"มีที่นั่งไหมครับ" เจ้าหน้าที่บนรถไฟถามฉันเมื่อฉันหันซ้ายขวาไปมาเพื่อหาที่นั่งที่จะบุไว้บนตั๋วในมือ ฉันจึงยื่นมันให้เจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่ผายมือไปยังที่นั่งที่ได้จองไว้
ฉันนั่งลงหยิบหนังสือที่พกมาด้วยขึ้นอ่านไปพลางฟังเพลงจากหูฟังไปพลาง สลับกับการแหงนหน้ามามองวิวทิวทัศน์สองข้างทางยามรถไฟวิ่ง
รถไฟวิ่งไปเรื่อยๆจนมาหยุดอยู่ที่"นครลำปาง" ที่เมื่อครั้งขาขึ้นที่ผ่านมาฉันได้บอกกับตัวเองไว้ว่า 'ไว้คราวหน้าต้องมาให้ได้' ซึ่งฉันก็ไม่แน่ใจทำไมถึงอยากมานัก.. ฉันอยากมาทั้งที่ไม่รู้ว่าที่นี่มีอะไรบ้าง
"โฮ่ง" ฉันจ้องไปยังที่มาของเสียง ซึ่งเสียงนั้นคือเสียงหมาหน้าย่นตัวเล็กๆ ที่ถูกอุ้มโดยชายตัวสูงผมหยักศก ที่เพิ่งเดินขึ้นมาจากสถานีนครลำปางที่รถไฟกำลังจอดอยู่
ไม่รู้ด้วยความรู้สึกอะไร อาจเป็นแรงดึงดูดที่ฉันชอบสัตว์อยู่แล้วจึงทำให้ฉันมองตามหมาตัวที่เพิ่งขึ้นมาใหม่พร้อมกับเจ้านายของมันอย่างไม่ว่างตาคล้ายกับตกอยู่ในภวังค์
...........
รถไฟวิ่งข้ามมาหลายจังหวัดใช้เวลานานหลายชั่วโมง และมีความนานพอให้ฉันรู้สึกอยากเข้าห้องน้ำ
ฉันเดินผ่านที่นั่งใครต่อใครที่ไม่รู้จักมุ่งตรงไปยังห้องน้ำที่อยู่ท้ายโบกี้รถไฟ เมื่อทำธุระเสร็จเรียบร้อยเดินกลับไปยังที่นั่งตัวเอง.. ซึ่งมันผ่านเจ้าน้องหมาหน้าย่นด้วยสิ
ฉันว่า แวะเล่นก่อนคงไม่เสียหายอะไรหรอกเนาะ
"สวัสดีเจ้าตัวเล็ก" ฉันยิ้มให้เจ้าหมาน่าย่นและหันไปมองหน้าเจ้าของและถามไปว่า "เล่นได้ไหมคะ"
เจ้าของหมาพยักหน้าเป็นคำตอบให้ฉันสามารถเข้าไปเล่นกับเจ้าหมาตัวน้อย
"อายุเท่าไรแล้วคะ" แน่นอนว่าฉันไม่ได้หวังให้มันตอบ
"ขวบกว่าครับ" เจ้าของหมาตอบ
"พามันขึ้นรถไฟบ่อยไหมคะ ดูไม่กลัวเลย"
"ปกติกลับบ้านทุกสงกรานต์ครับ"
"อ้อ ชื่ออะไรอะคะ"
"ออนเซนครับ"
"ไง เจ้าออนเซน มาหยิกแก้มหน่อย"
ฉันขยำแก้มเจ้าออนเซนเล่นไปมาจนนึกได้ว่าน่าจะนานเกินไปที่จะมานั่งคุยกับคนแปลกหน้าแบบนี้
อีกทั้งเวลาก็ค่อยข้างดึกมากแล้วจึงขอตัวก่อนเผื่อเจ้าของหมาจะได้พักผ่อน คิดได้ดังนั้นฉันจึงเดินกลับที่นั่งจริงๆ
ระหว่างทางมันอดไม่ได้ที่จะหันกลับไปมองเจ้าหมาหน้าย่นอยู่เรื่อง แต่ไม่รู้คิดไปเองรึป่าวว่าเจ้าของหมาก็คงมองมาทางนี้ด้วยอย่างไรอย่างนั้น..
เอาหน่า ลงกรุงเทพฯเหมือนกัน ถึงกรุงเทพฯค่อยขอช่องทางการติดต่อไว้รึกัน
แต่ด้วยความล้ามาจากทริปเหนือมาตลอดเวลา 3วันมันทำให้ฉันผลอยหลับไปโดยไม่ได้ตั้งใจนัก
ฉันลืมตาขึ้นมาอีกทีอัตโนมัติเหมือนมีใครตั้งนาฬิกาปลุกในร่างกายเมื่อรถไฟเริ่มเข้าใกล้สถานีปลายทาง "หัวลำโพง"
เค้าไม่อยู่แล้ว.. ใช่ น้องหมาตัวนั้นลงไปแล้ว ลงไปพร้อมกับเจ้าของของเค้า
ฉันก่นด่าตัวเองใบใจเบาๆและถอยหายใจออกมายาวๆด้วยความเซ็ง เอาหน่า ไม่ใช่ของเราก็ไม่ใช่ของเรา ถ้าคนสองคนอยากรู้จักกันมากพอก็คงจะรู้จักกันมากกว่านี้แล้วแหละ
ฉันเงยหน้าหาน้องที่มาด้วยกันราวกับถามคำถามถึงคนคนนั้นและน้องหมาตัวนั้น
น้องคงเข้าใจในสายตาที่ฉันสื่อสารออกไป และเอ่ยออกมาว่า
" 'เค้า'ลงไปแล้วนะ ตอนลงไปเค้าแอบมองเธอด้วย"
ฉันทำเพียงยิ้มตอบน้อง คิดในใจลำพัง "ไว้สงกรานต์ปีหน้าจะนั่งรถไฟมานะ "นครลำปาง" "
Talk :
อยากรู้จัก ถ้าไม่ทำความรู้จัก ก็จะไม่รู้จัก
หูยยย ไม่คุ้นเคยกับเรื่องสั้นชายหญิง
คือปกติเขียนแต่วาย ฮาฮาา หรือไม่ก็เรื่องสั้นเฉยๆไม่อ้างอิงความรัก งื้ออออ
ปล.เอาเรื่องนกตัวเองมาแต่งเรื่องสั้น 5555
[[เรื่องสั้น]] โบกี้สิบเอ็ด นครลำปาง และปั๊กเกิ้ล
ฉันนั่งลงหยิบหนังสือที่พกมาด้วยขึ้นอ่านไปพลางฟังเพลงจากหูฟังไปพลาง สลับกับการแหงนหน้ามามองวิวทิวทัศน์สองข้างทางยามรถไฟวิ่ง
รถไฟวิ่งไปเรื่อยๆจนมาหยุดอยู่ที่"นครลำปาง" ที่เมื่อครั้งขาขึ้นที่ผ่านมาฉันได้บอกกับตัวเองไว้ว่า 'ไว้คราวหน้าต้องมาให้ได้' ซึ่งฉันก็ไม่แน่ใจทำไมถึงอยากมานัก.. ฉันอยากมาทั้งที่ไม่รู้ว่าที่นี่มีอะไรบ้าง
"โฮ่ง" ฉันจ้องไปยังที่มาของเสียง ซึ่งเสียงนั้นคือเสียงหมาหน้าย่นตัวเล็กๆ ที่ถูกอุ้มโดยชายตัวสูงผมหยักศก ที่เพิ่งเดินขึ้นมาจากสถานีนครลำปางที่รถไฟกำลังจอดอยู่
ไม่รู้ด้วยความรู้สึกอะไร อาจเป็นแรงดึงดูดที่ฉันชอบสัตว์อยู่แล้วจึงทำให้ฉันมองตามหมาตัวที่เพิ่งขึ้นมาใหม่พร้อมกับเจ้านายของมันอย่างไม่ว่างตาคล้ายกับตกอยู่ในภวังค์
...........
รถไฟวิ่งข้ามมาหลายจังหวัดใช้เวลานานหลายชั่วโมง และมีความนานพอให้ฉันรู้สึกอยากเข้าห้องน้ำ
ฉันเดินผ่านที่นั่งใครต่อใครที่ไม่รู้จักมุ่งตรงไปยังห้องน้ำที่อยู่ท้ายโบกี้รถไฟ เมื่อทำธุระเสร็จเรียบร้อยเดินกลับไปยังที่นั่งตัวเอง.. ซึ่งมันผ่านเจ้าน้องหมาหน้าย่นด้วยสิ
ฉันว่า แวะเล่นก่อนคงไม่เสียหายอะไรหรอกเนาะ
"สวัสดีเจ้าตัวเล็ก" ฉันยิ้มให้เจ้าหมาน่าย่นและหันไปมองหน้าเจ้าของและถามไปว่า "เล่นได้ไหมคะ"
เจ้าของหมาพยักหน้าเป็นคำตอบให้ฉันสามารถเข้าไปเล่นกับเจ้าหมาตัวน้อย
"อายุเท่าไรแล้วคะ" แน่นอนว่าฉันไม่ได้หวังให้มันตอบ
"ขวบกว่าครับ" เจ้าของหมาตอบ
"พามันขึ้นรถไฟบ่อยไหมคะ ดูไม่กลัวเลย"
"ปกติกลับบ้านทุกสงกรานต์ครับ"
"อ้อ ชื่ออะไรอะคะ"
"ออนเซนครับ"
"ไง เจ้าออนเซน มาหยิกแก้มหน่อย"
ฉันขยำแก้มเจ้าออนเซนเล่นไปมาจนนึกได้ว่าน่าจะนานเกินไปที่จะมานั่งคุยกับคนแปลกหน้าแบบนี้
อีกทั้งเวลาก็ค่อยข้างดึกมากแล้วจึงขอตัวก่อนเผื่อเจ้าของหมาจะได้พักผ่อน คิดได้ดังนั้นฉันจึงเดินกลับที่นั่งจริงๆ
ระหว่างทางมันอดไม่ได้ที่จะหันกลับไปมองเจ้าหมาหน้าย่นอยู่เรื่อง แต่ไม่รู้คิดไปเองรึป่าวว่าเจ้าของหมาก็คงมองมาทางนี้ด้วยอย่างไรอย่างนั้น..
เอาหน่า ลงกรุงเทพฯเหมือนกัน ถึงกรุงเทพฯค่อยขอช่องทางการติดต่อไว้รึกัน
แต่ด้วยความล้ามาจากทริปเหนือมาตลอดเวลา 3วันมันทำให้ฉันผลอยหลับไปโดยไม่ได้ตั้งใจนัก
ฉันลืมตาขึ้นมาอีกทีอัตโนมัติเหมือนมีใครตั้งนาฬิกาปลุกในร่างกายเมื่อรถไฟเริ่มเข้าใกล้สถานีปลายทาง "หัวลำโพง"
เค้าไม่อยู่แล้ว.. ใช่ น้องหมาตัวนั้นลงไปแล้ว ลงไปพร้อมกับเจ้าของของเค้า
ฉันก่นด่าตัวเองใบใจเบาๆและถอยหายใจออกมายาวๆด้วยความเซ็ง เอาหน่า ไม่ใช่ของเราก็ไม่ใช่ของเรา ถ้าคนสองคนอยากรู้จักกันมากพอก็คงจะรู้จักกันมากกว่านี้แล้วแหละ
ฉันเงยหน้าหาน้องที่มาด้วยกันราวกับถามคำถามถึงคนคนนั้นและน้องหมาตัวนั้น
น้องคงเข้าใจในสายตาที่ฉันสื่อสารออกไป และเอ่ยออกมาว่า
" 'เค้า'ลงไปแล้วนะ ตอนลงไปเค้าแอบมองเธอด้วย"
ฉันทำเพียงยิ้มตอบน้อง คิดในใจลำพัง "ไว้สงกรานต์ปีหน้าจะนั่งรถไฟมานะ "นครลำปาง" "
Talk :
อยากรู้จัก ถ้าไม่ทำความรู้จัก ก็จะไม่รู้จัก
หูยยย ไม่คุ้นเคยกับเรื่องสั้นชายหญิง
คือปกติเขียนแต่วาย ฮาฮาา หรือไม่ก็เรื่องสั้นเฉยๆไม่อ้างอิงความรัก งื้ออออ
ปล.เอาเรื่องนกตัวเองมาแต่งเรื่องสั้น 5555