บทความจาก : นักเขียนโลกสวย ตอน : อวย เพลิงพระนาง ล้วนๆไม่มีวัวผสม
ผู้ที่เหมาะสมอ่าน : บุคคลทั่วไปทุกระดับชั้น
ระดับความดราม่า : ไม่แน่ชัด
โพสเหน็บเนมถากถาง : ไม่
ปล.ผู้ที่ทนอ่านการอวยไม่ได้เชิญป้ายหน้าเลยจร้ๅ
เพลิงพระนาง : จะเขียนถึงละคร เพลิงพระนาง ในมุมมองของคนดูตัวเล็กๆ คนหนึ่งเท่านั้น ข้อคิดที่ได้จากเรื่องนี้คือ การแย่งชิงอำนาจ ไม่ว่าจะอยู่ในกลุ่มสังคมระดับเล็กใหญ่แค่ไหนของมนุษย์ก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีแน่นอนเพราะสุดท้ายจะนำมาซึ่งความศูนย์เสียมากกว่าเกิดสิ่งดีๆแน่นอนแต่บางครั้งอาจจะต้องยอมเสียเพื่อประโยชน์ส่วนมาก แต่ยังไงความสามัคคีคือพลังก็ใช้ได้เสมอ เพราะถ้าแตกแย่งเมืองก็แตกพ่ายไม่ด้วยใครก็ด้วยคนในด้วยกันเองชั้นนั้น ต้องภูมิใจที่เกิดชาติไทยที่เรามี ในหลวง ทุกพระองค์ที่ทรงปรีชารักษาแผ่นดินเราให้เป็นเอกราชจนถึงทุกวันนี้ มาในเรื่องของการหาคู่ครองความรักอย่างเดียวอาจจะไม่พอสำหรับคน 2 คน แต่ความเข้าใจและลดหย่อนต่อกันก็เป็นเรื่องสำคัญลดทิฐิการเอาชนะยอมได้ก็ยอม รู้จักปรับตัวเวลาใครเป็นไฟอีกคนก็พร้อมจะเป็นน้ำให้มันบาลานซ์กันมันก็จะสมดุลและอยู่กันได้ยืดยาวไม่เละเทะแบบ เจ้าหลวงเมืองคุ้มกับเจ้านางอนัญทิพย์ การสอนลูกของพ่อแม่ก็มีส่วนสำคัญมากทีจะทำให้ลูกเติบโตมาเป็นคนเช่นไร ตัวอย่างที่ผิดสุดๆคือ อนัญทิพย์ คงไม่ต้องเล่าอะไรมาก ใช้คำสั้นๆว่า หว่านพืชผลใดย่อมได้ดอกผลเช่นนั้นเสมอ ความแค้นไม่ได้นำมาซึ่งความสุขนำมาแต่ไฟเผาใจตัวเองและรามไปถึงผู้อื่นที่เข้าใกล้การปล่อยวางให้ได้คือคำตอบนั่นเอง ^^
ในส่วนของเสื้อผ้าหน้าผม นั้นต้องขอบอกเลยว่าช่วงแรกๆอาจจะขัดตาแปลกไปบ้างสำหรับ(บางคน) แต่ส่วนตัวมองว่ามันสวยและชินตาขึ้นทุกๆวัน แถมบางชุดยังสวยมากๆด้วยซ้ำไป ไอ้เรื่องเสาไฟ ร่ม หรืออะไรนั้นไม่ได้คิดจะไปให้ค่าอะไรเลย เพราะว่าหลังทางการแสดงของนักแสดงทุกคนกลบมันจนมิดไปจากสายตา มุมกล้องที่สวยงามแปลกใหม่ สำหรับช่อง 7 สีโทนละครดูขลังอลังการ การดำเนินเรื่องกระชับตลอดทุกตอนอาจจะมีหน่วงบ้างในช่วงต้นๆเรื่องแต่ก็ให้อภัยได้ โปรดักชั่น โลเคชั่น ที่ทีมงานหามานั้นสวยอลังการเหมาะสมแล้ว ถึงภายในคุ้มจะมีหลุดสีแปลกไปบ้าง แต่ดูไปจนจบทุกๆสถานที่มันอยู่ในความทรงจำไปเลย เห็นถึงความตั้งใจของทีมงานที่สร้างบางสถานที่ขึ้นใหม่ ในขีดจำกัดต่างๆ มากมาย เวลาเอย คิวนักแสดง สามารถทำออกมาได้ดีถึงเพียงนี้ถือว่า สมบูรณ์แบบที่สุดแล้ว ยอมใจเลยว่าตั้งใจมากจริงๆ
ทีมนักแสดง ตั้งแต่ตอนแคสติ้งแล้ว คิดว่าอยากได้คนโน้นคนนี้ ท้วงติงกันเข้าไป ไอ้เราก็เป็นหนึ่งในนั้น(อิอิ) มันขัดแย่งในใจอยู่แต่ไม่นานนักหรอก แต่พอละครออนแอร์ไม่ใช่แค่บางคนเท่านั้น ที่ทำให้เรายอมจำนนแต่เป็นนักแสดงทุกคนที่ทำให้เห็นถึงความตั้งใจจริงๆ ที่จะเข้าทรงประทับร่างบทที่ตัวเองได้รับมอบหมายเป็นอย่างดีมาก ก่อนที่ละครจะออนเราคิดแค่ว่าคงเป็นละครสเกลกลางๆใหญ่ก็แค่นักแสดงเยอะเท่านั้น แต่ไม่เลย กันตนา ทำให้เรารู้ว่าเค้าตั้งใจแค่ไหน ทั้งเพลง ทำนองใหม่ๆ มุมกล้องโน่นนี่นั่นใส่มาจนรู้สึกถึงความใหญ่ของละครจนเกือบรู้สึกว่ามันล้นแต่พอดูๆไปมันกลับคิดว่าเค้าตั้งใจจริงๆเห็นถึงความจริงจังของเนื้อเรื่องและโทนละครที่ใหญ่และฟอร์มยักษ์อลังการจริงๆต้อง ขอขอบคุณ กันตนา มากๆที่สร้างละครที่จะเป็นตำนานฝากไว้ในอ้อมใจคนไทยอีกหนึ่งเรื่อง ประสบความสำเร็จ
ต่อมาจะขอพูดถึงนักแสดงเป็นตัวที่นำและเป็นตัวนำและเราชอบจริงๆ(นี่ยังมีต่ออีกหรอ555+)
ปล.ให้อ่านแยกเป็นรายคนอย่านำมาโยงกันเพราะตอนเขียนจะนึกถึงแต่นักแสดงเป็นรายคนไม่มีการเปรียบเทียบโดยการเอ่ยชื่อแต่จะพูดกว้างๆรวมๆ ต่างคนต่างเส้นทางเด่นคนละทางไม่มีใครเด่นไปกว่ากัน
อั้ม พัชราภา ไชยเชื้อ : พ้นพันธนาการซุปตาร์ไร้ฉายา (เด๋วนะๆ บอกก่อนว่าเป็นแฟนคลับแต่จะพยายามไม่เขียนลำเอียงหุหุ)
ที่พูดแบบนี้ เพราะ คำว่า ซุปเปอร์สตาร์และเซ็กซี่สตาร์ ที่แปะหน้ามานานนับสิบปี เมื่อพูดถึง อั้ม พัชราภา อ๋อ ดาราที่สวยๆ โฆษณา อีเว้นท์เยอะๆนะเหรอ คำนี้น่าจะถูกพูดถึงเป็นอันดับต้นๆเสมอ รองมาก็เรื่องความรัก ชีวิตส่วนตัว พ่อแม่เพื่อนน้องหมา และบลาๆๆ แต่คนกลับมองข้าม ฝีมือด้านการแสดงของเธอไป แต่ถ้านางไม่มีฝีมือจริงๆหรือแค่เล่นไปเฉยๆ คิดแต่เรื่องเอาค่าตัว นางก็คงไม่มีรางวัลทางด้านงานแสดงมาระหว่างทาง เช่น โซ่เน่หา เพลิงพายุ พระจันทร์ลายพยัคฆ์ และ คำว่า ซุปตาร์เบอร์ 1 ก็คงไม่มีใครมายกให้นางได้ เพราะนางทำทุกอย่างด้วยใจ อินเนอร์ นิสัยเฟรนลี่เข้าถึงได้จริงไม่ถือตัว มีวินัย ตรงต่อเวลา ถ้าติดตามนางจะรู้ว่านางเป็นอย่างใดมาก่อนก็เป็นอย่างนั้น อั้ม มีลักษณะบุคลิคที่ไม่เหมือนใครและมีแรงดึงดูดที่น่าสนใจ อั้ม ไม่ใช่นักแสดงที่สวยที่สุดในวงการ แถมจริงๆหน้านางอาจจะเหมาะกับเป็นนางร้ายด้วยซ้ำ แต่ผู้ใหญ่คงเห็นอะไรในตัว อั้ม จึงให้ฉีกเป็นนางเอกกล้า และ อั้ม ก็ทำสำเร็จ ไม่ใช่เพราะโชคดี ความบังเอิญ หรืออะไร แต่นางต้องผ่านบทละคร บททดสอบทุกแนว ทุกช่วงเวลา กว่าจะมาถึงทุกวันนี้ เรียกว่าโชกโชนกว่านางเอกบางคนสมัยนี้(ที่มีเส้นบ้างไรบ้าง)ด้วยซ้ำไป ถึงอั้มจะได้รับรางวัลทางการแสดงหรือเล่นบทอะไรมันก็ยังมีคนที่ไม่ชอบ อั้ม จากภาพลักษณ์ที่ดูแรงหรือเซ็กซี่ และจะตั้งกระทู้สงสัย บลัพ ต่างๆนาๆ คอยเปรียบเทียบ กับ ตัวแม่คนนั้นคนนี้ ยิ่งช่วงหลังๆนางรับบทที่เบาๆ ไม่มีมิติระดับลึก ยิ่งทำให้คนลืมๆกันใหญ่ ถ้าใครอยากลองดูผลงาน ที่ส่วนตัวมองว่าพีคๆด้านงานแสดงของอั้มที่ผ่านมา แนะนำ รากนครา(เสียน้ำตาแน่ แถมมี พี่เหมียวและนุ่น ด้วย) พระจันทน์ลายพยัคฆ์(นี่ก็เล่นกับ ยุ้ย) เอาล่ะเกริ่นยาวล่ะ มาเข้าเรื่อง เพลิงพระนาง กันดีกว่า(โห...กว่าจะเข้ายาวเชียว) อั้ม น่าจะเป็นนักแสดงตัวนำของเรื่องที่ต้องต่อสู้กับบททอสอบนี้หนักที่สุดก็ว่าได้ ทั้งคนดูที่ยังสงสัยในฝีมือการแสดงที่เหมือนจะมาเล่นละครไปงั้นยามว่าง ทั้ง กันตนาเหมือนจงใจกดดัน อั้ม ให้ แวดล้อมไปด้วยดาราที่ มีคำว่าฝีมือ แปะอยู่บนหน้าผากบ้าง พี่เหมียว(อนัญทิพย์เวอร์ชั่นที่แล้ว) ยุ้ย(ก็รู้ๆกันอยู่) กระติ๊บ(รุ่นน้องสายฝีมือเงาของดาราสายฝีมือหลายคน) บ้างล่ะ นางต้องทำการบ้านอย่างหนักมากและห่างจากละครไปเป็นปีๆ ต้องออกแบบทำยังไงให้ต่างจากเวอร์ชั่นที่ พี่เหมียว ทำไว้ได้ดีงามสยามประเทศ แต่ต้องคงความเป็น อนัญทิพย์ ไว้ได้ด้วยต้องเอาชนะภาพซุปตาร์ที่คนเคยเห็น และไหนจะบทพูดราชาศัพย์แทบจะเต็มรูปแบบ ต้องยอมรับก่อนว่าบทนี้เป็นบทที่น่าจะหินที่สุดในชีวิตการแสดงของ อั้ม เลย ต้องเล่นตั้งแต่สาวยันแก่ ทำการบ้านใหม่หมดต้องไปเรียนการแสดงเพิ่มเพราะบทแบบนี้ นักแสดงนำคนอื่นแทบจะผ่านมาหมดแล้ว งานช้างงานยากจึงอยู่ที่ อั้ม เพื่อจะทำให้คนดูเชื่อว่านี่คือ อนัญทิพย์ เจ้านางผู้ทรนงในยศ ตำแหน่ง แต่ต้องถูกกระทำจนกลายเป็นคนที่ฝังความแค้นไว้ในใจตั้งแต่สาวจนวัยชรา เรียกว่าครบจบในเรื่องเดียวทุกความท้าท้าย ต้องเป็นจุดเริ่มต้นของเพลิง ทำให้เกิดเรื่องร้ายต่างๆ ตั้งแต่ดูละคร อั้ม มานางก็เล่นดีตีแตกแต่ยังไม่มีบทไหนที่ใช้พลังทางการแสดงระดับนี้เลย ทุกสิ่งที่อย่าง ทั้งท่าทางอารมณ์ แววตา บุคลิค อินเนอร์มันมาเต็มทุกฉาก ขนลุกกับสายตาที่เหมือนจะฆ่าคนได้จริงๆ น้ำเสียงการพูดที่ดูเรียลธรรมชาติ นางเก็บรายละเอียดแทบจะทุกอย่างจริงอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อนในผลงานก่อนหน้านี้ ไหนจะความแตกต่างตั้งแต่ สาว ยันมีลูก เสียลูก(พีคมาก) ยันลูกโต เสียใจที่ลูกร้ายเกินเยียวยา ผิดหวังที่สอนลูกผิด จนแก่(อันนี้ก็เกินคาด) นางไม่ได้เก่งแต่นางก็เหมือนนักแสดงท่านอื่นๆที่ต้องพยายามตั้งใจน่าจะเป็นผลงานที่ อั้ม ตั้งใจทำมากที่สุดแล้วจริงๆ ขอยกนิ้วให้เลยทุกคำชมที่ไหลมาเทมาในช่วงนี้คือมาจากความตั้งใจของนักแสดงคนหนึ่งไม่ใช่ซุปตาร์อะไรเลย และเชื่อว่านักแสดงทุกๆคนก็ตั้งใจกันมากกับผลงานมาสเตอร์พีซยกทีมครั้งนี้ และขอมอบฉายาให้ อั้ม ว่า ซุปตาร์เบอร์ 1 เช่นเดิม เพราะนางครบเครื่องจริงๆ ละคร โฆษณา อีเว้นท์ เดินแบบ ถ่ายแบบ นางเอาอยู่หมด พัชราภา ไชยเชื้อ ซุปตาร์สาวเบอร์ 1 ของยุคนี้สร้างตำนานบทใหม่เรียบร้อยแล้ว.... ดูจบเสียน้ำตาไปเยอะมากจริง ไม่ผิดหวังที่ติดตามมานาน
ยุ้ย จีรนันท์ มโนแจ่ม : ตอกย้ำความเป็นเบอร์ 1 เพชรน้ำ 1 ของช่อง 7 สี
ตั้งแต่ละครเรื่องแรกของ ยุ้ย ออนแอร์ คมพยาบาท ท่ามกลางเสียงชื่นชม อั้ม พัชราภา ในบทร้ายครั้งแรก และคนมักจะบอกว่า ยุ้ย ได้ อั้ม ดัน นั่นมันก็เป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้นใช่ อั้ม ดันให้คนรู้จักแต่ทำไมทุกวันนี้คนยังรู้จักและชื่นชอบ ยุ้ย จากตัวเธอเองแล้วจริงๆ 100% ถ้านางไม่แน่จริงไม่รักจริงกับทางสายนี้นางคงไม่ได้ยืนและยืนอย่างมั่นคงอย่างทุกวันนี้แน่นอน ยุ้ย ในตอนนี้ได้จุดยืนที่สูงสุดของงคำว่านักแสดงรอผลัดวันไปเป็นแบบ อาดาว คือนักแสดงชั้นครูแล้ว นางแสดงละครเพราะรักทางสายนี้จริงๆทุกครั้งที่ปรากฏตัวของ ยุ้ย จะสัมผัสได้ถึงความตั้งใจในทุกๆบท กรสวมหน้ากากคาเรคเตอร์นั้น ภายใต้ใบหน้าอันได้เปรียบเหลือเกิน ที่ดูเรียบๆเนียนๆ เหมือนกระดาษขาวที่พร้อมจะวาดอะไรลงไปก็ได้ จะเล่นเป็นคนดีก็ดีมาก จะเล่นร้ายก็ร้ายสุดขั้ว แต่พอเป็น เสกขระเทวี นางต้องทำการบ้านขึ้นไปอีกระดับ ด้วยความที่ว่า เสกขระเทวี เป็นคนดีแต่ก็มีความร้ายเล็กๆที่เก็บไว้ใช้กับคนที่มาร้ายกับตน แต่ก็ต้องคุมให้อยู่ในโทน เสกขระ ที่ผกก. สั่งให้เล่นเป็นแบบนี้ ถ้าเป็นคนอื่นคงงตายคาจอไปแล้ว ออกมาที ร้องไห้ พูดช้า เดินช้า จนเป็นคนอื่นคงน่ารำคาญมาก แต่ ยุ้ย ทำให้รู้ว่าถ้าบทมันอยู่ในมือนาง นางไม่ยอมให้ใครมากลบเด็ดขาด ต้องยอมว่า ยุ้ย เหมือนปุ่มหมุนอินเนอร์ขึ้นลงระดับ เยอะ น้อย ปานกลาง ได้อย่างเปะๆ คำพูดที่ช้าก็จริงแต่น้ำเสียงที่เฉือดเชือนที่ถ้าพูดเสียงแหลมอีกนิดจะหลุดความเป็นเสกขระไปเลย แต่นางกลับทำได้พอดีและเฉือดเข้าไปถึงเส้นเลือดดำ เพราะอินเนอร์และสายตาการเว้นวรรคคำที่พอดิบพอดีมันทำให้คำแต่ละคำที่พูดออกมานั้นมีพลังภายใต้เสียงสั่นเครือด้วยซ้ำไป ยุ้ย น่าจะต้องอดทนกับการคุมคาเรคเตอร์นี้ทั้งเรื่องมากๆนับถือจริงๆ อยากจะตบ อยากจะกรี๊ด อะไรก็ทำไม่ได้ ต้องใช้ภาษากาย แววตา และอินเนอร์ระดับมากๆกว่าปกติเพื่อส่งมาถึงคนดูให้ได้และทำได้ดีไม่มีล้น กราบสิรอไร ในประวัติศาตร์ของช่อง 7 หรือช่องอื่นๆ ด้วยก็ได้ จะมีนางเอกคนไหนที่เป็นทั้งนักแสดงที่เก่งและสร้างโครงการ ดรีมสตาร์ เพื่อเฟ้นหานักแสดงป้อนช่อง 7 ตั้งบริษัท สปีดวันเพื่อช่อง 7 ยุ้ย จีรนันท์ ถ้าจำไม่ผิดตั้งแต่จำความได้ คงเป็นนางเอกคนแรกและน่าจะคนเดียวที่ทำสิ่งที่ตัวเองรักมอบให้กับช่อง 7 ที่ทำให้ ยุ้ย มีทุกวันนี้ นี่ละที่ทำให้ ยุ้ย จีรนันท์ มโนแจ่ม เป็นตัวจริงเสียงจริงของช่อง 7 สีทีวีเพื่อคุณ ^^
กระติ๊บ ชวัลกร วรรธนพิสิฐกุล : นางร้ายสายสตรองเบอร์ 1
แรกเริ่มเดิมที กระติ๊บ มาแบบเงียบเรียกว่าเงียบมากๆ มีกระแสเล็กๆตอนมาใหม่ๆว่าหน้าคล้าย แพนเค้ก แล้วก็หายๆมาๆเป็นพักๆหรือเราจำไม่ได้ก็ไม่รุ้ แต่ใครจะไปรู้หลังจากที่นางได้โอกาสรับบทร้ายคนก็เห็นนางผ่านๆตาโดอาจจะลืมไปว่านางเล่นดีมาก ไม่ว่าจะร้ายแบบไหนนางก็เล่นมาหมดแล้วจริงๆ ร้ายลึก ร้ายจิต ร้ายโผงผาง ร้ายตลก ร้ายโก๊ะๆ ร้ายบ้าๆบอๆ ร้ายตลาด ร้ายน่าหมั่นไส้ คือแถบจะผ่านมาทุกศาตร์นางร้ายในเมืองไทยแล้วมั้ง แต่ก็มีคนมองเห็นผลงานนางแค่แฟนช่อง 7 สะส่วนใหญ่และโอกาสทองก็มาถึงเมื่อช่องยื่นบท เจ้านางตองนวล มาส่งถึงมือนางทำให้รู้จักคำว่า น้ำขึ้นให้รีบตัก เมื่อได้โอกาสนางก็ใช้โอกาสได้ไม่เสียโอกาสเลย เจ้านางตองนวล ปรากฏตัวตอนแรกก็ทำให้คนพูดถึงกันทั่วบ้านทั่วเมืองอยากจะตบด้วยทุเรียนกันแล้ว เป็นที่มีอะไรให้เล่นเยอะมากและเหมาะกับ กระติ๊บ ที่มีคลีเอทสูงโผล่มาก็สร้างสีสรรค์แย่งซีนเค้าไปได้จริงๆนางตีโจทย์แตกจะเรียกว่าแตกที่สุดในเรื่องก็ว่าได้ นางเป็น ตองนวล ที่เหมือนออกมาจากบทละครซีรี่ย์ นางร้าย ของจีนอะไรเถือกนี้เลย แค่ท่าเดินการวางท่า น้ำเสียงขยับใบหน้าเป็นที่น่าตบน่าหมั่นไส้ตามคาเรคเตอร์ ตองนวล เอามากๆจริงๆ เอาตรงๆนางคือเป็นเจ้านางจริงๆ ที่ดูเนียนตาที่สุดที่ปรากฏในละครเรื่องนี้ตั้งแต่ตอนแรกที่ยังขัดตาเล็กๆกับเจ้านางอื่นๆ แต่นางทำให้เนียนตาตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นถือว่า เป็นการออกแบบคาเรคเตอร์มาอย่างดีจริงๆ เรีย
นักเขียนโลกสวย อวยเพลิงพระนาง 🔥🎉
ผู้ที่เหมาะสมอ่าน : บุคคลทั่วไปทุกระดับชั้น
ระดับความดราม่า : ไม่แน่ชัด
โพสเหน็บเนมถากถาง : ไม่
ปล.ผู้ที่ทนอ่านการอวยไม่ได้เชิญป้ายหน้าเลยจร้ๅ
เพลิงพระนาง : จะเขียนถึงละคร เพลิงพระนาง ในมุมมองของคนดูตัวเล็กๆ คนหนึ่งเท่านั้น ข้อคิดที่ได้จากเรื่องนี้คือ การแย่งชิงอำนาจ ไม่ว่าจะอยู่ในกลุ่มสังคมระดับเล็กใหญ่แค่ไหนของมนุษย์ก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีแน่นอนเพราะสุดท้ายจะนำมาซึ่งความศูนย์เสียมากกว่าเกิดสิ่งดีๆแน่นอนแต่บางครั้งอาจจะต้องยอมเสียเพื่อประโยชน์ส่วนมาก แต่ยังไงความสามัคคีคือพลังก็ใช้ได้เสมอ เพราะถ้าแตกแย่งเมืองก็แตกพ่ายไม่ด้วยใครก็ด้วยคนในด้วยกันเองชั้นนั้น ต้องภูมิใจที่เกิดชาติไทยที่เรามี ในหลวง ทุกพระองค์ที่ทรงปรีชารักษาแผ่นดินเราให้เป็นเอกราชจนถึงทุกวันนี้ มาในเรื่องของการหาคู่ครองความรักอย่างเดียวอาจจะไม่พอสำหรับคน 2 คน แต่ความเข้าใจและลดหย่อนต่อกันก็เป็นเรื่องสำคัญลดทิฐิการเอาชนะยอมได้ก็ยอม รู้จักปรับตัวเวลาใครเป็นไฟอีกคนก็พร้อมจะเป็นน้ำให้มันบาลานซ์กันมันก็จะสมดุลและอยู่กันได้ยืดยาวไม่เละเทะแบบ เจ้าหลวงเมืองคุ้มกับเจ้านางอนัญทิพย์ การสอนลูกของพ่อแม่ก็มีส่วนสำคัญมากทีจะทำให้ลูกเติบโตมาเป็นคนเช่นไร ตัวอย่างที่ผิดสุดๆคือ อนัญทิพย์ คงไม่ต้องเล่าอะไรมาก ใช้คำสั้นๆว่า หว่านพืชผลใดย่อมได้ดอกผลเช่นนั้นเสมอ ความแค้นไม่ได้นำมาซึ่งความสุขนำมาแต่ไฟเผาใจตัวเองและรามไปถึงผู้อื่นที่เข้าใกล้การปล่อยวางให้ได้คือคำตอบนั่นเอง ^^
ในส่วนของเสื้อผ้าหน้าผม นั้นต้องขอบอกเลยว่าช่วงแรกๆอาจจะขัดตาแปลกไปบ้างสำหรับ(บางคน) แต่ส่วนตัวมองว่ามันสวยและชินตาขึ้นทุกๆวัน แถมบางชุดยังสวยมากๆด้วยซ้ำไป ไอ้เรื่องเสาไฟ ร่ม หรืออะไรนั้นไม่ได้คิดจะไปให้ค่าอะไรเลย เพราะว่าหลังทางการแสดงของนักแสดงทุกคนกลบมันจนมิดไปจากสายตา มุมกล้องที่สวยงามแปลกใหม่ สำหรับช่อง 7 สีโทนละครดูขลังอลังการ การดำเนินเรื่องกระชับตลอดทุกตอนอาจจะมีหน่วงบ้างในช่วงต้นๆเรื่องแต่ก็ให้อภัยได้ โปรดักชั่น โลเคชั่น ที่ทีมงานหามานั้นสวยอลังการเหมาะสมแล้ว ถึงภายในคุ้มจะมีหลุดสีแปลกไปบ้าง แต่ดูไปจนจบทุกๆสถานที่มันอยู่ในความทรงจำไปเลย เห็นถึงความตั้งใจของทีมงานที่สร้างบางสถานที่ขึ้นใหม่ ในขีดจำกัดต่างๆ มากมาย เวลาเอย คิวนักแสดง สามารถทำออกมาได้ดีถึงเพียงนี้ถือว่า สมบูรณ์แบบที่สุดแล้ว ยอมใจเลยว่าตั้งใจมากจริงๆ
ทีมนักแสดง ตั้งแต่ตอนแคสติ้งแล้ว คิดว่าอยากได้คนโน้นคนนี้ ท้วงติงกันเข้าไป ไอ้เราก็เป็นหนึ่งในนั้น(อิอิ) มันขัดแย่งในใจอยู่แต่ไม่นานนักหรอก แต่พอละครออนแอร์ไม่ใช่แค่บางคนเท่านั้น ที่ทำให้เรายอมจำนนแต่เป็นนักแสดงทุกคนที่ทำให้เห็นถึงความตั้งใจจริงๆ ที่จะเข้าทรงประทับร่างบทที่ตัวเองได้รับมอบหมายเป็นอย่างดีมาก ก่อนที่ละครจะออนเราคิดแค่ว่าคงเป็นละครสเกลกลางๆใหญ่ก็แค่นักแสดงเยอะเท่านั้น แต่ไม่เลย กันตนา ทำให้เรารู้ว่าเค้าตั้งใจแค่ไหน ทั้งเพลง ทำนองใหม่ๆ มุมกล้องโน่นนี่นั่นใส่มาจนรู้สึกถึงความใหญ่ของละครจนเกือบรู้สึกว่ามันล้นแต่พอดูๆไปมันกลับคิดว่าเค้าตั้งใจจริงๆเห็นถึงความจริงจังของเนื้อเรื่องและโทนละครที่ใหญ่และฟอร์มยักษ์อลังการจริงๆต้อง ขอขอบคุณ กันตนา มากๆที่สร้างละครที่จะเป็นตำนานฝากไว้ในอ้อมใจคนไทยอีกหนึ่งเรื่อง ประสบความสำเร็จ
ต่อมาจะขอพูดถึงนักแสดงเป็นตัวที่นำและเป็นตัวนำและเราชอบจริงๆ(นี่ยังมีต่ออีกหรอ555+)
ปล.ให้อ่านแยกเป็นรายคนอย่านำมาโยงกันเพราะตอนเขียนจะนึกถึงแต่นักแสดงเป็นรายคนไม่มีการเปรียบเทียบโดยการเอ่ยชื่อแต่จะพูดกว้างๆรวมๆ ต่างคนต่างเส้นทางเด่นคนละทางไม่มีใครเด่นไปกว่ากัน
อั้ม พัชราภา ไชยเชื้อ : พ้นพันธนาการซุปตาร์ไร้ฉายา (เด๋วนะๆ บอกก่อนว่าเป็นแฟนคลับแต่จะพยายามไม่เขียนลำเอียงหุหุ)
ที่พูดแบบนี้ เพราะ คำว่า ซุปเปอร์สตาร์และเซ็กซี่สตาร์ ที่แปะหน้ามานานนับสิบปี เมื่อพูดถึง อั้ม พัชราภา อ๋อ ดาราที่สวยๆ โฆษณา อีเว้นท์เยอะๆนะเหรอ คำนี้น่าจะถูกพูดถึงเป็นอันดับต้นๆเสมอ รองมาก็เรื่องความรัก ชีวิตส่วนตัว พ่อแม่เพื่อนน้องหมา และบลาๆๆ แต่คนกลับมองข้าม ฝีมือด้านการแสดงของเธอไป แต่ถ้านางไม่มีฝีมือจริงๆหรือแค่เล่นไปเฉยๆ คิดแต่เรื่องเอาค่าตัว นางก็คงไม่มีรางวัลทางด้านงานแสดงมาระหว่างทาง เช่น โซ่เน่หา เพลิงพายุ พระจันทร์ลายพยัคฆ์ และ คำว่า ซุปตาร์เบอร์ 1 ก็คงไม่มีใครมายกให้นางได้ เพราะนางทำทุกอย่างด้วยใจ อินเนอร์ นิสัยเฟรนลี่เข้าถึงได้จริงไม่ถือตัว มีวินัย ตรงต่อเวลา ถ้าติดตามนางจะรู้ว่านางเป็นอย่างใดมาก่อนก็เป็นอย่างนั้น อั้ม มีลักษณะบุคลิคที่ไม่เหมือนใครและมีแรงดึงดูดที่น่าสนใจ อั้ม ไม่ใช่นักแสดงที่สวยที่สุดในวงการ แถมจริงๆหน้านางอาจจะเหมาะกับเป็นนางร้ายด้วยซ้ำ แต่ผู้ใหญ่คงเห็นอะไรในตัว อั้ม จึงให้ฉีกเป็นนางเอกกล้า และ อั้ม ก็ทำสำเร็จ ไม่ใช่เพราะโชคดี ความบังเอิญ หรืออะไร แต่นางต้องผ่านบทละคร บททดสอบทุกแนว ทุกช่วงเวลา กว่าจะมาถึงทุกวันนี้ เรียกว่าโชกโชนกว่านางเอกบางคนสมัยนี้(ที่มีเส้นบ้างไรบ้าง)ด้วยซ้ำไป ถึงอั้มจะได้รับรางวัลทางการแสดงหรือเล่นบทอะไรมันก็ยังมีคนที่ไม่ชอบ อั้ม จากภาพลักษณ์ที่ดูแรงหรือเซ็กซี่ และจะตั้งกระทู้สงสัย บลัพ ต่างๆนาๆ คอยเปรียบเทียบ กับ ตัวแม่คนนั้นคนนี้ ยิ่งช่วงหลังๆนางรับบทที่เบาๆ ไม่มีมิติระดับลึก ยิ่งทำให้คนลืมๆกันใหญ่ ถ้าใครอยากลองดูผลงาน ที่ส่วนตัวมองว่าพีคๆด้านงานแสดงของอั้มที่ผ่านมา แนะนำ รากนครา(เสียน้ำตาแน่ แถมมี พี่เหมียวและนุ่น ด้วย) พระจันทน์ลายพยัคฆ์(นี่ก็เล่นกับ ยุ้ย) เอาล่ะเกริ่นยาวล่ะ มาเข้าเรื่อง เพลิงพระนาง กันดีกว่า(โห...กว่าจะเข้ายาวเชียว) อั้ม น่าจะเป็นนักแสดงตัวนำของเรื่องที่ต้องต่อสู้กับบททอสอบนี้หนักที่สุดก็ว่าได้ ทั้งคนดูที่ยังสงสัยในฝีมือการแสดงที่เหมือนจะมาเล่นละครไปงั้นยามว่าง ทั้ง กันตนาเหมือนจงใจกดดัน อั้ม ให้ แวดล้อมไปด้วยดาราที่ มีคำว่าฝีมือ แปะอยู่บนหน้าผากบ้าง พี่เหมียว(อนัญทิพย์เวอร์ชั่นที่แล้ว) ยุ้ย(ก็รู้ๆกันอยู่) กระติ๊บ(รุ่นน้องสายฝีมือเงาของดาราสายฝีมือหลายคน) บ้างล่ะ นางต้องทำการบ้านอย่างหนักมากและห่างจากละครไปเป็นปีๆ ต้องออกแบบทำยังไงให้ต่างจากเวอร์ชั่นที่ พี่เหมียว ทำไว้ได้ดีงามสยามประเทศ แต่ต้องคงความเป็น อนัญทิพย์ ไว้ได้ด้วยต้องเอาชนะภาพซุปตาร์ที่คนเคยเห็น และไหนจะบทพูดราชาศัพย์แทบจะเต็มรูปแบบ ต้องยอมรับก่อนว่าบทนี้เป็นบทที่น่าจะหินที่สุดในชีวิตการแสดงของ อั้ม เลย ต้องเล่นตั้งแต่สาวยันแก่ ทำการบ้านใหม่หมดต้องไปเรียนการแสดงเพิ่มเพราะบทแบบนี้ นักแสดงนำคนอื่นแทบจะผ่านมาหมดแล้ว งานช้างงานยากจึงอยู่ที่ อั้ม เพื่อจะทำให้คนดูเชื่อว่านี่คือ อนัญทิพย์ เจ้านางผู้ทรนงในยศ ตำแหน่ง แต่ต้องถูกกระทำจนกลายเป็นคนที่ฝังความแค้นไว้ในใจตั้งแต่สาวจนวัยชรา เรียกว่าครบจบในเรื่องเดียวทุกความท้าท้าย ต้องเป็นจุดเริ่มต้นของเพลิง ทำให้เกิดเรื่องร้ายต่างๆ ตั้งแต่ดูละคร อั้ม มานางก็เล่นดีตีแตกแต่ยังไม่มีบทไหนที่ใช้พลังทางการแสดงระดับนี้เลย ทุกสิ่งที่อย่าง ทั้งท่าทางอารมณ์ แววตา บุคลิค อินเนอร์มันมาเต็มทุกฉาก ขนลุกกับสายตาที่เหมือนจะฆ่าคนได้จริงๆ น้ำเสียงการพูดที่ดูเรียลธรรมชาติ นางเก็บรายละเอียดแทบจะทุกอย่างจริงอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อนในผลงานก่อนหน้านี้ ไหนจะความแตกต่างตั้งแต่ สาว ยันมีลูก เสียลูก(พีคมาก) ยันลูกโต เสียใจที่ลูกร้ายเกินเยียวยา ผิดหวังที่สอนลูกผิด จนแก่(อันนี้ก็เกินคาด) นางไม่ได้เก่งแต่นางก็เหมือนนักแสดงท่านอื่นๆที่ต้องพยายามตั้งใจน่าจะเป็นผลงานที่ อั้ม ตั้งใจทำมากที่สุดแล้วจริงๆ ขอยกนิ้วให้เลยทุกคำชมที่ไหลมาเทมาในช่วงนี้คือมาจากความตั้งใจของนักแสดงคนหนึ่งไม่ใช่ซุปตาร์อะไรเลย และเชื่อว่านักแสดงทุกๆคนก็ตั้งใจกันมากกับผลงานมาสเตอร์พีซยกทีมครั้งนี้ และขอมอบฉายาให้ อั้ม ว่า ซุปตาร์เบอร์ 1 เช่นเดิม เพราะนางครบเครื่องจริงๆ ละคร โฆษณา อีเว้นท์ เดินแบบ ถ่ายแบบ นางเอาอยู่หมด พัชราภา ไชยเชื้อ ซุปตาร์สาวเบอร์ 1 ของยุคนี้สร้างตำนานบทใหม่เรียบร้อยแล้ว.... ดูจบเสียน้ำตาไปเยอะมากจริง ไม่ผิดหวังที่ติดตามมานาน
ยุ้ย จีรนันท์ มโนแจ่ม : ตอกย้ำความเป็นเบอร์ 1 เพชรน้ำ 1 ของช่อง 7 สี
ตั้งแต่ละครเรื่องแรกของ ยุ้ย ออนแอร์ คมพยาบาท ท่ามกลางเสียงชื่นชม อั้ม พัชราภา ในบทร้ายครั้งแรก และคนมักจะบอกว่า ยุ้ย ได้ อั้ม ดัน นั่นมันก็เป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้นใช่ อั้ม ดันให้คนรู้จักแต่ทำไมทุกวันนี้คนยังรู้จักและชื่นชอบ ยุ้ย จากตัวเธอเองแล้วจริงๆ 100% ถ้านางไม่แน่จริงไม่รักจริงกับทางสายนี้นางคงไม่ได้ยืนและยืนอย่างมั่นคงอย่างทุกวันนี้แน่นอน ยุ้ย ในตอนนี้ได้จุดยืนที่สูงสุดของงคำว่านักแสดงรอผลัดวันไปเป็นแบบ อาดาว คือนักแสดงชั้นครูแล้ว นางแสดงละครเพราะรักทางสายนี้จริงๆทุกครั้งที่ปรากฏตัวของ ยุ้ย จะสัมผัสได้ถึงความตั้งใจในทุกๆบท กรสวมหน้ากากคาเรคเตอร์นั้น ภายใต้ใบหน้าอันได้เปรียบเหลือเกิน ที่ดูเรียบๆเนียนๆ เหมือนกระดาษขาวที่พร้อมจะวาดอะไรลงไปก็ได้ จะเล่นเป็นคนดีก็ดีมาก จะเล่นร้ายก็ร้ายสุดขั้ว แต่พอเป็น เสกขระเทวี นางต้องทำการบ้านขึ้นไปอีกระดับ ด้วยความที่ว่า เสกขระเทวี เป็นคนดีแต่ก็มีความร้ายเล็กๆที่เก็บไว้ใช้กับคนที่มาร้ายกับตน แต่ก็ต้องคุมให้อยู่ในโทน เสกขระ ที่ผกก. สั่งให้เล่นเป็นแบบนี้ ถ้าเป็นคนอื่นคงงตายคาจอไปแล้ว ออกมาที ร้องไห้ พูดช้า เดินช้า จนเป็นคนอื่นคงน่ารำคาญมาก แต่ ยุ้ย ทำให้รู้ว่าถ้าบทมันอยู่ในมือนาง นางไม่ยอมให้ใครมากลบเด็ดขาด ต้องยอมว่า ยุ้ย เหมือนปุ่มหมุนอินเนอร์ขึ้นลงระดับ เยอะ น้อย ปานกลาง ได้อย่างเปะๆ คำพูดที่ช้าก็จริงแต่น้ำเสียงที่เฉือดเชือนที่ถ้าพูดเสียงแหลมอีกนิดจะหลุดความเป็นเสกขระไปเลย แต่นางกลับทำได้พอดีและเฉือดเข้าไปถึงเส้นเลือดดำ เพราะอินเนอร์และสายตาการเว้นวรรคคำที่พอดิบพอดีมันทำให้คำแต่ละคำที่พูดออกมานั้นมีพลังภายใต้เสียงสั่นเครือด้วยซ้ำไป ยุ้ย น่าจะต้องอดทนกับการคุมคาเรคเตอร์นี้ทั้งเรื่องมากๆนับถือจริงๆ อยากจะตบ อยากจะกรี๊ด อะไรก็ทำไม่ได้ ต้องใช้ภาษากาย แววตา และอินเนอร์ระดับมากๆกว่าปกติเพื่อส่งมาถึงคนดูให้ได้และทำได้ดีไม่มีล้น กราบสิรอไร ในประวัติศาตร์ของช่อง 7 หรือช่องอื่นๆ ด้วยก็ได้ จะมีนางเอกคนไหนที่เป็นทั้งนักแสดงที่เก่งและสร้างโครงการ ดรีมสตาร์ เพื่อเฟ้นหานักแสดงป้อนช่อง 7 ตั้งบริษัท สปีดวันเพื่อช่อง 7 ยุ้ย จีรนันท์ ถ้าจำไม่ผิดตั้งแต่จำความได้ คงเป็นนางเอกคนแรกและน่าจะคนเดียวที่ทำสิ่งที่ตัวเองรักมอบให้กับช่อง 7 ที่ทำให้ ยุ้ย มีทุกวันนี้ นี่ละที่ทำให้ ยุ้ย จีรนันท์ มโนแจ่ม เป็นตัวจริงเสียงจริงของช่อง 7 สีทีวีเพื่อคุณ ^^
กระติ๊บ ชวัลกร วรรธนพิสิฐกุล : นางร้ายสายสตรองเบอร์ 1
แรกเริ่มเดิมที กระติ๊บ มาแบบเงียบเรียกว่าเงียบมากๆ มีกระแสเล็กๆตอนมาใหม่ๆว่าหน้าคล้าย แพนเค้ก แล้วก็หายๆมาๆเป็นพักๆหรือเราจำไม่ได้ก็ไม่รุ้ แต่ใครจะไปรู้หลังจากที่นางได้โอกาสรับบทร้ายคนก็เห็นนางผ่านๆตาโดอาจจะลืมไปว่านางเล่นดีมาก ไม่ว่าจะร้ายแบบไหนนางก็เล่นมาหมดแล้วจริงๆ ร้ายลึก ร้ายจิต ร้ายโผงผาง ร้ายตลก ร้ายโก๊ะๆ ร้ายบ้าๆบอๆ ร้ายตลาด ร้ายน่าหมั่นไส้ คือแถบจะผ่านมาทุกศาตร์นางร้ายในเมืองไทยแล้วมั้ง แต่ก็มีคนมองเห็นผลงานนางแค่แฟนช่อง 7 สะส่วนใหญ่และโอกาสทองก็มาถึงเมื่อช่องยื่นบท เจ้านางตองนวล มาส่งถึงมือนางทำให้รู้จักคำว่า น้ำขึ้นให้รีบตัก เมื่อได้โอกาสนางก็ใช้โอกาสได้ไม่เสียโอกาสเลย เจ้านางตองนวล ปรากฏตัวตอนแรกก็ทำให้คนพูดถึงกันทั่วบ้านทั่วเมืองอยากจะตบด้วยทุเรียนกันแล้ว เป็นที่มีอะไรให้เล่นเยอะมากและเหมาะกับ กระติ๊บ ที่มีคลีเอทสูงโผล่มาก็สร้างสีสรรค์แย่งซีนเค้าไปได้จริงๆนางตีโจทย์แตกจะเรียกว่าแตกที่สุดในเรื่องก็ว่าได้ นางเป็น ตองนวล ที่เหมือนออกมาจากบทละครซีรี่ย์ นางร้าย ของจีนอะไรเถือกนี้เลย แค่ท่าเดินการวางท่า น้ำเสียงขยับใบหน้าเป็นที่น่าตบน่าหมั่นไส้ตามคาเรคเตอร์ ตองนวล เอามากๆจริงๆ เอาตรงๆนางคือเป็นเจ้านางจริงๆ ที่ดูเนียนตาที่สุดที่ปรากฏในละครเรื่องนี้ตั้งแต่ตอนแรกที่ยังขัดตาเล็กๆกับเจ้านางอื่นๆ แต่นางทำให้เนียนตาตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นถือว่า เป็นการออกแบบคาเรคเตอร์มาอย่างดีจริงๆ เรีย