ร้อนนี้เชิญชวนเพื่อนๆชาว pantip และผู้ที่เข้ามาอ่านมาล้างแอร์ช่วยให้ประหยัดเงินค่าไฟกันครับ แอร์เย็นฉ่ำ ตังจ่ายน้อยลง

ข้อมูลนี้ จขกท เคยเขียนตั้งกระทู้ใน pantip มาแล้วครั้งหนึ่ง แต่เขียนในมุมเล็กๆของตัวเองกับเพื่อนๆของ จขกท เอง ช่วงนี้อากาศร้อนมากกอปรกับค่าไฟฟ้าที่มีการแจ้งข่าวว่าจะเพิ่มขึ้น  เรื่องโรงไฟฟ้าก็ยังเอาแน่เอานอนไม่ได้ว่าจะมีการสร้างเพิ่มหรือหยุดการสร้าง  ในนาม จขกท เองเล็งเห็นว่า เมื่อค่าการใช้ไฟฟ้าของคนไทยสูงขึ้น สิ่งที่คนไทยสามารถทำได้เองทันทีโดยไม่ต้องเถียงกันเรื่องสร้างหรือไม่สร้างโรงไฟฟ้านั่นคือการลดค่าการใช้พลังงานลง และกระทู้นี้คือการลดค่าการใช้พลังงานลงโดยที่ไม่ต้องไปปิดอะไรหรือไปลดเวลาในการใช้ไฟฟ้าแต่อย่างใดครับ



การใช้พลังงานไฟฟ้าส่วนใหญ่ของบ้านเราตอนนี้หนักไปทางระบบทำความเย็นครับโดยเฉพาะหน้าร้อนจะกินพลังงานมากๆ และระบบทำความเย็นที่ใกล้ตัวเราๆท่านๆมากที่สุด ณ เวลานี้ คือระบบปรับอากาศ พูดง่ายๆก็คือแอร์นี่เอง เจ้าแอร์นี่แหละคือตัวกินพลังงานหลักของประเทศและเงินในกระเป๋าของท่าน  ฉลากเบอร์ 5 ที่ติดมากับแอร์ที่ท่านซื้อมันคำนวนเงินมาให้ท่านเสร็จสรรพ โดยคำนวนมาที่ท่านเปิดแอร์วันละ 8 ชั่วโมง ที่อุณหภูมิเฉลี่ยตลอดปี แต่ท่านรู้หรือไม่ว่าเงินค่าไฟที่เขาคำนวนโดยเฉลี่ยมาให้นั้นมันหมายความว่าแอร์ของท่านจะต้องอยู่ในสภาพที่สะอาดที่สุด เหมือนใหม่ที่สุด แต่ในความเป็นจริงเราๆท่านๆก็คงไม่ได้มีความรู้ในด้านนี้กันทุกคนนัก ซื้อมาแล้วก็ต้องใช้ให้เต็มที่เท่านั้น ไม่ได้มองไปถึงว่าจะต้องมาเช็คมาดูแลอะไรนักหนา จุดตรงนี้แหละที่ทำให้เราต้องเปลืองพลังงานมากไปเกินความจำเป็น ส่งผลถึงค่าการใช้พลังงานของชาติที่มากขึ้น  และค่าไฟที่มากขึ้นของตัวท่านเองด้วย


ผมไปลองสุ่มตัวอย่างแอร์มา 1 ตัวครับ เป็นแอร์ยี่ห้อหนึ่งขนาด 12,xxx btu สังเกตมันดูว่า มันเย็นไม่เต็มประสิทธิภาพ และมันไม่นิ่ง มีอาการสั่นเล็กน้อย ซึ่งเกิดจากฝุ่นและคราบเหนียวๆต่างๆเข้าไปเกาะบริเวณ คอยล์เย็น พัดลมแอร์ และคอยล์ร้อนบริเวณตู้วางคอมเพสเชอร์ อีกทั้งตะแกรงดักฝุ่นหรือฟิลเตอร์ที่ตัวเครื่องก็มีฝุ่นจับอีกด้วย ทดลองเปิดที่อุณหภูมิ 25 C ความแรงพัดลมที่ Auto ปรากฏว่าเปิดอยู่นานมากเป็นชั่วโมงคอมเพรสเซอร์ทำงานอยู่ตลอดเวลา ไม่มีการตัดการทำงาน วัดค่าปริมาณกระแสไฟฟ้าที่ไหลผ่านเท่ากับ 4.875 แอมแปร์  และค่ากำลังไฟฟ้ากินไฟ 1.1032 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง ตามภาพ



เรามาลองคิดคำนวนค่าไฟแบบคร่าวๆดูครับสมมุติว่าเราเปิดเจ้าแอร์เครื่องนี้เป็นเวลา 8 ชั่วโมง/วัน สูตรการคำนวนง่ายๆครับ
จำนวนหน่วยที่ใช้ใน 1 วัน  =  กำลังไฟฟ้า(กิโลวัตต์)  x จำนวน เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ต้องการคำนวณ x จำนวนชั่วโมงที่ใช้งานในหนึ่งวัน
จำนวนหน่วยที่ใช้ใน 1 วัน = 1.1032 * 1 * 8 = 8.826 หน่วย/วัน จะจ่ายค่าไฟกี่บาทก็แล้วแต่พื้นที่ๆท่านอยู่ว่าเขาเก็บค่าไฟหน่วยละเท่าไหร่ครับ



คราวนี้เราลองมาทดลองล้างแอร์เจ้าเครื่องนี้กันดูครับ
เบื้องต้นก่อนจะถึงวิธีล้างแอร์ มาบอกในสิ่งที่หลายๆคนมองข้ามก่อน นั่นก็คือฟิลเตอร์ดักฝุ่นครับ เจ้าฟิลเตอร์ตัวนี้ถ้าไม่ล้างมันๆก็จะทำให้อากาศร้อนภายในห้องดูดผ่านครีบระบายความร้อนออกไปไม่ได้เหมือนกัน แง้มหน้ากากหน้ามันขึ้น แล้วดึงมันออกมาฉีดล้างให้สะอาดทุกๆอาทิตย์ครับ



คราวนี้มาเข้าวิธีล้างแอร์กันจริงๆแล้ว


1. เริ่มต้นจากสับเบรคเกอร์ลง เตรียมถอดหน้ากากออกก่อน มันจะมีที่ปิดหัวน็อตอยู่ที่ส่วนล่างของช่องลมแอร์ ให้เราใช้ไขควงเล็กๆงัดออก และใช้ไขควงแฉกขันน็อตออกทั้งสองข้างตามภาพ และใช้มือโยกหน้ากากแอร์ออกมา (แอร์บางรุ่นก็ไม่มีเจ้าน็อตยึดหน้ากากนี้เช่นแอร์ SAMSUNG บางรุ่น ใช้มือโยกหน้ากากออกได้เลย)


สังเกตสิ่งสกปรกที่อุดตันครีบระบายความร้อนหรือคอยล์เย็น และสังเกตุพักลมแอร์ที่อยู่ใต้ช่องแอร์ดูครับ มันจะมีคราบเหนียวๆ และฝุ่นจับอยู่เป็นจำนวนมาก ที่แหละคือสิ่งที่ทำให้แอร์ทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพและทำให้คอมเพรสเซอร์แอร์ที่เป็นตัวการในการกินไฟของคุณไม่ยอมตัดการทำงาน ทำให้แอร์ไม่เย็น เปลืองไฟ เปลืองเงินค่าไฟครับ



2. ใช้แปรงสีฟันชุบน้ำทำความสะอาดคราบไคลที่ติดอยู่กับครีบระบายความร้อนและพัดลมแอร์ให้สะอาดที่สุด และใช้น้ำจากสายยางหรือจากอะไรก็ได้ที่คุณมี ฉีดล้างฝุ่นและคราบเหนียวๆออกให้ได้มากที่สุด ตามภาพผมใช้เครื่องฉีดน้ำแรงดันสูงในการล้างครับ ปรับน้ำให้มันแบนๆที่สุด แล้วฉีดไปตามครีบและพัดลมแอร์ (ในส่วนของพัดลมแอร์ตอนฉีดเราต้องเอามือล็อคไม่ให้ใบพัดหมุนด้วย ไม่เช่นนั้นกระแสไฟฟ้าจากการหมุนของใบพัดมันจะย้อนกับไปที่แผงคอนโทรลแอร์)


นี่คือสภาพสิ่งสกปรกที่ปนมากับน้ำที่เราล้าง


หลังจากล้างเสร็จก็สะอาดแล้วครับ



3. ไปที่คอยล์ร้อนที่อยู่ตรงตู้คอมเพรสเซอร์บ้างครับ ฉีดน้ำล้างเหมือนกันครับ ให้ครีบระบายความร้อนจากตู้คอมเพรสเซอร์ระบายความร้อนได้ง่ายที่สุด



4. เพียงเท่านี้ก็เป็นอันเสร็จครับ ประกอบหน้ากากกลับคืนครับผม



คราวนี้เรามาทดสอบเปิดแอร์กันใหม่ที่อุณหภูมิเดิม ความแรงพัดลมแอร์เท่าเดิมได้ค่าดังนี้ครับผม > ค่าปริมาณกระแสไฟฟ้าที่ไหลผ่านลดลงเหลือเท่ากับ 4.380 แอมแปร์  และค่ากำลังไฟฟ้ากินไฟ 1.0265 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง


ที่ค่าลดลงเนื่องจากมันระบายความร้อนได้ดีขึ้นครับ ลองนึกภาพเราเอามือบีบจมูกแล้วหายใจเราจะใช้แรงในการหายใจมากขึ้น แล้วเวลาเราเอามืออกเราก็จะใช้แรงไม่มากเพราะไม่มีอะไรมาบีบจมูกเราไว้


แต่ไฮไลท์ของการประหยัดพลังงานมันอยู่ตรงนี้ครับ  หลังจากเปิดไปได้ประมาณ 15 นาที คอมเพรสเซอร์ก็ตัดการทำงานครับ ทำให้ค่าปริมาณกระแสไฟฟ้าที่ไหลผ่านลดลงเหลือเท่ากับ 0.310 แอมแปร์  และค่ากำลังไฟฟ้ากินไฟ 0.0648 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง


ทดสอบเปิดดูเป็นเวลา 2 ชั่วโมง ปรากฏว่าใน 1 ชั่วโมงการทำงานมีช่วงที่คอมเพรสเซอร์ทำงานประมาณ 35 นาที และช่วงที่คอมเพรสเซอร์หยุดทำงานประมาณ 25 นาที หลังจากที่ก่อนจะล้างแอร์คอมเพรสเซอร์ทำงานอยู่ตลอดเวลามันไม่ยอมตัดเลย

มาคำนวนหน่วยที่ใช้ไฟคร่าวๆกันใน 1 วันกันใหม่ครับ คิดที่เปิดวันละ 8 ชั่วโมงเหมือนเดิม แต่คราวนี้เราต้องคิดที่ทั้งคอมเพรสเซอร์ทำงานและหยุดการทำงานมารวมกัน

จำนวนหน่วยที่ใช้ใน 1 วัน = (1.0265 * 1 * (35/60) *8) + (0.0648 * 1 * (25/60) *8) = 5.006 หน่วย/วัน


จำนวนหน่วยที่ลดลงในการใช้ไฟฟ้าก่อนล้างและหลังล้างที่เราจะประหยัดได้สำหรับแอร์ 1 เครื่องขนาด 12,xxx BTU เท่ากับ  8.826 - 5.006 = 3.82 หน่วยต่อวัน หรือประมาณ 114 หน่วยต่อเดือน(คิดจาก 30 วัน) หรือประมาณ 1394.3 หน่วยต่อปี นี่คือค่าที่ประเทศชาติรวมถึงตัวคุณเองได้ประหยัดการใช้พลังงานเป็นจำนวนหน่วย คิดเป็นจำนวนเงินที่คุณประหยัดได้เท่าไหร่ ต่อวัน ต่อเดือน หรือต่อปี คุณก็ลองเอาอัตราค่าไฟต่อหน่วยของคุณคูนเข้าไปดูครับ  สมมุติว่าบ้านคุณเสียค่าไฟหน่วยละ 4 บาท คุณก็จะประหยัดเงินตรงนี้ไปแล้วประมาณ 456 บาท/เดือน หรือ 5,577 บาท ต่อปีต่อเครื่อง ซึ่งเป็นเงินจำนวนไม่น้อยเลยครับ



ไม่ยากกันเลยใช่ไหมครับ ผู้อ่านท่านใดมีข้อสงสัยในการทำ ทิ้งข้อความไว้ได้ในกระทู้ได้ครับผม แล้วผมจะมาตอบครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่