อยากรู้ว่าคนไทยคิดยังไงกับการซื้อของแบรนด์เนมจากร้านหิ้ว และการที่ศุลกากรเรียกเก็บภาษีจากของใช้ติดตัว

กระทู้คำถาม
หลังจากทริปล่าสุดที่เพิ่งไปยุโรปกลับมา เรามีประเด็นถกเถียงกับพี่ กับเพื่อนทีรู้จักบ่อยๆ เกี่ยวกับการซื้อพวกของแบรนด์เนมเข้ามาแล้วต้องโดนตรวจเวลาผ่านศุลกากร

เราเองยังไม่เคยโดนเรียกเก็บภาษีนะคะ แต่พี่ที่เรารู้จักเคยโดนเรียกเก็บภาษีเป็นหมื่นก็บ่นมากๆ ว่าเราไม่ได้ทำอาชีพหิ้วของหนีภาษีมาขาย เราซื้อมาเพื่อใช้ส่วนตัวแค่ 1 ชิ้น ***ย้ำนะคะว่า แค่ 1 ชิ้น***** ทำไมเราต้องโดนเก็บภาษี (เคยเห็นแต่ข่าวคนอื่นโดน คราวนี้คนใกล้ตัวโดนบ้าง เจ็บปวดสุด) ถึงเราจะสงสารเค้านะคะ แต่เราก็พยายามเข้าใจทางเจ้าหน้าที่นะ(พอดีว่าคนที่เจอเค้าก็มีเหตุมีผล แล้วก็ไม่ได้เก็บเต็มพิกัด มีอะลุ่มอะหล่วยให้บ้าง) เพราะเราคิดว่าเค้าแยกไม่ได้ว่าใบไหนหิ้วมาขายใบไหนหิ้วมาใช้เอง เพราะเดี๋ยวนี้ค่าส่วนต่างราคากระเป๋าอย่าง Hermes Chanel มันต่างกันใบละหลายหมื่นยันหลายแสน บางทีบินทีนึงหิ้วแค่กระเป๋ามา 1 นาฬิกา Patek มา 1 และอะไรจุกจิกประปลายนิดหน่อย ก็ได้กำไรเยอะแล้ว

เราเคยได้ยินคนที่ทำอาชีพนี้เค้าคุยกัน มันรวยเร็วใช้ได้เลยบินรอบนึงหิ้วของเข้ามาขายได้เดือนละไม่กี่ใบก็รวยแล้ว แถมเวลาบินเค้าบิน Business แบบฟรีๆ ห้องพักก็ฟรีตลอด......ทำยังไงน่ะเหรอ.....ก็เค้าใช้วิธีว่าก่อนไปก็ล่า order มาก่อน แล้วบินไปขนมาทีเดียว หรือบางทีต่อให้ไม่มี order เค้าก็รู้กันในวงการอยู่แล้วว่าใบไหนหิ้วมาขายได้เท่าไร ใบไหนถ้าได้มาขายได้แน่นอน เวลาจองตั๋วเครื่องบินที่พักเค้าก็ใช้ point ใน Credit Card ที่รูดซื้อของมาขายนั่นแล่ะแลกไมล์เอา ลองคิดดูว่าแค่บินรอบนึงซื้อกระเป๋านาฬิกา แล้วเอาวงเงินทุกใบไปรูดจนเต็มหลักล้านต่อครั้ง แต้มมันก็พุ่งเร็วแลกไมล์ตั๋วเครื่องบิน แลกที่พักกันทิ้งๆ ขว้างๆ กันสบายเลย

ฟังเค้าเล่าแล้วก็อิจฉามิใช่น้อย นึกอยากทำบ้างไรบ้าง แต่ก็ไม่อยากทำ เพราะเราคิดว่ามันเป็นการเอาเปรียบคนที่เค้าทำแบรนด์ที่เมืองไทย เจ้าของธุรกิจคนไทยด้วยกันเค้าก็ลงทุนโปรโมทสร้างแบรนด์ไปตั้งเยอะ แต่จะให้เราซื้อราคาที่ขายที่นี่ไม่ไหว มันถูกบวกทั้งค่าภาษีนำเข้าและจิปาถะเข้าไปแพงเกิ๊น เราก็อาศัยบินไปซื้อเองใช้เองก็น่าจะพอได้อยู่นะ แต่การที่คนอื่นที่ไปหิ้วของที่เค้าทำลงทุนทำแบรนด์ไปแล้วไปหิ้วมาแบบนี้เราว่ามันก็เอาเปรียบเค้า และก็ทำให้พวกเราคนธรรมดาที่แค่จะบินไปเที่ยวแล้วอยากมีของที่ระลึกสวยๆ งามๆ ติดตัวกลับมาบ้างก็ต้องมาลำบากแบบนี้ด้วย เพราะรัฐบาลก็ไม่มีวิธีจัดการที่....ดีกว่านี้!!!

ทีนี้เวลาเราจะไปเที่ยวเราก็ไม่กล้าซื้อเพราะกลัวเอาเข้ามาแล้วต้องเสียภาษีแพง กลับกลายเป็นว่าเราเองจากที่เคยแค่ซื้อใช้ตอนไปเที่ยวก็เริ่มกล้าๆ กลัวๆ ไม่กล้าซื้อกลับมา เลยคิดว่าจะไปซื้อร้านหิ้วเอาบ้างสบายใจดีไม่ต้องกลัวเสียภาษีไม่ต้องลุ้นเพราะจะไปซื้อที่ shopก็ทำใจไม่ได้ว่าทำไมเราต้องซื้อแพงกว่าที่มันควรจะเป็นหลายอยู่

สรุปว่าการที่เค้าตรวจและเก็บภาษีเข้มงวดแบบนี้ เค้ากำลังต้องการปราบปรามการลักลอบหิ้ว หรือเป็นการส่งเสริมให้คนไปซื้อร้านหิ้วกันแน่ เลยอยากรู้ว่าคนอื่นคิดยังไงกับกรณีนี้กันบ้างคะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่