[CR] เที่ยวญี่ปุ่นคันไซ กับประสบการณ์วิ่งไฟนอลคอลครั้งแรกกับฮ่องกงแอร์ไลน์ และโรงแรมสกีเล็กๆสำหรับครอบครัว

อยากมาแชร์ประสบการณ์การเลือกเดินทางด้วยสายการบินทางเลือก สำหรับมือใหม่หัดบิน สำหรับมือใหม่หัดพาลูกเล็ก (อายุ 6 กับ 8 ขวบ) เที่ยว กรณีไม่บินตรง แต่มีการแวะต่อเครื่อง ที่เรียกว่า Transit Flight ค่ะ ขอเกริ่นว่า เรามีโจทย์ดังนี้
1.ต้องการพาลูกให้ได้ประสบการณ์ในการเดินทาง ช่วยเหลือตัวเองและรู้จักการวางแผน
2.ไม่จำกัดเวลาการเดินทาง ยืดหยุ่นเวลาไปและกลับได้ (เราวางแผนการเดินทางไว้ช่วงที่ลูกปิดเทอมยาวเท่านั้น)
3.ประหยัดงบประมาณการเดินทางมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ดังนั้นเรื่องการเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายกับค่าเสียเวลาจึงไม่เอามาคำนวณในการวางแผนทริป
4.การเลือกสายการบินจะเกี่ยวข้องกับการแวะเครื่อง หากสายการบินนั้นต้องแวะเครื่องที่ไหนนานเกิน 12 ชม.ขึ้นไป จะสามารถขอออกไปเที่ยวแบบ Day Trip หรือ ช่วงสั้นๆได้สะดวก มีขนส่งมวลชนดีพอที่จะพาเรากลับมาทันต่อเครื่องทัน (และต้องดูว่าประเทศนั้นต้องขอวีซ่าด้วยหรือไม่นะคะ ถ้าไม่ ก็สบายไป แต่ถ้าต้องใช้วีซ่าก็ต้องหาข้อมูลเรื่องขอ Visa on arrival ของประเทศนั้น ไปด้วยค่ะ)

เอาล่ะทีนี้กลับมาเข้าเรื่องต่อ เนื่องจากปี 2016 เราเคยไปญี่ปุ่น คือโตเกียว และภาคคันโตมาแล้ว ดังนั้นในปีนี้ 2017 เราจึงขอไปดูซากุระทางภาคคันไซกันบ้าง และเนื่องจากเคยได้ตั๋วโปรโมชั่นจาก สิงคโปร์แอร์ไลน์ BKK-NRT-BKK แบบ full service รวมค่าสัมภาระคนละ 20 หรือ 30 กก. (ไม่แน่ใจเรื่อง นน.ค่ะ อันนี้ลืมไปแล้วลองไปเช็คกันอีกทีนะคะ) ด้วยราคา 10,200 บาท แต่ต้องไปเปลี่ยนเครื่องสนามบินชางฮี ขาไป รอเครื่อง 8 ชม. ขากลับรอเครื่อง 4 ชม. สิริรวมเฉพาะเวลาการเดินทางไปกลับ 3 วันค่ะ (ไปสองวัน กลับ หนึ่งวัน) ยังไม่ได้เที่ยวเลย 555 แถมเวลาที่เครื่องลงสิงคโปร์เป็นช่วงเที่ยงคืนพอดี รถไฟเข้าเมืองหมดแล้ว สุดท้ายก็ต้องใช้เวลาหมดไปกับการนอนสนามบิน (เอาไว้มีเวลาจะมารีวิวการนอนสนามบินชางฮี ซึ่งก็มีคนวีวิวไว้กันเยอะเหมือนกัน แต่ของเราอาจจะแตกต่างกันไปบ้างเพราะสิงคโปร์มีอะไรใหม่ๆมาเสมอ เป็นข้อมูลอัพเดต หรือจะส่งมาถามหลังไมค์ก็ได้ค่ะ) แต่สิงคโปร์แอร์ไลน์นี่บริการดีจริงๆนะคะ เลิศเลอเพอร์เฟกต์ (ไม่สอยโปรมา อย่างเราไม่มีวันได้แตะแน่นอน คุณสี่คนอีกต่างหาก) สนามบินก็สวยงามสะอาดเอี่ยมราวกับโรงแรมหกดาว (เริ่มเพ้ออีกละ)

ปีนี้จึงออกโจทย์ว่า ขอราคาไปกลับ  แบบ full service ห้ามเกิน 12000 บาท บินไปต่อเครื่องที่ฮ่องกง เวียตนาม หรือ ไทเป เซี่ยงไฮ้ ดีกว่า เครื่องที่ลงทรานสิท 1.ต้องไปถึงช่วงกลางวัน 2. เวลาการต่อเครื่อง 12 ชม. เป็นอย่างน้อย เพื่อจะได้มีเวลาออกไปเดินเที่ยวชมเมืองเขาซะหน่อย จะได้ไม่เสียเวลาการต่อเครื่องไปเปล่าๆ

สรุปเราได้เดินทาง 5-13 เมษายน 2017  จองกับเว็บเอเจนซี่เจ้าหนึ่ง ด้วยสายการบินฮ่องกงแอร์ไลน์ ไปกลับ full service bkk-kix-bkk โหลดกระเป๋าได้คนละ 20 กก. แบกขึ้นเครื่องได้อีก 7 กก. มาตรฐาน ไปสี่คนเขาอนุโลมให้รวมกันได้ เพราะกระเป๋าเด็กนั้นเบากว่าของผู้ใหญ่มาก สนนราคาอยู่ที่คนละ 11000 บาท ฮ่องกงแอร์ไลน์นี้เราสองคนเคยนั่งเมื่อห้าปีที่แล้ว แต่ตอนนั้นไปงานแฟร์ที่ฮ่องกง ไปกลับ BKK-HX-BKK คนละ 15900 บาท จำราคาแม่น ตอนนั้นคิดว่าไม่ถึงกับประทับใจ ก็เลยไม่ได้ใช้บริการมานาน

อ้อ สามารถโทรไปจองที่นั่ง ขออาหารเด็กได้นะคะ ที่ออฟฟิศของประเทศไทยด้วยล่ะ (สิงคโปร์แอร์ไลน์ยังต้องโทรไปสิงคโปร์เอง ส่งภาษาปะกิดคุยเองนะคะ)

จากนั้นก็ลั้นลาเก็บของ สบายใจ ....แต่ทว่า.... พอวันไปเช็คอิน

พนักงานฮ่องกงแอร์ไลน์คนไทย หนุ่มหล่อ หน้าตาดี ยิ้มแย้ม ถามด้วยน้ำเสียงไพเราะรื่นหู:  "ผู้โดยสาร 4 ท่าน เดินทางจากสุวรรณภูมิวันนี้ 5 เมษายน 2017 เวลา 8.25 เปลี่ยนเครื่องที่ฮ่องกง ถึงสนามบินคันไซ บลาบลาบลา และ กลับจากคันไซวันที่ 12 พฤษภาคม 2517..."

เราสองสามีภรรยา : "ฮ้า" อ้าปากค้าง พร้อมกับบอกว่าไม่ใช่ค่ะ เราจองกลับ เมษายนนะคะ"

พนักงานยิ้ม: "ในระบบขึ้นว่า เดือน 5 จริงๆนะครับ"

เรา: "เดี๋ยวนะคะ ขอค้นก่อนค่ะ ปรินท์ใบจองมาค่ะ" พอเปิดดู ที่เขาเรียกว่า ชาตั้งแต่ปลายผมจรดปลายเท้าเป็นเช่นนี้เอง
เรา: "จริงๆด้วยค่ะ เราจองผิดเดือนจริงๆค่ะ แล้วทำไงดีคะ"

พนักงาน: "ใจเย็นนะครับ เดี๋ยวผมโทรไปปรึกษากับ สนง. ก่อนว่าจะทำยังไงให้ได้บ้างนะครับ"

เราสองสามีภรรยา หันมามองหน้าเด็กชายสองคน ที่หันมามองเราด้วยสายตา มีปัญหาแล้วใช่ไหม? "เราจะได้ไปไหมครับ" คำถามของเด็กชายสองคนนั้น พนักงานหลายคนตรงนั้นได้ยิน มีแต่คนทำหน้าสงสารเด็กชายสองคนนั้น 555

พนักงาน: จากที่คุยโต้ตอบอยู่พักหนึ่ง "ตอนนี้ผู้โดยสารมีสองทางเลือกครับ เนื่องจากตั๋วที่ซื้อจากเว็บเอเจนซี่ที่คุณซื้อมา โชคดีที่อยู่ในคลาสที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ แต่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มอีกนิดหน่อย ดังนั้นจะเลือก 1. ไปตามแพลนเดิมนี่เลย เพราะเที่ยวกลับจาก KIX มา HX มีในวันที่ 13 เมษายน 23.00 มีที่นั่งว่างอยู่ สามารถจองไว้ได้เลย เสียเงินค่าเปลี่ยนตั๋วเพิ่มเฉพาะขากลับอีกสี่คนเท่านั้น ส่วนขากลับจาก HX-BKK เรามีห้าเที่ยวต่อวัน ถ้าสามารถแบ่งมากันเที่ยวละ 2 คน น่าจะมีที่นั่งเหลือบ้าง คือต้องรอแสตนด์บาย ทางเลือกที่ 2. ยกเลิกเที่ยวบินทั้งหมดก่อน แล้วจัดการเรื่องตั๋วให้เสร็จก่อนไปครับ เพื่อรับประกันว่าคุณจะมีตั๋วกลับไม่ต้องรอแสตนด์บาย แต่เท่าที่ดูตอนนี้ไม่มีตั๋วเหลือแล้วครับ"

เรา: ไม่คิดอะไรนอกจาก อยากไปเที่ยว เด็กๆเก็บเงินมาทั้งปี เป็นเด็กดีมาทั้งปี เพื่ออยากไปเที่ยว คิดเพียงเท่านี้ เราก็ตัดสินใจได้ทันที "เอาตัวเลือกที่ 1 ค่ะ" (สารภาพว่าเราสองคนไม่เคยรู้มาก่อนว่า แสตนด์บายนั้นมันเหนื่อยแทบขาดใจขนาดไหน555)

พนักงานฮ่องกงแอร์ไลน์ก็ทำงานประสานงานกัน เพื่อติดต่อทางฮ่องกงให้เราเพื่อออกตั๋วใหม่ให้ และติดต่อพนักงานกราวนด์ที่ฮ่องกงมารอรับเราเพื่อไปติดต่อเปลี่ยนตั๋วกลับให้เสร็จก่อน ไม่เช่นนั้น เราจะไม่มีหลักฐานต่อ ตม.ญี่ปุ่นว่า เราจะกลับออกจากประเทศเขาแน่นอน ไม่หนีเข้าเมือง อะไรประมาณนั้น จากนั้นก็มีพนักงานคนไทยผู้หญิงอีกคนไปรอเราที่หน้าเกตขึ้นเครื่องเพื่อรอส่งเอกสารให้เราเอายื่นที่ฮ่องกง จะได้ไม่ต้องไปสืบสาวราวเรื่องให้มากความซ้ำอีกรอบ เพราะเค้าได้อีเมล์ไปให้เราแล้วด้วยอีกชั้นหนึ่ง

สรุปขาไป ไฟลท์ออกจาก BKK ตรงตามเวลาเป๊ะ ทัชดาวน์ที่ HX เป๊ะตามที่กำหนดไม่มีเลทแม้แต่นาทีเดียวค่ะ กัปตันขับดี เอาเครื่องลงดี ลงได้นุ่มมาก ส่วนการบริการอาจจะเป็นรองสิงคโปร์นิดหน่อย ตรงเรื่องห้องน้ำที่เล็กกว่า นิดนึง แล้วจะมารีวิวเรื่องเครื่องบินอีกทีนะคะ

พอไปถึงออกเครื่องที่ HX มีพนักงานมารอพวกที่ทรานสิทเครื่องไปที่ต่างๆ เราก็เลยยื่นเอกสารให้พนักงานหญิงคนนั้น ชื่อ Ruby ใจดีมาก อย่างไร? เธอหมดหน้าที่ตรงนั้นแล้ว ความจริงเธอจะบอกให้เราเดินไปหาช่องขายตั๋ว เดินเรื่องเองก็ได้ แต่เธอเดินนำเราไปค่ะ ตั้งแต่พาไปผ่าน ตม. เธอพาเราไปจัดการเรื่องทุกอย่าง รวมใช้เวลาประมาณชั่วโมงครึ่ง ซึ่งความจริงถ้าเราต้องเดินไปเอง หาช่องขายตั๋วเอง เราน่าจะใช้เวลานานกว่านั้น สุดท้ายเราก็สามารถเดินออกไปเที่ยวในฮ่องกงได้ตอนบ่ายสองโมงครึ่ง (จากที่เครื่องลง เที่ยงครึ่ง) แล้วก็กลับมารอขึ้นเครื่องอีกทีตอนตีหนึ่ง ถึง KIX 6.00 ตรงตามกำหนดเวลาเป๊ะอีกเช่นเคย ทำให้เราไม่เสียแพลนใดๆเลย ได้เข้าไปไหว้พระ ทานโจ๊ก เดินเที่ยวสมใจเลยเลยค่ะ

แต่ขากลับสิคะท่านผู้โช้มมมมม เครื่องขึ้นจาก KIX ลง HX ตามกำหนดเป๊ะเหมือนเดิม แต่มันลุ้นตั้งแต่ตรงนี้ล่ะค่ะ เราถึง HX ตีสาม แต่ห้องตั๋วเปิด 6 โมงตรง นอนรอมันหน้าห้องตั๋วล่ะค่ะ พื้นเย็นเฉียบ คุณสามีต้องไปยืนรอตรงเส้นรอ เพื่อเป็น คิว  first priority waiting list หมายความว่า ถ้ามีที่ว่างเหลือ เราจะได้สิทธิ์ซื้อตั๋วเป็นคนแรก ถ้าไม่ยืนรอ ใครที่มาถึงตอนห้องตั๋วเปิดก่อนก็จะได้ไปนะคะ ไม่มีการลงรายชื่อจองไว้นะคะ ห้ามไปเข้าห้องน้ำเด็ดขาด (ต้องสลับกันยืนค่ะ) แต่หลังจากที่เราได้ลงชื่อเป็น first แล้ว ก็ค่อยไปได้ค่ะ แต่อย่าไปนานนะคะ เช็คเวลาที่ปิดรับเช็คอินให้ดีค่ะ เตรียมจ่ายเงินค่าตั๋วเพิ่ม และเตรียมทุกอย่างให้พร้อม หลังจากโหลดกระเป๋าแล้ว คือ
1. ถอดทุกอย่างที่ต้องแสดงให้เขาเห็น แยกออกจากเป้ เช่น มือถือ พาวเวอร์แบ๊งค์ นาฬิกา โน้ตบุ๊คเข็มขัดที่มีหัวเหล็ก เอามาใส่ถุงพลาสติกใสเอาไว้ เพื่อวางลงในถาดตอนตรวจสัมภาระ (กรณีแบกเป้) ปล. ถ้าใส่รองเท้าหัวเหล็ก รองเท้าบู๊ท อาจจะถอดรอไว้เลย (บางกรณีอาจไม่ต้อง อันนี้ไม่ทราบได้เลยแล้วแต่คนตรวจจริงๆค่ะ) ถ้าขวดน้ำที่พกไว้ยังมีน้ำอยู่ รีบกินให้หมดเลยค่ะ เก็บไว้แต่ขวดเปล่าค่อยเอาไปเติมข้างใน
2. พาสปอร์ต ถือไว้ให้มั่นในมือ เปิดหน้าที่มีรูปเราเอาไว้ให้เค้าเลย
3. ตอนเข้าแถวรอ ตม. ถ้าใส่แว่น ถอดรอเลยค่ะ

ถามว่าทำไม ต้องทำขนาดนี้ เพราะว่า
1. เราจะได้ตั๋วตอน final call เพราะจะทราบแน่ๆว่ามีที่นั่งว่าง ผู้โดยสารที่จองไว้แล้วไม่มา มาไม่ทัน ก็ตอนนี้ล่ะค่ะ (เพราะตามกฎของสายการบินส่วนใหญ่จะมีไว้ว่า ถ้าไม่มาเช็คอินก่อนขึ้นเครื่องในเวลานั้น เวลานี้ ก็จะไม่ได้ขึ้นเครื่องค่ะ และนี่ก็คือโอกาสของ คนที่รอ แสตนด์บายค่ะ)
2. เรามีเวลาแค่ 20 นาทีก่อนเกตขึ้นเครื่องบินจะปิด จากช่องเช็คอิน ไปตรวจสัมภาระ เข้าด่าน ตม. และวิ่งไปเกต (ถ้ามีหลายเทอมินัล เกตสุดท้าย ก็คำนวณเอาเองค่ะ)

แต่สายการบินฮ่องกงแอร์ไลน์ช่วยเราไว้ค่ะ พนักงานกราวนด์ตรงนั้นกว่าสิบชีวิต ช่วยกันออกตั๋ว วิ่งไปรูดบัตร แต่ละคนที่เหลือกดวิทยุเพื่อแจ้งทุกจุดที่เราต้องผ่าน แล้วก็มีพนักผู้หญิงหนึ่งคนยืนแสตนด์บายพาเราวิ่งไปตามจุดต่างๆ ค่ะ ใช่ค่ะ อ่านไม่ผิด วิ่งจริงๆค่ะ สี่คูณร้อยเมตร ทั้งด่านตรวจสัมภาระ และ ตม. เขาได้รับ วอ บอกว่าเราด่วน เขาก็รีบตรวจจริงๆค่ะ แต่ไม่มีแซงคิวนะคะ รีบอย่างไรก็จะต้องเข้าคิวอยู่ดีค่ะ เราสี่คน กับ ชาวฮ่องกงที่เป็นผู้โดยสารชั้น business ก็เท่าเทียมกันค่ะ วิ่งเหมือนกัน รอคิวเหมือนกันเลยค่ะ และท้ายที่สุดก็สามารถวิ่งจนขึ้นเครื่องได้ก่อนเวลาเกตปิดเสียด้วย ทำให้กัปตันนำเครื่องขึ้นได้ตามกำหนดเวลาเป๊ะ และทัชดาวน์ที่รันเวย์สุวรรณภูมิตรงตามกำหนดเวลาเป๊ะเช่นเดิมค่ะ

ปรบมือรัวๆๆๆๆๆๆ ค่ะกับสายการบินนี้ ถ้าใครยังลังเลกับสายการบินทางเลือกนี้ กับการทรานสิทเครื่อง ถูกแต่เสียเวลา  จากข่าวไม่ดีต่างๆ ก่อนหน้านี้ ก็ขอบอกว่า การเดินทางนะคะ เราจะต้องเจอกับทุกเรื่องทุกรูปแบบ ปัญหาจะมาอย่างไร อย่าเพิ่งให้ตัวโมโหขึ้นมาก่อน หายใจลึกๆก่อน คิดว่าปัญหาคืออะไร เราแก้ปัญหาก่อน แล้วค่อยมาคุยกันทีหลังค่ะ เพราะงานนี้เราเป็นคนจองมาผิดเอง อ้อ ถึงแม้ว่าจะเป็น ตั๋วชั้นประหยัด ก็จะแบ่งคลาสนะคะ บางคลาสไม่สามารถทำอะไรได้เลย ต้องทิ้งตั๋วที่ซื้อมาแล้วซื้อใหม่เท่านั้น(ต้องเช็คกับเอเจนซี่ดีๆ หรือเช็คกับสายการบินก่อนจองก็จะช่วยให้เราทราบว่าตั๋วของเรานั้นสามารถมีสิทธิ์ทำอะไรได้บ้าง) โชคดีที่ตั๋วของเรายังอยู่ในคลาสที่สามารขอ
เปลี่ยนแปลงได้โดยมีการเพิ่มเงินค่ะ คือ อีกขาละ 550 HKD ต่อคน (รวมแล้วจ่ายไปคิดเป็นเงินไทยที่จ่ายเพิ่มสี่คนก็ประมาณ 22000 บาท ก็ยังถือว่าไม่แพงมากในช่วงพีคของการเดินทางเช่นช่วงสงกรานต์เช่นนี้)

มาเรื่องอื่นกันบ้าง
1. อาหาร : ถ้าต้องการของเด็กโดยเฉพาะ ก็ต้องจองล่วงหน้านะคะ ทุกสายการบินที่เคยใช้บริการ ส่วนที่ไม่เคยใช้บริการไม่กล้าฟันธงค่ะ โดยส่วนตัว เห็นว่าใช้วัตถุดิบที่ดีพอใช้ รสชาติกลางๆสำหรับทุกชาติในโลกค่ะ จืดไว้ก่อน สามารถขอเกลือพริกไทยได้

2. รุ่นของเครื่องที่นั่ง ได้นั่งสองรุ่น 1. A330 ที่นั่ง 2-4-2 เบาะสีแดงสะอาดดีค่ะ มีจอส่วนตัว มีหนังใหม่ๆเยอะ มีเกมของเด็ก มีเพลงฟัง แต่แน่นอนว่า หนังเป็นซาวด์แทร็กทุกเรื่อง แต่ซับไตเติ้ลจีน 2. A320 ที่นั่ง 3-3 ค่ะ ไม่มี business class ขาที่นั่งจาก HX ไป KIX

3. ความกว้างของเบาะกับที่ว่างวางขา เราสูง 155 ซม. หนัก 60 กก. สบายค่ะ ส่วนสามีสูง 167 ซม. นน. 96 กก. (อ้วน) ก็ไม่แน่น นะคะ เข่าไม่ชนค่ะ แต่คนสูงๆ แอบหันไปชำเลืองแลดูก็ไม่ติดเหมือนกันนะคะ (แต่ไม่ได้สำรวจของทุกคนค่ะ อันนี้ไม่ยืนยัน เอาพอเป็นข้อมูลนะคะ)

4. การบริการ น้ำเสียง เราคิดว่าอาจจะเพราะสำเนียงของตัวภาษาห้วนสั้น ไม่มีหางเสียงอยู่เป็นทุนเดิม ทำให้เรารู้สึกเหมือนโดนดุด่า ตวัดเสียงใส่ตลอดเวลา
ชื่อสินค้า:   Hong Kong Airlines, Hotel Yuzawa Yuzawa Denkiya
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่