[CR] Backpack สไตล์ชายฉกรรจ์ @ลาว : วังเวียง-เวียงจันทน์ ฉบับ Low cost สำหรับสายประหยัด

หลังจากที่พวกเราได้ลงเรียนรายวิชาเกี่ยวกับการท่องเที่ยวพวกเราได้รับเควสให้ออกไปท่องเที่ยวแบบแบ็คแพ็คเกอร์
และด้วยความที่ว่าพวกเราทั้ง 7 คนเป็นเกมเมอร์ที่วันๆอยู่แต่ในห้องไหนๆต้องออกไปเที่ยวทั้งทีเอาให้สุดไปเลย พวกเราจึงเลือกไปในที่ๆไกลที่สุด
เท่าที่งบเราอำนวย ทริปตะลุยประเทศลาว เมืองเวียงจันทน์-วังเวียงของพวกเรา 7 คนระยะเวลา 6 วัน 5 คืนจึงกำเนิดขึ้นมา

อมยิ้ม01สะบายดีไม๊อมยิ้ม01

หลังจากเลือกที่ไปได้แล้ว ก็หาวันสิครับ ด้วยความที่เป็นช่วงงานเยอะมากและมีเรียนแทบทุกวันสุดท้ายจึงเลือกไปกันไปช่วงวันหยุดสงกรานต์ พวกเราได้จองตั๋วรถทัวร์ผ่าน call center บขส.0-2872-1777 สะดวกมากได้หมายเลขก็ไปจ่ายเงินที่เคาน์เตอร์เซอร์วิสได้เลย

โดยการจะเดินทางไปเวียงจันทน์นั้นสามารถไปได้หลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็น นั่งรถทัวร์ไปลงสถานีขนส่งอุดรธาณีแล้วต่อรถไปเวียงจันทน์ หรือนั่งรถไฟไปลงหนองคายแล้วต่อรถไปเวียงจันทน์ หรือไม่ถ้าใครอยากสบายก็สามารถนั่งเครื่องบินไปลงที่เวียงจันทน์ได้เลย แต่สำหรับพวกเราที่มีงบจำกัดจึงเลือกนั่งรถทัวร์โดยเลือกรถนอน กรุงเทพ-เวียงจันทน์  ที่นั่งยิงยาวไปลงเวียงจันทน์โดยไม่ต้องไปต่อรถให้วุ่นวาย โดยทาง บขส.มีรถแบบนี้ให้บริการแล้วใครที่ไม่อยากจะต้องต่อรถให้เหนื่อยก็สามารถเอาไว้เป็นทางเลือกหนึ่งได้ โดยคนที่จะจองรถแบบนี้ได้จำเป็นต้องมีหนังสือเดินทาง(passport) ไม่สามารถใช้บัตรผ่านแดนได้

7 เมษายน 2560

และแล้วก็ถึงวันออกเดินทาง โดยรถออกเวลา 2 ทุ่ม เมื่อเรามาถึงก็เดินไปรับตั๋วที่ช่องรับตั๋วครับโดยขั้นตอนการรับตั๋วไม่ยากครับ แค่เอาใบเสร็จไปยื่นเสร็จแล้วเขาก็จะให้ตั๋วรถเรามา หลังจากเรารับตั๋วกันเสร็จก็กินข้าวเย็นกันแถวๆนั้นแล้วก็เดินวนไปวนมารอจนกระทั่ง20.00เพื่อขึ้นรถออกเดินทางสู่เวียงจันทน์

วันที่ 8 เมษายน 2560

หลังจากที่เรานั่งรถเดินทางกันมา 14 ชม.ในที่สุดเราก็เดินทางมาถึงพรหมแดนข้ามประเทศจังหวัดหนองคายกันแล้ว เรียกได้ว่าแบตสำรองนี่หมดกันไปหลายรอบมาก เกมเมอร์แม้ไม่มีคอมโทรศัพท์เราก็เล่นได้

หลังจากนั้นพวกเราต้องลงไปกรอกใบขออนุญาตออกนอกประเทศและขออนุญาตเข้าประเทศโดยในขั้นตอนเข้าประเทศลาวนั้นเราต้องซื้อบัตร One Way Ticket 50บาท

ที่ด่านลาวจะมีจุดแลกเงินกีบอยู่ ควรแลกไว้เลยครับเพราะถ้าเข้าไปแลกในเวียงจันทน์จะได้เลทราคาที่ต่ำกว่ายิ่งวังเวียงยิ่งแล้วใหญ่โดนกดราคามากๆ ใครที่จะไปเที่ยวลาวก็แลกไว้เถอะครับใช้เงินไทยขาดทุนแน่นอนเพราะเวลาจ่ายเงินเค้าจะคิดในราคาที่สูงกว่าเงินกีบ ถือซะว่าแลกเอาเงินล้านมาใช้ชิวๆเท่ดีออกได้ถือเงินล้าน

และแล้วถึงเวียงจันทน์ หลังจากที่รถจอดจะมีโชเฟอร์คนลาวมาคอยเรียกลูกค้า เรียกได้ว่ามากกว่านักท่องเที่ยวที่มาซะอีก พวกเราได้ทำการบ้านมาจากการอ่านพันทิปหลังรวมตัวกันจบครบ 7 คนแล้วรีบเดินหนีออกจากบริเวณนั้นเพื่อไปหาซื้อซิมการ์ดแต่ก็ยังมีคนลาวเดินตามมาจะให้เหมารถไปส่งโรงแรมให้ได้ สุดท้ายก็เลยยอมเหมารถไปโรงแรมที่จองไว้โดยตอนแรกเค้าบอกราคาจำนวนหนึ่งซึ่งก็รับได้เพราะที่ศึกษามาก็ประมาณนี้ถูกแล้ว แต่พอรถออกเค้ากลับบอกราคาเป็นอีกราคาหนึ่งคือเพิ่มเป็นเท่าตัวเลย พวกเราจะบอกให้จอดตรงนั้นก็ใช่ที่เลยทำใจยอมไป

ปล.ค่าใช้จ่ายเดี๋ยวจะสรุปให้ทีหลังเป็นแต่ละวันไปครับ

โดยซิมการ์ดนั้นเราซื้อมา 2 แบบ ทั้งแบบโทรและแบบเน็ตแยกกัน เพราะพวกเราจำเป็นต้องใช้ GPS ในการหาเส้นทางเที่ยวไปสถานที่ต่างๆกันเองโดยไม่เหมารถเนื่องจากจะใช้กันแต่จักรยานเพื่อความประหยัดตามที่วางแผนไว้

ถึงโรงแรมละอองดาวที่เราจองที่พักกันแล้ว แต่ยังเชคอินไม่ได้ต้องรอบ่ายโมงถึงจะเชคอินได้ พวกเราก็เลยฝากกระเป๋าไว้กับพนักงานแล้วก็ออกไปหาข้าวเช้ากินกัน

นี้คืออาหารมื้อแรกที่ประเทศลาวพวกเราอยากจะลองอาหารลาวเลยบอกพี่ๆเอาแกงอ่อมไก่กับไส้อั่วมาชุดหนึ่ง จัดว่าอร่อยมากโดยเฉพาะส้มตำไทย จัดว่าอร่อยไม่แพ้ของประเทศไทยเลย

และนี้ก็คือค่าอาหารมื้อแรกถือได้ว่าค่อนข้างถูกมาก

หลังจากกินข้าวเสร็จก็เวลา 10 โมงกว่าจะเช็คอินได้ก็บ่าย เราจึงตัดสินใจเริ่มต้นเดินทางเที่ยวกันเลยดีกว่า โดยได้เหมารถให้ไปส่งที่ร้านเช่าจักรยานเนื่องจากร้านอยู่ไกลจากโรงแรมมากเดินไปคงไม่ไหว โดยพี่ที่ขับรถตุ๊กตุ๊กที่เราเหมามานี่หน้าเหมือนอาจารย์ของพวกเรามาก ถึงกับต้องขอถ่ายรูปเก็บไว้กันเลยทีเดียว

นี่ครับได้จักรยานคู่ใจสำหรับปั่นเที่ยวเมืองเวียงจันทน์กันเรียบร้อย เจ้าของร้านใจดีมากให้เช่าข้ามวันมาคืนวันต่อไปได้ด้วย แถมราคาก็ไม่แพงด้วยครับ

หลังจากได้ปั่นจักรยานมาตาม GPS พร้อมกับถามทางมาเรื่อยๆเราก็ได้มาถึงสถานที่แรก พิพิธภัณฑ์สีสะเกด โดยสถานที่นี้จะเป็นสถานที่เก็บรวบรวมวัตถุที่ได้รับความเสียหายจากการโจมตีของสยามเช่นพระพุทธรูปต่างๆทั้งเล็กและใหญ่ โดยป้าที่ขายบัตรเข้าชมบอกว่าเป็นที่ๆรวมรวบพระพุทธรูปไว้มากที่สุดในประเทศลาว
จะเห็นได้ว่ามีพระพุทธรูปที่ถูกทำลายเสียหายอยู่มากมาย และตามกำแพงวัดจะมีช่องเล็กๆสำหรับวางพระพุทธรูปเล็กๆอยู่เต็มไปหมดนับเท่าไหร่ก็คงไม่หมดแน่นอน

บริเวณหน้าพิพิธภัณฑ์สีสะเกดจะมีคนลาวมาวาดรูปศิลปะตั้งขายอยู่ สวยงามมากครับ

ไม่รอช้าเราไปที่ต่อไปกันเลยดีกว่า ตรงข้ามพิพิภัณฑ์สีสะเกดก็คือหอพระแก้วนั้นเอง
และเราก็มาอยู่กันที่หอพระแก้วซึ่งเดิมที่นี่เคยประดิษฐานพระแก้วมรกตแต่หลังจากที่พระแก้วมรกตถูกอัญเชิญไปประดิษฐานที่วัดพระแก้วที่แห่งนี้ก็เหลือแค่ที่รองฐานพระแก้วซึ่งปัจจุบันก็ได้ทำใหม่แล้วโดยทำเป็นฐานเปล่าๆเช่นเดิมโดยไม่จำลองพระแก้วมรกตขึ้นมา โดยเจ้าหน้าที่บอกว่าทำไว้เพื่อระลึกถึงว่าพระแก้วมรกตเคยอยู่ที่นี่เป็นฐานที่สวยงามมาก แต่เป็นที่น่าเสียดายที่เขาไม่อนุญาตให้ถ่ายรูปข้างใน

ตอนนี้เวลาก็ประมาณบ่ายโมงแล้ว พวกเราจึงกลับโรงแรมไปเชคอินก่อน ห้องนับว่าสภาพดีสะอาด ราคาไม่แพงแต่ห้องดีขนาดนี้ถือว่าโอเคสุดๆ โดยเราได้จองห้องไป 3 ห้องเป็นห้อง 2 คน 2 ห้อง ห้อง 3 คน 1 ห้อง หลังจากเชคอินก็ให้เวลาได้แยกย้ายกันไปอาบน้ำ 1 ชั่วโมงก่อนจะออกไปเที่ยวกันต่อเพราะอากาศร้อนมาก

หลังจากที่พวกผมอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ก็ได้ปั่นจักรยานยิงยาวมาที่ ประตูชัย อยากบอกว่าใหญ่มากๆ โดยสถานที่นี้สร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงประชาชนลาวผู้ที่เสียสละชีวิตในสงครามการปฏิวัติของพรรคคอมมิวนิสต์นั่นเอง โดยจะมีบันไดวนขึ้นไปและมีจุดชมวิวเมืองเวียงจันทน์ให้ด้วย

มองลงไปจากด้านบนประตูชัยถือว่าสวยงามมากใครที่จะไปต้องขึ้นไปให้ได้ครับ เหมือนได้เห็นชีวิตของเมืองเวียงจันทน์จากที่สูง

เอาภาษาลาวมาฝาก ความรู้ใหม่กะแล่ม=ไอติม อร่อยมากครับโคนมันนี่ก็คือทองม้วนนี่แหละครับ 7 คนนี่กินกันทุกคนเลย เรียกได้ว่าเป็นความสุขของวันนี้เลยก็ว่าได้

หลังจากชมวิวประตูชัยเสร็จแล้วพวกผมก็ออกเดินทางกันต่อ จุดหมายต่อไปพิพิธภัณฑ์แห่งชาติลาว โดยที่นี่จะเป็นที่เก็บรวบรวมวัตถุทางประวัติศาสตร์ของประเทศลาวเอาไว้ และถ้าใครที่มาช่วงเย็นๆจะมีการแสดงจากพิพิธภัณฑ์ให้ได้รับชมเป็นการแสดงเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของประเทศลาว
เช่นเรื่องโดยเก็บค่าเข้าชมไม่แพงด้วย พี่ที่เป็นเจ้าหน้าที่เขาใจดีมากเขาเก็บค่าเข้าชมพวกเราในราคาของคนลาวเพราะถ้าเป็นชาวต่างชาติจะเป็นราคาที่แพงกว่า

คนนี้เป็นเจ้าหน้าที่จากพิพิธภัณฑ์เขาได้มาบรรยายเกี่ยวกับประวัติสิ่งของต่างๆในพิพิธภัณฑ์ให้เราได้ฟังกัน แถมอันนี้เป็นการบรรยายนอกรอบสำหรับพวกเรา 7 คนด้วยต้องขอบคุณพี่เขาจริงๆ

เมื่อถึงเวลาก็ได้มีการแสดงของพิพิธภัณฑ์ มีการพูดเปิดเป็นภาษาอังกฤษด้วยน่ะ

ชุดไทยก็เต้นเพลงอินเตอร์ได้ด้วยน่ารักจริงๆ

หลังจากแสดงเปิดจบ คนที่แสดงก็จะแยกไปรอเตรียมแสดงในจุดของตัวเอง โดยอันนี้เป็นการแสดงเกี่ยวกับการวิวัฒนาการของมนุษย์โดยเขาเล่าออกมาในรูปแบบว่าคนสมัยก่อนหลังจะค่อมแต่เจอผลไม้ก็ค่อยๆเอื้อมจับจนถึงทำให้สามารถยืนหลังตรงได้ซึ่งพวกเขาได้ใช้เพลงเข้าช่วยในการแสดงด้วยทำให้มีความน่าสนใจมาก

แม้กระทั่งวัฒนธรรมการแสดงโขนรามเกียรติ์เองก็มีไม่ต่างจากไทยเรา

การละเล่นพื้นบ้านของประเทศลาว

แม้กระทั่งเรื่องราวความขัดแย้งภายในประเทศก็มีการจำลองเป็นการแสดงให้ได้รับชม

การแสดงพื้นเมือง มีการเข้าไปแจมกับเขาด้วยน่ะรำตามๆกันไป

หลังจากจบการแสดงทั้งหมดก็มีการอวยพรขอให้โชคดี โดยมีการเอาดอกจำปามาแปะไหล่และผูกสายสิญจน์ให้กับผู้เข้าชม

ตอนนี้ก็เย็นแล้วพวกเราจึงเดินทางกลับที่พักก่อน เนื่องด้วยเป็นช่วงเย็นทำให้รถเยอะมากพวกเราปั่นจักรยานกลับโรงแรมค่อนข้างทุลักทุเลพอสมควร ระหว่างทางด้วยมีเพื่อนพลัดหลงไปคนหนึ่งหาทางกลับไปไม่ได้สุดท้ายต้องเหมารถกลับมาส่งที่โรงแรม
ชื่อสินค้า:   เที่ยวลาว เวียงจันทร์ วังเวียง
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่