สวัสดีค่ะ คราวนี้เรามารีวิว เที่ยวแต่ในมาเก๊า จะเรียกว่า 3 วัน 2 คืนได้หรือเปล่าไม่แน่ใจ เนื่องจากเกิดเรื่องผิดพลาดนิดหน่อย
ตอนแรกเราจองตั๋วเดินทางช่วงเช้าของวันเสาร์และกลับวันจันทร์ ต้นเดือนเมษายน ในราคาโปรโมชั่นไปกลับคนละ 1,500 บาท แต่พอถึงวันเดินทางดันมีธุระจำเป็นทำให้ต้องจองตั๋วใหม่ไปช่วงเย็นแทน ตอนแรกลังเลจะไปหรือไม่ไปแล้วดีนะ แต่ตั้งใจแล้วก็ไปดีกว่า หมดกันอุตส่าได้ตั๋วถูก ทีนี้แพงสุดๆ ไหนจ่ายแพงก็เอาแบบ full service ไปเลย

การเดินทางในครั้งนี้ได้เตรียมตัวอยู่บ้างแต่ไม่มากเหมือนเที่ยวที่อื่นค่ะ การเตรียมตัวของเราและที่อยากแนะนำ มีดังนี้ค่ะ

- เช็คอากาศก่อนเดินทาง อากาศอยู่ในช่วง 17-21 องศา โอเคเลยกำลังเย็นสบาย กลางวันอาจร้อน กลางคืนอาจเย็นมากนิดหน่อย เสื้อกันหนาวที่ใช้ใน office เอาไปใช้ได้ (เรื่องอากาศ มันขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายคนด้วยแหละ บางที่เราไปกับคนของเราเขาร้อนมากแต่เราเย็นมาก ต้องสังเกตตัวเองให้เป็นว่าทนได้เท่าไหนค่ะ)

- เงินที่ใช้จะใช้ HKD หรือ MOP ก็ได้ เรท MOP ถูกกว่าหลัก 0.0x แต่ถ้าเรทขายเงินคืน HKD ได้ราคาดีกว่าค่ะ และเราคิดว่าไม่ได้ใช้จ่ายอะไรเป็นแสน ดังนั้นเราไมซีเรียส เอาตามความพอใจ เราก็และ HKD ไป ถ้าเวลาใช้จ่ายที่นั่นเงินเงินทอนเป็น MOP ก็ใช้ MOP ให้หมดละกันค่ะ (ตอนเราไปแลกเงิน HKD=4.49 พอแลกเสร็จ เรทลงเหลือ 4.45 แต่ไม่เป็นไร อย่างที่บอกไม่ได้แลกเป็นแสนนี่น่า)

- เช็ควันหยุดทำการของสถานที่ท่องเที่ยวให้ดี เรื่องนี้เราพลาด ไม่ได้เตรียมตัวเท่าไรคิดว่าไปถึงที่นั่นค่อยดูอีกทีจะไปไหน เรา fixed เฉพาะบางที่ที่จำกัดคนเข้า เลยพลาดไปหลายที่เลยค่ะ สถานที่ท่องเที่ยวส่วนที่เป็นของทางราชการเขาปิดวันจันทร์และเราดันเหลือเอาไว้ไปวันจันทร์เลยอดค่ะ (เราไปเที่ยวเสาร์-อาทิตย์-จันทร์)

- ที่เที่ยวบางที่ซื้อตั๋วล่วงหน้าจากไทยได้ ราคาถูกกว่าและไม่ต้องต่อคิดนาน เราซื้อตั๋ว Golden reel และ Batman Dark Flight Studio ค่ะ รู้สึกดีจริงๆที่ซื้อไปก่อนเพราะแถวยาวและรอนานมาก แต่ต้องfixed วันที่จะไปเลยนะคะ

- เราไม่ได้แพลนที่เที่ยวแบบเป๊ะๆ เลยไม่ได้วางแผนเรื่องการเดินทาง คิดว่าไปดูเอาหน้างาน แล้วใช้แท๊กซี่เอา ซึ่งทั้งทริปหมดเงินกับค่าแท๊กซี่เพียบเลย

- เรื่องภาษาเท่าที่เราทราบ เขาใช้ ภาษาจีน โปรตุเกษ อังกฤษบ้าง แต่เรามาที่นี่ จีนเราไม่ได้ โปรตุเกษก็ไม่ได้ อังกฤษพอถูไถ แต่พอเอาเข้าจริงแทบไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเลย เขาใช้แต่ภาษาจีน ที่หนักๆคือส่วนใหญ่ฟังอังกฤษไม่ได้ด้วย ดังนั้นสบายใจได้ไม่ต้องเตรียมเรื่องภาษาค่ะ

ที่เล่ามานั้นเป็นการเตรียมตัวเบื้องต้น ส่วนทริคอื่นๆได้มาจากตอนเที่ยว เดี๋ยวเราจะเล่าต่อพร้อมๆกับเล่าเรื่องเที่ยวค่ะ

วันแรกของการเดินทางใช้เวลาเดินทางจากดอนเมืองถึงมาเก๊าประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง มาถึงประมาณ 1 ทุ่มค่ะ ที่นี่เป็นสนามบินเล็กๆ แต่เราชอบเพราะไม่ต้องเดินไกล ลงจากเครื่องเดินเข้าอาคารก็ถึงด่าน ตม เลยค่ะ แต่แล้วก็ไม่รอดจาก ตม โดนเรียกทั้งเราทั้งคนของเรา เข้าห้องไปสอบถาม ถ้าจะขอดูแพลนเที่ยวบอกเลยไม่มี ดีนะถามแค่ว่ามากับใครและจะอยู่กี่วัน แล้วก็ copy passport เราไปให้เซ็นชื่อแล้วก็ปล่อยค่ะ เป็นครั้งแรกที่เจอ ตม เรียก แต่ไม่น่ากลัวค่ะ

ที่สนามบินมีรถ shuttle bus ฟรีไปส่งที่ Casino หลายเจ้าเช่น เวเนเชี่ยนอยู่ฝั่งไทปา แต่ถ้าใครจะไปฝั่งมาเก๊าก็นั่งของ Lisbao ได้ค่ะ แต่แถวจะยาวมาก เราขี้เกียจรอ และที่นี่เริ่มมทดแล้ว เซฟเวลาเดินทางเอาไปเดินเล่น เราจึงเลือกนั่ง Taxi ค่ะ ราคาเริ่มต้น 17 MOP ถ้ามากระเป๋าเดินทางไว้หลังรถคิดเพิ่มใบละ 3 MOP เรานั่งจากสนามบินไปลงแถว Senado Square ประมาณ 100 MOP (หรือราวๆ 450 บาท) แน่ะ ระยะทางก็ประมาณ 10 กิโลเมตร แต่จะบ่นทำไมเนอะเลือกเอง

ที่พักสำหรับทริปนี้ คือ Ole Tai Sam Un Hotel โรงแรมดังสำหรับคนไทยเลยที่เดียว เลือกที่นี่เพราะราคารับได้ และอยู่ใกล้ที่เที่ยวหลายแห่งค่ะ
โรงแรมนี้ตั้งอยู่บนถนนแห่งความสุข (Rua da Felicidade) ถนนที่มีของกินมากมายเลยค่ะ อยู่ห่างจาก Senado Square 350-400 เมตรเอง
ห้องพักที่นี่กว้างกว่าที่คิด ห้องน้ำก็ด้วย สิ่งอำนวยความสะดวกก็ครบ โดยรวมแล้วดีกว่าที่คิดไว้ค่ะ จองผ่าน Booking เลือกแบบ Deluxe Double ราคา 2 คืน รวม 6,968 บาทค่ะ

หลังจากเช็คอินเรียบร้อยเราก็ออกเดินเล่นกันค่ะ เดินเล่นไปเรื่อยๆ อากาศกลางคืนเย็นมากเหมือนกัน เริ่มต้นเดินจากโรงแรมไปจนสุดถนนแห่งความสุข ตอนนั้นประมาณ สองทุ่มครึ่ง ร้านค้าเริ่มปิด แต่ยังพอมีร้านของฝากให้ได้เห็นอยู่ ตรงข้ามโรงแรมมีร้านโจ๊กโต้รุ่งด้วยคนเต็มตลอด ว่าจะลองแต่สุดท้ายก็ไปลองร้านอื่นแทน
ส่วนร้านนี้เล็งไว้ว่าค่อนมากินตอนเช้า อยู่ใกล้โรงแรมเหมือนกัน
บรรยากาศโรแมนติกมากค่ะ เดินเล่นไปเรื่อยๆเพลินดี

เราเห็นคนเขาซื้อกินกันเยอะก็เลยลองบ้าง Fish ball ลูกชิ้นปลาในน้ำแกงกะหรี่ เค็มๆเผ็ดๆ

ที่นี่ร้านของฝากเยอะจริงๆ และของที่มีให้เห็นเยอะๆก็หมูย่างนี่เลยค่ะ มีให้เห็นเยอะกว่าสิงคโปร์อีก ของ Bee Cheng Hiang ก็มีค่ะ
เอาล่ะเรารู้แล้วว่าของใากที่จะซื้อกลับไปคืออะไร แต่ค่อยซื้อวันกลับละกัน

เดินเล่นมาจนสุดทางเดินตัดมาถนนใหญ่ก็จะเจอ Senado Square ค่ะ เมืองเขาสวยจริงๆนะ
อ้อที่นี่จะมีป้ายห้ามสูบบุหรี่ติดไว้ทั่วเมือง ฝ่าฝืนปรับ 600 MOP แต่เราบอกเลยทั่วทุกที่มีแต่กลิ่นบุหรี่จนจะสำลักตายทำเสียบรรยากาศหมด

เดินมาจนถึงSenado Square ก็เดินต่อไปที่โบส St. Pual ค่ะ

ตลอดทางมีร้านขาย Fishball ตลอดเลย ก็อยากรู้รสชาติจะต่างกันไหม แล้วก็พอว่าแทบไม่ต่างกัน แค่เผ็ดกว่าค่ะ
Fishball แทบทุกร้าน ราคา 10 MOP ค่ะ

แล้วเราก็เดินเล่นต่อไปถึง Lisbao ค่ะ เดินเรื่อยๆ อากาศเย็นๆก็ไม่เหนื่อย แถวยังหนาวด้วยแหละ เราเดินมั่วๆ กว่าจะถึง Lisbao ก็แวะถ่ายรูปหลายที่ ก็เมือเขาสวยจริงๆ
เรามาแวะที่ Sé Catedral หรือ Cathedral of the Nativity of Our Lady, Macau หรือวิหารพระแม่มารีนั่นเองค่ะ
ตามแผนที่ดูไกล จริงๆเดินไม่ไกลเลยค่ะ
มาดึกแล้วดูแต่ด้านนอกแล้วกัน

แล้วเราก็เดินต่อไปที่ Lisbao Casino ทางเดินใกล้ๆเราก็ไม่เดิน เราอยากสำรวจบ้านเมืองเขา
ตลอดทางก็มีรถเข็นขายของกินตลอดค่ะ
แล้วเราก็เดินต่อไปถึง Lisbao ที่นี่คึกคักมาก

ข้างในเดินเข้าไปดูมาทุกชั้น ห้ามถ่ายรูปนะคะ ชั้นล่างๆเดิมพันน้อยๆ ยิ่งชั้นสูงๆนี่ยิ่งพรีเมี่ยมค่ะ
เราก็ได้แต่ดู เล่นไม่เป็น กว่าจะเดินจนทั่ว Casino ด็ดึกมากแล้ว เดินกลับโรงแรมไปนอนพักดีกว่า

เดี๋ยวมาเล่าต่อวันถัดไปค่ะ