คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 15
ผมจะขออธิบายให้น้องฟังนะในฐานะที่ผมก็เป็นพ่อคน และมีลูกสาว ถึงแม้วว่าลูกผมจะยังเล็กอยู่
1. พ่อคุณต้องการให้คุณเลือกแบบที่ 1 เพราะว่าพ่อคุณลงทุนในหุ้น จึงได้สร้างเงือนไขนี้ขึ้นมาเพื่อต้องการจะจุงใจคุณให้ลองเข้ามาศึกษาแนวทางนี้ (เพราะปัจจุบันผมก็ลงทุนในหุ้นเป็นอาชีพหลัก และในอนาคตก็อยากจะให้ลูกสาวศึกษา และสนในเช่นกัน)
2. ถ้าคุณเปรียบเทียบเงินจะเห็นว่าถ้าเลือกแบบ 2 ดูเหมือนจะมีรายได้ไว้ใช้จ่ายเยอะกว่า แต่เชื่อเถอะว่าถ้าคุณเลือกแบบแรกแล้วสนใจจริงจัง แสดงความตั้งใจให้พ่อคุณเห็น รับรองเลยว่าพ่อคุณจะให้คุณมากกว่าที่คุณหวังแน่นอน
3. สุดท้ายมันอยู่ที่ตัวคุณว่าสนใจหุ้นหรือเปล่า เพราะถ้าไม่ชอบทำไปก็จะไม่มีความสุข ทำไปก็ไม่ได้ดี แล้วจะเสียหายเปล่า ถ้าแบบนี้ก็ควรเลือกทาง 2 เพราะถ้าเป็นผมเองก็คงไม่บังคับลูกเช่นกัน ถ้าลูกไม่ชอบ
แต่เชื่อเถอะว่าถ้าคุณลองเรียนรู้จะเห็นอีกด้านหนึ่งของชีวิตที่หลายๆคนไม่มีโอกาศได้สัมผัส เพราะการที่พ่อคุณให้เงินลงทุน 3 ล้านแก่คุณได้ผมก็พอมองออกว่าพอร์ตของคุณพ่อคุณก็ไม่ธรรมดา และถ้าพ่อคุณสร้างพอร์ตนี้ขึ้นมาได้ด้วยตนเองไม่มีต้นทุนอะไรที่มากกว่าคนอื่น นั้นก็แปลว่าพ่อคุณน่าจะไม่ธรรมดาเช่นกัน การที่จะได้เรียนรู้จากพ่อคุณน่าจะได้ประโยชน์มากกว่าเสีย ยกเว้นคุณไม่ชอบหุ้น
และเงินที่เพิ่มจาก 30,000 เป็น 60,000 บาทต่อเดือนสำหรับคนทัวไปน่าจะเยอะจนควรจะเลือก แต่ผมรับรองได้ว่าถ้าคุณมีโอกาศเข้ามาลงทุนในหุ้น ด้วยต้นทุนเงินที่มี ประสบการณ์ของพ่อคุณ ในอนาคตระยะยาวคุณอาจจะได้มากกว่านี้หลายเท่า
ด้วยความหวังดี
1. พ่อคุณต้องการให้คุณเลือกแบบที่ 1 เพราะว่าพ่อคุณลงทุนในหุ้น จึงได้สร้างเงือนไขนี้ขึ้นมาเพื่อต้องการจะจุงใจคุณให้ลองเข้ามาศึกษาแนวทางนี้ (เพราะปัจจุบันผมก็ลงทุนในหุ้นเป็นอาชีพหลัก และในอนาคตก็อยากจะให้ลูกสาวศึกษา และสนในเช่นกัน)
2. ถ้าคุณเปรียบเทียบเงินจะเห็นว่าถ้าเลือกแบบ 2 ดูเหมือนจะมีรายได้ไว้ใช้จ่ายเยอะกว่า แต่เชื่อเถอะว่าถ้าคุณเลือกแบบแรกแล้วสนใจจริงจัง แสดงความตั้งใจให้พ่อคุณเห็น รับรองเลยว่าพ่อคุณจะให้คุณมากกว่าที่คุณหวังแน่นอน
3. สุดท้ายมันอยู่ที่ตัวคุณว่าสนใจหุ้นหรือเปล่า เพราะถ้าไม่ชอบทำไปก็จะไม่มีความสุข ทำไปก็ไม่ได้ดี แล้วจะเสียหายเปล่า ถ้าแบบนี้ก็ควรเลือกทาง 2 เพราะถ้าเป็นผมเองก็คงไม่บังคับลูกเช่นกัน ถ้าลูกไม่ชอบ
แต่เชื่อเถอะว่าถ้าคุณลองเรียนรู้จะเห็นอีกด้านหนึ่งของชีวิตที่หลายๆคนไม่มีโอกาศได้สัมผัส เพราะการที่พ่อคุณให้เงินลงทุน 3 ล้านแก่คุณได้ผมก็พอมองออกว่าพอร์ตของคุณพ่อคุณก็ไม่ธรรมดา และถ้าพ่อคุณสร้างพอร์ตนี้ขึ้นมาได้ด้วยตนเองไม่มีต้นทุนอะไรที่มากกว่าคนอื่น นั้นก็แปลว่าพ่อคุณน่าจะไม่ธรรมดาเช่นกัน การที่จะได้เรียนรู้จากพ่อคุณน่าจะได้ประโยชน์มากกว่าเสีย ยกเว้นคุณไม่ชอบหุ้น
และเงินที่เพิ่มจาก 30,000 เป็น 60,000 บาทต่อเดือนสำหรับคนทัวไปน่าจะเยอะจนควรจะเลือก แต่ผมรับรองได้ว่าถ้าคุณมีโอกาศเข้ามาลงทุนในหุ้น ด้วยต้นทุนเงินที่มี ประสบการณ์ของพ่อคุณ ในอนาคตระยะยาวคุณอาจจะได้มากกว่านี้หลายเท่า
ด้วยความหวังดี
แสดงความคิดเห็น
ระหว่างพอร์ตหุ้นราคา3ล้านบาท กับเงินสนับสนุนรายเดือน10,000-30,000 นาน5 ปี ควรเลือกอันไหน
ทางบ้านให้เลือกระหว่าง 1. พอร์ตหุ้น 3 ล้านบาท หรือ 2. เงินสนับสนุนรายเดือน
ถ้าเลือก
1. พอร์ตหุ้น 3 ล้านบาท
จขกท. ไม่มีความรู้ด้านนี้เลย แต่คิดว่าจะเริ่มศึกษา
พอร์ตหุ้นจะยังเป็นชื่อพ่ออยู่
หุ้นเริ่มต้นพ่อเป็นคนซื้อให้
พอร์ตนี้จะเป็นของเราเมื่อคุณพ่อเสียชีวิต
ผลกำไรที่แบ่งคือ ถ้าเป็นเงินปันผล พ่อ40% เราได้60%
แต่ถ้าเป็นขายหุ้น เงินเข้าพ่อ 70% เราได้ 30%
สามารถขอเพิ่มเงินลงทุนได้(เงินพ่อ) ถ้าพ่อบอกว่าหุ้นตัวนั้นโอเค
2. เงินสนันสนุนรายเดือน
อาชีพที่เราทำเงินเดือนประมาณ 3x,000 ค่ะ แต่ขึ้นลงได้ไม่แน่นอนแต่บวกลบไม่เกินหมื่น ถ้าเราไม่เลือกหุ้น คุณพ่อจะเสริมเงินจนครบ60,000 ในแต่ละเดือน
แต่ก็จะไม่ได้พอร์ต
เงินที่เสริมให้จะเป็นของเราเองเลย สามารถใช้ได้สะดวก
แต่จะได้แค่5 ปีเท่านั้น หลังจากนั้นต้องอยู่ให้ได้ด้วยตัวเอง
ควรเลือกแบบไหน เพราะอะไร ขอคำแนะนำด้วยค่ะ