สวัสดีค่ะชาวพันทิป...
สินสอดทองหมั้นกับคู่รักชาวต่างชาติ ไม่ใช่เรื่องใหม่ที่เกิดขึ้นในสังคมไทย
และดิฉันเองก็เป็นหนึ่งในนั้นที่กำลังประสบปัญหานี้อยู่ค่ะ จึงเป็นที่มาของการตั้งกระทู้นี้
เพื่อขอคำปรึกษา หรือข้อแนะนำที่คุณสามารถให้ได้
ขออนุญาตเล่าถึงที่มานะคะ...
ดิฉันคบหาดูใจกับแฟนชาวต่างชาติมาได้ 3 ปีแล้วค่ะ และได้วางแผนกันไว้ว่า
ดิฉันจะลาออกจากงานที่ทำอยู่ ซึ่งทำมาแล้ว 5 ปีและกำลังจะต่อสัญญาในอีกไม่ช้านี้
เราวางแผนกันว่าจะให้ดิฉันย้ายไปอยู่ที่สวิส และเรียนภาษาในระยะแรก
โดยที่เราจะหมั้นกันก่อน แล้วจึงค่อยย้ายไปอยู่สวิส ซึ่งแฟนจะช่วยเหลือในด้านการเงินทุกอย่าง
ขอแค่ให้ดิฉันช่วยดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายภายในบ้าน
เมื่อดิฉันได้แจ้งข่าวนี้กับครอบครัว ก็ได้พบว่าถ้าจะหมั้นกันก็ต้องมีสินสอด ซึ่งเรื่องสินสอดนั้น
โดยส่วนตัวดิฉันไม่เคยเห็นด้วยกับเรื่องนี้เลย ไม่ว่าจะคนที่ตกลงปลงใจด้วยจะเป็นคนไทยหรือต่างชาติ
เพราะดิฉันมองว่าสินสอดมันเหมือนการตีราคา ค้าขาย ลดทอนความเคารพในตนเอง
และตัวตนของกันและกันลง และดิฉันยังมองว่ายังมีหลายครอบครัวที่นำเรื่องสินสอดมาเป็นข้ออ้าง
เกี่ยวกับความมั่นคงของฝ่ายชาย ที่มีต่อลูกสาว ทั้งๆที่ความจริงแล้วมันไม่สามารถรับประกันอะไรได้เลย
ค่ะ... แฟนดิฉันก็เป็นหนึ่งในนั้นที่ไม่เห็นด้วย และไม่ยอมรับกับประเพณีนี้ ทำให้ดิฉันกลายเป็นคนกลางไปโดยปริยาย
ทางครอบครัวดิฉันก็ยืนกรานว่ายังไงก็ต้องมีสินสอด แม่ดิฉันถึงกับเอ่ยปากว่าลูกสาวคนเดียวของบ้านจะออกเรือน
ถ้าไม่มีสินสอดทองหมั้น ก็เหมือนกับยกลูกสาวให้เขาไปฟรีๆ ไม่มีคุณค่าอะไร ดิฉันฟังแล้วก็ได้แต่สลดใจ และจนปัญญาที่จะอธิบาย
พี่ชายดิฉันก็ได้พูดกับดิฉันว่า ถ้าไม่มีสินสอดก็ไม่ต้องกลับบ้าน อยากจะแลกแหวน แต่งในโบสถ์ก็ตามใจ ดิฉันหมดคำพูดจริงๆค่ะ
ตัวดิฉันเองเข้าใจทางบ้านนะคะว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้ เพราะพ่อแม่ไม่ได้มาจากยุคสมัยที่ทั้งชายและหญิงต่างก็ทำงานหาเงิน
และผู้หญิงสมัยนี้มีความสามารถในการหาเงินได้ไม่ต่างจากผู้ชาย ท่านทั้งสองอยู่ในสังคมที่มีคนรู้จัก และมีคนให้ความเคารพ
และท่านมองว่าเราเป็นคนไทย ก็ควรจัดงานแบบไทยๆ ต่างจากดิฉันที่หากจัดงานก็อยากไปวัด ทำบุญและกลับมาทานข้าวกับครอบครัว
หรือจัดงานขนาดเล็กไม่เกิน 30 คน ดิฉันไม่เคยต้องการจัดงานเลี้ยงใหญ่โต เพราะมองว่าเป็นการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ
ขออนุญาตอธิบายเพิ่มเติมนะคะ ทางแฟนดิฉันไม่มีปัญหา ถ้าดิฉันจะกลับไปเยี่ยมครอบครัวที่ไทย หรือกีดกันลูก (ถ้ามี) ให้พบตายาย
ขอขอบคุณที่อ่านมาถึงตรงนี้นะคะ และขอขอบคุณล่วงหน้าสำหรับคำแนะนำหรือประสบการณ์ที่อยากแชร์ให้ดิฉันฟังด้วยนะคะ
ปัญหาสินสอดกับแฟนชาวต่างชาติ
สินสอดทองหมั้นกับคู่รักชาวต่างชาติ ไม่ใช่เรื่องใหม่ที่เกิดขึ้นในสังคมไทย
และดิฉันเองก็เป็นหนึ่งในนั้นที่กำลังประสบปัญหานี้อยู่ค่ะ จึงเป็นที่มาของการตั้งกระทู้นี้
เพื่อขอคำปรึกษา หรือข้อแนะนำที่คุณสามารถให้ได้
ขออนุญาตเล่าถึงที่มานะคะ...
ดิฉันคบหาดูใจกับแฟนชาวต่างชาติมาได้ 3 ปีแล้วค่ะ และได้วางแผนกันไว้ว่า
ดิฉันจะลาออกจากงานที่ทำอยู่ ซึ่งทำมาแล้ว 5 ปีและกำลังจะต่อสัญญาในอีกไม่ช้านี้
เราวางแผนกันว่าจะให้ดิฉันย้ายไปอยู่ที่สวิส และเรียนภาษาในระยะแรก
โดยที่เราจะหมั้นกันก่อน แล้วจึงค่อยย้ายไปอยู่สวิส ซึ่งแฟนจะช่วยเหลือในด้านการเงินทุกอย่าง
ขอแค่ให้ดิฉันช่วยดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายภายในบ้าน
เมื่อดิฉันได้แจ้งข่าวนี้กับครอบครัว ก็ได้พบว่าถ้าจะหมั้นกันก็ต้องมีสินสอด ซึ่งเรื่องสินสอดนั้น
โดยส่วนตัวดิฉันไม่เคยเห็นด้วยกับเรื่องนี้เลย ไม่ว่าจะคนที่ตกลงปลงใจด้วยจะเป็นคนไทยหรือต่างชาติ
เพราะดิฉันมองว่าสินสอดมันเหมือนการตีราคา ค้าขาย ลดทอนความเคารพในตนเอง
และตัวตนของกันและกันลง และดิฉันยังมองว่ายังมีหลายครอบครัวที่นำเรื่องสินสอดมาเป็นข้ออ้าง
เกี่ยวกับความมั่นคงของฝ่ายชาย ที่มีต่อลูกสาว ทั้งๆที่ความจริงแล้วมันไม่สามารถรับประกันอะไรได้เลย
ค่ะ... แฟนดิฉันก็เป็นหนึ่งในนั้นที่ไม่เห็นด้วย และไม่ยอมรับกับประเพณีนี้ ทำให้ดิฉันกลายเป็นคนกลางไปโดยปริยาย
ทางครอบครัวดิฉันก็ยืนกรานว่ายังไงก็ต้องมีสินสอด แม่ดิฉันถึงกับเอ่ยปากว่าลูกสาวคนเดียวของบ้านจะออกเรือน
ถ้าไม่มีสินสอดทองหมั้น ก็เหมือนกับยกลูกสาวให้เขาไปฟรีๆ ไม่มีคุณค่าอะไร ดิฉันฟังแล้วก็ได้แต่สลดใจ และจนปัญญาที่จะอธิบาย
พี่ชายดิฉันก็ได้พูดกับดิฉันว่า ถ้าไม่มีสินสอดก็ไม่ต้องกลับบ้าน อยากจะแลกแหวน แต่งในโบสถ์ก็ตามใจ ดิฉันหมดคำพูดจริงๆค่ะ
ตัวดิฉันเองเข้าใจทางบ้านนะคะว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้ เพราะพ่อแม่ไม่ได้มาจากยุคสมัยที่ทั้งชายและหญิงต่างก็ทำงานหาเงิน
และผู้หญิงสมัยนี้มีความสามารถในการหาเงินได้ไม่ต่างจากผู้ชาย ท่านทั้งสองอยู่ในสังคมที่มีคนรู้จัก และมีคนให้ความเคารพ
และท่านมองว่าเราเป็นคนไทย ก็ควรจัดงานแบบไทยๆ ต่างจากดิฉันที่หากจัดงานก็อยากไปวัด ทำบุญและกลับมาทานข้าวกับครอบครัว
หรือจัดงานขนาดเล็กไม่เกิน 30 คน ดิฉันไม่เคยต้องการจัดงานเลี้ยงใหญ่โต เพราะมองว่าเป็นการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ
ขออนุญาตอธิบายเพิ่มเติมนะคะ ทางแฟนดิฉันไม่มีปัญหา ถ้าดิฉันจะกลับไปเยี่ยมครอบครัวที่ไทย หรือกีดกันลูก (ถ้ามี) ให้พบตายาย
ขอขอบคุณที่อ่านมาถึงตรงนี้นะคะ และขอขอบคุณล่วงหน้าสำหรับคำแนะนำหรือประสบการณ์ที่อยากแชร์ให้ดิฉันฟังด้วยนะคะ