สวัสดีค่ะ ขอเกริ่นก่อนเลยนะคะว่าปกติแล้วเรากับเพื่อนๆก็มีทำรีวิวสถานที่ท่องเที่ยวกันมาบ้างแต่ลงแค่ Channel Youtube ของตัวเอง ครั้งนี้มีโอกาสไปเที่ยวแบบ Backpack เป็นครั้งแรก ที่หลีเป๊ะ จังหวัดสตูล ช่วง 18-20 เมษายน ที่ผ่านมา จึงอยากจะมาแชร์ประสบการณ์และรีวิวเผื่อเป็นประโยชน์กับคนที่กำลังมองหาสถานที่ท่องเที่ยว และหาข้อมูลกันอยู่ หากมีความผิดพลาดประการใดต้องขอโทษด้วยนะค่ะ เข้าเรื่องกันเลยเนอะหลังจากเรากับแฟนศึกษาหาข้อมูลกันมาใน Pantip ซักระยะหนึ่ง เราก็ตัดสินใจจองที่พักผ่าน Agoda
วันเดินทางเราจองรถตู้+เรือ กับบริษัท มาริณี ทราเวล เราขึ้นรถตู้จากสนามบินหาดใหญ่ ประมาณ 9.30 น. คนขับรถตู้แจ้งว่าใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที จะถึงท่าเรือปากบารา เมื่อถึงปากบารารถตู้จะจอดให้เราลงที่หน้าบริษัท มาริณี ทราเวล ให้เรานำเอกสารการจองไปยื่น ทางมาริณีจะให้เป็นตั๋วเรือไป - กลับและตั๋วรถตู้ไป-กลับ ท่าเรือปากบาราจะอยู่ฝั่งตรงข้ามต้องข้ามถนนไป
ที่ท่าเรือเราจะเสียค่าธรรมเนียมผ่านท่าอีก 20 บาท/คน
เรือจะจอดที่แรกคือศาลเจ้าพ่อตะรุเตา ให้นักท่องเที่ยวลงไปสักการะศาลเจ้าพ่อตะรุเตาและที่นั่นเราจะเสียค่าบริการให้ความสะดวกต่างๆในอุทยานแห่งชาติ อีก 40 บาท/คน บัตร 40 บาทนี้จะต้องพกไปทุกที่เพราะเมื่อถึงเกาะหลีเป๊ะจะมีการตรวจบัตรอีกที่ หรือแม้แต่ไปดำน้ำก็จะมีบางเกาะที่จะต้องแสดงบัตร ถ้าไม่มีบัตรจะไม่สามารถเข้าเกาะได้ หากต้องการเข้าเกาะจะต้องเสียเงินซื้อบัตรอีก 40 บาท
ภาพนี้เป็นภาพที่เราถ่ายจากท่าเรือที่เกาะตะรุเตาค่ะ
หลังจากนั้นเรือจะแวะอีกที่คือ เกาะไข่ ซึ่งเกาะไข่นั้นไกด์ประจำเรือบอกว่าที่นี่เป็น Signature ของ จังหวัดสตูล โดยที่นี่จะมีซุ้มรักนิรันดร์โดยคนที่นี่เชื่อกันว่าหากคู่รักคู่ใดลอดซุ้มรักนิรันดร์นี้ จะทำให้มีความรักยืนยาวตลอดไป
เมื่อถึงเกาะจะมีรถ Taxi ค่ะ รถ Taxi ที่นี่จะเป็นรถมอเตอร์ไซค์แบบมีพ่วงข้างหรือแบบในรูปค่ะ ถ้าใครที่ไม่อยากเดินหรือรีสอร์ตอยู่ไกล สามารถใช้บริการ Taxi ได้ค่ะ ค่า Taxi 50 บาท/คน แต่บางรีสอร์ตก็จะมี Taxi ไว้สำหรับรับส่งนักท่องเที่ยวอยู่แล้วค่ะ
คืนแรกเราได้จองที่พัก ที่ A Plus Hotel ห้องที่เราพักเป็นแบบ Dormroom คือห้องพักแบบรวม จริงๆแล้วที่นี้มีห้องพักหลายแบบนะคะ ถ้าไปแต่ผู้หญิงก็สามารถเลือกพักที่เป็นห้องแบบหญิงล้วนได้ค่ะ ที่เราพักเป็นแบบแคปซูล ที่นอนกว้างค่ะไม่อึดอัด แอร์เย็น มีปลั๊กสำหรับเสียบชาร์ตตรงบริเวณหัวเตียง มีไฟที่บนหัวเตียง ที่พักอาจจะเสียงดังหน่อยเนื่องจากเป็นที่พักแบบรวมๆเนอะ ที่นี่มี WIFI ฟรี มีล็อกเกอร์สำหรับเก็บของ ห้องน้ำเป็นแบบห้องน้ำรวม ห้องน้ำสะอาดมากค่ะจะมีพนักงานเข้ามาทำความสะอาดห้องน้ำเรื่อยๆ บริเวณด้านล่างที่พักจะมีห้องนั่งเล่นรวมค่ะ ในห้องจะเครื่องดื่มพวกชา กาแฟ มีโทรทัศน์ ซีดีหนังและการ์ตูน หนังสือ มีแอร์และ WIFI ฟรีค่ะ ถ้าไปกันแบบ Backpack ที่นี่เหมาะมากคะ ด้วยราคาที่ค่อนข้างถูกและอุปกรณ์ค่อนข้างครบ แต่ไม่มีอาหารเช้าให้นะคะ (เราลืมถ่ายรูปมาแต่มีภาพรีวิวในคลิปค่ะ)
เนื่องด้วยที่พักของเราไม่มีอาหารเช้า เรากับแฟนเลยเดินไปหาร้านกินข้าวข้างนอกกันค่ะ แต่หากใครไม่อยากเดินหรือไม่สะดวกที่จะเดิน ใน Walking Street จะมีรถ Taxi อยู่ค่ะ เรามีร้านแนะนำอยู่ร้านหนึ่งค่ะ ชื่อร้าน ครัวฅนคอน ร้านจะอยู่ตรงข้ามกับชาวเล รีสอร์ต พี่สาวเจ้าของร้านใจดีมากๆค่ะ(เราลืมถามชื่อ) ถ้าเป็นช่วงเช้าร้านจะมีเป็นโจ๊กกับข้าวราดแกง โจ๊กถ้วยละ 60 บาท ข้าวราดแกงจานละ 60 บาท ถ้าเป็นกับข้าวอย่างเดียวถ้วยละ 50 บาท เราสามารถสั่งใส่กล่องไปทานได้ค่ะ ถ้าจะไปดำน้ำหรือไม่สะดวกทานที่ร้าน กับข้าวที่ร้านนี้อร่อยทุกอย่างเลยเราคอนเฟิร์ม ราคาน่าจะถูกสุดในเกาะ เพราะปกติถ้าหน้าหาดหรือแถว Walking Street ราคาจะอยู่ ที่ 120 อัพ ร้านนี้จะเปิดถึงแค่ช่วงบ่ายๆก็หมดแล้วค่ะ ที่ร้านจะมีขายผลไม้ด้วย พี่สาวเจ้าของร้านบอกว่าถ้าเราอยากกินอะไรสามารถสั่งไว้ได้ค่ะ พี่สาวจะทำไว้ให้ หรือถ้าเราไปซื้อหรือหาของทะเลมาเองก็เอามาให้ทำได้ค่ะ หรือถ้าอยากได้เป็นผลไม้พี่สาวก็จะปลอกไปให้ เผื่อใครอยากเอาไปทานตอนดำน้ำ จะได้ทานได้ง่ายๆ วันกลับเราก็แวะไปทานที่ร้านพี่สาว ก่อนกลับพี่สาวก็ให้ขนมมาทานบนเรือด้วยค่ะ ขนมที่ให้มาทานจะเป็นกล้วยห่อข้าวเหนียวรสชาติจะคล้ายๆข้าวเม่าทอดค่ะ ทานเสร็จเราเลยบอกว่าขอถ่ายรูปพี่สาวกับอาหารหน่อย เดี๋ยวเราจะเอาไปรีวิวให้
คืนสองเราจองที่พักที่ Kaixolipe Resort ที่เราพักจะเป็นเหมือนบ้านไม้ 2 ชั้น บ้านที่เราพักชื่อว่า INDIA ด้านหน้าจะมีเปลไว้สำหรับนอนเล่นได้ค่ะ จะมีโต๊ะไม้สำหรับทานข้าวข้างหน้าบ้าน เข้ามาจะเป็นห้องน้ำไม่มีประตู ทางเดินขึ้นชั้น 2 ไม่มีราวบันไดจับจึงอาจจะไม่เหมาะที่จะพาผู้สูงอายุไปพัก แนะนำให้จองแบบบ้านเป็นหลังใหญ่ๆด้านหลังแทนค่ะ ข้างในจะตกแต่งด้วยภาพชาวอินเดีย จะออกน่ากลัวนิดนึง เจ้าของรีสอร์ตเป็นชาวต่างชาติกับภรรยาคนไทยค่ะ ขึ้นบันไดไปจะให้อารมณ์คล้ายๆกับห้องใต้บันได คือจะมีประตูเล็กๆสำหรับปิด บนหัวเตียงจะเป็นรูปพระพุทธเจ้า ผ้าม่านจะเป็นรูปพระโพธิสัตว์ รอบๆห้องจะประดับด้วยภาพคนอินเดีย อารมณ์เหมือนมีคนมองตลอดเวลา555(แอบกลัว) หน้าระเบียงจะมีที่สำหรับนอนเล่น หน้าระเบียงไม่ได้หันหน้าไปทางทะเลนะคะ แต่จากระเบียงสามารถมองเห็นทะเลได้ ที่พักที่หันหน้าออกทางทะเลคือบ้านเจ้าของรีสอร์ตนะคะ ห้องที่เรานอนจะเป็นห้องพัดลม มีมุ้งให้ค่ะ แต่ที่สะดวกคืออยู่ริมหาดเราเดินไปขึ้นเรือดำน้ำได้เลย สำหรับเราเจ้าของรีสอร์ตที่นี่ยิ้มแย้มแจ่มใสดีค่ะ ทักทายเราตลอด(ปล.เราลืมถ่ายที่พักมาค่ะ เพราะเราเข้าเช็คอินเสร็จ ก็เกือบ 9 โมง เรานัดเรือดำน้ำไว้ 9.30 น. ไปดำน้ำกลับก็เย็น อาบน้ำเสร็จก็ออกไปเดินเล่นหาของทานริมหาดกลับมาถึงก็เข้านอน พอตอน 9 โมง เราก็เช็คอินออกค่ะ เลยไม่ได้ถ่ายรูปเลยค่ะ)
ทริปดำน้ำเราจองกับบังจิ เรานัดบังมารับหน้ารีสอร์ต 9.30 น. เชื่อเถอะซื้อทริปดำน้ำกับบังไม่มีผิดหวังเลย ตอนแรกแฟนเราหารีวิวจาก Pantip นี่แหละคะ แล้วโทรไปจองเรือตอนแรกก็ไม่มีใครรับสาย และแล้วก็มีบังจินี่แหละค่ะที่โทรกลับมา ชื่อของ"บังจิ"เชื่อว่าหลายคนคงรู้จัก เพราะถือว่าบังเป็นคนดังคนหนึ่งใน Pantip ก็ว่าได้ บังแกใจดีมากๆค่ะอัธยาศัยก็ดี แฟนเราเป็นคนใต้คุยกับบังถูกคอมากค่ะ ก่อนจะดำน้ำบังจะถามก่อนจะว่าให้บังลงด้วยไหม เราโอเคให้บังพาดำเลย บอกเลยว่าเป็นทริปที่คุ้มค่ามากจริงๆ คือ อาจจะด้วยจำนวนคนที่น้อยด้วย บังสามารถดูแลได้ทั่วถึง บังพาไปดำที่ปะการังสวยๆแบบใกล้ๆ(ว่าใกล้มากจริงๆ) เชื่อว่าหากซื้อทัวร์หรือจอยกับคนอื่นจะไม่ได้ประสบการณ์แบบนี้แน่นอน เราจึงแนะนำว่าหากจองทริปดำน้ำกับบังถ้าคนจำนวนน้อยๆเช่น 2 คน หรือไม่เกิน 4 คน จะคุ้มมากกกก(ใต้น้ำเราไม่ได้ถ่ายรูปไว้แต่จะมีรีวิวในคลิปนะคะ) ตอนที่ไปเกาะรอกรอยเพื่อกินข้าว บังก็แนะนำที่กินข้าวแบบ Exclusive สุดๆ ให้ด้วยบอกเลยวิวดีมากกกกก ลำบากตอนขึ้นไปหน่อย แต่คุ้มแน่นอนค่ะ(วิวที่บังแนะนำเรามีรีวิวในวีดีโอค่ะ) ระหว่างที่เราทานข้าวบังจะขอตัวไปอีกที่นึง บังแนะนำอีกว่าพอทานข้าวเสร็จ ให้เราเดินอ้อมมาตามทางอีกด้านนึง บังแกจะไปนั่งรออยู่ตรงนั้น ที่บังแนะนำ คือวิวสวยมากค่ะ
ระหว่างนั่งดูวิวแฟนเราก็ชวนแกคุย บังแกก็เล่าประสบการณ์หลายอย่างให้ฟัง ทั้งช่วงที่มีคนเริ่มรู้จักแกจาก Pantip เริ่มมีคนโทรมาหาแก แล้วแกออกเรือได้ยินโทรศัพท์บ้างไม่ได้ยินบ้าง บางทีมีคนโทรมาจะจองกับแก พอแกไม่ว่างๆหลายๆครั้งเข้า เค้าก็เลิกโทรมากัน บางทีแกโทรกลับเค้าก็ได้เรือแล้วบ้าง มีช่วงหนึ่งที่แกเล่าว่า 2 อาทิตย์ แกได้ออกเรือแค่ครั้ง 2 ครั้ง ก็มี เข้าเรืองดำน้ำกันต่อเลยค่ะ เราเริ่มดำจากร่องน้ำจาบัง เกาะหินงาม เกาะหินซ้อน เกาะไผ่ หาดทรายขาว เกาะยาง ขากลับบังแวะให้ดำน้ำที่เกาะหินงาม และร่องน้ำจาบังอีกรอบก่อนกลับ
[CR] REVIEW เที่ยวหลีเป๊ะ BACKPACK 3 วัน 2 คืน (แบบละเอียด) 18-20 Apr 2017
สวัสดีค่ะ ขอเกริ่นก่อนเลยนะคะว่าปกติแล้วเรากับเพื่อนๆก็มีทำรีวิวสถานที่ท่องเที่ยวกันมาบ้างแต่ลงแค่ Channel Youtube ของตัวเอง ครั้งนี้มีโอกาสไปเที่ยวแบบ Backpack เป็นครั้งแรก ที่หลีเป๊ะ จังหวัดสตูล ช่วง 18-20 เมษายน ที่ผ่านมา จึงอยากจะมาแชร์ประสบการณ์และรีวิวเผื่อเป็นประโยชน์กับคนที่กำลังมองหาสถานที่ท่องเที่ยว และหาข้อมูลกันอยู่ หากมีความผิดพลาดประการใดต้องขอโทษด้วยนะค่ะ เข้าเรื่องกันเลยเนอะหลังจากเรากับแฟนศึกษาหาข้อมูลกันมาใน Pantip ซักระยะหนึ่ง เราก็ตัดสินใจจองที่พักผ่าน Agoda
วันเดินทางเราจองรถตู้+เรือ กับบริษัท มาริณี ทราเวล เราขึ้นรถตู้จากสนามบินหาดใหญ่ ประมาณ 9.30 น. คนขับรถตู้แจ้งว่าใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที จะถึงท่าเรือปากบารา เมื่อถึงปากบารารถตู้จะจอดให้เราลงที่หน้าบริษัท มาริณี ทราเวล ให้เรานำเอกสารการจองไปยื่น ทางมาริณีจะให้เป็นตั๋วเรือไป - กลับและตั๋วรถตู้ไป-กลับ ท่าเรือปากบาราจะอยู่ฝั่งตรงข้ามต้องข้ามถนนไป
ที่ท่าเรือเราจะเสียค่าธรรมเนียมผ่านท่าอีก 20 บาท/คน
เรือจะจอดที่แรกคือศาลเจ้าพ่อตะรุเตา ให้นักท่องเที่ยวลงไปสักการะศาลเจ้าพ่อตะรุเตาและที่นั่นเราจะเสียค่าบริการให้ความสะดวกต่างๆในอุทยานแห่งชาติ อีก 40 บาท/คน บัตร 40 บาทนี้จะต้องพกไปทุกที่เพราะเมื่อถึงเกาะหลีเป๊ะจะมีการตรวจบัตรอีกที่ หรือแม้แต่ไปดำน้ำก็จะมีบางเกาะที่จะต้องแสดงบัตร ถ้าไม่มีบัตรจะไม่สามารถเข้าเกาะได้ หากต้องการเข้าเกาะจะต้องเสียเงินซื้อบัตรอีก 40 บาท
ภาพนี้เป็นภาพที่เราถ่ายจากท่าเรือที่เกาะตะรุเตาค่ะ
หลังจากนั้นเรือจะแวะอีกที่คือ เกาะไข่ ซึ่งเกาะไข่นั้นไกด์ประจำเรือบอกว่าที่นี่เป็น Signature ของ จังหวัดสตูล โดยที่นี่จะมีซุ้มรักนิรันดร์โดยคนที่นี่เชื่อกันว่าหากคู่รักคู่ใดลอดซุ้มรักนิรันดร์นี้ จะทำให้มีความรักยืนยาวตลอดไป
เมื่อถึงเกาะจะมีรถ Taxi ค่ะ รถ Taxi ที่นี่จะเป็นรถมอเตอร์ไซค์แบบมีพ่วงข้างหรือแบบในรูปค่ะ ถ้าใครที่ไม่อยากเดินหรือรีสอร์ตอยู่ไกล สามารถใช้บริการ Taxi ได้ค่ะ ค่า Taxi 50 บาท/คน แต่บางรีสอร์ตก็จะมี Taxi ไว้สำหรับรับส่งนักท่องเที่ยวอยู่แล้วค่ะ
คืนแรกเราได้จองที่พัก ที่ A Plus Hotel ห้องที่เราพักเป็นแบบ Dormroom คือห้องพักแบบรวม จริงๆแล้วที่นี้มีห้องพักหลายแบบนะคะ ถ้าไปแต่ผู้หญิงก็สามารถเลือกพักที่เป็นห้องแบบหญิงล้วนได้ค่ะ ที่เราพักเป็นแบบแคปซูล ที่นอนกว้างค่ะไม่อึดอัด แอร์เย็น มีปลั๊กสำหรับเสียบชาร์ตตรงบริเวณหัวเตียง มีไฟที่บนหัวเตียง ที่พักอาจจะเสียงดังหน่อยเนื่องจากเป็นที่พักแบบรวมๆเนอะ ที่นี่มี WIFI ฟรี มีล็อกเกอร์สำหรับเก็บของ ห้องน้ำเป็นแบบห้องน้ำรวม ห้องน้ำสะอาดมากค่ะจะมีพนักงานเข้ามาทำความสะอาดห้องน้ำเรื่อยๆ บริเวณด้านล่างที่พักจะมีห้องนั่งเล่นรวมค่ะ ในห้องจะเครื่องดื่มพวกชา กาแฟ มีโทรทัศน์ ซีดีหนังและการ์ตูน หนังสือ มีแอร์และ WIFI ฟรีค่ะ ถ้าไปกันแบบ Backpack ที่นี่เหมาะมากคะ ด้วยราคาที่ค่อนข้างถูกและอุปกรณ์ค่อนข้างครบ แต่ไม่มีอาหารเช้าให้นะคะ (เราลืมถ่ายรูปมาแต่มีภาพรีวิวในคลิปค่ะ)
เนื่องด้วยที่พักของเราไม่มีอาหารเช้า เรากับแฟนเลยเดินไปหาร้านกินข้าวข้างนอกกันค่ะ แต่หากใครไม่อยากเดินหรือไม่สะดวกที่จะเดิน ใน Walking Street จะมีรถ Taxi อยู่ค่ะ เรามีร้านแนะนำอยู่ร้านหนึ่งค่ะ ชื่อร้าน ครัวฅนคอน ร้านจะอยู่ตรงข้ามกับชาวเล รีสอร์ต พี่สาวเจ้าของร้านใจดีมากๆค่ะ(เราลืมถามชื่อ) ถ้าเป็นช่วงเช้าร้านจะมีเป็นโจ๊กกับข้าวราดแกง โจ๊กถ้วยละ 60 บาท ข้าวราดแกงจานละ 60 บาท ถ้าเป็นกับข้าวอย่างเดียวถ้วยละ 50 บาท เราสามารถสั่งใส่กล่องไปทานได้ค่ะ ถ้าจะไปดำน้ำหรือไม่สะดวกทานที่ร้าน กับข้าวที่ร้านนี้อร่อยทุกอย่างเลยเราคอนเฟิร์ม ราคาน่าจะถูกสุดในเกาะ เพราะปกติถ้าหน้าหาดหรือแถว Walking Street ราคาจะอยู่ ที่ 120 อัพ ร้านนี้จะเปิดถึงแค่ช่วงบ่ายๆก็หมดแล้วค่ะ ที่ร้านจะมีขายผลไม้ด้วย พี่สาวเจ้าของร้านบอกว่าถ้าเราอยากกินอะไรสามารถสั่งไว้ได้ค่ะ พี่สาวจะทำไว้ให้ หรือถ้าเราไปซื้อหรือหาของทะเลมาเองก็เอามาให้ทำได้ค่ะ หรือถ้าอยากได้เป็นผลไม้พี่สาวก็จะปลอกไปให้ เผื่อใครอยากเอาไปทานตอนดำน้ำ จะได้ทานได้ง่ายๆ วันกลับเราก็แวะไปทานที่ร้านพี่สาว ก่อนกลับพี่สาวก็ให้ขนมมาทานบนเรือด้วยค่ะ ขนมที่ให้มาทานจะเป็นกล้วยห่อข้าวเหนียวรสชาติจะคล้ายๆข้าวเม่าทอดค่ะ ทานเสร็จเราเลยบอกว่าขอถ่ายรูปพี่สาวกับอาหารหน่อย เดี๋ยวเราจะเอาไปรีวิวให้
คืนสองเราจองที่พักที่ Kaixolipe Resort ที่เราพักจะเป็นเหมือนบ้านไม้ 2 ชั้น บ้านที่เราพักชื่อว่า INDIA ด้านหน้าจะมีเปลไว้สำหรับนอนเล่นได้ค่ะ จะมีโต๊ะไม้สำหรับทานข้าวข้างหน้าบ้าน เข้ามาจะเป็นห้องน้ำไม่มีประตู ทางเดินขึ้นชั้น 2 ไม่มีราวบันไดจับจึงอาจจะไม่เหมาะที่จะพาผู้สูงอายุไปพัก แนะนำให้จองแบบบ้านเป็นหลังใหญ่ๆด้านหลังแทนค่ะ ข้างในจะตกแต่งด้วยภาพชาวอินเดีย จะออกน่ากลัวนิดนึง เจ้าของรีสอร์ตเป็นชาวต่างชาติกับภรรยาคนไทยค่ะ ขึ้นบันไดไปจะให้อารมณ์คล้ายๆกับห้องใต้บันได คือจะมีประตูเล็กๆสำหรับปิด บนหัวเตียงจะเป็นรูปพระพุทธเจ้า ผ้าม่านจะเป็นรูปพระโพธิสัตว์ รอบๆห้องจะประดับด้วยภาพคนอินเดีย อารมณ์เหมือนมีคนมองตลอดเวลา555(แอบกลัว) หน้าระเบียงจะมีที่สำหรับนอนเล่น หน้าระเบียงไม่ได้หันหน้าไปทางทะเลนะคะ แต่จากระเบียงสามารถมองเห็นทะเลได้ ที่พักที่หันหน้าออกทางทะเลคือบ้านเจ้าของรีสอร์ตนะคะ ห้องที่เรานอนจะเป็นห้องพัดลม มีมุ้งให้ค่ะ แต่ที่สะดวกคืออยู่ริมหาดเราเดินไปขึ้นเรือดำน้ำได้เลย สำหรับเราเจ้าของรีสอร์ตที่นี่ยิ้มแย้มแจ่มใสดีค่ะ ทักทายเราตลอด(ปล.เราลืมถ่ายที่พักมาค่ะ เพราะเราเข้าเช็คอินเสร็จ ก็เกือบ 9 โมง เรานัดเรือดำน้ำไว้ 9.30 น. ไปดำน้ำกลับก็เย็น อาบน้ำเสร็จก็ออกไปเดินเล่นหาของทานริมหาดกลับมาถึงก็เข้านอน พอตอน 9 โมง เราก็เช็คอินออกค่ะ เลยไม่ได้ถ่ายรูปเลยค่ะ)
ทริปดำน้ำเราจองกับบังจิ เรานัดบังมารับหน้ารีสอร์ต 9.30 น. เชื่อเถอะซื้อทริปดำน้ำกับบังไม่มีผิดหวังเลย ตอนแรกแฟนเราหารีวิวจาก Pantip นี่แหละคะ แล้วโทรไปจองเรือตอนแรกก็ไม่มีใครรับสาย และแล้วก็มีบังจินี่แหละค่ะที่โทรกลับมา ชื่อของ"บังจิ"เชื่อว่าหลายคนคงรู้จัก เพราะถือว่าบังเป็นคนดังคนหนึ่งใน Pantip ก็ว่าได้ บังแกใจดีมากๆค่ะอัธยาศัยก็ดี แฟนเราเป็นคนใต้คุยกับบังถูกคอมากค่ะ ก่อนจะดำน้ำบังจะถามก่อนจะว่าให้บังลงด้วยไหม เราโอเคให้บังพาดำเลย บอกเลยว่าเป็นทริปที่คุ้มค่ามากจริงๆ คือ อาจจะด้วยจำนวนคนที่น้อยด้วย บังสามารถดูแลได้ทั่วถึง บังพาไปดำที่ปะการังสวยๆแบบใกล้ๆ(ว่าใกล้มากจริงๆ) เชื่อว่าหากซื้อทัวร์หรือจอยกับคนอื่นจะไม่ได้ประสบการณ์แบบนี้แน่นอน เราจึงแนะนำว่าหากจองทริปดำน้ำกับบังถ้าคนจำนวนน้อยๆเช่น 2 คน หรือไม่เกิน 4 คน จะคุ้มมากกกก(ใต้น้ำเราไม่ได้ถ่ายรูปไว้แต่จะมีรีวิวในคลิปนะคะ) ตอนที่ไปเกาะรอกรอยเพื่อกินข้าว บังก็แนะนำที่กินข้าวแบบ Exclusive สุดๆ ให้ด้วยบอกเลยวิวดีมากกกกก ลำบากตอนขึ้นไปหน่อย แต่คุ้มแน่นอนค่ะ(วิวที่บังแนะนำเรามีรีวิวในวีดีโอค่ะ) ระหว่างที่เราทานข้าวบังจะขอตัวไปอีกที่นึง บังแนะนำอีกว่าพอทานข้าวเสร็จ ให้เราเดินอ้อมมาตามทางอีกด้านนึง บังแกจะไปนั่งรออยู่ตรงนั้น ที่บังแนะนำ คือวิวสวยมากค่ะ
ระหว่างนั่งดูวิวแฟนเราก็ชวนแกคุย บังแกก็เล่าประสบการณ์หลายอย่างให้ฟัง ทั้งช่วงที่มีคนเริ่มรู้จักแกจาก Pantip เริ่มมีคนโทรมาหาแก แล้วแกออกเรือได้ยินโทรศัพท์บ้างไม่ได้ยินบ้าง บางทีมีคนโทรมาจะจองกับแก พอแกไม่ว่างๆหลายๆครั้งเข้า เค้าก็เลิกโทรมากัน บางทีแกโทรกลับเค้าก็ได้เรือแล้วบ้าง มีช่วงหนึ่งที่แกเล่าว่า 2 อาทิตย์ แกได้ออกเรือแค่ครั้ง 2 ครั้ง ก็มี เข้าเรืองดำน้ำกันต่อเลยค่ะ เราเริ่มดำจากร่องน้ำจาบัง เกาะหินงาม เกาะหินซ้อน เกาะไผ่ หาดทรายขาว เกาะยาง ขากลับบังแวะให้ดำน้ำที่เกาะหินงาม และร่องน้ำจาบังอีกรอบก่อนกลับ
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น