สวัสดีครับชาวพันทิป นี่เป็น Account ของผมเอง ซึ่งปกติก็จะมีไว้ให้แฟน(หน้ากากทุเรียน)เอาไว้ inbox ไปถามลายนิ้วมื้อกับหมอดูในห้องพรหมชาติ 55 5 แต่วันนี้ได้มีโอกาสไปตะลุยดินแดนมังกรเมืองจีนแผ่นดินใหญ่กับแฟนมา เลยอยากจะมาแชร์ประสบการณ์การเดินทางที่พวกผมได้ไปเจอมา หวังว่าจะเป็นประโยชน์นะครับ
เริ่มจากผมกับแฟนอยากจะไปต่างประเทศด้วยกันครั้งแรก อยากเห็นหิมะ อยากเห็นเขาที่มีหิมะ แต่ไม่อยากไปยุโรป ตอนแรกจะไปญี่ปุ่นแต่คิดว่าคนต้องเยอะแน่เลย เลยมองมาที่เมืองจีน ประจวบกับแฟนชอบดูหนังเร่อง "ซัมบาลา" ที่พี่ซันนี่กับอนันดาเล่นอ่ะครับ ผมก็ไม่เคยดู แฟนก็บอกว่าที่มีธงเหมือนธิเบตแต่ว่าอยู่จีนอ่ะ ในที่สุดก็มีคำๆหนึ่งขึ้นมาในหัว "แชง-กรี-ล่า" แล้วมันคืออะไร อยู่ที่ไหน ไปยังไง เริ่มยังไงดี ผมก็ค้นหาจากกระทู้ต่างๆในพันทิป และในระหว่างที่หาข้อมูลผมได้ไปเจอรูปภาพรูปหนึ่งที่บอกว่านี่คือ "ภูเขาเหม่ยหลี่" ซึ่งมันสวยมาก อ่านตำนานของภูเขาแห่งนี้ก็ยิ่งชอบ โอ้ยยย ยิ่งอยากไปและก็เลยตกลงกับแฟนแล้วว่าไปลุยกันน...(ซึ่งมันไม่ง่ายเลย)
แผนการเดินทางของเรา ทั้งหมด
8 วัน เป็นดังนี้
วันที่ 7 เมษายน 2017 : กรุงเทพ - คุนหมิง - ต้าหลี่...เดินชมเมืองยามเย็น (นอนต้าหลี่)
วันที่ 8 เมษายน 2017 : Half day trip ต้าหลี่ (วัดเจดีย์สามองค์) - เดินทางโดยรถไฟไปลี่เจียง (นอนลี่เจียง)
วันที่ 9 เมษายน 2017 : เดินเที่ยวรอบเมืองเก่าลี่เจียง...สระมังกรดำ, เมืองเก่าซู่เห่อ, วิวทะเลหลังคา, Night Life in Lijiang (นอนลี่เจียง)
วันที่ 10 เมษายน 2017 : One day trip ไป The Jade dragon snow mountain และ ไป่สุ่ยเห่อ (นอนลี่เจียง)
วันที่ 11 เมษายน 2017 : เดินทางไปแชงกรีล่า ขึ้น Shika Snow mountain, เต้นรำ, หมุนกรงล้อที่วัดต้าฝ้อ (นอนแชงกรีล่า)
วันที่ 12 เมษายน 2017 : เดินทางไปเต๋อชิง (เพื่อไปพบองค์หญิงเหม่ยหลี่), แวะโค้งหัวเต่า(โค้งโอเมก้า) ,วัดเฟ่ยไหล (นอนเต๋อชิงหน้าวัดเฟ่ยไหล)
วันที่ 13 เมษายน 2017 : ตื่นเช้าชมองค์หญิงเหม่ยหลี่ต้องแสงอรุณในยามเช้า, กลับแชงกรีล่าต่อรถมาลี่เจียงเพื่อขึ้นรถไฟไปคุนหมิง (นอนบนถไฟ)
วันที่ 14 เมษายน 2017 : ถึงคุนหมิง - กลับ กรุงเทพมหานคร (พร้อมกับหมุดหาย ดีออก!!!)
การเตรียมตัว
1.
การขอ VISA
- VISA สำหรับท่องเที่ยว ไปได้ 1 ครั้ง ถือครอง VISA ได้ 90 วัน และเมื่อเดินทางไปถึงจีนจะอยู่ภายในประเทศจีนได้ 30 วัน
- ค่าทำ VISA 1,500 บาท ต่อคน
- สถานที่ทำ VISA ชั้น 5 อาคารธนภูมิ เปิด 9:00 - 15:00 น. ที่ชั้น 2 มีร้านถ่ายเอกสาร ถ่ายรูปนะครับ
รายละเอียดเอกสารตามลิ้งค์นี้
https://www.visaforchina.org/BKK_TH/index.shtml นะครับ
ปล.ตอนผมไปทำ ผมมาจาก ตจว. ไปถึงตั้งแต่หกโมงเช้า นั่งรอเป็นคิวแรก เข้าไปทำ 9:00 เสร็จตอน 09:05 เร็วปานจรวด (ถ้าเอกสารเราพร้อมนะครับ) ที่สำคัญถ้าใครมาทำให้เพื่อนอย่าลืมหนังสืมอบอำนาจนะครับ สำคัญมาก
2.
สภาพอากาศและระดับความสูง (ดูจากการประเมินสภาพอากาศ)
- อุณหภูมิในตอนกลางวันประมาณ 6 ถึง 22 องศา (บนยอดเขา -10 ถึง -2)
- อุณหภูมิตอนกลางคืน -10 ถึง 6 องศา
- เรากลัวเรื่อง AMS มาก เพราะแฟนผมเป็นภูมิแพ้และผมมักอาเจียนเวลาอยู่บนที่สูง มีคนแนะนำว่าแล้วจะไปกันทำไม อันตราย ซึ่งเราก็ศึกษากันว่าจะทำไง ในหลายๆกระทู้ก็แนะนำให้กินยา Diamox ประมาณ 48 ชั่วโมงก่อนขึ้นเขาและเมื่อขึ้นเขาหากมีอาการก็กินช็อคโกแลตบาร์ช่วยด้วย เราก็เลยหาซื้อยามาทาน ส่วนช็อคโกแลตบาร์ค่อยไปหาซื้อที่จีนเอา (คำเตือน คนที่แพ้ยากลุ่ม Sulfa กินไม่ได้นะครับ) อีกวิธีที่ช่วยลดปัญหา AMS ได้ดี สำหรับคนที่ขี้เกียจออกกำลังกายแบบผมคือ การวางแผนเที่ยวแบบค่อยๆไต่ระดับความสูงไปเรื่อยๆ มีเวลาพักผ่อนให้ร่างกายได้ปรับ เพราะพวกเราทั้งสองคนไม่มีอาการอะไรเลยครับ เสียดายเงินที่ซื้อกระป่องออกซิเจนเตรียมไว้มาก
3.
การเดินทาง ต้องยอมรับว่าจีนเป็นประเทศที่พัฒนามากเรื่องการเดินทาง มีทั้งเครื่องบิน เรือ รถบัส รถไฟ และรถไฟความเร็วสูง ถนนหนทางก็ใหญ่โตมโหฬาร เราใช้ App ช่วยในการเดินทางอย่าง Maps.me และ Google Map ครับ ช่วยได้เยอะเลย ดีมากกกกกก
- เครื่องบิน : เราจองของหางแดงไปลงที่ "เมืองคุนหมิง" (คุนหมิงมีสนามบิน 2 แห่งคือ Shangsui Int. Airport ซึ่งห่างจากเมืองประมาณ 25 กิโล และอีกที่จะอยู่ใกล้เมืองประมาณ 5 กิโล แต่ว่าตอนนี้ปิดปรับปรุง)
- รถไฟ : เราเดินทางด้วยรถไฟสองรอบจึงให้เพื่อนที่เคยเรียนที่จีนจองตั๋วรถไฟให้จากไทย ซึ่งจะได้รหัสมาเช่น E1122115456 เราก็ปริ้นรหัสนี้มาพร้อมยื่นพาสปอร์ตของเราที่ห้องซื้อตั๋วได้เลย พนักงานก็จะปริ้นตั๋วให้เราครับ ง่ายๆครับ ไม่ต้องเสียเวลาไปซื้อเองที่นั่น รูปแบบของตั๋วรถไฟ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
- รถบัส ตอนซื้อถามดีดีนะครับว่าเป็น Big bus ซึ่งดูปลอยภัย สะอาดและที่นั่งสบายกว่า MINI Bus ซึ่งดูไม่ปลอดภัย สกปรก และที่นั่งแคบ รูปแบบของตั๋วรถบัส
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
- รถเช่าแบบ private car ราคาแล้วแต่ดีลครับ (เราเช่าไปเต๋อชิง วันละ 500 หยวน ซึ่งเรตจะอยู่ประมาณ 500 - 800 หยวน ครับ)
- รถ Taxi โดยมิเตอร์จะเริ่มที่ 7-8 หยวน (35-40 บาท) ฟรี 2 กิโลเมตรแรก หลังจากนั้นจะขึ้นกิโลเมตรละ 0.8 หยวน
4.
สถานที่ท่องเที่ยวและข้อมูลต่างๆเกี่ยวกับเมืองจีน แนะนำเว็บนี้เลยครับ
https://www.travelchinaguide.com/ ละเอียดมากกกกกก
5.
การสื่อสาร "ภาษา" ***เรื่องที่ยากและสำคัญที่สุด** คนจีนส่วนใหญ่ไม่พูดภาษาอังกฤษ ถ้าเจอถือว่าโชคดี เราจึงใช้ Application : Speak & Translate ซื้อแบบตัวเต็มเลยครับ ยอมเสียเงิน ตอนแรกใช้แบบฟรี แต่จะคุยได้แค่ 20 ประโยค เราเลยซื้อตัวเต็มเลย หรือใครจะใช้ Google translate ก็ได้นะครับ เพื่ช่วยในการสื่อสาร ซึ่งมันก็แปลแปลกๆ แต่ก็ยังดีกวาไม่มีแนวทางเลย ส่วนในการสื่อสารอีกทางทีคนจีนชอบใช้คือ WeChat โหลดติดเครื่องไว้เลยครับ มีประโยชน์แน่นอน เดี๋ยวค่อยมาบอกว่าดียังไง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
6.
การใช้ Internet อย่างที่รู้กันว่าประเทศจีนบล็อค Facebook, IG, Google Map ทั้งหมด ถ้าเช่า Poket WIFI ไปจะใช้ไม่ได้เหมือมเดิม เราเลยเปิด Roaming ไปครับ ยอมลงทุนหน่อยแต่เพื่อความสะดวกของเราครับ
7.
อาหาร อาหารจีนก็ไม่ต่างจากอาหารที่จีนที่เรารู้จักมากหรอกครับ แต่รสชาติมันจะจืดลงที่ร้านดูหน่อย และทุกเมนูแทบจะเต็มไปด้วยแป้ง ปลแป้ง แป้ง และก็แป้งงงงงงง 55 แนะนำครับ ใครอยากกินอะไรให้เอารูปอาหารจีนเซฟใส่โทรศัพท์ไปด้วยแล้วเอาไปโชว์ให้ร้านอาหารดูหรือไม่ก็ดูที่ผนังของร้าน มีรูปไหนหน้ากินก็สั่งเลยครับ 55 ต้องลองถือจะรู้
ปล.มาม่าที่จีนไม่แนะนำนะครับ ผมกินแล้วปากเบิร์นเลย ชาไปทั้งปากเพราะผงชูรสแรงมาก หรือถ้าใครอยากลองก็ลองดูนะครับ
8.
ห้องน้ำ ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่เราได้ยินมานะครับ พวกเราไปไม่เจอห้องน้ำแบบต่อยอดเลย ถือว่าโชคดี อิอิ
คำเตือนสำหรับคุณผู้ชาย : โถวฉี่อาจจะดูดี แต่พื้นใต้โถวฉี่นั่น โคตรสยองงงงงงง ถ้าไปเผลอเหยียบก็คือฉี่คนอื่นเต็มๆ ยังไงก็ระวังกันด้วยนะครับ
มาครับ ผมร่ายมาซะเยอะแล้ว เรามาออกเดินทางกันดีกว่าาาาาา...
วันที่ 1 : ดอนเมือง - คุนหมิง - ต้าหลี่
เริ่มต้นการเดินทางตั้งแต่เช้าตรู่ เราถึงสนามบินกันตั้งแต่ตีห้าครึ่งครับ กลัวตกเครื่องมาก (รูปนี้คุณชายเค้าอยากอารมณ์เปลี่ยวๆ 55 5) นั่งรอขึ้นเครื่องที่เกทหมายเลข 2
เหินฟ้าข้ามดินแดนไทย ลาว จนเข้าสู่เมืองจีนแผ่นดินใหญ่
เริ่มเข้าเมืองคุนหมิง เตรียมลงเครื่องแล้วครับ ใครได้นั่งริมหน้าต่างจะเห็นทุ่ง Solar cell ที่กว้างใหญ่ไพศาลมากครับ
)
ถึงสนามบิน Shangsui Int. Airport เวลา 11:15 น. ก่อนเวลาจริง 15 นาที รับกระเป๋าและผ่าน ตม. ใช้เวลาประมาณ 30 นาทีครับ ต่อไปเราก็ไปเดินหา Shutter Bus ไปสถานีรถบัสตะวันตก (西部汽车客运站, xībùqìchēkèyùnzhàn) โดยทางออกผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศจะตรงกับประตู 1 แต่ “จุดจำหน่ายตั๋วรถบัสเข้าเมืองอยู่นอกอาคาร ระหว่างประตูที่ 3 และ 4” ซึ่งจะเป็น Airport Bus สาย 6 สนามบินคุนหมิง– สถานีรถบัสสายตะวันตกสุดสายที่สถานีรถเลย ราคาค่ารถ 25 หยวน ใช้เวลาประมาณ 40-50 นาที (แท็กซี่แพง 100-200 หยวน อย่าไปขึ้นนะครับ!!!)
Note : เมื่อออกมาจากสนามบินให้รีบพุ่งตรงไปที่ตู้ซื้อตั๋วเลย เพราะระหว่างทางจะมีคนมาขายทัวร์ ขายแพ็คเก็จเยอะมาก ให้พูดเป็นภาษาไทยไปเลยว่า "ไม่" เค้าก็จะไม่ยุ่ง แต่ถ้ายุ่งก็พูดว่า "ปู่เย้า ปู่เย้า ปู่เย้า" (ไม่เอา ไม่เอา ไม่เอา)
เมือขึ้นรถบัสแล้ว นั่งไหนก็ได้ครับ แล้วจะมีเจ้าหน้าที่มาสแกนบาร์โค้ดที่บัตรโดยสารเรา ไฮโซไปอีกกกกกก เวลา 12:15 รถบัสก็ออกเดินทางครับ
เวลาประมาณ 13:00 น. เราก็ถึงสถานีรถบัสตะวันตก (西部汽车客运站, xībùqìchēkèyùnzhàn) รถบัสจะจอดที่ถนนใหญ่ แล้วให้ข้ามถนนใหญ่ไปฝั่งตรงข้าม เดินไปทางซ้ายมือประมาณ 100 เมตร
ทางเข้าสถานีจะอยู่ทางขวามือ นี่ไงทางเข้าสถานี...
เดินเข้าไปจะเจอที่ขายตั๋วอยู่ทางซ้ายมือครับ ไปช่องไหนก็ได้ แจ้งเจ้าหน้าที่ว่าไป..."Hello, Dali(ต้าหลี่) 2 tickets please" โชคดี พนักงานขายตัวพูดอังกฤษได้นิดหน่อยครับ นางก็ถามว่าเอา "Big Bus or Small Bus?" (เคยอ่านเจอในรีวิวบอกว่า Small Bus ถูกกว่าแต่นั่งไม่สบาย) เราเลยถามว่าคันไหนออกก่อนกัน ซึ่ง Small Bus ออกก่อนแค่ 10 นาที เราก็เลยเลือก Big bus เพราะอยากนั่งสบาย จึงได้ตั๋วมาในราคา 138 หยวนต่อคน และรถออกเวลา 13:20 น. ครับ (ตามแผนครับ)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้Note : ทุกสถานีขนส่งของจีนต้องมีการสแกนกระเป๋าทุกครั้งนะครับ (กระป๋องออกซิเจน ไม่สามารถเอาขึ้นโดยสารได้)
ถามว่า "แล้วเราจะไปขึ้นรถที่ตรงไหน?" ไม่ต้องกลัวครับ พนักงานเค้าจะบอกเองว่าไปรอที่ Gate หมายเลยอะไร สำหรับต้าหลี่ เราไปรอขึ้นรถที่ Gate หมายเลย 6 ครับ ไปถึงก็ยื่นตั๋วให้พนักงานที่หน้าประตู เค้าก็จะพาเราเดินไปขึ้นรถครับ (ขอบคุณครับ)
ขอเล่าประสบการณ์เรื่องการวางกระเป๋าเดินทางไว้ใต้รถ "ตั้งจิไหล"
คือผมกับแฟนก็วางกระเป๋าไว้ใต้ท้องรถโดยเอากระเป๋าเราสองคนซ้อนกันไว้ คนขับรถก็พูดว่า "ตั้งจิไหล" เราก็งงๆ ว่าคืออะไร สักพักนางก็ขึ้นเสียง "ตั้งจิไหล!" เราก็เห้ยทำอะไรผิดรึป่าวนะ ก็เลยเอากระเป๋าเรามาวางแบบไม่ซ้อนกัน นางก็ยังขึนเสียงอีก "ตั้งจิไหล!!!" เราก็เห้ย ไม่ถูกอีกหรอ ต้องทำไงอ่ะ เลยบอกไปว่า "Im ไทกั๋วๆ, How can I do?" นางก็เดินเข้ามาจัดกระเป๋าเราให้ขึ้นแล้วเอาไปชิดกันกับผนังด้านข้าง แล้วพูดรั่วๆว่า "ตั้งจิไหล!!! ตั้งจิไหล!!! ตั้งจิไหลลลลลลลลลลลล!!!" พวกเราก็อึ้งแล้วก็บอก Thank you,Sir
) แล้วรีบวิ่งขึ้นรถเลย ต้องขอบคุณคุณลุงคนขับรถเพราะทุกครั้งที่เก็บกระเป๋าไว้ใต้รถเราก็จะทำแบบที่คุณฃุงทำให้ แฃะไม่เคยโดนว่า "ตั้งจิไหล" อีกเลย และนี่คือรถแดงของคุณลุงที่จะพาเราไป "ต้าหลี่ (Dali)"
ขึ้นรถมาได้ประมาณ 2 ชั่วโมงเราก็มาถึงจุดพักรถครับ เข้าห้องน้ำ หาของกินเกี๋ยวซ่าอร่อยดีครับ
เดินทางต่ออีก 2 ชั่วโมงครึ่ง เราก็มาถึง "เมืองต้าหลี่
[CR] LOST IN CHINA สองไทกั๋วออกตามหาองค์หญิงเหม่ยหลี่ในดินแดนซัมบาลา(คุนหมิง ต้าหลี่ ลี่เจียง แชงกรีล่า เต๋อชิง)
สวัสดีครับชาวพันทิป นี่เป็น Account ของผมเอง ซึ่งปกติก็จะมีไว้ให้แฟน(หน้ากากทุเรียน)เอาไว้ inbox ไปถามลายนิ้วมื้อกับหมอดูในห้องพรหมชาติ 55 5 แต่วันนี้ได้มีโอกาสไปตะลุยดินแดนมังกรเมืองจีนแผ่นดินใหญ่กับแฟนมา เลยอยากจะมาแชร์ประสบการณ์การเดินทางที่พวกผมได้ไปเจอมา หวังว่าจะเป็นประโยชน์นะครับ
เริ่มจากผมกับแฟนอยากจะไปต่างประเทศด้วยกันครั้งแรก อยากเห็นหิมะ อยากเห็นเขาที่มีหิมะ แต่ไม่อยากไปยุโรป ตอนแรกจะไปญี่ปุ่นแต่คิดว่าคนต้องเยอะแน่เลย เลยมองมาที่เมืองจีน ประจวบกับแฟนชอบดูหนังเร่อง "ซัมบาลา" ที่พี่ซันนี่กับอนันดาเล่นอ่ะครับ ผมก็ไม่เคยดู แฟนก็บอกว่าที่มีธงเหมือนธิเบตแต่ว่าอยู่จีนอ่ะ ในที่สุดก็มีคำๆหนึ่งขึ้นมาในหัว "แชง-กรี-ล่า" แล้วมันคืออะไร อยู่ที่ไหน ไปยังไง เริ่มยังไงดี ผมก็ค้นหาจากกระทู้ต่างๆในพันทิป และในระหว่างที่หาข้อมูลผมได้ไปเจอรูปภาพรูปหนึ่งที่บอกว่านี่คือ "ภูเขาเหม่ยหลี่" ซึ่งมันสวยมาก อ่านตำนานของภูเขาแห่งนี้ก็ยิ่งชอบ โอ้ยยย ยิ่งอยากไปและก็เลยตกลงกับแฟนแล้วว่าไปลุยกันน...(ซึ่งมันไม่ง่ายเลย)
แผนการเดินทางของเรา ทั้งหมด 8 วัน เป็นดังนี้
วันที่ 7 เมษายน 2017 : กรุงเทพ - คุนหมิง - ต้าหลี่...เดินชมเมืองยามเย็น (นอนต้าหลี่)
วันที่ 8 เมษายน 2017 : Half day trip ต้าหลี่ (วัดเจดีย์สามองค์) - เดินทางโดยรถไฟไปลี่เจียง (นอนลี่เจียง)
วันที่ 9 เมษายน 2017 : เดินเที่ยวรอบเมืองเก่าลี่เจียง...สระมังกรดำ, เมืองเก่าซู่เห่อ, วิวทะเลหลังคา, Night Life in Lijiang (นอนลี่เจียง)
วันที่ 10 เมษายน 2017 : One day trip ไป The Jade dragon snow mountain และ ไป่สุ่ยเห่อ (นอนลี่เจียง)
วันที่ 11 เมษายน 2017 : เดินทางไปแชงกรีล่า ขึ้น Shika Snow mountain, เต้นรำ, หมุนกรงล้อที่วัดต้าฝ้อ (นอนแชงกรีล่า)
วันที่ 12 เมษายน 2017 : เดินทางไปเต๋อชิง (เพื่อไปพบองค์หญิงเหม่ยหลี่), แวะโค้งหัวเต่า(โค้งโอเมก้า) ,วัดเฟ่ยไหล (นอนเต๋อชิงหน้าวัดเฟ่ยไหล)
วันที่ 13 เมษายน 2017 : ตื่นเช้าชมองค์หญิงเหม่ยหลี่ต้องแสงอรุณในยามเช้า, กลับแชงกรีล่าต่อรถมาลี่เจียงเพื่อขึ้นรถไฟไปคุนหมิง (นอนบนถไฟ)
วันที่ 14 เมษายน 2017 : ถึงคุนหมิง - กลับ กรุงเทพมหานคร (พร้อมกับหมุดหาย ดีออก!!!)
การเตรียมตัว
1.การขอ VISA
- VISA สำหรับท่องเที่ยว ไปได้ 1 ครั้ง ถือครอง VISA ได้ 90 วัน และเมื่อเดินทางไปถึงจีนจะอยู่ภายในประเทศจีนได้ 30 วัน
- ค่าทำ VISA 1,500 บาท ต่อคน
- สถานที่ทำ VISA ชั้น 5 อาคารธนภูมิ เปิด 9:00 - 15:00 น. ที่ชั้น 2 มีร้านถ่ายเอกสาร ถ่ายรูปนะครับ
รายละเอียดเอกสารตามลิ้งค์นี้ https://www.visaforchina.org/BKK_TH/index.shtml นะครับ
ปล.ตอนผมไปทำ ผมมาจาก ตจว. ไปถึงตั้งแต่หกโมงเช้า นั่งรอเป็นคิวแรก เข้าไปทำ 9:00 เสร็จตอน 09:05 เร็วปานจรวด (ถ้าเอกสารเราพร้อมนะครับ) ที่สำคัญถ้าใครมาทำให้เพื่อนอย่าลืมหนังสืมอบอำนาจนะครับ สำคัญมาก
2.สภาพอากาศและระดับความสูง (ดูจากการประเมินสภาพอากาศ)
- อุณหภูมิในตอนกลางวันประมาณ 6 ถึง 22 องศา (บนยอดเขา -10 ถึง -2)
- อุณหภูมิตอนกลางคืน -10 ถึง 6 องศา
- เรากลัวเรื่อง AMS มาก เพราะแฟนผมเป็นภูมิแพ้และผมมักอาเจียนเวลาอยู่บนที่สูง มีคนแนะนำว่าแล้วจะไปกันทำไม อันตราย ซึ่งเราก็ศึกษากันว่าจะทำไง ในหลายๆกระทู้ก็แนะนำให้กินยา Diamox ประมาณ 48 ชั่วโมงก่อนขึ้นเขาและเมื่อขึ้นเขาหากมีอาการก็กินช็อคโกแลตบาร์ช่วยด้วย เราก็เลยหาซื้อยามาทาน ส่วนช็อคโกแลตบาร์ค่อยไปหาซื้อที่จีนเอา (คำเตือน คนที่แพ้ยากลุ่ม Sulfa กินไม่ได้นะครับ) อีกวิธีที่ช่วยลดปัญหา AMS ได้ดี สำหรับคนที่ขี้เกียจออกกำลังกายแบบผมคือ การวางแผนเที่ยวแบบค่อยๆไต่ระดับความสูงไปเรื่อยๆ มีเวลาพักผ่อนให้ร่างกายได้ปรับ เพราะพวกเราทั้งสองคนไม่มีอาการอะไรเลยครับ เสียดายเงินที่ซื้อกระป่องออกซิเจนเตรียมไว้มาก
3.การเดินทาง ต้องยอมรับว่าจีนเป็นประเทศที่พัฒนามากเรื่องการเดินทาง มีทั้งเครื่องบิน เรือ รถบัส รถไฟ และรถไฟความเร็วสูง ถนนหนทางก็ใหญ่โตมโหฬาร เราใช้ App ช่วยในการเดินทางอย่าง Maps.me และ Google Map ครับ ช่วยได้เยอะเลย ดีมากกกกกก
- เครื่องบิน : เราจองของหางแดงไปลงที่ "เมืองคุนหมิง" (คุนหมิงมีสนามบิน 2 แห่งคือ Shangsui Int. Airport ซึ่งห่างจากเมืองประมาณ 25 กิโล และอีกที่จะอยู่ใกล้เมืองประมาณ 5 กิโล แต่ว่าตอนนี้ปิดปรับปรุง)
- รถไฟ : เราเดินทางด้วยรถไฟสองรอบจึงให้เพื่อนที่เคยเรียนที่จีนจองตั๋วรถไฟให้จากไทย ซึ่งจะได้รหัสมาเช่น E1122115456 เราก็ปริ้นรหัสนี้มาพร้อมยื่นพาสปอร์ตของเราที่ห้องซื้อตั๋วได้เลย พนักงานก็จะปริ้นตั๋วให้เราครับ ง่ายๆครับ ไม่ต้องเสียเวลาไปซื้อเองที่นั่น รูปแบบของตั๋วรถไฟ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
- รถบัส ตอนซื้อถามดีดีนะครับว่าเป็น Big bus ซึ่งดูปลอยภัย สะอาดและที่นั่งสบายกว่า MINI Bus ซึ่งดูไม่ปลอดภัย สกปรก และที่นั่งแคบ รูปแบบของตั๋วรถบัส
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
- รถเช่าแบบ private car ราคาแล้วแต่ดีลครับ (เราเช่าไปเต๋อชิง วันละ 500 หยวน ซึ่งเรตจะอยู่ประมาณ 500 - 800 หยวน ครับ)
- รถ Taxi โดยมิเตอร์จะเริ่มที่ 7-8 หยวน (35-40 บาท) ฟรี 2 กิโลเมตรแรก หลังจากนั้นจะขึ้นกิโลเมตรละ 0.8 หยวน
4.สถานที่ท่องเที่ยวและข้อมูลต่างๆเกี่ยวกับเมืองจีน แนะนำเว็บนี้เลยครับ https://www.travelchinaguide.com/ ละเอียดมากกกกกก
5. การสื่อสาร "ภาษา" ***เรื่องที่ยากและสำคัญที่สุด** คนจีนส่วนใหญ่ไม่พูดภาษาอังกฤษ ถ้าเจอถือว่าโชคดี เราจึงใช้ Application : Speak & Translate ซื้อแบบตัวเต็มเลยครับ ยอมเสียเงิน ตอนแรกใช้แบบฟรี แต่จะคุยได้แค่ 20 ประโยค เราเลยซื้อตัวเต็มเลย หรือใครจะใช้ Google translate ก็ได้นะครับ เพื่ช่วยในการสื่อสาร ซึ่งมันก็แปลแปลกๆ แต่ก็ยังดีกวาไม่มีแนวทางเลย ส่วนในการสื่อสารอีกทางทีคนจีนชอบใช้คือ WeChat โหลดติดเครื่องไว้เลยครับ มีประโยชน์แน่นอน เดี๋ยวค่อยมาบอกว่าดียังไง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
6. การใช้ Internet อย่างที่รู้กันว่าประเทศจีนบล็อค Facebook, IG, Google Map ทั้งหมด ถ้าเช่า Poket WIFI ไปจะใช้ไม่ได้เหมือมเดิม เราเลยเปิด Roaming ไปครับ ยอมลงทุนหน่อยแต่เพื่อความสะดวกของเราครับ
7. อาหาร อาหารจีนก็ไม่ต่างจากอาหารที่จีนที่เรารู้จักมากหรอกครับ แต่รสชาติมันจะจืดลงที่ร้านดูหน่อย และทุกเมนูแทบจะเต็มไปด้วยแป้ง ปลแป้ง แป้ง และก็แป้งงงงงงง 55 แนะนำครับ ใครอยากกินอะไรให้เอารูปอาหารจีนเซฟใส่โทรศัพท์ไปด้วยแล้วเอาไปโชว์ให้ร้านอาหารดูหรือไม่ก็ดูที่ผนังของร้าน มีรูปไหนหน้ากินก็สั่งเลยครับ 55 ต้องลองถือจะรู้
ปล.มาม่าที่จีนไม่แนะนำนะครับ ผมกินแล้วปากเบิร์นเลย ชาไปทั้งปากเพราะผงชูรสแรงมาก หรือถ้าใครอยากลองก็ลองดูนะครับ
8. ห้องน้ำ ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่เราได้ยินมานะครับ พวกเราไปไม่เจอห้องน้ำแบบต่อยอดเลย ถือว่าโชคดี อิอิ
คำเตือนสำหรับคุณผู้ชาย : โถวฉี่อาจจะดูดี แต่พื้นใต้โถวฉี่นั่น โคตรสยองงงงงงง ถ้าไปเผลอเหยียบก็คือฉี่คนอื่นเต็มๆ ยังไงก็ระวังกันด้วยนะครับ
มาครับ ผมร่ายมาซะเยอะแล้ว เรามาออกเดินทางกันดีกว่าาาาาา...
วันที่ 1 : ดอนเมือง - คุนหมิง - ต้าหลี่
เริ่มต้นการเดินทางตั้งแต่เช้าตรู่ เราถึงสนามบินกันตั้งแต่ตีห้าครึ่งครับ กลัวตกเครื่องมาก (รูปนี้คุณชายเค้าอยากอารมณ์เปลี่ยวๆ 55 5) นั่งรอขึ้นเครื่องที่เกทหมายเลข 2
เหินฟ้าข้ามดินแดนไทย ลาว จนเข้าสู่เมืองจีนแผ่นดินใหญ่
เริ่มเข้าเมืองคุนหมิง เตรียมลงเครื่องแล้วครับ ใครได้นั่งริมหน้าต่างจะเห็นทุ่ง Solar cell ที่กว้างใหญ่ไพศาลมากครับ )
ถึงสนามบิน Shangsui Int. Airport เวลา 11:15 น. ก่อนเวลาจริง 15 นาที รับกระเป๋าและผ่าน ตม. ใช้เวลาประมาณ 30 นาทีครับ ต่อไปเราก็ไปเดินหา Shutter Bus ไปสถานีรถบัสตะวันตก (西部汽车客运站, xībùqìchēkèyùnzhàn) โดยทางออกผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศจะตรงกับประตู 1 แต่ “จุดจำหน่ายตั๋วรถบัสเข้าเมืองอยู่นอกอาคาร ระหว่างประตูที่ 3 และ 4” ซึ่งจะเป็น Airport Bus สาย 6 สนามบินคุนหมิง– สถานีรถบัสสายตะวันตกสุดสายที่สถานีรถเลย ราคาค่ารถ 25 หยวน ใช้เวลาประมาณ 40-50 นาที (แท็กซี่แพง 100-200 หยวน อย่าไปขึ้นนะครับ!!!)
Note : เมื่อออกมาจากสนามบินให้รีบพุ่งตรงไปที่ตู้ซื้อตั๋วเลย เพราะระหว่างทางจะมีคนมาขายทัวร์ ขายแพ็คเก็จเยอะมาก ให้พูดเป็นภาษาไทยไปเลยว่า "ไม่" เค้าก็จะไม่ยุ่ง แต่ถ้ายุ่งก็พูดว่า "ปู่เย้า ปู่เย้า ปู่เย้า" (ไม่เอา ไม่เอา ไม่เอา)
เมือขึ้นรถบัสแล้ว นั่งไหนก็ได้ครับ แล้วจะมีเจ้าหน้าที่มาสแกนบาร์โค้ดที่บัตรโดยสารเรา ไฮโซไปอีกกกกกก เวลา 12:15 รถบัสก็ออกเดินทางครับ
เวลาประมาณ 13:00 น. เราก็ถึงสถานีรถบัสตะวันตก (西部汽车客运站, xībùqìchēkèyùnzhàn) รถบัสจะจอดที่ถนนใหญ่ แล้วให้ข้ามถนนใหญ่ไปฝั่งตรงข้าม เดินไปทางซ้ายมือประมาณ 100 เมตร
ทางเข้าสถานีจะอยู่ทางขวามือ นี่ไงทางเข้าสถานี...
เดินเข้าไปจะเจอที่ขายตั๋วอยู่ทางซ้ายมือครับ ไปช่องไหนก็ได้ แจ้งเจ้าหน้าที่ว่าไป..."Hello, Dali(ต้าหลี่) 2 tickets please" โชคดี พนักงานขายตัวพูดอังกฤษได้นิดหน่อยครับ นางก็ถามว่าเอา "Big Bus or Small Bus?" (เคยอ่านเจอในรีวิวบอกว่า Small Bus ถูกกว่าแต่นั่งไม่สบาย) เราเลยถามว่าคันไหนออกก่อนกัน ซึ่ง Small Bus ออกก่อนแค่ 10 นาที เราก็เลยเลือก Big bus เพราะอยากนั่งสบาย จึงได้ตั๋วมาในราคา 138 หยวนต่อคน และรถออกเวลา 13:20 น. ครับ (ตามแผนครับ)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ถามว่า "แล้วเราจะไปขึ้นรถที่ตรงไหน?" ไม่ต้องกลัวครับ พนักงานเค้าจะบอกเองว่าไปรอที่ Gate หมายเลยอะไร สำหรับต้าหลี่ เราไปรอขึ้นรถที่ Gate หมายเลย 6 ครับ ไปถึงก็ยื่นตั๋วให้พนักงานที่หน้าประตู เค้าก็จะพาเราเดินไปขึ้นรถครับ (ขอบคุณครับ)
ขอเล่าประสบการณ์เรื่องการวางกระเป๋าเดินทางไว้ใต้รถ "ตั้งจิไหล"
คือผมกับแฟนก็วางกระเป๋าไว้ใต้ท้องรถโดยเอากระเป๋าเราสองคนซ้อนกันไว้ คนขับรถก็พูดว่า "ตั้งจิไหล" เราก็งงๆ ว่าคืออะไร สักพักนางก็ขึ้นเสียง "ตั้งจิไหล!" เราก็เห้ยทำอะไรผิดรึป่าวนะ ก็เลยเอากระเป๋าเรามาวางแบบไม่ซ้อนกัน นางก็ยังขึนเสียงอีก "ตั้งจิไหล!!!" เราก็เห้ย ไม่ถูกอีกหรอ ต้องทำไงอ่ะ เลยบอกไปว่า "Im ไทกั๋วๆ, How can I do?" นางก็เดินเข้ามาจัดกระเป๋าเราให้ขึ้นแล้วเอาไปชิดกันกับผนังด้านข้าง แล้วพูดรั่วๆว่า "ตั้งจิไหล!!! ตั้งจิไหล!!! ตั้งจิไหลลลลลลลลลลลล!!!" พวกเราก็อึ้งแล้วก็บอก Thank you,Sir ) แล้วรีบวิ่งขึ้นรถเลย ต้องขอบคุณคุณลุงคนขับรถเพราะทุกครั้งที่เก็บกระเป๋าไว้ใต้รถเราก็จะทำแบบที่คุณฃุงทำให้ แฃะไม่เคยโดนว่า "ตั้งจิไหล" อีกเลย และนี่คือรถแดงของคุณลุงที่จะพาเราไป "ต้าหลี่ (Dali)"
ขึ้นรถมาได้ประมาณ 2 ชั่วโมงเราก็มาถึงจุดพักรถครับ เข้าห้องน้ำ หาของกินเกี๋ยวซ่าอร่อยดีครับ
เดินทางต่ออีก 2 ชั่วโมงครึ่ง เราก็มาถึง "เมืองต้าหลี่
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น