สวัสดีชาวพันทิปทุกท่าน เราตั้งกระทู้นี้เป็นครั้งแรกหากมีข้อผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยนะคะ เราได้มีโอกาสไปเที่ยวจังหวัดเลยกับเพื่อนๆ โดยการนั่งรถตู้จากจังหวัดอุดรธานีไปจังหวัดเลย จุดมุ่งหมายของเราคือไปเชียงคานเป็นที่แรก พร้อมแล้วไปลุยกันเลยยยยยย
                                                 
                                                             เช้าวันแรกเริ่มออกเดินทางโดยรถตู้ จากอุดรธานี มุ่งหน้าสู่จังหวัดเลย
เริ่มออกเดินทางจากอุดรธานีเวลา 06:30 น. ถึง ปั้ม ปตท จังหวัดเลยเวลา 09:30 น. แวะเข้าห้องน้ำทำธุระเสร็จแล้วเดินทางต่อไปอำเภอเชียงคานจุดหมายปลายทางแรกของเรา เชียงคาน เมืองเล็กๆ ริมแม่น้ำโขงสุดชายแดนไทย เป็นอำเภอหนึ่งในจังหวัดเลย ที่คงยังคงไว้ซึ่งวัฒนธรรม ขนบประเพณี การใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย พอเพียง วิถีชีวิตแบบดั้งเดิม ซึ่งหาดูยากในปัจจุบัน เมืองเล็กๆ ที่เงียบสงบ แห่งนี้ กำลังเป็นที่สนใจ ของนักท่องเที่ยวจำนวนมาก  ภาพบ้านเก่าๆที่เรียงรายติดกันอยู่ริมถนนชายโขง ดึงดูดใจ ให้นักท่องเที่ยวหลายต่อหลายรุ่นต่าง หลั่งไหลเดินทางกันมาที่นี่ บ้านเรือนที่เมืองเชียงคานจะแบ่งออกเป็นซอย เล็กๆ เรียกว่า ถนนศรีเชียงคาน ขนานคู่กันไปไปกับถนนใหญ่ ซึ่งเป็นถนนสายหลัก

                                                                                                                  แวะถ่ายรูปสักหน่อย บรรยากาศและวิวสวยมาก

                                                  

เวลา 10:00 ถึงบ้านพัก ณ เชียงคาน เราพักที่บ้านไทเชียงคานเป็นบ้านพักแบบโฮมสเตย์อยู่ที่ซอย 19 ด้านหน้าติดถนนคนเดิน ส่วนด้านหลังติดกับริมโขง ที่พักเชียงคานเพื่อให้ได้บรรยากาศมันก็ต้อง ริมโขงเท่านั้นค่ะ จึงจะได้บรรยากาศเราเข้าเช็คอินแล้วเตรียมตัวปั่นจักรยานไหว้พระ 9 วัดในระแวกเชียงคานอิ่มบุญสุดๆไปเลยค่า   ( ที่บ้านพักของเรามีบริการให้ยืมจักรยานฟรีด้วยนะ )

                                                   
เวลา 12:00  หลังจากที่เราไปปั่นจักรยานไหว้พระ 9 วัดเสร็จก็ออกไปหาอะไรอร่อยๆรองท้องกันก็ไปเจอร้านอาหารบะหมี่เฟื่องฟ้า เป็นร้านอาหารที่ขึ้นชื่อของอำเภอเชียงคานกันเลยที่เดียว ขอบอกเลยว่าอร่อยมากกกกกกก

                                                    
เวลา 13:00 น.กินข้าวเที่ยงเสร็จแล้ว พวกเราก็กลับที่พักเพื่อเก็บของและพักผ่อน ไทเชียงคานโฮมสเตย์ บ้านพักริมน้ำ พบกับบรรยากาศสบายๆ ยามเย็นและค่ำคืน ชมวิวริมแม่น้ำโขงและทะเลหมอกยามเช้าอันสวยงาม ท่ามกลางบรรยากาศของบ้านไม้หลังเก่าที่บ่งบอกถึงวิถีชีวิตที่เรียบง่ายของชุมชนเชียงคาน ได้ถูกตกแต่งให้ดูมีสีสันขึ้นโดยเฉพาะห้องนอนและโซนต่างๆ ภายในบ้าน (เชียงคานมีโอวัลติน กาแฟ และขนมปังปิ้ง ไว้ให้บริการอีกด้วยค่ะ)

                                                    
                                                    
เวลา 16:00 น. พร้อมแล้วค่าสำหรับการเดินชมวิวริมโขงดูพระอาทิตย์ตก บอกเลยว่าบรรยากาศสุดฟิน เหมาะสำหรับชวนเพื่อน ชวนแฟนและคนในครอบครัวมาพักผ่อน ท่ามกลางอากาศดีๆ ที่เมืองเชียงคานค่ะ

                                                    
มาค่ะมาเดินช้อป ชิม ชิว ที่ถนนคนเดินกันต่อค่ะ  ถนนคนเดินเชียงคาน จะเริ่มตั้งแต่ช่วงเวลาประมาณ 17.00 - 22.00 น. ของทุกวันเสาร์และอาทิตย์ เป็นถนนที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวาท่ามกลางบรรยากาศอันเรียบง่ายและเก่าเก่แห่งนี้ จะคับคั่งไปด้วยร้านต่างๆ มากมายที่นำเอาสินค้าหลากหลายประเภททั้งเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า และข้าวของที่ระลึกอีกมากมาย นอกจากนี้ตลอดเส้นทางยังเต็มไปด้วยร้านอาหาร ร้านกาแฟ ที่มีอาหารหลากหลายให้เลือกซื้อจนละลานตา ในช่วงฤดูหนาวจะเป็นช่วงฤดูท่องเที่ยวของเมืองเชียงคาน ถนนคนเดินแห่งนี้จึงเต็มไปด้วยสีสันและรอยยิ้มของนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเยือนเป็นจำนวนมาก ขอบอกเลยว่าน่าไปมากกกกกก
เสร็จแล้วเราก็เข้าที่พักอาบน้ำเตรียมตัวนอนพักผ่อน พรุ้งนี้ต้องตื่นแต่เช้าเพื่อทำบุญตักบาตร

                                                    
เช้าวันที่ 2 ไม่อยากตื่นเลยค่ะ นอนหลับสบายมากแต่ก็ต้องตื่นมาอาบน้ำเก็บกระเป๋าลงไปเพื่อรอตักบาตร และเช็คเอ้าท์
เวลา 06:00 พวกเราก็มาตักบาตรด้วยกันถนนนี้เป็นถนนแห่งบุญจริงๆค่ะ มีนักท่องเที่ยวมากมายมานั่งเรียงพร้อมกันเพื่อรอตักบาตร เพราะการตักบาตรข้าวเหนียวเป็น "ไฮไลน์ "ของการท่องเที่ยวเมืองเชียงคานช่วงเช้าก็ได้เป็นส่วนหนึ่งในการตักบาตร เพื่อร่วมอนุรักษ์ ประเพณีการตักบาตรข้าวเหนียวแบบวิถีเชียงคาน ให้ยั่งยืนสืบไปอีกด้วยค่ะ
ตักบาตรเสร็จเราก็เช็คเอ้าท์ออก แล้วไปขึ้นรถเพื่อไปชมทะเลหมอกที่ภูทอกต่อค่ะ

                                                     
                                                       


เวลา 07:00 น. ก็เดินทางไปที่ไฮไลท์ของเชียงคานอย่าง นั่นก็คือ "ภูทอก" จุดชมทะเลหมอกสุดงดงามแห่งเชียงคานมีลักษณะเป็นภูเขาสูง ตั้งอยู่ริมแม่น้ำโขง ภูทอกเป็นจุดชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงามของอำเภอเชียงคานและลำน้ำโขงได้โดยรอบ ตั้งอยู่บนถนนสายเดียวกันกับแก่งคุดคู้ความงามของโขดหินน้อยใหญ่ที่สรรสร้างโดยธรรมชาติ ซึ่งห่างจาก ตัวอำเภอเชียงคานประมาณ 3 กิโลเมตร ใครที่ได้แวะมาเที่ยวเชียงคานไม่ควรพลาดการไปชมทะเลหมอกในยามเช้าที่นี่
(ปล.ทางขี้นภูขอบอกเลยว่าหวาดเสียวมากๆเหมาะสำหรับคนชอบผจญภัยจริงๆและอย่าขึ้นมาตอนสายๆนะค่ะเพราะหมอกจะจางหมด)

                                             

                                                                                            
                                              
09:30 น. ออกเดินทางมุ่งหน้าสู่วัดป่าห้วยลาด ตั้งอยู่ที่ หมู่ 3 ถนนเลย–ด่านซ้าย ตำบลสานตม อำเภอภูเรือ จังหวัดเลย เพื่อชมความงามพระประธานสีขาวราวสายหมอกท่ามกลางหุบเขา มีนามว่าพระสัพพัญญูรู้แจ้ง  สามแดนโลกธาตุ พระสีขาวนวลองค์ใหญ่ ที่สร้างจากแร่แคลไซต์ใหญ่ที่สุดในโลก สร้างขึ้นเมื่อปี 2549
อยากบอกว่าเป็นที่อันซีนอีกที่หนึ่งก็ว่าได้อีกทั้งยังเป็นวัดที่สวยและแปลกตาอีกด้วยบรรยากาศของวัดร่มรื่น เหมาะกับการปฏิบัติธรรมมากๆเลยล่ะค่ะ
(ช่วงที่เราไปวัดสร้างใกล้จะเสร็จหมดแล้วไปแล้วไม่ผิดหวังแน่นอน)

                                                  ชมความงามวัดป่าห้วยลาดแล้วก็ได้เดินทางไปสถานที่สุดท้ายของทริป เวลา 12:00 น.ก็เดินมารับประทานอาหารเที่ยงที่อ่างเก็บน้ำห้วยกระทิงหรือห้วยน้ำหมาน  อยู่หมู่1 ต.กกทอง อ.เมืองเลย จังหวัดเลย และบ้านโป่งเบี้ย ม. 3 ตำบลน้ำหมาน  สามารถที่จะไปล่องแพได้ทั้งสองที่ แต่ส่วนใหญ่แล้วจะนิยมไปที่ห้วยกระทิงเพราะมีจุดล่องแพที่มากกว่า ความพิเศษคือเป็นอ่างเก็บน้ำที่มีภูเขาน้อยใหญ่โอบล้อม บอกเลยว่าธรรมชาติสุดๆ หลังจากที่พวกเราเดินทางมาทั้งวันแล้วก็ได้ พักผ่อนโดยการล่องแพ พร้อมทานอาหารท่ามกลางวิวทิวทัศน์ และบรรยากาศที่สวยงาม ร่มรื่น และเย็นสบายจากลมที่พัดมาในอ่างเก็บน้ำห้วยกระทิง ที่นี่มีแพร้านอาหารให้บริการหลายเจ้ามีอาหาร ให้บริการหลากหลาย ส่วนมากจะเป็นอาหารอีสาน เช่น   ส้มตำ  ลาบ ยำ ปลานิลเผา แซ่บขนาดเลยจ้า

                                                  
                                                    
                                                      
รวมค่าใช้จ่ายของทริปนี้คือ
1. ค่ารถ 2 วัน 450 บาท
2. ค่าน้ำมันรถ 188 บาท
3. ค่าที่พัก  375 บาท
4. เข้าชมสถานที่+ค่าแพ 100 บาท
5. ค่าอาหาร 2 มื้อ 120 บาท
6. ค่าใช้บาตร 50 บาท

**รวม 1,283 บาท หมายเหตุ ไม่รวมค่าอาหารและค่าใช้จ่ายส่วนตัว


     สุดท้ายนี้อยากฝากไว้ว่า เราอยู่ในโลกอันน่าประหลาดใจที่เต็มไปด้วยความงดงาม เสน่ห์ และการผจญภัยมากมาย ไม่มีคำว่าสิ้นสุดสำหรับการผจญภัยที่เราสัมผัสมันได้  ถ้าเพียงเราเปิดดวงตาค้นหาความงดงามเหล่านั้น