารถนั่งเรือข้ามฟากมาจากฝั่งท่าพระจันทร์ หรือท่าช้างก็ได้ : 3.50 บาท/คน
- รถไฟฟ้า BTS ลงสถานีสะพานตากสินแล้วนั่งเรือมาลงท่าพรานนกได้ทุกสาย
- รถส่วนตัว ข้ามสะพานสาทรมาแล้วเลี้ยวขวาเข้าวงเวียนใหญ่ มาทางเส้นประชาธิปกแล้วเลี้ยวซ้ายเข้าอรุณอัมรินทร์ เนื่องจากทางโรงแรมไ่ม่มีที่จอดรถให้บริการ ต้องจอดรถที่อาคารจอดของวัดระฆังโฆสิตาราม (ค่าจอดรถชั่วโมงละ 20 บาท) จากนั้นสามารถเดินมาที่โรงแรมเองได้ หรือจะใช้บริการรถตุ๊กตุ๊กของทางโรงแรมก็ได้ โดยโทรศัพท์เข้าไปที่โรงแรม ทางโรงแรมก็จะส่งรถมารับและไปส่งที่โรงแรม ใช้เวลาประมาณ 5 นาที
แต่ถ้าให้แนะนำว่าถ้าอยากมาพักผ่อนหย่อนใจ มาทางเรือหรือแท็กซี่จะสะดวกที่สุด
ถึงแม้จะไม่ได้เป็นโรงแรมที่ใหญ่โตมาก แต่ก็อบอุ่นและสวยงาม ทั้งในเรื่องของวิวและบรรยากาศนั้นการันตีว่าทุกท่านจะได้รับความประทับใจกลับไปแน่นอน.....
สรุปโรงแรมบ้านวังหลัง ริเวอร์ไซด์
จุดแข็ง:
วิวแม่น้ำเจ้าพระยาชนิดติดแม่น้ำจริงๆ อิ่มเอมกับบรรยากาศและวัฒนธรรมแน่นอน
โดยเฉพาะตอนกลางคืน วัดแถวนั้นและสะพานพระรามแปดเปิดไฟแล้วสวยมากๆ
โดยส่วนตัวเราว่าค่อนข้างเหมาะสำหรับคู่รัก หรือคนที่ต้องการเปลี่ยนบรรยากาศ สำหรับห้องพักและห้องอาหาร
ส่วนบาร์ ก็เหมาะกับกลุ่มเพื่อนๆ มานั่งสังสรรค์ คุยกันชิลๆ ได้อย่างสบายใจ
จุดด้อย:
เรื่องการเดินทางทางรถต้องจอดรถตรงวัดระฆังชั่วโมงละ 20 บาท ซึ่งถ้าค่างคืนจะไม่คุ้มกันเลยทีเดียว เหมาะกับ one day trip มากกว่า
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น